เท็นเดย์อิน เนปาล. กาฐมาณฑุ-กรุงเทพ
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2552 วันนี้ก็ครบ 10 วันของการเดินทางของพวกเราทั้ง 4 คน 9 วันช่างผ่านไปได้อย่างเร็ว โปรแกรมของพวกเราวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากเป็นวันสบายๆ ของผมกับภรรยา 2 คน แต่อีก 2 คน อาจจะไม่ธรรมดาจะคิดว่าเป็นวันพิเศษก็ได้ เป็นวันที่ตื่นตาตื่นใจก็ได้ เป็นวันที่เลียวๆ ก็ได้ เพราะทั้ง 2 คนคือ พี่ชาลี กับ ทอย ต้องไปบิน Moutian Flight ชมเทือกเขาหิมาลัย ชมยอดเขาสูงๆ หลายยอด และยอดที่สูงที่สุดในโลกคือ ยอดเขาเอเวอร์เรส บินในช่วงเช้า สายๆ พวกเราจะไปเดินซื้อของฝาก บ่ายๆ พวกเราก็ต้องเดินทางกลับเมืองไทยกันแล้ว
วันนี้ทั้ง 2 คนคือพี่ชาลี และ ทอย ต้องตื่นแต่เช้ามืดนั้นก็คือ ประมาณตี 4 เพื่ออาบน้ำแต่งตัว ส่วนผมกับอร ก็นอนตื่นสายได้ไม่ต้องรีบร้อนเพราะไม่ได้ไปบินกับเค้า ทั้ง 2 คนนัดรถแท็กซี่ให้มารับที่โรงแรมตอนประมาณตี 5 เดินทางไปสนามบินตรีภูวัน ซึ่งเป็นสนามบินเดียวกันกับที่เครื่องบินการบินไทยมาลง แต่จะเป็นอาคารผู้โดยสารในประเทศ สาเหตุที่ต้องไปแต่เช้าก็เพราะว่าจองไฟล์บินเวลา 6.00 น. ต้องเช็คอิน 5.30 น. ราคาตั๋วในการบินครั้งนี้ 150$US คิดเป็นเงินไทยในตอนนั้นก็ประมาณ 5,250 บาท จองของสายการบิน Yeti Airlines โดยจองผ่านทางโรงแรมที่พักครับ
เช็คอินได้แล้วก็ขึ้นเครื่องได้เลยครับ เจ้าหน้าที่บนเครื่องก็แจกเส้นทางการบินให้ดูว่าจะเป็นไปชมยอดเขาอะไรบ้าง และเพื่อเป็นข้อมูลในการชมยอดเขาต่างๆ จะเห็นว่ายอดเขาเอเวอร์เรสมีความสูงถึง 8,848 เมตร
ได้เวลา 6.00 น. ตรงเครื่องบินก็เริ่มออกบินมุงหน้าสู่ยอดเขาเอเวอร์เรส เครื่องบินสามารถจุผู้โดยสารได้ 30 คน แต่ในไฟล์นี้มีประมาณ 20 คน ก็ถือว่ากำลังพอดีไม่แน่นมาก สามารถเลือกที่นั่งได้ตามชอบใจ
ใช้เวลาบินประมาณ 20 นาทีจากสนามบินก็ถึงแนวเป้าหมายเทือกเขาหิมาลัย ไม่ขอบอกว่ายอดใดเป็นยอดใดนะครับ เพราะกลัวว่าจะให้ข้อมูลผิดพลาดให้ชมภาพสวยๆ จาก พี่ชาลี เป็นผู้ถ่ายครับ
ด้านบนของยอดเขาต่างๆ จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เพราะมีความหนาวเย็นมากๆ จึงทำให้หิมะไม่ละลาย
บนยอดก็ยังมีหิมะปกคลุมตลอด หิมะไม่ละลายเพราะยอดเขาสูงๆ จะมีอากาศเย็นมากๆ
ยอดเขาสูงเสียดเมฆเทียมฟ้า ได้ดูแค่รูปผมก็รู้สึกว่าตื่นตาตื่นใจ ในความสวยงามของธรรมชาติ ถ้ามีโอกาสได้มาอีกเมื่อไรคราวนี้คงไม่พลาด
ยอดเขาแหลมๆ ไกลๆ ทางซ้ายของภาพน่าจะเป็นยอดเขาเอเวอร์เรส หรือเปล่าครับไม่แน่ใจ แต่คิดว่าใช่ เพราะใกล้ยอดเขาเอเวอร์เรส จะมียอดเขาที่สูงอีกยอดก็คือ ยอดเขาลอตเซ่
เครื่องบินจะไม่สามารถบินเข้าไปไกลๆ ยอดเขาเอเวอร์เรสได้ เหตุผลมาจากด้านความปลอดภัย เพราะถ้าบินสูงมากๆ เครื่องบินจะมีปัญหาเรื่องลมและเรื่องของสภาพภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย เจ้าหน้าที่บนเครื่องบินได้เชอญทุกคนเข้าไปถ่ายรูปในห้องนักบิน แต่เข้าไปที่ละคน
เครื่องบินก็บินวนไปมา ไม่กี่รอบครับ
ใช้เวลาบินชมยอดเขาต่างๆ แล้วก็บินกลับใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็กลับมาลงยังสนามบินฯ เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่จะมีใบประกาศให้กับทุกท่านที่ขึ้นบิน Moutian Flight เพื่อเป็นเกียรติประวัติของตัวเอง ก็เป็นการจบการบินของทั้ง 2 คน
ส่วนผม 2 คนก็ได้ตื่นนอนทำธุระกิจส่วนตัวเสร็จ ก็พอดีกับทั้ง 2 คนมาพอดีเวลาขณะนั้นประมาณ 8 โมงเช้าพอดี ไปหาอาหารเช้าอร่อยๆ กินกันเถอะ อาหารเช้าของวันนี้พวกเราไม่อยากฝากท้องไว้ที่อาหารเช้าของโรงแรมนี้แล้วเพราะว่าตลอดที่อยู่ที่โรงแรมกาฐมาณฑุ พวกเราก็ฝากท้องไว้ที่นี่ อาหารมื้อเช้าสุดท้ายของที่เนปาล พวกเราจึงเลือกร้านอาหาร Weizen Bekery Restaurant & Bar
ร้านอยู่ย่านทาเมล ไม่ไกลจากโรงแรมเดินออกมาหน้าโรงแรมแล้วเลี้วยขวาเดินตรงไปประมาณ 70 เมตร ก็จะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือ ดูในแผนที่ แนะนำครับร้านนี้
ร้านนี้จะเปิดตั้งแต่เช้า 7.00 - 21.00 น ของทุกวัน บรรยากาศภายในร้านน่านั่งครับ ลูกค้าส่วนมากจะเป็นฝรั่งผมทอง มีแต่พวกเราเท่านั้นคนไทยผมดำ
พวกเราสั่งอาหารที่เป็นจานชุดอาหารเช้า จะมีกาแฟ ชา ร้อนเสริฟพร้อมด้วย ผมสั่งสเต็กเนื้อจามรี อยากจะลองกินดูเพราะไปแชงกรีลาที่จีนก็ไม่ได้ลองชิมเนื้อ ปรากฏว่าเนื้อก็คล้ายเนื้อวัวบ้านเราแต่จะมีกลิ่นหน่อยๆ (หรือว่าเราไม่คุ้นเคยกับกลิ่นแบบนี้) ส่วนคนอื่นก็สั่งสเต็กเนื้อแกะ อาหารเช้าชุดต่างๆ ราคาชุดละประมาณ 200 บาท ผมว่าไม่แพงครับเพราะว่าอร่อยและปรืมาณมาก มีอะไรให้หลายๆ อย่าง และสั่งไม่นานก็จะได้กิน แต่พอกำลังกินได้ไม่ถึง 10 นาที เด็กสริฟก็จะเดินมาถามว่า Are you finish? เพื่อจะมาเก็บจาน เป็นอะไรที่แปลกมากๆ อย่างหนึ่งของที่ประเทศเนปาลคือ เราสั่งอาหารแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงถึงจะได้กิน แต่พอเรากินไม่ถึง 10 นาที จะมีเด็กเสริฟมาถาม are you finish? ทุกร้านเป็นแบบนี้หมด ไม่เข้าใจเหมือนกัน พี่ชาลีพูดว่า " ทีเรายังรอได้เกือบตั้งชั่วโมง แต่พอเราจะกินหน่อยทำเป็นรอไม่ได้" ตลกดีครับเป็นแบบนี้เกือบทุกร้าน ทุกเมือง
ค่าอาหารเช้ามื้อนี้รวมแล้ว 800 บาท กินอาหารเช้ากันแบบเต็มที่อิ่มกันทุกคนแนะนำนะครับถ้าใครไปย่านทาเมล ร้านนี้อาหารไม่แพงแล้วแต่เราเลือกครับมีอาหารหลากหลายชนิด และ มี bakery หลากหลายชนิดเช่นกัน ผมมาซื้อหลังเวลา 20.00 น. ราคาลดลงมากกว่าครึ่งครับ
กินข้าวเสร็จยังพอมีเวลาเดิยซื้อของฝาก พวหเราก็เดินย่านทาเมลนั้นแหละครับ ร้านนี้เป็นร้านขายอุปกรณ์เทร็กกิ้ง เสื้อกันหนาว The North Face แต่จะจริงหรือปลอมไม่ขอวิจาร์ณ ต้องไปดูเอาเองครับถูกใจก็ซื้อ ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องซื้อ ผมจึงไม่ได้อะไรเลยตั้งใจจะไปซื้อเสื้อยืด The North face แต่ไม่ถูกใจ
ย่านทาเมลจะมีร้านขายของที่ระลึกจากเนปาลเยอะไปหมด บางคนก็ว่าถูก บางคนก็ว่าแพง ผมว่าขึ้นอยู่กับเราต่อรองด้วยครับ บางร้านก็จะเปิดราคาแพง บางร้านก็เปิดราคาไม่แพง แล้วแต่โชครับ ร้านนี้ขายสินค้าทำด้วยมือ
ตุ๊กตาชัก เป็นสินค้าที่ระลึกเหมือนกัน มีขายหลายร้าน
ย่านทาเมล เมืองกาฐมาณฑุ ก็คล้ายๆ กับตรอกข้าวสารบ้านเรา จะเต็มไปด้วยร้านค้า โรงแรม ที่พักต่างๆ เยอะไปหมด และนายหน้าไกค์ทัวร์ นายหน้าขายของที่ระลึกเยอะไปหมด ยังมีรถสามล้อสำหรับให้นักท่องเที่ยวนั่งชมเมืองด้วย ราคาก็แล้วแต่ใกล้ไกล
จะเช่ารถแท็กซี่ให้ไปส่งยังสถานที่เที่ยวต่างๆ ก็ได้ หรือจะเหมาทั้งวันก็มี ขึ้นอยู่กับการตกลง แต่ดุรถแท็กซี่ของที่นี่แล้วขนาดของรถจะประมาณนี้ครับ คันไม่ใหญ่นั่งได้ 4 คนรวมคนขับก็เต็มรถแล้ว
เดินซื้อของฝากได้ไม่นาน ได้ของฝากคนละเล็กละน้อยติดมือกลับไปฝากคนที่เมืองไทย พวกเราก็กลับโรงแรมเพื่อเตรียมเก็บกระเป๋าต่างๆ และเดินทางไปยังสนามบินตรีภูวัน เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับไฟล์ 14.00 น.
ได้เวลา 11 โมงพวกเราก็ออกเดินทางไปยังสนามบิน ให้แท็กซี่ไปส่ง 400 รูปี โดยทั่วไปค่าแท็กซี่จะอยู่ที่ 200-300 รูปี แต่รถที่เราเหมาไปส่งเป็นรถคันใหญ่ราคาจึงสูงอีกนิด มีเรื่องแปลกๆ จะเล่า พอรถเราจอดผมก็ได้ไปเดินหารถเข็นกระเป๋า ปรากฏว่าไม่มีรถเข็น แต่จะมีพวกเอารถเข็นไปเพื่อรอรับจ้างเข็นกระเป๋าแทน ผมไม่รู้ไปขอเค้าๆ ก็ให้แต่ขอตังส์เราด้วยผมเลยไม่เอา แต่ทันใดนั้นก็มีคนเอารถเข็นมาใกล้ๆ กระเป๋าแล้วยกกระเป๋าพวกเราทั้งหมดใส่รถเข็น แล้วเข็นไปคนเดียว ผมก็เลยคิดว่าช่างเถอะให้ไปสัก 20 รูปีก็พอ พวกเราก็เดินตาม ไปจนจะถึงทางเข้าสนามบินทันใดนั้นเองก็มีชาวเนปาลอีกคนวิ่งมาช่วยเข็นกระเป๋าอีก 1 คนรวมเป็น 2 คน พอถึงประตูพวกเค้าไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ เค้าจึงหยุดเพื่อขอเงินเราผมก็ให้คนแรกไป 20 รูปี คนที่ 2 ก็โวยผมเพราะผมไม่ได้ให้ แต่ผมไม่สนใจผมจึงเข็นรถกระเป๋าเข้าไปข้างใน แปลกดีครับมาเข็นรถไม่ถึง 5 ก้าวจะมาขอเงินแล้ว หากินกันง่ายดี เล่าให้ฟังเล่นๆ
ก่อนมาได้หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องภาษีสนามบิน ว่าทุกคนต้องจ่ายที่สนามบิน แต่จะบอกว่าถ้ามาการบินไทย ราคาตั๋วได้รวมภาษีสนามบินเรียบร้อยแล้วครับ ไม่ต้องไปจ่ายเพิ่มแต่อย่างใด เช็คอินที่นี่จะช้าหน่อยเพราะระบบต่างยังไม่ทันสมัย ได้เวลาพวกเราก็ขึ้นเครื่องกลับบ้านกันหลังจากลุยเนปาลมาตั้ง 10 วัน
สถานที่ต่างๆ ที่พวกเราทั้ง 4 คน ไปเที่ยวในครั้งนี้ ถ้ามากับบริษัททัวร์ จะใช้เวลาประมาณ 7 วันก็พอ แต่พวกเราใช้เวลาทั้งหมด 10 วัน เพราะพวกเราเน้นถ่ายรูปจึงต้องใช้เวลาในแต่ละแห่งนาน ไม่ได้ชะโงกถ่าย ถ่ายแต่ละแห่งให้จุใจไปเลย ถ่ายเสร็จก็กลับหรือไปยังสถานที่ใหม่ๆ แต่ก็มีบางแห่งที่พวกเรายังไม่ได้ไปเยือนเช่น ปาตัน, วัดสยมภูวนาถ, ชิตะวัน, ลุมพินี ฯลฯ เอาไว้มีโอกาสพวกเราคิดว่าจะกลับมาเยือนใหม่ โดยเฉพาะนักส่องนก ที่เนปาลมีนกสวยๆ แปลกๆ เยอะมากๆ
ก็จบเรื่องราวการเดินทางของพวกเราทั้ง 4 คน ทริปตะลุยเนปาล เที่ยวแบบไม่เหนื่อย เที่ยวแบบสบายๆ ผมกับภรรยาหมดไปคนละประมาณ 32,000 บาทรวมทุกอย่าง แต่พี่ชาลีกับทอยหมดไปคนละประมาณ 37,000 บาทเพราะบิน moutian flight
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมเรื่องราวการเดินทางของพวกเรามาตลอดทั้ง 10 วัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่อยากจะไปเที่ยวเอง หรือมีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามเข้ามาได้ครับ ยินดีตอบทุกอย่าง ขอบคุณมากๆ รับ
Create Date : 17 สิงหาคม 2552 | | |
Last Update : 19 สิงหาคม 2552 17:45:10 น. |
Counter : 8643 Pageviews. |
| |
|
|
|