Bloggang.com : weblog for you and your gang
เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [
?
]
Group Blog
Good morning "Vietnam"
Welcome & Next Trips
"ปาย"...รักจัง
โซฟิเทล เซ็นทรัล หัวหิน
สะบายดี หลวงพระบาง
ไปเที่ยวง่ายๆ สบายๆ ...ที่ สิงคโปร์
เดินเล่น.... เกาะเกร็ด
มาเก๊า-ฮ่องกง 4วัน 3คืน
ไปฝึกภาษาจีนที่ ฮ่องกง-เซินเจิ้น
แบกเป้เที่ยวปักกิ่ง
แชงกรีลาแดนในฝัน.
เท็นเดย์อิน เนปาล
ตลาดคลองสวน 100 ปี
สิงคโปร์ กับ โปรฯ 0 บาท
สำรวจ... มาเลเซีย
มนต์เสน่ห์.. บาหลี
พม่า. ไหว้พระทำบุญ
ไหว้พระทำบุญ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน
คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์
เที่ยว เชียงคาน ภูเรือ จ.เลย
ใคร ใคร ก็ไปเกาหลี
All Blogs
แชงกรีลาแดนในฝัน. จงเตี้ยน-ลี่เจียง-คุนหมิง
แชงกรีลาแดนในฝัน. เต๋อชิง
แชงกรีลาแดนในฝัน. จงเตี้ยน-เต๋อชิง
แชงกรีลาแดนในฝัน. จงเตี้ยน
แชงกรีลาแดนในฝัน. ลี่เจียง-จงเตี้ยน
แชงกรีลาแดนในฝัน. ลี่เจียง
แชงกรีลา แดนในฝัน..เดินทางสู่ลี่เจียง
Friends' blogs
kateking
mamminnie
smo
tsubai
Hot Vanilla
หมอหมู
DogRobo
liminghui
พี่ถึก
nenenery
Lady Formosa
nokparichad
มิสเตอร์ฮอง
Webmaster - BlogGang
[Add 's blog to your web]
Links
BlogGang.com
แชงกรีลาแดนในฝัน. จงเตี้ยน-ลี่เจียง-คุนหมิง
วันที่ 15 เมษายา 2552 เป็นวันที่ 7 ของการเดินทาง พวกเรายังอยู่ในเมืองจงเตี้ยน
โปรแกรมวันนี้ของพวกเราก็คือ ไปเที่ยว
อุทยานฟูต้าโชว
ในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายเดินทางกลับไปยังเมือง
ลี่เจียง
แล้ว ช่วงดึก เดินทางกลับไปยังเมือง
คุนหมิง
ถึงเช้าที่คุนหมิง
วันนี้พวกเรานัดหมายให้รถมารับ 7 โมงเช้าที่หน้าลานจอดรถเมืองเก่าจงเตี้ยน พอถึง 7 โมงเช้าคนขับรถโทรมาหาผมทันที พวกเราจึงรีบเดินกันออกไป เก็บกระเป๋า เป้ ขึ้นรถได้พวกเราก็เดินไปกินอาหารเช้าที่ร้าน หน้าเมืองเก่า กินโจว กับ ไข่ต้ม อาหารเบาๆ กินกันสร็จพวกเราออกเดินทางสู่อุทยานฯ ตัวอุทยานฯ อยู่ห่างจากเมืองจงเตี้ยนประมาณ 30 กิโลเมตร สองข้างทางไปอุทยานฯ จะเป็นหมู่บ้านไสต์ธิเบต บรรยากาศยามเช้าก็ดูสวยดี
ก่อนถึงอุทยานฯ จะมีด่านเก็บเงินค่ารถเข้าอุทยานฯ เสียค่าเข้าคันนี้ 30 หยวน คนขับรถจอดให้เราที่หน้าด่านเก็บเงิน เพราะเขาไม่อยากเสียเงินค่านำรถเข้า แล้วบอกให้พวกเราเดินเข้าไป เขาบอกว่าไม่ไกลพวกเราจึงเดินเข้าไปที่ไหนได้ไกลเอาเรื่องเหมือนกัน ผมจึงโทรศัพท์บอกให้เขาขับรถเข้ามารอรับพวกเราเลย ผมจะจ่ายค่านำรถเข้าให้ ผมคิดในใจ "ถ้าบอกเราว่าไกลเราก็จะจ่ายให้ตั้งแต่แรก" พวกเราเดินเข้าไปยังสำนักงานของอุทยานฯ เพื่อไปซื้อตั๋วเข้าอุทยานฯ
อุนทยานฟูต้าโชว
วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก ส่วนมากจะเป็นชาวจีน ค่าเข้าชมที่นี่คนละ 190 หยวน รวมค่ารถนำเที่ยวอุทยานฯ เรียบร้อยแล้ว พวกเรามาถึงก็ซื้อบัตร แล้วเดินเข้าไปด้านในเพื่อรอรถนำเที่ยวฯ ถ่ายรูปหน้าอาคารของอุนทยานฯ
ภายในมีคนเยอะมาก พวกเราต้องรอคิวอีกนานแน่ๆ ภายในเป็นห้องกระจกแต่สูบบุหรี่กันควันโขมง เพื่อนในกลุ่มเรามีหลายคนแพ้ควันบุหรี่รวมทั้งตัวผมด้วย ผมจึงบอกพวกเราว่าให้เตรียมพร้อมเพื่อไปรอขึ้นรถ พวกเราไปยืนรอที่หน้าทางออกไปขึ้นรถ ผมก็ไปเจรจากับคนเก็บบัตรว่า พวกเราหม็นควันบุหรี่มาก พวกเราหลายคนใส่ที่ปิดจมูกพอคนเก็บตั๋วเห็นจึงไล่ให้ไปขึ้นรถ พวกเราจึงได้ไป ภายในรถนำเที่ยวฯ จะมีการบรรยายให้ฟังไปเรื่อยๆ ตลอดทางที่ผ่าน ฟังแล่วไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร เพราะเขาพูดภาษาจีนเท่านั้น
นั่งรถประมาณ 20 นาทีลัดเลาะไปตามแนวเขาและทุ่งหญ้า จุดจอดรถจุดแรกก็คือ
ทะเลสาบชูดู
ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ของทะเลสาปที่มีความสวยงามของที่นี่ รถมาจอดให้ลงส่วนใครจะลงก้ได้หรือไม่ลงก็ได้ พวกเราเลือกที่จะลงไปถ่ายรูปกัน
มีทางเดินไม้ให้เดิน สามารถเดินชมทะเลสาปได้ระยะทางประมาณ 3กิโล ช่วงที่พวกเราไปกันไม่ค่อยสวยเพราะว่าเป็นหน้าแล้ง หญ้าสีไม่เขียว น้ำก็ลดไม่เต็มทะเลสาป
มาถึงแล้วก็ต้องขอถ่ายรูปกับทะเลสาป
3 คนไปถ่ายรูปกับสะพานไม้ บรรยากาศสวยงาม แต่คนก็... เหมือนเดิม
คนนี้ต้องขอถ่ายด้วยเพราะทนกับความสวยของทะเลสาปไม่ได้
หลังจากถ่ายรูปบริเวณนี้เสร็จพวกเราก็ได้แยกกันเป็น 2 กลุ่ม โดยมี ผม อร ตา และ อี๊ด เดินกลับไปรอขึ้นรถนำเที่ยวฯ เพื่อไปยังจุดต่อไป ส่วน หนึ่ง บิ๋ม พี่หวาน ได้พากันเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาปชูดู เป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะไปเจอจุดชมวิวที่ 2 หรือ จุดจอดรถฯ
ถึงจุดจอดรถที่ 2 ผม อร ตา ไม่ได้ลงเนื่องจากคนรอขึ้นรถเยอะมากๆ และเป็นวิวทะเลสาปชูดู อีกด้าน มีเพียงอี๊ด คนเดียวที่ลงไปถ่ายรูป เรา 3 คน ก็นั่งรถชมวิวไปเรื่อยๆ ไม่ได้ลงรถที่จุดใด เรา 3 คนจึงมาถึงที่จอดรถหน้าอุทยานก่อนใครทั้งหมด
อุนทยานฯ จะประกอบไปด้วย ทะเลสาป และ ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่เลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น ม้า วัว จามรี มีด้วยกีนหลายทุ่งหญ้า ในแต่ละทุ่งหญ้าจะมีที่พักของคนเลี้ยงสัตว์อยู่ด้วย
จุดจอดรถจะมีเป็นจุดๆ ไปตามสถานที่เที่ยวต่างๆ ใครจะลงก็ได้ไม่ลงก็ได้ แต่ถ้าลงแล้วต้องไปต่อคิวขึ้นรถใหม่ ในจุดต่อคิวแต่ละที่คนเยอะมากๆ นี่ยังไม่ใช่ช่วงไฮว์ซีซันนะครับ ถ้าช่วงไฮว์จะเป็นยังงัย ทั้ง 3 คน ก็ได้มาแวะเที่ยวที่ทะเลสาปที่ขึ้นชื่อด้านความอีกแห่งนั้นก็คือ
ทะเลสาปปิต้า
ทะเลสาปแห่งนี้จะฉากหลังเป็นยอดเขาหิมะ ถ้ามาในช่วงเกือนตุลาคมจะสวยมาก มาช่วงนี้ดูแห้งๆ ไปนิด
สองสาวก็ขอถ่ายรูปที่ทะเลสาบปิต้า มีฉากหลังเป็นยอดเขาหิมะ
เราใช้เวลาเที่ยวภายในของอุนทยานฯ ประมาณ 3 ชั่วโมง พวกเราก็นั่งรถกลับมาเจอกันที่ลานจอดรถ ซึ่งรถที่เราจ้างมาส่งก็มารอรับอยู่แล้ว อุทยานฯ นี้ช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยวก็คือ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เดือนตุลาคม-พฤศิกายน อากาศกำลังดีมาก มาช่วงนี้ดูจะแล้งๆ และก็เริ่มจะร้อนแล้ว
พวกเราเดินทางออกจากอุนทยานฯ ประมาณเที่ยงกว่าๆ แล้วก็ไปแวะกินบะหมี่เนื้อหมูชามใหญ่ในเมืองจงเตี้ยน จากนั้นก็เดินทางออกจากเมืองเมื่อเวลาบ่ายโมงนิดๆ ออกมาห่างตัวเมืองได้ไม่เท่าไรรถก็จอดเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันจงกว๋อ ในจีนมีน้ำมันยี่ห้อเดียว ปั๊มสีแดง หน้าปั๊มมีเด็กชาวธิเบตมายื่นรอให้ถ่ายรูป สาวบิ๋มของเราก็ไปถ่ายรูปด้วย
ผมเดินไปเข้าห้องน้ำข้างปั๊มแล้วออกมาเจอเด็กมายื่นขอถ่ายรูป ผมเลยให้อี๊ดถ่ายให้ เด็กๆ ก็ชู 2 นิ้ว กันทุกคน ตั้งท่าแอ๊ดชั่น เด็กชู 2 นิ้วไม่ใช่ว่าหมายความว่าสู้ตายนะครับ หลังจากถ่ายเสร็จเด็กๆ ก็หันมาบอกผมว่า "เฉียนเก่ยหว๊อๆ ๆ ๆ " ผมได้แต่หัวเราะและคิดว่า เด็กพวกนี้รู้จักขอตังส์ด้วย ผมเลยถามกลับไปว่า " ตั้วเสา" (เท่าไร) เด็กก็ชู 2 นิ้วพร้อมกับพูดว่า "เหลี่ยงไคว่" (2 หยวน) ผมก็เลยต้องเสียเงินให้เด็กๆ ทุกคน
รถเติมน้ำมันเสร็จพวกเราก็ออกเดินทางต่อเพื่อกลับไปยังเมืองลี่เจียง เส้นทางจากจงเตี้ยนมาลี่เจียง จะมีทั้งทางราบ และทางลัดเลาะตามไหล่เขาแต่จะไม่สูงเหมือนและช่วงที่ไปเต๋อชิง พวกเราต้องนั่งรถผ่านสวนสตอเบอร์รี่ ชาวบ้านปลูกอยู่ข้างทาง และมีร้านขายอยู่ข้างทางพวกเราก็แวะซื้อกินกัน ราคาขายก็ถังละ 10 หยวน แต่ไม่ได้เต็มถังนะครับ ด้านล่างของถังจะเป็นใบของสตอเบอร์รี่เกือบเต็มถัง ส่วนผลสตอเบอร์รี่มีอยู่เฉพาะด้านบนเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ทุกร้านที่ขายก็จะทำเหมือนกันหมด ไม่รู้เขาจะทำไปทำไม รสชาดสดอร่อยดีครับ
เวลาประมาณ 6 โมงเย็นพวกเราก็ถึงเมืองลี่เจียง เราให้รถไปส่งที่ท่ารถ แล้วผมก็ไปจองรถนอนไปคุนหมิง พวกเราได้เที่ยว 2 ทุ่มครึ่งราคาค่าตั๋วคนละ 159 หยวน ดังนั้นพวกเราจึงมีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการกินข้าวเย็นหรือเดินเล่น พักผ่อนต่างๆ ผมไม่ไปไหนอยู่เฝ้าของที่ท่ารถ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปหาอะไรกิน ส่วนผมกินมาม่าถ้วยใหญ่กับน้ำเปล่าก็พอ ได้เวลา 2 ทุ่มพวกเราก็ขึ้นรถนอน เวลา 2 ทุ่มครึ่งรถก็เริ่มออกเดินทางไปยังคุนหมิง พวกเราถึงคุนหมิงประมาณ 4.00 น. ไม่ได้นอนต่อที่รถ พากันมายืนหารถเพื่อจะไปหาโรงแรมพัก ได้แท็กซี่เป็นรถตู้เล็กพาพวกเราไปหาโรงแรม กว่าจะได้โรงแรมก็ปาไปเกือบ 8 โมงเช้าสาเหตุที่ไม่ได้ห้องก็มีหายประเด็นส่วนมากห้องจะไม่ว่าง ราคาแพง
เช้าวันนี้เป็นวันที่ 16 เมษายน 2552 เป็นวันที่ 8 ในการเดินทางของพวกเรา
พวกเราพักที่โรงแรมอะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้ คืนละ 150 หยวน ห้องก็ดี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เก็บข้าวของเสร็จพวกเราก็ออกเดินช๊อปปิ้งกัน แวะกินข้าวเช้าก่อน เจอร้านเข้าไปดูคนเยอะไม่มีที่นั่งผมก็เลยเดินออก
เดินต่อไปเรื่อยๆ ก็เจอที่ขายอาหารเยอะมาก พวกเราจึงแวะกินกัน
ใครอยากกินอะไรก็เดินไปซื้อ และ สั่งให้มาส่งที่โต๊ะได้ ราคาไม่แพง
กินเสร็จพวกเราก็เริ่มออกเดินช๊อปปิ้ง ดีใจกันใหย๋โดยเฉพาะสาวๆ เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ พวกเราไปช๊อปปิ้งบริเวณห้างคาฟูร์
รอบๆ ห้างนี่จะมีร้านขายของเยอะมากๆ ผมไม่ได้ไปเดินช๊อปปิ้งกับใคร ปล่อยให้สาวๆ ไปช๊อปิ้งกันเองผมนั่งรออยู่ร้านกาแฟที่หน้าห้างคาฟูร์จึงไม่ค่อยมีรูปเท่าไรบริเวณด้านหน้าห้างจะเป็นลานกว้างๆ
มีวัยรุ่นจีนมาเดินช๊อปปิ้งกันเยอะ บริเวณนี้ก็เปรียบเสมือนสยาม มาบุญครอง บ้านเรา
ถ่านรูปคู่กับหุ่นปั้นบริเวณหน้าห้างคาฟูร์
พวกเราใช้เวลาช๊อปปิ้งกันนานมาก และเดินชมเมืองคุนหมิง พวกเราไม่ได้มีปรแกรมไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ของคุนหมิงเพราะพวกเราไม่เน้น อยากช๊อปปิ้งมากกว่า เดินเล่นกันในเมือง
คุนหมิงจะมีห้างใหญ่ๆ ให้ช๊อปิ้งกันเยอะมาก แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน
คนจีนชาวเมืองคุนหมิงก็ออกมาช๊อปปิ้งกัน
เดินเล่นกันจนถึงเวลาประมาณ 5 โมงเย็นพวกเราก็เดินกลับโรงแรม ถึงโรงแรมแล้วก็แยกย้ายกันพักผ่อน ตื่นเช้าต้องเตรียมตัวกลับ ในเมืองคุนหมิงก็ยังมีคนใช้จักรยานในการเดินทางเช่นกัน
วันที่ 17เมษายน เป็วันที่ 9 ในการเดินทาง
วันนี้พวกเราต้องเดินทางกลับประเทศไทยกันแล้ว โดย TG613 เวลา 13.50น. พวกเราเรียกแท็กซี่จากหน้าโรงแรมให้ไปส่งสนามบิน ค่ารถคันละ 13 หยวน ได้เวลาพวกเราก็เช็คอิน ผ่านการตรวจ ตม. ไม่มีปัญหาอะไร ขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยแล้ววววว หลังจากไปลุยเที่ยวกัน
ก็ผ่านไปได้ด้วยดีสำหรับการเดินทางของพวกเราทั้ง 7 คน ในทริป
แชงกรีลาแดนในฝัน
ก็ถือว่าสนุกดีได้เจออะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ได้เที่ยวสถานทีที่ทุกคนอยากจะไป ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นนวนิยาย ก็ขอจบเพียงเท่านี้ และ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องราวการเดินทางของพวกเราทั้ง 7
ขอบคุณมากๆ ครับ
Create Date : 01 มิถุนายน 2552
Last Update : 9 มิถุนายน 2552 13:12:42 น.
5 comments
Counter : 4102 Pageviews.
Share
Tweet
ติดตามอ่านมาตลอด สุดยอดค่ะ
เก่งมากเลย แบกขาตั้งไปด้วย แถมเลนส์อีกหลายตัว
กำลังจะไปในเร็ววัน กะว่าจะเอาแค่ 24-105 ไปตัวเดียว
แต่ก็อยากได้วายด์ด้วย สงสัยต้องเอาไปสองตัว ส่วนเทเลคงไม่เอา
อิอิ แบกมะไหว
ภาพออกมาสวยงามมากเลยค่ะ ดูเป็นทริปที่สนุกสนานมาก
ขอบคุณค่ะที่นำมาให้ชม กำลังหาข้อมูลอยู่เลย แต่อาจไปแค่ลี่เจียง
สองคนกะเพื่อนๆ ไปแบบสบายๆ แต่ภาพของเหมยลี่สีทองจับตา จับใจมาก เฮ้ออออออออ
โดย:
ทากลูกหมู
วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:22:41:09 น.
ทากลูกหมู;
- ขาตั้งกล้องของผมก็หนักน่าดูครับ แต่จำเป็นมากๆ ในการถ่ายภาพภูเขาหิมะเหมยลี่ จึงต้องแบกไป
- ผมเอาเลนส์ไป 3 ตัวครับมี 24-105 กับ 70-200 และ 17-40 ส่วนมากจะใช้ 24-105 เป็นหลัก รองลงมาก็ 70-200 ส่วน 17-40 แถบไม่ได้ใช้เลยครับ ใช้เทเลในการถ่ายภาพไกล และ ภาพแนวแดดิต
- ลองไปเที่ยวดูครับแค่ลี่เจียงผมก็ว่าสวยดี มีอะไรให้ถ่ายเนอะมากๆ ผมเสียดายที่มีเวลาที่ลี่เจียงน้อยไปหน่อย คราวหน้าตั้งใจจะเก็บให้หมด
- สอบถามเรื่องข้อมูลการไปเที่ยวได้นะครับยินดีตอบ
โดย:
taotao_s
วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:23:58:54 น.
ขอบคุณมากค่ะ คงได้ไปเตร็ดเตร่แถวต้าลี่ลี่เจียงเท่านั้น
ฟังนำ้เสียงของเพื่อนที่ไปด้วย เค้าอยากนอนที่ลี่เจียงกะเมืองใกล้ๆสี่คืน ต้าลี่อีกสองคน เอิีกกก
หากอยากไปถ่ายรูปจริงๆ คงต้องดิ้นรนกลับไปใหม่ ไปกะกลุ่มถ่ายรูป
อยากไปให้ถึงเต๋อชิง ไปให้เห็นเหมยลี่ อยากไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
มีป่าสีทอง คราวนี้ไปแบบพักผ่อน นอนเล่น ไปชิม และทดลองใช้ส้วมเมืองจีน
ชื่นชมมากค่ะ
เทียบดูกับบล็อกเก่าๆ เห็นเลยว่ารูปชุดนี้ถ่ายสวยมากกกกกกกกก
ฝีมือก้าวกระโดดเลยค่ะ
ฟ้่าประทานอีกต่างหาก
แล้วจะมาตามชมผลงานอีกค่ะ
โดย: ทากลูกหมู IP: 124.121.18.48 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:14:43:49 น.
ไม่ทราบว่าที่ไปมานี้ ใช้งบประมาณไปประมาณเท่าไหร่คะ
ขอบคุณมากๆ ที่เอารูปสวยๆมาให้ชมกัน รวมถึงข้อมูลต่างๆ เห็นแล้วยิ่งอยากไปมากๆ
โดย: hua IP: 115.31.134.205, 117.121.208.2 วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:21:43:32 น.
ทากลูกหมู;
- ถ้าไม่มีเวลาไปเที่ยวที่บอกก็ได้ครับ มีโอกาศแล้วค่อยไปใหม่ก็ได้
- ไปเต๋อชิงต้องมีเวลามากๆหน่อย ใบไม้เปลี่ยนสีต้องเดือนตุลาครับ
- ส้วมจีนเป็นอะเมซิ่งหนึ่งของเมืองจีน ต้องลอง
- ช่วงแรกก็ฝึกถ่ายครับ แต่หลังๆก็ยังฝึกอยู่นะครับ เพื่อให้ได้รุปที่สวยงาม
- ขอบคุณมากๆ ครับที่ติดตามผลงาน จะหาที่ใหม่ๆ มานำเสนอครับ
hua;
- ใช้งบทั้งหมด 23000 ต่อคนครับไม่รวมซื้อของฝากนะครับ (ค่าเครื่งคนละ 11800 บาท)
- มีโอกาศน่าไปเที่ยวครับ วิวสวยดีครับ
- ขอบคุณมากๆ ครับที่ชมบล๊อกเรา
โดย:
taotao_s
วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:20:38:58 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
เก่งมากเลย แบกขาตั้งไปด้วย แถมเลนส์อีกหลายตัว
กำลังจะไปในเร็ววัน กะว่าจะเอาแค่ 24-105 ไปตัวเดียว
แต่ก็อยากได้วายด์ด้วย สงสัยต้องเอาไปสองตัว ส่วนเทเลคงไม่เอา
อิอิ แบกมะไหว
ภาพออกมาสวยงามมากเลยค่ะ ดูเป็นทริปที่สนุกสนานมาก
ขอบคุณค่ะที่นำมาให้ชม กำลังหาข้อมูลอยู่เลย แต่อาจไปแค่ลี่เจียง
สองคนกะเพื่อนๆ ไปแบบสบายๆ แต่ภาพของเหมยลี่สีทองจับตา จับใจมาก เฮ้ออออออออ