"ปาย"...รักจัง (ภาค 3 จบแล้วจ้า)
ออกจากโป่งน้ำร้อนปาย ซึ่งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ขับมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าเข้าเมืองปาย จะต้องผ่าน สะพานข้ามแม่น้ำปาย จะมี 2 สะพาน คือ สะพานเก่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว และสะพานใหม่เป็นสะพานปูนให้รถที่มาจากเชียงใหม่ผ่านใช้งานอยู่
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำปาย (เก่า) สร้างเมื่อ พ.ศ. 2485 ทหารญี่ปุ่นสร้างเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำปายไปยังประเทศพม่า ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอปาย ใครมาเที่ยวหรือผ่านมาต้องแวะถ่ายรูปกัน
เราก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปกับสะพานประวัติศาสตร์แห่งนี้ไว้เป็นที่ระลึกด้วย
พื้นสะพานเป็นไม้ เวลาเดินต้องดูดี ๆ เดี๋ยวจะหล่นลงไปเล่นแม่น้ำปายโดยไม่ทันตั้งตัว
ตอนที่เราถ่ายรูปก็มีนักท่องเที่ยวรอต่อคิวถ่ายรูปอยู่เหมือนกัน เราเลยชูสัญลักษณ์ของเรา "หนึ่ง" "สอง"
ออกจากสะพานข้ามแม่น้ำปายสมัยสงครามโลกแล้ว ขับรถกลับเข้าตัวเมืองปาย ก่อนถึงตัวเมืองประมาณ 3 กม. ทางขวามือจะพบร้านกาแฟ Coffee In Love เป็นร้านกาแฟที่มีวิวสวยมากแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวที่ผ่านมาก็จะแวะพักจิบกาแฟ ชมวิว ความดังของร้านนี้ไม่แพ้ All About Coffee ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองปาย ตรงข้ามร้านมิตรไทย
ก็เลยแวะจิบกาแฟ ชมวิว กินขนมซะหน่อย เราสั่ง กีวีโซดา ของคุณผู้หญิง ส่วนคุณผู้ชายดื่ม ลาเต้เย็น พร้อม เค้กช็อกโกแลต (ช็อกโกแลตจริง ๆ ขอบอก แทบจะลืมไปว่ากินเค้กอยู่) ราคาไม่ถูกไม่แพงอย่างละประมาณ 50 บาท เบ็ดเสร็จค่าเครื่องดื่ม + ขนม + ชมวิว + สูดอากาศ รวม 150 บาทถ้วนจ้า ตอนที่เราไปคนเยอะอยู่เหมือนกัน นั่งกันเต็มเกือบทุกโต๊ะแน่ะ
กินเสร็จไม่ทำอะไรนอกจากถ่ายรูปสวย ๆ ไว้เป็นที่ระลึกตามระเบียบ
ป้ายหน้าร้านเค้าทำเก๋ดี ตัวใหญ่ได้ใจมั่ก ๆ
อีกมุมของป้ายหน้าร้าน ใหญ่ไม่ใหญ่ดูเอาเองแล้วกัน
นานเจอของแปลก ๆ ต้องถ่ายไว้เยอะ ๆ เราอยู่ตรงกลางของคำว่า "love"
ข้าง ๆ ป้ายชื่อร้านจะมีหลักกิโลจำลอง อันใหญ่มากตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน ที่เราชี้ ๆ กันอยู่นี่เพื่อจะบอกว่า "อีก 3 กม. จะถึงปายแล้วนะจ๊ะ"
หลักกิโลอันนี้ของแท้
ขับรถเที่ยวจนเหนื่อยกลับไปนอนเล่นตีพุงที่ศาลาข้างแม่น้ำปายดีกว่า
นั่งเก็กสวย (มั๊ง...คนจะหลับก็ขุดขึ้นมาถ่ายรูป ก็ได้หน้าบู้ ๆ อย่างนี้หละ 555+)
อาหารของเรามื้อค่ำที่ ร้านอาหารบ้านปาย เป็นร้านที่ขายอาหารทั้งไทย และต่างประเทศรสชาดใช้ได้ อร่อยดี บรรยากาศก็ดี
ใครไปที่ปายก็ชอบไปกินอาหารร้านนี้กัน มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ส่วนคนในรูปไทย (อีสาน) 100%
ร้านนี้มีโฟค์ซองเล่นด้วย เค้าเล่นทั้งเพลงไทย และเพลงสากล นั่งฟังแล้วคิดถึงเพื่อน ๆ ที่เรียนหนังสือมาด้วยกัน สมัยเรียนจบกันใหม่ ๆ แล้วมาทำงานในกรุงเทพฯ พวกเราจะไปนั่งฟังเพลงตามร้านฯ กันประจำ คิดไปคิดมาเพลินดีเหมือนกัน เค้าร้องเพลงเสียงดี สำเนียงกีต้าร์เพราะดีด้วย เพลิ๊น..เพลิน จนเกือบลืมไปว่าอาหารยังไม่ได้กินเลยง่า
เรามาปายในครั้งนี้นอกจากจะมาเที่ยวแล้ว เรายังตั้งใจมาทำบุญกันด้วย เราจึงตื่นเช้าเพื่อที่จะไปใส่บาตรพระ โดยการไปตลาดเพื่อซื้อของใส่บาตร ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำปาย (ใหม่) ก็เลยแวะถ่ายรูปก่อน
ประมาณ 10 โมง เรานัดรถตู้ไว้ไปส่งที่อาเขตเชียงใหม่ ขากลับนี้โชเฟอร์อาจมีประสบการณ์ไม่มากเพราะยังเป็นนักศึกษามาช่วยที่บ้านขับรถ มีผู้โดยสารคนหนึ่งขอคายอาหารเช้าเป็นระยะ ๆ แต่ทางราบเขาขับได้ดีมาก เร็วด้วย ก็เลยมาถึงอาเขตโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง (ไวมาก ๆ) มาถึงไว แล้วจะอยู่ที่ไหนดี เพราะเครื่องบินออก 3 ทุ่มง่า.... นึกไป นึกมา รู้ละ....ไปเยี่ยม "ช่วงช่วง" กะ "หลินฮุย" ดีกว่า ตอนที่เราไปถึง "ช่วงช่วง" กำลังหลับอยู่ ผู้ดูแลเค้าก็ชูป้ายงดใช้เสียง อากาศข้างในเย็นสบาย "ช่วงช่วง" นอนหลับปุ๋ยเลย
ภาพมุมไกลของ "ช่วงช่วง" เวลาหลับ (ก็ยังน่ารักมาก)
"ช่วงช่วง" ตื่นแล้ว ได้เวลากินไผ่ของโปรดพอดี โดยไผ่ที่เจ้าหน้าที่เค้านำมาให้นี้จะปลูกเอง และทำความสะอาดอย่างดี ก่อนนำมาให้เจ้าหมีแพนด้ายักษ์ทั้งสองกินกัน
"ช่วงช่วง" ยังคงแทะไผ่อย่างสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ส่วนกองเหลือง ๆ ที่เห็นนี้เป็น "อดีตต้นไผ่" ที่ผ่านการย่อยโดยเจ้าตัวที่อยู่บนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว โดยทางสวนสัตว์เค้าก็จะนำไปผ่านกรรมวิธีทำเป็น "กระดาษมูลหมีแพนด้ายักษ์" มาจำหน่ายเป็นที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้อีกด้วย (คล้าย ๆ กับการทำกระดาษมูลช้างอ่ะ)
ป้ายบอกประวัติของ "ช่วงช่วง" เห็นแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงตัวใหญ่ปุ๊กลุ๊กได้ขนาดนี้ ก็น้ำหนักปาเข้าไปตั้ง 144 กก. แน่ะ
กินไม่เลิกเลย ที่สังเกตเห็นคือมันชอบกินตรงข้อของต้นไผ่ แทะแล้วแทะอีกดูน่าอร่อย (เดี๋ยวกลับบ้านไปจะไปลองตัดมาชิมสักหน่อยสิว่ามันอร่อยตรงไหนกัน แหม...ดูท่าเพลินเชียว)
ส่วนตัวนี้ชื่อ "หลินฮุย" เป็นแฟนของ "ช่วงช่วง" เค้าจ้า ภาพนี้กำลังเดินมาขอขนมกินจากเจ้าหน้าที่ ขนมที่ให้มันคืออาหารเสริมหน้าตาเหมือนแคร็กเกอร์อันใหญ่ ๆ อ่ะ เค้าจะให้เป็นเวลานะมีตารางบอกเวลาไว้ด้วยหละ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลนี้เค้าจะจดบันทึกพฤติกรรมการกินอยู่ของเจ้าหมี 2 ตัวไว้ทุกอย่างตลอดเวลาเลย
ได้ขนมมาละ เอามานั่งกินหยับ ๆ สบายใจเลยนะ "หลินฮุย"
พอขนมหมด "หลินฮุย" ก็สัปหงก งึก ๆ อยู่สักพัก
จากนั้นก็ล้มกลิ้งหลับปุ๋ยไปเลย (กินได้ นอนหลับ ดีจริง ๆ นะ 555+)
คนนี้ก็อยากถ่ายรูปกะ "หลินฮุย" แต่ไม่ทันซะแล้ว เลยได้ถ่ายภาพกะหมีแพนด้านอนหลับเลย หุ ๆ ๆ
นอนกลิ้งที่พื้นสักพัก "หลินฮุย" ก็ย้ายที่ไปนอนบนนั่งร้าน กลิ้งไป กลิ้งมา สบายอารมณ์เลย (น่ารักจริง ๆ อ่ะ)
หลังจากเที่ยวชมสวนสัตว์เชียงใหม่จนทั่วแล้ว ก่อนไปสนามบินแวะซื้อของฝากที่ "ตลาดวโรรส" ซะหน่อย เที่ยวบินขากลับก็มีนักท่องเที่ยวซื้อของฝากมากันเยอะแยะส่วนใหญ่ก็จะเป็นแคปหมู น้ำพริกหนุ่ม เรียกได้ว่าเป็น "ไฟล์ทแคปหมู" อีกไฟล์ทหนึ่งจริง ๆ
จบแล้วจ้า...สำหรับทริปเที่ยวเมืองปายของเราสองคน ปายเป็นเมืองน่าเที่ยวอีกเมืองหนึ่งที่เราตกลงใจกันแล้วว่า หากมีโอกาสเหมาะ ๆ จะไปเที่ยวปายช่วงที่หนาว ๆ กันอีกแน่นอนจ้า สำหรับทริปหน้าเราสองคนจะตะลอนไปเที่ยวไหนกันอีก โปรดติดตามกันต่อไปนะจ๊ะ บ๊าย...บาย
Create Date : 03 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 5 ตุลาคม 2550 21:54:27 น. |
Counter : 2206 Pageviews. |
| |
|
|
|