สิงคโปร์ กับ โปรฯ 0 บาท #3
Singapore With Airasia Promotion 0 Bath ตอน 3 เป็นวันที่ 23 ตุลาคม 2552 เป็นวันที่ 2 ของการเดินทางของพวกเราทั้ง 5 คน โปรแกรมวันนี้คือ ช่วงเช้าเดินย่านไซน่าทาวร์ เที่ยงๆ ไปเดินห้าง ViVo บ่ายไปเที่ยวเซ็นโตซ่า อยู่รอชม Song Of The Sea รอบ 19.30 น. ซึ่งเป็นการแสดงเรื่องราวของเพลงประกอบม่านน้ำพลุ แสง สี สวยงามมาก ถ่ายรูปสวยๆ มาฝากแฟนบล๊อก ครั้งที่แล้วมาไม่ได้ถ่ายเพราะแบตเตอร์รี่ไฟหมด ก่อนเข้าชมเลยอดถ่าย
พวกเรานัดกันปรกติ 8 โมงเช้าพร้อมออกเดินไปยังสถานี MRT Kallang สายสีเขียว ไปลงสถานี Outram Park เพื่อจะต่อสายสีม่วงไปลงยังสถานี Chinatown ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีพวกเราก็ถึงสถานี Chinatown เดินออกมาจากสถานี ก็มาโผล่ตรงนี้พอดี
พวกเรามาเช้าไปหน่อยร้านค้าต่างๆ ยังเปิดไม่หมด แต่ก็ยังดีมีนักท่องเที่ยวเริ่มมาเดินเที่ยวกันบ้างแล้ว ถ่ายรูปกันก่อน
ย่านนี้เป็นย่านเก่าแก่ของคนเชื้อชาติจีนที่มาอาศัยอยู่บนเกาะสิงคโปร์ พวกเรามาที่นี่เพื่อจะไปวัดที่มีความสำคัญมากของที่นี่คือ วัดและพิพิธภัณฑ์ทันตธาตุพระพุทธเจ้า (The Buddha Tooth Relic Temple & Museum) การเดินทางมาวัดนี้ก็ไม่ยาก ออกจาก MRTก็จะเจอถนน Pagoda Street เดินไปสุดถนนแล้วเลี้ยวขวา เดินไปอีกประมาณ 100 เมตร ก็จะเจอวัดอยู่ทางขวามือ
วัดและพิพิธภัณฑ์ทันตธาตุพระพุทธเจ้า (The Buddha Tooth Relic Temple & Museum) คืออนุสรณ์ทางวัฒนธรรมที่มีชีวิต ตั้งอยู่ใจกลางไชน่าทาวน์ เป็นที่ประดิษฐานของสิ่งที่ผู้นำของศาสนาพุทธถือว่าเป็นพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า ใส่อยู่ในสถูปอัฐิอันงามสง่าซึ่งมีส่วนประกอบของทองคำหนัก 420 กก.ที่บริจาคโดยผู้มีจิตศรัทธา ทุกๆวันจะมีการเปิดผ้าม่านของห้องชั้นในตามเวลาที่กำหนด เพื่อประกอบพิธีกรรมโดยพระสงฆ์ที่ประจำอยู่ที่นี่และให้ประชาชนได้ชมสถูปอัฐิ วัดนี้สร้างขึ้นแด่พระศรีอริยะเมตไตย เมื่อเดินเข้าสู่ห้องโถงกลางของวัดที่มีความสูงตระหง่านถึง 27 ฟุต ผู้มาเยือนจะมองเห็นพระพุทธศรีอริยะเมตไตยที่ทำจากไม้สลักอย่างงดงาม จากความยิ่งใหญ่และรายละเอียดอันวิจิตรที่เห็นได้ในห้องโถงนี้ ผู้มาเยือนจะสามารถชื่นชมผลงานของช่างฝีมือผู้อุทิศตนที่ได้แบ่งปันทักษะของตนในการสร้างวัดแห่งนี้ สถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน และประติมากรรมของสถานที่นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากราชวงศ์ถัง ซึ่งเป็นยุคที่ศาสนาพุทธรุ่งเรืองในประเทศจีน ท่ามกลางยุคทองของความเฟื่องฟูทางศิลปะและวัฒนธรรม (ข้อมูลจากการท่องเที่ยวสิงคโปร์)
เดินต่อเข้าไปด้านในก็จะพบกับส่วนที่เป็นพระพุทธรูปติดตาฝาผนัง
ด้านหลังของห้องโถ่งใหญจะเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิม
การมาที่นี่ต้องแต่งกายสุภาพ ผู้หญิงห้ามใส่กางเกงขาสั้น (มีกระโปรงให้ยืมใส่ สังเกตุจากคนในรูป) มาแล้วก็ต้องมาไหว้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ใช้เวลาอยู่ที่วัดกันไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมงก็ออกจากวัด เพราะตอนนั้นประมาณ 9 โมงกว่าๆ เริ่มจะหิวข้าวกันแล้วไปหาอะไรกินดีกว่า เดินออกมาทางด้านหลังวัดจะเป็นถนนเล็กๆ มีร้านขายอาหารอยู่หลายร้าน พวกเราเลือกกินอาหารเช้าแบบเบาๆ สั่งกันคนละอย่างสองอย่าง ร้านนี้ไม่รู้ชื่อร้านอะไรเพราะไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมาให้ดู ราคาก็เอาเรื่องเหมือนกัน แต่อร่อยดี
กินอาหารเช้ากันเสร็จก็เดินเล่นๆ ชมบรรยากาศของย่านไซน่าทาวร์ ร้านค้าก็เริ่มเปิดกันบ้างแล้วเพราะ สิบโมงกว่าแล้ว
สถานที่ๆ พวกเราจะไปเที่ยวกันต่อคือห้าง VIVO ซึ่งเป็นห้างที่เปิดใหม่และเป็นห้างที่ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปยังเกาะเซ็นโตซ่า ดังนั้นพวกเราก็เดินไปยังสถานี MRT Chinatown NE4 เพื่อขึ้นรถไฟไปยังสถานี Harbour Front NE1 เป็นที่ตั้งของห้าง VIVO
นั่ง MRT 10 นาทีก็มาถึงสถานี Harbour Front NE1 สถานีนี้อยู่ภายใต้ห้าง Vivo เดินมาหน่อยก็จะเข้าห้างชั้น G จุดมุ่งหมายของพวกเราก็คือชั้น 3 ของห้างเดินขึ้นบันไดเลื่อนจากชั้น G จนถึงชั้น 3 ก็จะเจอที่ขายบัตรเข้า Sentosa บัตรค่าเข้ามีหลายประเภทมากแต่พวกเราซื้อเฉพาะบัตรผ่านประตูซึ่งรวมค่ารถไฟฟ้าเข้าเกาะแล้ว ราคาจำไม่ได้ครับแต่ไม่น่าจะเกิน S$10 ครับ การซื้อตั๋วสามารถซื้อที่เคาร์เตอร์ก็ได้หรือซื้อที่เครื่องขายตั๋วก็ได้
ได้ตั๋วเข้าแล้วก็ต้องโชว์กันหน่อย ส่วนตั๋วชม Song Of The Sea ต้องเข้าไปซื้อข้างใน
ได้ตั๋วเรียบร้อยก็รอเวลาช่วงบ่ายๆ ถึงจะเข้าไปเที่ยวเกาะเซ็นโตซ่า ไปเดินช๊อปปิ้งก่อนดีกว่า บรรยากาศห้าง
เดินไปเจอร้านขายกล้องมีหรือตากล้องอย่างเราจะไม่เข้าไปสำรวจราคากล้องและอุปกรณ์ต่างๆ ไปดูราคา Canon 7D รุ่นใหม่ล่าสุดว่าจะราคาเท่าไรแพงกว่าบ้านเราหรือไม่ สรุปแล้ว ราคาตัวกล้องไม่รวมเลนส์ 2699 S$ เงินไทยก็ 64,776 บาท(คิดที่ 24 บาท) บ้านเราขาย 59,000 บาท สรุปแล้วแพงกว่าบ้านเราครับ
มาสิงคโปร์ครั้งนี้ผมตั้งใจจะมาซื้อกางเกงใส่ทำงาน G2000 เพราะมาครั้งที่แล้วซื้อไป 2 ตัว ครั้งนี้ตั้งใจจะซื้ออีกสัก 2 ตัว ปรากฏว่าได้ดังใจราคาตัวละ 800 กว่าบาท ส่วนคุณผู้หญิงได้ทั้งหมด 6 ตัว (ไม่รู้ซื้อไปทำไมมากมายสงสัยซื้อไปเผา)
หลังจากเดินล่นห้างซื้อของ ผมได้กางเกง G2000 และ กางเกงยีน Gap ทั้งหมดที่ได้เป็นราคาที่ลดแล้ว ไม่แพงครับเพราะปรกติผมจะไม่ซื้อของที่ราคาไม่ลด เวลาประมาณ 14.00 น. ก็เริ่มข้ามเกาะเซ็นโตซ่า โดยขึ้นรถไฟฟ้าที่ชั้น 3 ของห้าง ViVo บริเวณที่ซื้อตั๋ว พวกเราไปลงที่สถานีสุดท้ายคือ Beach Station แล้วลงไปด้านล่างของสถานนี จะมีคาร์เตอร์ขายตั๋ว Song of The Sae พวกเราก็ต้องจองตั๋วไว้ก่อนราคาคนละ 10S$ จองรอบ 19.30 น. จองเสร็จพวกเราก็ไปรอขึ้นรถรับส่งเพื่อไปยังชายหาด Palawan Beach
รถจะวิ่งไปตามชายหาด และจะมีจุดจอดให้ขึ้นลงเป็นระยะ พวกเราลงที่หาด Palawan Beach เพื่อเดินเล่นชมบรรยากาศ มีเด็กวัยรุ่นมาเล่นกิจกรรมต่างๆ กันเยอะมาก
กิจกรรมต่างบริเวณชายหาดมีมากมาย เล่นกีฬาต่างๆ นอนอาบแดด และมีเกาะให้เดินเล่นทำได้อย่างสวยงามมาก
ถ้าต้องการจะข้ามเกาะต้องใช้สะพานเชือกเดินข้ามไป ผมลองเดินข้ามไปถึงเกาะไปยืนสูดอากาศ รู้สึกว่าเกาะจะสั่นนิดๆ เมื่อเวลามีลมพัดแรงๆ เดินกลับมาต้องถ่ายรูปไว่สักหน่อย
เดินเล่นกันย่านหาด Palawan เสร็จพวกเราก็ขึ้นรถกลับไปยังสถานี Beach Station ซึ่งเป็นจุดศุนย์กลาง เพื่อต่อขึ้นรถรับส่งไปยังหาด Siloso Baech ซึ่งเป็นชาดหาดอีกด้าน และเป็นที่เที่ยวอีกแห่งของเกาะเซ็นโตซ่า
ชายหาด Siloso Baech นี้จะได้รับความนิยมกว่าชายหาด Palawn เพราะว่ามีชายหาดที่ยาวและสวยงาม มีอุปกรณ์ เครื่องเล่นกีฬาต่างๆ มากมาย
มีผู้คนที่ชอบนอนอาบแดดกันเยอะมาก ถ่ายมาให้ดูสักหน่อยก็แล้วกัน
ขอถ่ายรูปคู่กันสักหน่อย ยิ้มไม่ค่อยออกเพราะอากาศค่อนข้างร้อน
เกาะเซ็นโตซ่ามีอะไรให้เที่ยวชมอีกเยอะ แต่ว่าพวกเราไม่อยากไป จึงเดินกลับไปยังสถานี Baech Station เพื่อรอเวลาในการเข้าชม Song of The Sea ในเวลา 19.30 น.
ตอนหน้าเราจะพาไปชมภาพ Song of The Sae สวยๆ เพราะว่าถ่ายมาเยอะมากๆ สวยๆ ทั้งนั้น
Create Date : 14 ธันวาคม 2552 | | |
Last Update : 20 ธันวาคม 2552 14:53:27 น. |
Counter : 2240 Pageviews. |
| |
|
|
|