Group Blog
All Blog
|
ไก่เทริยากิและไข่ตุ๋น
เมนูนี้เมื่อก่อนก็คิดว่ายาก แต่ตอนนี้ไม่ยากละ มาลองทำกันดูนะคะ
1. สะโพกติดน่อง 1 ชิ้น (แล้วแต่ชอบเนื้ออกหรือสะโพก) ส่วนตัวชอบเนื้อสะโพกติดน่องค่ะ หั่นให้เป็นชิ้น ๆ ลับมีดให้คม ๆ ค่อย ๆ ลองหั่นไป อย่าให้ใหญ่มากมันจะสุกยาก พอผัดนานทำให้ไก่แห้ง 2. ซอสเทริยากิ ตอนนี้มีซอสสำเร็จรูปขาย ไม่แพงด้วยค่ะ ยี่ห้อทาคุมิ (เมื่อก่อนใช้ของคิโคแมน ... แพงโพ่ด ๆ ... เปลี่ยนใจหละ อร่อยเหมือนกัน) 3. เครื่องเคียง กะหล่ำปลีและแครอทซอยเป็นเส้น ๆ ... (ดูเริ่ดเหมือนที่ร้านดี อิอิ) - กะหล่ำปลีเอามีดซอย - แครอท ถ้ามีที่ขูดแบบเป็นเส้น ๆ ที่เอาไว้ขูดทำส้มตำ ก็ทุ่นเวลาไปเยอะเลยค่ะ ขูดโลด วิธีทำ 1. ใส่น้ำมันประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ (กะให้พอดีกับไก่ มันนิดนหน่อยไม่เป็นไร เดี๋ยวจะผัดผักต่อ) เอาไก่ลงผัดให้สุก ดูสีว่าเปลี่ยนจากสีสด ๆ เป็นสีซีดหน่อย 2. ใส่ซอสเทริยากิประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ กะดูว่าถ้ายังแห้งไปก็ค่อย ๆ เติมซอส ตักใส่จานพักไว้ 3. ใส่น้ำมันประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ผักกะหล่ำปลีและแครอทลงไปผัด เติมน้ำร้อนนิดหน่อยพอให้ผักสุกง่าย เมื่อผักสุกเติมซอสเทริยากิประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ตักใส่จาน *** วิธีหุงข้าวให้เหมือนข้าวญี่ปุ่น ถ้าหุงข้าว 1 กระป๋อง ให้เติมข้าวเหนียว 1 ช้อนโต๊ะพูน ถ้าหุง 2 กระป๋อง ก็ใส่ 2 ช้อนโต๊ะ ข้าวจะเหนีียวอร่อย (เพียงแต่เม็ดไม่สั้น ๆ ป้อม ๆ เท่านั้นเอง *** วิธีทำไข่ตุ๋นเนื้อเนียนแบบง่าย ๆ 1. ตอกไข่ใส่ชาม ใช้ส้อมตีไข่ 2. เติมน้ำปริมาณเท่ากับไข่ หรือมากกว่านิดหน่อย 3. ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสประมาณครึ่งช้อนชา คนให้เข้ากัน 4. กรองผ่านกระชอนใส่ในชามที่จะเอาไปนึ่ง (เพิ่งไปถอยชามเซรามิคพร้อมฝาแบบที่ร้านมา ใบละ 60 บาท ... ได้ผลค่ะ น้องคิดชอบอาหารที่รูปลักษณ์เหมือนกันนะ ... ให้เค้าทายว่าข้างในเป็นอะไร ... ) เวลากรองใจเย็น ๆ นะคะ กระชอนก็ต้องตาถี่ ๆ เลย จะได้เนียน ๆ พยายามอย่าให้เกิดฟองในชาม 5. เติมน้ำใส่ซึ้ง เอาชามวาง แล้วค่อยเปิดไฟ ... เปิดไฟปานกลางก็พอ กะว่าเวลาเดือดอย่าให้น้ำปุด ๆ ... ให้ค่อย ๆ สุก แล้วเนื้อไข่จะเนียนมากค่ะ มื้อเย็นก็จบลงด้วยความแฮปปี้ทั้งแม่และลูก ตอนแรกน้องคิดไม่ยอมกิน ... มีเทคนิคค่ะ เอาตะเกียบมาช่วย เมื่อมีอุปกรณ์แปลก ๆ น้องคิดจะชอบมาก แต่ก็ต้องระวังหยิบไปเล่นแล้วทิ่มตา ... ป้อน ๆ ข้าวแล้วไม่ยอมกิน ก็เอาตะเกียบคีบไก่ใส่ปาก ... กินหมดเลยค่ะ ENJOY EATING NA KA ... ![]() บะหมี่หน้าไก่ต้มและหมูทอด
วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553
ตั้งแต่มีลูกเนี่ย บ้าทำอาหารทั้งวันเลย ... คอยคิดเมนูไปเรื่อย บางทีก็ตื้อ ๆ ไม่รู้จะทำอะไรให้กินดี วันก่อนมาม๊ามาบ้าน เอาบะหมี่ (ที่เหลือจากตรอกจันทน์) มาฝากสองก้อน ... เอ่อ พอดีกินกับน้องคิดเลย กินกับไรดีหว่า ... มีสะโพกไก่หั่นไว้อยู่ชิ้นนึง (ซื้อมาน่องติดสะโพก แต่แล่เนื้อส่วนน่องกับสะโพกบางส่วนไปทำไก่เทริยากิเมื่อวานแล้ว) กะว่าจะเอามาต้มทำข้าวมันไก่ให้คิดกิน ... เอามาบวกกันเลย ใจนึงก็กลัวลูกไม่กิน ... เลยเอาหมูไปหมักแล้วเอามาทอดด้วย ปรากฏว่าคุณชายกินเรียบทุกอย่างเลยค่ะ วันนี้มีวิธีทำไม่ยากมาฝากด้วย 1. ต้มไก่ ... ต้มน้ำให้เดือดก่อน ใส่ไก่ลงไปทั้งชิ้นเลย - เอาไก่หมักกับน้ำตาลและเกลืออย่างละนิดหน่อย ประมาณปลายช้อนชาก็พอ - อย่าใส่น้ำเยอะมาก กะว่าพอทำแกงจืดได้อีกหนึ่งชามก็พอ - ถ้าให้ดีก็หั่นแบ่งครึ่งให้บาง ๆ หน่อย จะได้สุกง่าย แต่ถ้าชิ้นหนา ก็ลองตักขึ้นมาหั่นกลางดูว่าสุกหรือยัง) 2. ต้มบะหมี่ ... - เอาบะหมี่มาคลี่ออก อย่าให้เป็นก้อนแน่น ... ล้างน้ำธรรมดาให้แป้งหลุด แล้วรีบเอาลงไปลวกในหม้อ เอาตะเกียบหรือส้อมคอยคน ... ชิมดูว่าเส้นสุกหรือยัง อย่านานเกินไป เส้นจะเละ 3. ปรุงรสบะหมี่ ... - ทำกระเทียมเจียวง่าย ๆ คือ เอาน้ำมันใส่หม้อประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ สับกระเทียม (ปอกเปลือก) ใส่ลงไป รอดูจนกระเทียมเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ (แต่จะบอกว่า ออยทำกระเทียมเจียวไม่ค่อยอร่อย) - น้ำปรุงรสคือ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำตาล ถ้าทำชามเดียว อย่างละประมาณ 1 ช้อนชาก็พอ คน ๆ ให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ ตักใส่บะหมี่ที่ใส่กระเทียมเจียวไว้แล้ว เอาส้อมคน ๆ คอยชิมรสอย่าให้เค็มเกินไป 4. เสร็จแล้วก็หั่นไก่มาโปะข้างหน้า โรยผักชีซอย (เพิ่งรู้ตัวว่าไม่ชอบกินต้นหอมซอย กลิ่นแรงมาก) และพริกไทย ... หม่ำได้เลย อร่อยสุด ๆ ![]() จานนี้ของน้องคิด ไม่โรยพริกไทย ![]() น้ำต้มไก่ที่เหลืออย่าให้เสียของ ชิมรสดูก่อน มันจะออกเค็ม ๆ นิดนึงจากที่เราหมักไก่ และความหวานจากเนื้อไก่ (อ้อ อย่าต้มไก่นานมาก เพราะเนื้อไก่จะจืดไม่อร่อย) เอาผักกาดขาวหรือผักอื่น ๆ ที่ชอบใส่ลงไป ต้มจนเดือด (ของน้องคิดต้มให้นิ่มหน่อย กินง่ายดี) หน้าตาเป็นเช่นนี่แล ... หลอกกินไปได้เกือบสองช้อนโต๊ะ ก็ยังดีเนอะ ![]() วิธีทำหมูทอด (น้องคิดเรียกไก่ตลอดเลย) 1. หมักหมูก่อนทอดประมาณ 2-3 ชั่วโมง ด้วยส่วนผสมดังต่อไปนี้ - หมูสันใน ปกติเวลาซื้อจะต้องซื้อทั้งเส้น ยาว ๆ ก็กะเอาว่าหั่นให้ได้สามท่อน - เสร็จแล้วก็หั่นเป็นเส้น ๆ (นึกภาพเวลาเราไปซื้อหมูทอดกินกับข้าวเหนียว หั่นให้ได้แบบนั้นเลย) - ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ - ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ (แม๊กกี้ ง่วนเชียง ฯลฯ ได้หมด) - น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (ใครไม่ชอบหวานก็ลดลงเหลือ 1/2 ช้อนโต๊ะก็ได้ แต่หวานแล้วอร่อยนะ) - รากผักชี 1-2 ราก (ทุบ ๆ ให้แบนด้วย กลิ่นจะได้ออก แต่ถ้าไม่มีก็คงไม่ต้องใส่มั้ง) - กระเทียม 3-4 กลีบ (แกะเปลือกแล้วทุบ แต่ไม่ต้องสับ ... จริง ๆ ถ้าผู้ใหญ่กินก็น่าจะสับได้ แต่ถ้าเด็กเล็กแค่พอให้มีกลิ่นหอมก็พอ) 2. เอาไปแช่ตู้เย็นไว้ ก่อนจะทอดก็เอามาคลุกกับแป้งมันสำปะหลัง หรือแป้งข้าวโพด ใส่ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ... คลุก ๆ ให้ทั่ว 3. ใส่น้ำมันในหม้อ เอาหม้อใบเล็ก ๆ หน่อยนะ จะได้ไม่เปลืองน้ำมัน (ขี้เกียจทอดในกระทะ เพราะใช้หม้อต่อจากเจียวกระเทียม) กะว่าให้ท่วมหมูที่จะทอด - อย่าขี้เหนียวน้ำมัน น้ำมันน้อยจะสุกช้าและไม่อร่อย ติดหม้อวุ่นวายด้วย - กะให้น้ำมันพอร้อน ตอนแรกเปิดไฟปานกลาง พอใส่หมูเสร็จก็หรี่ไฟให้เบาลง อย่าให้ร้อนจัด ไม่งั้นหมูจะไหม้ข้างนอกแต่ข้างในไม่สุก - ทอดไปซักพัก ก็เอาที่คีบเขี่ย ๆ หมูให้กลับด้าน รอจนสุก (เคยเห็นที่คีบกล้วยแขกมั้ยคะ อันนั้นใช้ดีมากกับของทอดนะ ดีกว่าตะหลิวเยอะเลยค่ะ สะดวกมาก) - ถ้าไม่แน่ใจก็คีบชิ้นนึงออกมาหั่นดูตรงกลางว่าสุกหรือเปล่า ถ้ายังไม่สุกก็ทอดต่อแป๊บนึง (จริง ๆ ตอนคีบออกมาแล้วหั่นดู หมูในหม้อก็สุกแล้วหละ เพราะกินเวลาเหมือนกัน) หน้าตาเป็นเช่นนี้ค่ะ น้องคิดชอบมาก กินไปน่าจะ 7-8 ชิ้นในมื้อนี้ ![]() ไม่มีสูตรตายตัว แค่ให้ทราบว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง อะไรควรลงก่อน อะไรควรลงหลัง (สุกง่ายหรือยาก) ... ทำผิดก็รีบตักขึ้นจากเตา แล้วค่อย ๆ แก้ไขไป ... ลองทำดูนะคะ ขอให้สนุกกับการทำอาหารค่ะ ... สุกี้ยากี้แห้งหมู
วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553
วันนี้กลางวันที่จริงอยากกินข้าวต้มหมูสับ (แต่หมูสับมีกลิ่นแปลก ๆ เพราะเก็บในช่องใต้่่ช่องฟรีซมาสามวัน ... ทั้ง ๆ ที่หมักแล้วนะ เมื่อเช้าอุตส่าห์ออกไปซื้อขิงมา ... อดเลย) เลยเปลี่ยนเมนูกระทันหัน เป็นสุกี้ยากี้แห้งหมู เมื่อเช้าไปซื้อวุ้นเส้นกับน้ำจิ้มสุกี้เผื่อเอาไว้แล้ว กะว่าวันไหนว่าง ๆ ค่อยทำกิน เก็บไว้ไม่เสียอยู่แล้ว พอดีมีผักบุ้งกับผักกาดขาวปลอดสารพิษที่โซ้ยโกวซื้อมาฝากเมื่อวันก่อน เค้าไปเดินงานที่สวนอัมพรมา ... เมื่อก่อนทำอาหารไม่เป็นก็รู้สึกยาก เดี๋ยวนี้พอทำเป็นบ้างก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่นึกภาพว่าอะไรสุกง่ายสุกยาก ก็เอาลงก่อนหลังให้ถูกลำดับเท่านั้นเอง ... แต่ถ้าเอาลงผิดลำดับ ก็ตักขึ้มากจากกระทะ ... ไม่ยากใช่ม๊า มีวิธีทำมาฝากด้วย (อาหารจานนี้มันหน่อยนะ ... ใส่น้ำมันเยอะเลยค่ะ แห้ง ๆ ไม่ค่อยอร่อย ต้องมันนิดนึง และมีกลิ่นไหม้ ๆ หน่อยนึง หอมดี) 1. ใส่น้ำมันประมาณสองช้อนโต๊ะ ผัดหมูจนเกือบสุกแล้วตักใส่จาน (ดูภายนอกว่าเนื้อหมูเปลี่ยนสีจากสด ๆ เป็นซีดลงเล็กน้อย) ที่ไม่ให้สุกมากเพราะว่าสุดท้ายจะเอาลงไปผัดพร้อมกันอีกทีนึง 2. ใส่น้ำมันประมาณสองช้อนโต๊ะ ผัดวุ้นเส้นไปซักพักคอยเติมน้ำร้อนทีละน้อย ๆ ประมาณครึ่งถ้วยกาแฟ ผัดจนวุ้นเส้นนิ่มแต่อย่านาน มันจะเละ ใช้วิธีชิมเอา เสร็จแล้วก็ตักใส่จานหมู (อย่าลืมเอาวุ้นเส้นแช่น้ำตามเวลาที่ข้างซองระบุ ส่วนใหญ่ก็ไม่น้อยกว่า 5-7 นาที แล้วสะเด็ดน้ำไว้ หั่นแบ่งครึ่งหน่อยก็ดี ไม่งั้นยาวเกิน ปกติถ้ากินคนเดียวก็ใช้ห่อเล็ก) 3. ใส่น้ำมันประมาณสองช้อนโต๊ะ ผัดผักบุ้งและผักกาดขาว คอยเติมน้ำร้อนทีละน้อย ๆ เช่นกัน ให้ผักสุก 4. เอาหมู วุ้นเส้น ใส่ตามลงไป แหวกตรงกลางแล้วตอกไข่ใส่ลงไป คน ๆ ให้แตก ผัดให้เข้ากัน 5. ใส่น้ำจิ้มสุกี้ (ชิมก่อนนะว่ารสชาดเป็นไง จะได้ปรุงเพิ่มถูก) วันนี้ใส่ประมาณสามช้อนโต๊ะ ... 6. ใส่คึ่นช่าย (อันนี้แล้วแต่ชอบ ไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ เมื่อก่อนก็ไม่ชอบ แต่ตอนนี้กินได้ละ)ผัด ๆ ให้มันสลบนิดนึง (เปลี่ยนจากสีสด ๆ เป็นสีสุก ๆ ... เข้าใจป่าวอ่ะ ลองทำดูละกัน) 7. เสร็จแล้วก็ตักใส่จาน ถ้ายังไม่สะใจ ก็เทน้ำจิ้มเพิ่มจะได้แซ่บหลายเด้อค่า มีรูปมาให้ดูด้วยนะคะ ... ไม่สวยแต่อร่อยน๊า ![]() ข้าวคลุกกระเพราหมูไข่ดาว และฟักทองนึ่ง
เดี๋ยวนี้พอทำกับข้าวเป็นบ้าง บวกกับข้อมูล ส่วนประกอบ เครื่องปรุงต่าง ๆ ก็หาได้ง่ายในอินเตอร์เน็ต ก็เลยมีอาหารที่เราชอบได้กินทุกวัน
ส่วนข้าง ๆ คือฟักทองนึ่ง ... เอาไว้กินตอนบ่าย ๆ คิดเอาเองว่าน้องชายของน้องคิดจะต้องแข็งแรง เพราะท้องนี้กินทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยเฉพาะชอบกินผักสดกับผลไม้มาก ๆ (กลัวเบาหวานเหมือนกันนะเนี่ย) ![]() ข้าวเหนียว ปีกไก่อบน้ำปลา
ได้สูตรมาจากเน็ตนี่หละค่ะ ไม่ชอบกินกลิ่นพะโล้ เลยหาสูตรไก่อบไปเรื่อย ... จนมาเจอกับปีกไก่อบน้ำปลา ...
นึกเอาเองว่ากินกับข้าวเหนียวน่าจะอร่อย ก็อร่อยจริง ๆ ด้วย แต่น้องคิดยังแทะกินเองไม่เป็นนะคะ ออยแกะเนื้อให้ ... ![]() ระหว่างนั้นก็เกิดอยากกิน "ข้าวไก่อบ" ที่เอแบคหัวหมาก ซึ่งกินเป็นประจำตอนเรียนมหาวิทยาลัยทั้งตรีและโท ... ตอนนี้ไม่มีเวลาไปกินเลย เพราะปาป๊าน้องคิดต้องทำงานวันเสาร์ด้วย เคยไปวันอาทิตย์แต่ร้านปิด ... อืม น้ำลายหกตลอดทาง ทำไงดีหว่า ... ต้นตำรับเค้าหน้าตาแบบเนี๊ยะ น้ำราดเค็ม ๆ แต่อร่อย น้ำจิ้มเหลว ๆ แต่รสแซ่บนะ (สำหรับเรา) ![]() เลยได้ออกมาเป็น "ข้าวหน้าปีกไก่อบน้ำปลา" แทนไปก่อน ... พอแก้ขัดอ่ะ น้ำจิ้มก็มั่ว ๆ เอา ดูโหรงเหรงเนอะ แต่เผ็ดนะ ไม่ได้เอาเม็ดออกเลย ![]() |
คุณรักผมและผมรักคุณ
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Friends Blog
Link |