เลือกทานตามกรุ๊ปเลือด
ได้มาจาก forward mail แต่เห็นน่าสนใจดีเลยเอามาฝาก อ่านดูแล้วค่อนข้างวิชาการดี ถ้าสนใจก็ลองสังเกตุตัวเองดูว่าเป็นอย่างที่เขาบอกหรือเปล่านะคะ ^-^
หมู่เลือด O ปกติ คนหมู่เลือด O มักจะมีความต้องการโปรตีน และต้องการการออกกำลังกายมาก ด้วยเหตุที่ว่า คนพวกนี้จะมีกระเพาะมีความเป็นกรดสูง จึงย่อยสลายโปรตีนได้มาก และกล้ามเนื้อเอง ก็มีความเป็นกรดค่อนข้างมาก ความสำเร็จของคนในกลุ่มนี้ คืออาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และพบว่า มักไม่ถูกกับอาหารพวกนม เนย หรือธัญพืชเท่าไร มิหนำซ้ำ ถ้าเน้นพวกถั่ว ธัญพืช นม มากไป กลับทำให้ท้องอืด อ้วนออก และแก๊สมาก ปัญหาที่พวกกลุ่มเลือดโอมักจะเผชิญและเกิดความอ้วน เนื่องจากสารที่เรียกว่า กลูเต็น(gluten) ในธัญพืช เป็นตัวบล๊อคการทำงานอินสุลิน และทำให้การเผาผลาญอาหารได้น้อย ยิ่งกว่านั้น สารเล็คติน ในอาหารพวกถั่ว จะยับยั้งประจุไฟฟ้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนกล้ามเนื้อ ปัจจัยสุดท้ายคือ พวกกลุ่มเลือดโอ มักมีระดับธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำ โดยเฉพาะ ทำให้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ยับยั้งธัยรอยด์เพิ่มมากขึ้นอีกคือ กระหล่ำ ผักกาด แต่ให้รับประทานอาหารทะเล และไอโอดีนมากๆ กล่าวโดยสรุปคือ เน้นโปรตีนพวกปลา เนื้อไม่ติดมัน ระวังในอาหารพวกนม เนย และธัญพืช งดกาแฟ น้ำอัดลม ของที่ทำให้กรดในกระเพาะเพิ่ม และโดยเฉพาะ ลดพวกผักกระหล่ำ ผักกาด แต่เพิ่มอาหารทะเล ไอโอดีน ข้อสรุปที่ว่า กลุ่มเลือดโอกรดมากนี้ มีหลักฐานทางการแพทย์ทางสถิติจริง เนื่องจากพบว่า คนหมู่เลือดโอ จะมีอุบัติการณ์เป็นโรคกระเพาะมากกว่าปกติ หมู่เลือด A คนหมู่เลือด A ค่อนข้างจะตรงข้ามกับ O คือระบบย่อยอาหารจะทำงานไม่ค่อยดี แถมคนที่มีเลือดกลุ่มนี้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ ดังนั้น การรับประทานมังสวิรัติ คือคำตอบของคนกลุ่มนี้ อาหารที่มีโปรตีนสูงประเภทเนื้อ จะย่อยช้า ทำให้อึดอัด การได้รับผักสด ผลไม้ จะได้สารที่มีประโยชน์และป้องกันมะเร็ง เนื่องจากการย่อยเนื้อสัตว์จะยาก แหล่งโปรตีนดีที่สุดที่จะมาทดแทนคือถั่ว แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากถั่ว อาจจะทำให้ลดการสร้างอินซุลิน ทำให้อ้วน ดังนั้น อาหารทดแทนโปรตีนที่ดีอีกตัวคือ เต้าหู้ อาหารประเภทนมก็จะย่อยยากในคนหมู่เลือด เอ แต่โยเกิร์ทและนมเปรี้ยวยังพอไหว เช่นเดียวกับหมู่เลือด O ที่คนหมู่เลือด A ก็ไม่ค่อยทนต่อ เลคติน ในอาหารประเภท มันฝรั่ง แยม มะเขือเทศ กระหล่ำปลี และพริกไทย และไม่ควรรับประทานผลไม้ที่เป็นกรด เช่น มะม่วง มะละกอ ส้มหมู่เลือด B คนหมู่เลือด B จะมีความทนต่อการเป็นโรคร้าย ๆ เช่นหัวใจ หรือมะเร็งได้ดี และถ้าสามารถรับประทานอาหารดี ๆ อายุจะยืนยาวได้ แต่ในขณะเดียวกัน คนในกลุ่มเลือดนี้จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน เช่น เอสแอลอี โรคเกี่ยวกับระบบประสาทถูกทำลาย มัลติเปิล สเครอโรสิส (multiple sclerosis) และ chronic fatique syndrome คนที่มีหมู่เลือดนี้ ควรรับประทานอาหารหลากหลาย แต่ให้เลี่ยง อาหารบางอย่างเช่น ข้าวโพด ถั่วลิสง งา และธัญพืชเนื่องจาก เล็คตินในอาหารเหล่านั้น จะทำให้เกิดความอ้วน เพลีย น้ำคั่งในตัวได้ ควรงดอาหารจากไก่ เนื่องจากไก่ มี agglutinating lectin ที่ทำให้เกิดการอุดตันหลอดเลือด หรือเกิดภาวะโรคอิมมูนได้ง่าย อาหารทะเลพวกปลาก็สามารถกินได้ดี แต่ให้เลี่ยงหอย เนื่องจากมีปัญหาจากเลคตินนี้เช่นกัน คนที่มีเลือดกรุ๊ป B เป็นกรุ๊ปเดียวที่สามารถดื่มนมและอาหารที่ทำจากนมได้ดี ไม่มีปัญหา ระวังอาหารประเภทพวกถั่วทั้งหลาย และงา เนื่องจากไปยับยั้งการทำงานของอินซูลินทำให้อ้วน เช่นเดียวกับมะเขือเทศ เพราะจะทำให้กระเพาะมีปัญหาได้ ส่วนผักผลไม้อื่นๆ รับประทานได้ไม่มีปัญหาหมู่เลือด AB หมู่เลือด AB เป็นหมู่เลือดที่มีลักษณะผสมระหว่าง A และ B นั่นหมายถึงคุณจะมีกรดในกระเพาะน้อยเหมือนกลุ่ม A และต้องการเนื้อเหมือนกลุ่ม B ข้อสำคัญคือ เนื่องจากกรดในกระเพาะน้อย การย่อยเนื้อสัตว์จะไม่ดี ดังนั้น เนื้อที่เหมาะคือเนื้อที่ย่อยง่ายเช่น แกะ กระต่าย หรือไก่งวง โชคร้ายที่ เนื้อไก่ และเป็ด เป็นปัญหาเนื่องจากมี เลคตินที่เป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหาร หมู่เลือด AB สามารถรับประทานนมได้ แต่ไม่มาก ระวังท้องเสีย และสามารถรับประทานธัญพืชได้ดี พวกหมู่เลือด AB มักจะมีภูมิไม่ค่อยดี การรับประทานผัก ผลไม้จะช่วยได้มาก มีคำแนะนำว่า ให้ดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาวทุกเช้า
Create Date : 02 พฤษภาคม 2549
Last Update : 2 พฤษภาคม 2549 9:46:46 น.
Counter : 961 Pageviews.
♥♥♥ เทคนิคการแต่งหน้าเพื่อแก้ไขข้อด้อยบนใบหน้า (2) ♥♥♥
ค้นไปค้นมา เจอเพิ่มเติมค่ะ เลยเอามาฝากอีกรอบ... ~**~~**~~**~~**~~**~~**~~**~~**~~**~
แก้ไขรูปหน้าให้สวยขึ้นด้วยตัวเอง เพื่อเพิ่มความมั่นใจ โดยที่ไม่ต้องโบ๊ะหน้าให้เหมือนนางเอกลิเก เราเลยหาวิธีการแต่งหน้าแบบน้อย ให้เป็นธรรมชาติ และแก้ไขรูปหน้าให้สวยขึ้น โดยคุณแทบจะไม่รู้สึกว่าแต่งหน้าเลยด้วยซ้ำ จมูกไม่โด่ง วิธีแก้ให้ดูจมูกโด่งขึ้นก็คือ ใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลอ่อนๆไล้ช่วงหัวคิ้วมากๆ เน้นนะว่าแค่เบาๆ เป็นเงาๆก็พอ อย่าหนักเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหน้าอาจกลายเป็นงิ้วได้ จากนั้นไล้ตั้งแต่ช่วงหัวคิ้วลงมาด้านข้างของสันจมูกจนถึงปลายจมูก และค่อยๆเกลี่ยให้เข้ากับปีกจมูก ทำเหมือนกันทั้งสองด้าน โดยให้สังเกตว่าเป็นเงาๆก็ใช้ได้แล้ว แต่ถ้าใครที่มีปลายจมูกยาวอยู่แล้ว ก็ไม่ควรไล้ให้ถึงปลายจมูก แต่ควรไล้ตัดปลายจมูกแทน แก้มตอบ แก้มตอบอาจทำให้คุณรู้สึกหน้าตาไม่สดชื่นได้ แต่จริงๆอย่ากังวลกับจุดนี้มากไป วิธีแก้ง่ายมาก ขอแนะให้ใช้บลัชครีม หรือบลัชออนสีชมพู ชมพูอมส้ม หรือแดงเชอร์รี่ปัดแก้มเป็นวงกลมตรงส่วนที่นูนที่สุดของแก้มเหมือนกับเราดึงจุดเด่นของพวงแก้มออกมามากขึ้น อาจใช้บลัชออนแบบมีประกายกากเพชรนิดๆเข้าไปด้วย จะทำให้แสงหักเหตรงพวงแก้มมากขึ้น แต่อย่าแรเงาตรงกรอบของขอบหน้าเด็ดขาด นั่นจะยิ่งทำให้แก้มดูตอบได้ แล้วเวลาเขียนอายแชโดว์ ไม่ต้องเขียนเส้นขอบตามากนัก มันจะยิ่งเน้นความคมสันของหน้า ให้ทาอายแชโดว์สีอ่อนๆมีประกายทั่วเปลือกตาก็พอ ส่วนสีของปากให้ใช้ลิปสติกสีอ่อนๆเข้าไว้ ถ้าใช้สีเข้ม เช่น สีน้ำตาล จะยิ่งทำให้หน้าเล็กลงไปได้อีก แก้มเยอะ แก้มยุ้ยๆน่ารักออก แต่ถ้าอยากแต่งหน้าให้เล็กลงและหน้ายังดูสดใสอยู่ ควรเลือกใช้บลัชครีม สีแดงเชอร์รี่และให้ลองแต้มที่กึ่งกลางแก้ม แตะวนเป็นกลมๆและใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยบลัชครีมขึ้นไปในแนวทะแยงจนถึงไรผมใกล้ๆขมับ เป็นการสร้างเฉดให้หน้า เงาตรงนี้จะทำให้หน้าดูเล็กลง และสีแดงของบลัชจะทำให้แก้มดูเหมือนมีเลือดฝาดแบบเด็กๆ น่ารักสดใสเป็นธรรมชาติ ตาไม่ดึงดูด อยากให้ตาดูมีเสน่ห์มากขึ้น หน้าทั้งหน้าจะได้ดูเด่นขึ้นไปด้วย แนะนำให้ใช้อายแชโดว์สีชมพูอ่อนๆจะเป็นแบบมีประกายสีเงินวาวๆซ่อยอยู่ด้วยก็ดี ทาอายแชโดว์ไปตามแนวพับเพื่อเป็นการสร้างสีสันให้ดวงตา แล้วใช้อายไลเนอร์แบบดินสอ เลือกสีเขียวสดไปเลย เขียนให้ชิดเส้นขอบตาด้านบน เขียนให้เส้นโตๆหน่อย เพื่อทำให้ตาดูเด่นสะดุด แล้วปัดเฉพาะขนตาบนให้เด้งที่สุด ตาจะเก๋มีเสน่ห์ขึ้นมาทันที คางเหลี่ยม และหน้าดูไม่มีมิติ ให้ลงมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ก่อนเพื่อปรับสภาพผิวหน้า เพราะจะช่วยให้เกลี่ยบลัชครีมง่ายขึ้น ถ้าผิวเนียนอยู่แล้วไม่ต้องใช้รองพื้นเลย ใช้บลัชครีมโทนสีน้ำตาลเข้มหน่อยเพื่อให้หน้ามีแสงเงาขึ้น แต้มไปตามกรอบของหน้าโดยเน้นส่วนที่เป็นเหลี่ยมๆและส่วนของโหนกแก้มที่ทำให้หน้าดูแข็ง อย่าลืมแต้มตรงกรอบหน้าที่ติดกับไรผมด้วยนะ เวลาแต้มบลัชตรงแก้มให้แต้มเริ่มจากขมับไล่ไปตามแนว 45 องศา เข้ามาในหน้าจนถึงระดับกลางตาดำ จากนั้นค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ ให้ดูกลืนกัน แค่นี้ก็จะเป็นการสร้างกรอบหน้าใหม่ให้ดูเข้ารูปและมีมิติขึ้นแล้ว ตาเล็กและหนังตาตก สามารถทำให้ตาคมโตขึ้นได้ง่ายๆ คือ เริ่มจากเลือสีอายแชโดว์สองสี สีอ่อนและสีเข้มมาใช้สร้างรูปตาของเราให้ดูมีชั้น ใช้อายแชโดว์สีอ่อนทาทั่วเปลือกตาตามรอยพับก่อน อย่าลืมทาตรงช่วงโหนกคิ้วด้วยนะ แล้วใช้อายแชโดว์สีเข้มไล้ช่วงหางตาขึ้นไปเป็นแนวโค้งของเบ้าตา ถ้าสงสัยว่าเบ้าตาอยู่ตรงไหน ให้ส่องกระจกแล้วเลิกคิ้วดู จะเห็นกระบอกตาที่ดูลึกเข้าไป นั่นล่ะเบ้าตา ก็ไล้ไปตามแนวนั้นได้เลย จากนั้นใช้อายแชโดว์สีเข้มอันเดิม แตะน้ำนิดหน่อย แล้วใช้พู่กันเขียนลงให้ชิดเส้นขอบตาบน เน้นช่วงตรงหางตา แค่นี้ก็ทำให้ตาดูคมโตขึ้นแล้ว ที่มา: //www.pooyingnaka.com
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2549 0:48:27 น.
Counter : 1710 Pageviews.
♥♥♥ เทคนิคการแต่งหน้าเพื่อแก้ไขข้อด้อยบนใบหน้า ♥♥♥
เมื่อวันก่อน คุณ Kay ถามมาเรื่องวิธีการแต่งหน้าสำหรับคนหางตาตก และการเลือกเฉดสีอายแชโดว์ จริงๆ เราก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะคะ แหะๆ แต่ก็ไปค้นมาให้ เผอิญก็ไปเจอเทคนิคอันนี้ จากคุณม้า อรนภา สอนไว้ เห็นว่าน่าสนใจ เลยเอามาฝากกัน มีเทคนิคการแก้ไขข้อบกพร่องบนใบหน้าแบบอื่นๆ ด้วยค่ะ ขอยกมาให้อ่านเฉพาะตรงที่พี่ม้าแนะนำนะคะ
~**~**~**~**~**~**~**~**~**~**~**~ อรนภา กฤษฎี หรือที่เรียกกันว่า พี่ม้า เมคอัพ อาร์ ติสท์ ชื่อดัง แนะนำเทรนด์การแต่งหน้าให้ฟังว่า ตั้งแต่ ค.ศ. 1999 การกำหนดเรื่องของเทรนด์นั้น ตั้งไว้ว่า ผู้หญิงควรที่จะฉลาดในการแต่งตัว ควรรู้ว่าตัวเองมีข้อบกพร่องในส่วนใด ก็ควรที่จะแต่งอำพรางหรือปกปิดในส่วนนั้น เมื่อเข้าสู่ปี 2000 จนมาถึง ปี 2006 นี้ เทรนด์การแต่งหน้าจะแต่งออกมาให้ดูมีสุขภาพดี สดใส ผู้หญิงจึงต้องดูแลตัวเอง รู้จักการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง มีรูปร่างที่ดี สามารถใส่เสื้อผ้าได้ทุกประเภท เมื่อมีสุขภาพที่ดีแล้ว ผิวพรรณก็จะพลอยดีไปด้วย จะแต่งหน้าอย่างไรก็ง่ายและดูดีได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องรูปหน้าที่ทำ ให้ไม่มั่นใจ การแต่งหน้าช่วยอำพรางในส่วนนั้นได้ เทรนด์การแต่งหน้าเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดขึ้น บางคนสามารถแต่งได้ แต่บางคนแต่งแล้วดูไม่ได้ เพราะเทรนด์ในปีนั้นอาจจะไม่เหมาะกับรูปร่างหน้าตาเรา มีเพียงกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้นที่สามารถแต่งได้ตามเทรนด์ในแต่ละปีที่ถูกออกแบบมา และที่สำคัญที่สุดผู้กำหนดเทรนด์การแต่งหน้าเป็นคนยุโรป จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้เทรนด์การแต่งหน้าเข้ากันได้กับโครงหน้าและผิวพรรณของคนไทย หรือคนในกลุ่มเอเชีย ฉะนั้นควรจะแต่งหน้าให้เข้ากับโครงหน้าและใช้การแต่งหน้าในการช่วยปกปิดข้อบกพร่องของใบหน้าเพื่อช่วยให้รูปหน้าดูดีขึ้น โดยยึดหลักความชอบ และแต่งให้เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด สำหรับ ผู้ที่มีโครงหน้าลักษณะกลม หน้าแบน หน้ากว้าง หรือรูปหน้าที่มีลักษณะเหลี่ยม จะต้องรู้จักการ shading (เฉดดิ้ง) คือ การแรเงา ทำให้จุดที่แต่งแต้มลงไป ดูตื้นขึ้นนั่นเอง โดยใช้สีน้ำตาลที่เข้มกว่าสีผิว ปัดเป็นแนวเฉียงใต้โหนกแก้มโดยให้ความเข้มอยู่ตรงขมับด้านจอนหู อย่าปัดเป็นแนวเฉียงทึบ เพื่อลบมุมเหลี่ยมและกระชับรูปหน้าให้เรียวขึ้น พร้อมทั้งการไฮไลต์ คือ การทำให้ส่วนนั้นสว่างขึ้น เห็นชัดขึ้น ที่บริเวณโหนกคิ้วทั้งสองข้าง ใต้ตา สันจมูก และปลายคาง เกลี่ยให้กลืนกัน รูปหน้าก็จะดูเรียวยาวขึ้นคนหน้ายาว ควรทำเฉดดิ้งปัดใต้คางให้อยู่เหนือโหนกแก้มเป็นแนวเฉียงสามเหลี่ยม เพื่อลดความยาวของใบหน้า แล้วไฮไลต์ที่หน้าผากและโหนกแก้มในแนวขวางให้ดูสว่างขึ้น ใครที่มี หางตาตก concealer (คอนซีลเลอร์) ช่วยได้ เพราะมีเนื้อครีมที่หนากว่าเนื้อครีมของรองพื้น ทากลบในส่วนที่เป็นรอยขอบตาที่ตกลงมาให้หมด ใช้รองพื้นทาทับแล้วลงแป้งตาม จากนั้นใช้ดินสอเขียนขอบตาหรือ eyeliner (อายไลเนอร์) ก็ได้แล้วแต่ความถนัด ควรเป็นสีดำ สีน้ำตาล หรือสีเทา จะเหมาะกับคนไทย ส่วนสีม่วง สีน้ำเงินหรือ สีฟ้า ใช้ได้บ้างตามโอกาส เขียนตวัดด้านหางตาขึ้น ลากเส้นตา เล็ก ๆ ชิดขอบตาบน ส่วนขอบตาล่างเขียนบาง ๆ ให้น้ำหนักอยู่ที่หางตา ไม่จำเป็นต้องเขียนเข้มถึงหัวตา เพราะจะทำให้ดูเป็นคนหน้าดุ ส่วน คนตาเล็ก สามารถใช้อายไลเนอร์ หรือใช้ดินสอเขียนขอบตา เขียนขอบตาด้านล่างให้กว้างออกมาจากขอบตาจริงเล็กน้อย และควรใช้สีเข้มเพื่อให้เห็นน้ำหนักที่ออกมากว้างขึ้น เพื่อให้ดวงตาแลดูโตขึ้น และควรจะต้องรู้จักการดัดขนตาและการปัดมาสคาร่าด้วย ก่อนปัดมาสคาร่า ควรดัดขนตาก่อน โดยเริ่มจากโคนขนตา แล้วค่อย ๆ หนีบเบา ๆ ค้างไว้ 12 วินาที แล้วง้างที่ดัดขนตาออก เลื่อนไปที่บริเวณตรงกลางขนตากดเบา ๆ ค้างไว้สักครู่ แล้วเลื่อนมาดัดที่ปลายขนตากดเบา ๆ ไม่ต้องค้างไว้ จะช่วยให้ขนตางอนโค้งได้รูป หากมีแปรงหวีขนตาใช้หวีขนตาก่อนปัดมาสคาร่า การปัดขนตาด้วยมาสคาร่า ให้ตั้งมาสคาร่าแนวนอนขนานกับขนตาโดยการปัดให้ชิดกับโคนขนตาบนแล้วช้อนขึ้น ต่อด้วยการปัดที่ด้านข้างของขนตา ส่วนขนตาล่างให้จับมาสคาร่าแนวตั้ง แล้วใช้ปลายมาสคาร่าเกลี่ยที่ขนตาเบา ๆ มาที่ คนริมฝีปากหนา จะต้องใช้ดินสอเขียนขอบปาก เขียนตัดขอบปากให้อยู่ด้านในของขอบปากจริง และต้องใช้ดินสอสีที่เข้มกว่าสีลิปสติกที่จะใช้ด้วย เช่น ต้องการใช้ลิปสีชมพูก็ต้องใช้ดินสอเขียนขอบปากที่เข้มกว่าสีลิปที่ใช้ ควรหลีกเลี่ยงลิปติกสีแดงสด หรือสีจัดจ้าน เพราะจะเป็นการเน้นไปที่ปากมากเกินไปคนริมฝีปากเล็ก ไม่ต้องน้อยใจ อำพรางได้ด้วยการใช้ดินสอเขียนขอบปาก เขียนเหนือขอบปากจริงใช้สีเข้มกว่าสีลิปที่จะใช้ในลักษณะเดียวกันกับคนริมฝีปากหนา สิ่งที่สำคัญในการแต่งหน้า คือ การเลือกเสื้อผ้าหรือชุดก่อนว่าจะใส่โทนสีใด อย่างในส่วนของอายแชโดว์ที่ทาเปลือกตาหรือลิปสติกนั้น ต้องคำนึงว่า จะใส่เสื้อผ้าในโทนสีใดจะได้ทาให้เข้ากับชุดที่สวมใส่ และช่วยในการเลือกเฉดสีของเครื่องสำอางได้ง่ายขึ้น เพื่อให้แต่งออกมาดูกลมกลืนเป็นโทนเดียวเข้ากันกับชุดที่สวม ช่วยให้ดูมีรสนิยมในการแต่งอีกด้วย ไม่ว่าคุณมีรูปหน้าอย่างไรก็ตาม เพียงรู้จักการแต่งในแต่ละส่วนอย่างเหมาะสม รู้จักอำพรางข้อบกพร่องในส่วนนั้น ๆ คุณก็สวยได้ทุกวัน สำหรับสุภาพบุรุษก็เช่นเดียวกัน การดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องพึ่งการแต่งหน้าเลย เพราะผู้ชายส่วนใหญ่จะเน้นไปในด้านของการบำรุงผิวพรรณมาก กว่าที่จะหันมานั่งแต่งหน้ากัน การแต่งหน้าทั้งหลายเหล่านี้ล้วนต้องมีการลงทุนทั้งสิ้นจึงต้องดูให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและความชอบไป พร้อม ๆ กันด้วย อยากให้ทุกคนมองว่าเทรนด์เป็นเรื่องของความเหมาะสมในการแต่งตัวที่เข้ากับรูปร่างหน้าตาของเราและที่สำคัญต้องถูกกาลเทศะ พี่ม้าบอกทิ้งท้าย ที่มา : Daily News Variety ~**~**~**~**~**~**~**~**~**~**~**~ สวยๆ กันทุกคนนะคะ
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2549 0:01:59 น.
Counter : 1500 Pageviews.
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
Some magic from above Made this day for us, just to fall in love Just love me tenderly And I'll give to you every part of me Be always true to me Keep this day in your heart eternally หลังไมค์หา เดอะ กั้ง ...Reading... เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน - ใบพัด คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ พ.1 : Kafka on the Shore - ฮารุกิ มุราคามิ *********** ข้อความข้างล่างนี่จริงๆ ไม่อยากเขียนไว้เลย แต่ใส่ไว้กันหลายๆ คนอ้างว่าไม่รู้กฎหมายและมารยาท ก็แล้วกันนะคะ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด