Group Blog
 
All blogs
 

โรงแรมเอเชีย@ราชเทวี กทม.

วันนี้ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ หยกก็เลยเอารูปที่ถ่ายไว้ตอนไปประชุมที่โรงแรมเอเชียมาลงบล็อกไว้ค่ะ เผื่อสาวๆ ท่านไหนสนใจไปช็อปปิ้งแถวๆ สยามหรือประตูน้ำ จะได้เก็บไว้เป็นตัวเลือกกันได้ เพราะโรงแรมที่ว่านี้อยู่ตรง BTS ราชเวที มีบันไดเชื่อมไป BTS เลยด้วย และก็รู้ๆ กันอยู่นะคะ ว่า BTS ราชเทวี ใกล้แสนใกล้กับสยาม หรือประตูน้ำแค่ไหน

สำหรับราคา เข้าไปเช็คได้ที่เว็บของโรงแรมนะคะ
//www.asiahotel.co.th/thai/bangkok/bangkok.html

โรงแรมเอเชียเป็นโรงแรมที่ค่อนข้างเก่านะคะ แต่เรื่องความสะอาดจัดว่าดีเลยค่ะ





สองรูปข้างบนเป็นห้องที่อยู่คนละชั้นกันนะคะ การปูเตียง การตกแต่งห้องก็จะต่างกันค่ะ

มารอบๆ ห้องกันหน่อย
โต๊ะเครื่องแป้งค่ะ



ตู้เย็น (เก่าเชียว)



โทรทัศน์ค่ะ (ขอยืนยันนะคะว่าเป็นโทรทัศน์สี )



ทางเดินภายในห้องค่ะ ถ่ายมามืดหน่อยนะคะ



ลืมบอกค่ะ...มีไดร์เป่าผมให้ใช้้้ด้วยแฮะ



มองจากหน้าต่างไป จะเห็นวิวสถานีรถไฟฟ้าค่ะ ฝั่งตรงข้ามเป็น VIE hotel นะคะ





มาดูห้องน้ำกันบ้างนะคะ
เปิดประตูป๊าบบบเข้าไป เจอเจ้านี่เลยค่ะ ...ดันไม่มีสายฉีดแฮะ แอบเซ็งเล็กน้อย



ฝั่งซ้ายมือ...ก้อต้องเป็นอ่างอาบน้ำสิเนอะ



เหนืออ่าง ก้อต้องเป็นเจ้านี่...
หุหุ แต่ที่นี่เค้าให้สบู่ กะยาสระผมมาแบบติดหนึบอยู่ข้างฝานะคร้า



อ่างล้างหน้า จะมีก๊อกพิเศษสำหรับน้ำดื่มด้วยค่ะ ดังนั้นเค้าจะไม่มีน้ำดื่มเป็นขวดแจกฟรีนะคะ หยกลองชิมแล้ว รสชาติน้ำไม่ถูกใจ เลยเดินไปซื้อที่เซเว่นใกล้ๆ โรงแรมเอาอะค่ะ (คิดมากไปเองนั่นแหละคร่าา )





มีใครเคยเป็นแบบหยกบ้างมั้ยคะ ...เห็นทิชชูเค้าทำไว้สวยอย่างนี้แล้วไม่อยากจะใช้เลย ...แบบว่าเกรงใจ



อาหารเช้าของโรงแรมจัดเป็นบุฟเฟ่ต์นะคะ คุณภาพอาหารดีทีเดียวเชียว แต่ออกจะมีทีี่นั่งน้อยไปหน่อย บางวันต้องต่อคิวรอ แต่น้องๆ พนักงานก็สามารถจัดคิวได้่ดีเลยค่ะ อ้อ...ก่อนเข้าไปในห้องอาหาร จะต้องรับคิวทุกครั้งนะคะ




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2552 17:54:26 น.
Counter : 22260 Pageviews.  

ตูกะสู cottage @ อุ้มผาง จ.ตาก

ดองไว้นานเลยค่ะ สำหรับ "ตูกะสู คอทเทจ" รีสอร์ทสุดแสนจะธรรมชาติ อาหารเยี่ยม บริการสุดยอด

ที่ได้มีโอกาสไปพักที่ตูกะสู เพราะตอนนั้นหยกและเพื่อนๆ ตั้งใจว่าจะไปเดินเท้าเข้าสู่น้ำตกทีลอซูกันสักครั้งหนึ่งในชีวิต ลอง search หารีสอร์ทที่เค้าแนะนำกันแล้วก็มาถูกใจที่นี่

เราให้ตูกะสูช่วยจัดการเรื่องรถตู้จาก กทม. ไป อ.อุ้มผาง ซึ่งตูกะสูก็จัดเตรียมรถตู้ไฮโซคันนี้ให้ค่ะ พวกเราแทบไม่ได้นอนเลยเพราะมัวแต่จะดูหนัง พี่แดง....พี่โชเฟอร์แสนใจดีมีแผ่นหนังดังๆ เพียบ ทำเอาพวกเราที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแทบจะไม่ได้มีเวลาเมาท์กันเลย

รถคันนี้ค่ะ พาเราไปถึงอุ้มผาง



หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการดูหนัง เราก็นอนหลับกันไป รู้ตัวอีกครั้งตอนพี่แดงปลุกให้เข้าห้องน้ำ ในทางช่วงสุดท้ายก่อนถึงอุ้มผาง ...พี่แดงบอกว่านี่เป็นห้องน้ำที่สุดท้าย บนเส้นทางนี้จนกว่าจะถึงรีสอร์ทจะไม่มีห้องน้ำแล้ว ...พวกเราก็เลยต้องลงจากรถไปเข้าห้องน้ำที่ดับไฟมืดสนิท อาศัยเพียงแสงจากไฟหน้ารถที่ส่องเข้ามา ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเหน็บ จากนั้นเมื่อเสร็จธุระก็เดินทางต่อ

มาตื่นอีกครั้ง ก็ถึงตูกะสูพอดี ตอนนั้นเริ่มเช้าแล้วค่ะ อากาศหนาวมากๆ
พี่ๆ ก็มาต้อนรับอย่างอบอุ่น พวกเราเปิดห้อง 2 ห้อง แต่ละห้องจะมีเตียง 2 ชั้น (เตียงกว้างมากกกกกก) 1 เตียง และเตียงเดี่ยว 1 เตียง





อาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาโซ้ยอาหารเช้ากันต่อ ...อาหารสุดยอดมากๆ เรากินกันเกลี้ยงเลย



มีกาแฟ ชา ชงกันสดๆ ด้วย



กินเสร็จ พี่เค้าบอกให้เราไปเก็บเสื้อผ้าที่จะนำไปที่น้ำตก เลือกเฉพาะเสื้อผ้าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น เพราะงานนี้ต้องแบกกันเอง ของใครของมันนะคะ แต่ก่อนจะยัดลงเป้ พี่เค้าบอกให้เอาใส่ถุงก่อนเพื่อกันน้ำ เอาถุง+ยางวงมาให้พร้อมสรรพ ส่วนของมีค่าฝากพี่เค้าไว้ได้เลย

รถพร้อม เรือพร้อม คนพร้อม







แพยางที่เรานั่งไป จะมีนายท้ายและนายหัวเรือคอยคัดไปให้ค่ะ เราก็ได้แต่นั่งเฉยๆ ดื่มด่ำธรรมชาติไปเรื่อยๆ



มีแวะระหว่างทาง ไปสัมผัสน้ำร้อน และโคลนเต็มๆ



นั่งเรือจนถึงเที่ยง ก็ถืงฝั่งที่หมาย พี่นายหัวเรือซึ่งเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นไกด์ประจำกรุ๊ปเราก็นำข้าวห่อมาให้ (ห่อใบตองเลยค่ะ ...อร่อย )

กินเสร็จ ก็แบกสัมภาระใครสัมภาระมัน เดินเท้าต่อ ขึ้นเนิน ลงเนิน เดินอย่างนี้ไปเรื่อยๆ (เอ่อ...จะบอกว่ามันไม่เหมือนที่คิดอะค่ะ ตอนแรกจินตนาการไว้ว่าเราจะได้เดินไปตามทางเดินเล็กๆ พื้นดินแฉะๆ อะไรประมาณนี้ ...ที่ไหนได้ กลายเป็นว่าเราต้องเดินตามถนนซะนี่ ผิดคาดเลยแฮะ )

ถึงแล้ววววว...เรามานั่งรอกันตรงนี้ค่ะ ที่โรงอาหาร เพราะรอคุณไกด์ตรวจเช็คความเรียบร้อยของเต็นท์ของเรา (เค้าเอาเต็นท์มาทางรถอะค่ะ ไม่ต้องเดินเอามาหรอก )



เต็นท์ๆๆๆๆ



ข้างในเต็นท์มีเครื่องนอนพร้อมสรรพค่ะ



วางของในเต็นท์เรียบร้อยแล้ว เราก็ไปอาบน้ำที่ลำธารที่อยู่ไม่ไกลค่ะ จริงๆ แล้วห้องน้ำก็มีนะคะ แต่ต้องรอคิวกัน และส่วนใหญ่จะเป็นห้องส้วม อาบในลำธารเลยดีกว่า ยังไงน้ำก็มาจากที่เดียวกันอยู่แล้ว แต่ยิ่งอาบไป อาบไป ก็จะมีคนมาอยู่เหนือลำธารของเรามากขึ้น เลยอยู่ไม่ได้นาน รีบขึ้นดีกว่า

ขึ้นจากลำธารมาถ่ายรูปเก็บป้าย



แล้วพี่ไกด์ก็มาเรียกไปกินข้าว...เย้

อาหารแบบนี้กลางป่า เราจัดเป็นอาหารเหลาเลยนะคะ แล้วก็อร่อยมากๆ ด้วย







กินเสร็จ กลับมานั่งล้อมวงกันหน้าเต็นท์ (พี่เค้าปูเสื่อให้เรานั่งล้อมวงกันหน้าเต็นท์ด้วยค่ะ) แล้วพี่ไกด์ของเราก็ไปตัดไม้มาทำคบไฟให้เรา (บรรยายไม่ถูก ประมาณว่าตัดไม้มาทำที่เสียบเทียนอะค่ะ ...คบไฟนี่เวอร์ไปมั้ยน๊าเรา)

นอนหลับสนิทด้วยความเหนื่อย



ตื่นมาตอนเช้า น้ำเนิ้มไม่ต้องอาบค่ะ เราค่อยไปเปียกกันที่น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ...ก่อนออกเดินทาง เราจะต้องจัดการกับสิ่งนี้ก่อน...





จากนั้นก็ออกเดินทางไปน้ำตก เดินเท้าไปไม่เท่าไหร่ก็ถึงแล้วค่ะ นี่ขนาดปีนี้คนมาเที่ยวน้อย ยังไม่รู้จะหามุมถ่ายรูปตรงเหนเลย



สุดยอดอลังการแห่งน้ำตกจริงๆ เลยค่ะ พอเราเดินใกล้เข้าไป ก็จะสัมผัสกับละอองน้ำชุ่มฉ่ำ ...พอเดินไปถึงน้ำตก ก็เปียกโชกกันหมดทั้งคนทั้งกล้อง

กลับมาในสภาพลูกหมาตกน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อแห้ง โซ้ยข้าวเที่ยงแล้วก็เดินทางกลับ



กลับมาถึงฝั่ง มีชาวบ้านมาตั้งร้านขายขนมด้วยค่ะ เราเดินขึ้นมาจากน้ำแล้วพุ่งตัวมาที่นี่เลย



ซื้อเสร็จ เดินมาถึงที่รถของตูกะสูที่รอรับอยู่ โอ้วววว...พี่เค้าเตรียมข้าวเหนียวปิ้งใส่ไส้ไว้ให้เราเยอะมากๆ แถมด้วยน้ำโค้ก และน้ำแข็งอีก 1 ลัง กินกันลืมถ่ายรูปเลยค่ะ รู้สึกตัวอีกที...เหลือแค่นี้



กลับไปถึงรีสอร์ทก็อาบน้ำให้เนื้อตัวสะอาด แล้วออกมาจากห้องก็เจอเจ้านี่ค่ะ



มื้อนี่เป็นมื้อที่เยี่ยมยอดที่สุดเลยค่ะ ทุกอย่างขอเพิ่มได้ไม่อั้น ที่นี่มีบาร์บีคิวที่อร่อยมากๆ เลยค่ะ

และแล้วก็เป็นอีกคืนที่นอนหลับสบาย

รุ่งเช้าเรามีนัดกันไปดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ นั่งรถไปหนาวมากๆ







แวะซื้อของฝาก และส่งโปสการ์ดที่ "บ้านครูซัน"




อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ



แล้วก็กลับมากินข้าวเช้าที่รีสอร์ท





ก่อนจะออกจากตูกะสู ต้องเก็บป้ายกันก่อนค่ะ



พี่แดง เป็นโชเฟอร์พาเรากลับกรุงเทพอย่างสวัสดิภาพ แต่เราสามารถรีเควสพี่เค้าได้เลยค่ะว่าอยากแวะที่ไหนบ้าง
พี่แดงแวะน้ำตกพาเจริญ



แวะตลาดริมเมย





แวะซื้อแผ่นใหม่ๆ (มาเปิดให้เราดูอีกแว้ววว)



อาหารมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารพิมาน ที่พี่แดงแวะให้ทานค่ะ มื้อนี้ไม่ต้องจ่ายตังค์เพิ่มค่ะ



เราแวะซื้อของฝากกันอยู่เรื่อยๆ ค่ะ ที่สุดท้ายคือโมจินครสวรรค์

งานนี้สนุก เหนื่อย อิ่ม อร่อย...ครบทุกรสจริงๆ ค่ะ คุ้มกับเงินที่เสียไป

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด จำไม่ได้แล้วค่ะว่าเท่าไหร่ แต่ราคาที่จ่ายไปพี่เค้าคิดรวมทุกอย่างแล้ว ได้แก่ ค่าที่พัก ค่าอาหารทุกมื้อ ค่ารถไป-กลับ ค่าล่องแก่ง ค่าเข้าอุทยาน เราไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเลยค่ะ นอกจากตอนซื้อของฝาก

ยังติดใจตูกะสูคอทเทจอยู่ ไว้ฟิตร่างกายให้มากกว่านี้ก่อน...ทีลอเล แล้วเจอกัน!




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 12:09:12 น.
Counter : 10210 Pageviews.  

Hotel81 : Bencoolen @ Singapura

คราวก่อนลงรีวิวโรงแรม Fragrance Hotel : Emerald ยอดนิยมไปแล้วนะคะ ช่วงนี้หยุดยาวหลายวันหยกก็เลยมารีวิว Hotel81 : Bencoolen ซึ่งเป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากชาว BP ให้เป็นตัวเลือกอีกทางเลือกนึงค่ะ

เหตุผลที่หยกจองโรงแรมในเครือ Hotel 81 ก็เพราะราคาที่ไม่สูงเกินไป (ตอนจองราคาเกือบๆ สองพันค่ะ) ห้องพักที่ใครๆ บอกว่าสภาพดี สะอาด และที่เลือกสาขา Bencoolen เพราะดูจากสถานที่ตั้งแล้วว่าไม่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้ง และที่สำคัญคืออยู่ใกล้ MRT ด้วยค่ะ (คราวที่แล้วไปพัก Fragrance Emerald กว่าจะเดินจาก MRT ไปถึงโรงแรมก็เหนื่อยน่าดู คราวนี้พาคุณพ่อคุณแม่ไปด้วย ท่านคงไม่ไหวแน่ๆ)

การเดินทางไปสิงคโปร์ครั้งนี้หยกไม่ได้ไปทางเครื่องบิน แต่เดินทางด้วยรถทัวร์ปรับอากาศจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ราคาค่ารถก็ถูกกว่าค่าเครื่องบินมากๆ แค่คนละเจ็ดร้อยกว่าบาท นั่งรถผ่านประเทศมาเลเซีย ออกจากประเทศไทยทางด่านสะเดา แล้วไปออกจากประเทศมาเลเซียทางยะโฮบารูห์ เข้าไปยังสิงคโปร์ ใช้เวลาเดินทาง 1 คืนค่ะ (จาก 18.00 น. - 9.00 น.)

สภาพรถที่นั่งไปค่อนข้างดี มีน้ำแจกคนละ 1 ขวด มีผ้าห่มให้ และที่พนักจะมีหมอนเล็กๆ แขวนไว้ค่ะ







ข้อเสียของการเดินทางทางรถก็คือความเหนื่อยค่ะ และถ้าคนหลับยากหน่อยอาจมีปัญหา พอเริ่มจะคล้อยหลับก็จะถึงเวลาแวะปั๊มเข้าห้องน้ำ หรือเติมน้ำมันทุกที โดยตลอดเวลาที่เราอยู่บนรถ เค้าจะแวะให้เข้าห้องน้ำ 4 ครั้งค่ะ โดยแวะนาน 2 จุด คือ ตอนเย็นหลังเข้าในเขตประเทศมาเลเซียเพื่อรับประทานอาหาร (ไม่ฟรีนะคะ) และตอนเช้าก่อนเข้าสิงคโปร์ ดังนั้น เราควรแลกเงินริงกิตไปด้วยค่ะ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เราสามารถแลกกับแม่ค้าแถวนั้นได้ด้วยเช่นกัน ข้อเสียอีกอย่างก็คือ เราต้องลงรถไปผ่าน ตม.ทั้งหมด 4 ครั้ง และทุกครั้งที่เป็นการเข้าประเทศเราต้องขนสัมภาระลงจากรถให้หมดเพื่อนำไปสแกนค่ะ งานนี้ถ้าสัมภาระไม่เยอะไม่เป็นไร แต่ถ้าเยอะล่ะก็...เหนื่อยเหมือนกันค่ะ

จุดจอดรถในประเทศสิงคโปร์ เค้าจะจอดให้เราลงแถว Golden Mile Complex ซึ่งเป็นย่าน Little Thai ซึ่งมีสถานี MRT ใกล้ที่สุด คือ Bugis หรือถ้าไม่สะดวกอาจเดินไปขึ้น MRT ที่สถานี Lavender ก็ได้ แต่ถ้าใครไม่ฟิตพอ ขอแนะนำให้นั่งแท็กซีไปดีกว่าค่ะ ที่ Golden Mile Complex จะมีรับแลกเงิน และมีบริษัททัวร์มากมาย เมื่อลงจากรถแล้วแนะนำว่าให้หาบริษัททัวร์เพื่อจองตั๋วรถกลับเลย สำหรับราคาค่ารถทัวร์ก็จะมีตั้งแต่ 42 เหรียญ ไปจนถึง 50 เหรียญ ขึ้นอยู่กับชนิดของรถ ถ้าเป็นบัสคันเล็กที่ไม่มีห้องน้ำ ค่ารถจะประมาณ 42-43 เหรียญ แต่ถ้าเป็นรถบัสสองชั้นที่มีห้องน้ำในตัว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 49-50 เหรียญค่ะ เวลารถออกจากสิงคโปร์ก็จะประมาณเดียวกัน คือ ประมาณ 5 – 6 โมงเย็น









ครั้งนี้เราเดินทางจาก Golden Mile Complex ไปโรงแรมด้วยการเดินค่ะ ตอนแรกกะว่าจะเดินไปขึ้น MRT สถานี Bugis แต่เดินไปเดินมาคุณพ่อบอกว่าไหนๆ ก็เดินแล้ว ขอเดินให้ถึงโรงแรมเลย ลูกๆ ก็เลยจัดให้ค่ะ

Hotel 81 : Bencoolen หาไม่ยากเลยค่ะ เดินไปก็จะพบป้ายใหญ่ๆ และตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Nanyang School และโรงแรม Bayview Hotel







ภายในล็อบบี้ดูโปร่งตาดี ตอนไปถึงเป็นเวลาเช็คเอาท์ ดูชุลมุนนิดหน่อย



บริเวณทางเข้าโรงแรมจะมีเอกสารแจกฟรี เช่น แผนที่ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สามารถหยิบได้เลยค่ะ

ต่อไปก็ตามมาดูห้องพักกันได้เลยค่ะ

มีลิฟท์ 2 ตัวนะคะ



ห้องเราอยู่ชั้น 6 ค่ะ





ห้องเตียงคู่ เมื่อเอาเตียงมาชิดกัน จะกว้างกว่าเตียงเดี่ยวค่ะ





รูปอาจจะดูทึมๆ หน่อยนะคะ ตอนถ่ายยังไม่ได้เปิดหน้าต่างค่ะ







ทุกๆ อย่างในห้องจะมีตรา hotel 81 หมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูเตียง ผ้าห่ม ผ้าขนหนู แก้วน้ำ หรือแม้กระทั่งพวก accessories ในห้องน้ำ



มาดูห้องน้ำกันค่ะ
ห้องน้ำก็เป็นแบบธรรมดาๆ แต่สะอาดดี







ดูโดยรวมอีกครั้งค่ะ



โดยรวมหยกก็ประทับใจโรงแรมนี้ตรงทำเลที่ตั้งและราคาค่ะ จากที่ตั้งของโรงแรมสามารถเดินไปย่าน orchard และย่าน bugis ได้ ก็ทำให้ประหยัดค่าเดินทางไปได้หลายเหรียญ
เรื่องความสะอาดของโรงแรมเป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงค่ะ เพราะว่าเท่าที่สังเกต ห้องพักจะสะอาดวันเว้นวัน เหมือนกับมีการทำความสะอาดวันเว้นวันเลยค่ะ แต่ผ้าปูตึงทุกวันนะคะ ไม่รู้ยังไงของเค้าเหมือนกัน
แต่ถ้าให้เปรียบเทียบอาหารการกินล่ะก็ ที่ Fragrance Hotel Emerald มีอุดมสมบูรณ์กว่าเยอะเลยค่ะ ที่นี่ถึงแม้จะมี food court อยู่ฝั่งตรงข้าม และมี 7-11 อยู่ตรงหัวมุมถนน แต่ก็นับว่าไม่อุดมสมบูรณ์เท่า

สุดท้าย เอารูปมันฝรั่งใน 7-11 มาฝากค่ะ อย่าลืมไปชิมกันนะคะ




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 1:16:53 น.
Counter : 5779 Pageviews.  

Fragrance Emerald @ Singapura

ช่วงนี้เข้ามาในห้องบลู มีหลายคนมาตั้งกระทู้ถามถึงโรงแรม Fragrance สาขา Emerald ในสิงคโปร์ ก็เลยเอารูปมาฝากกันค่ะ

**********************************************

อันเนื่องมาจากตอนนั้นเพิ่งเรียนจบ มีรายได้เป็นครั้งแรก และที่สำคัญคือเพิ่งพ้นช่วงทดลองงาน ก็เลยสามารถลางานได้ เลยต้องฉลองด้วยการลายาวไปต่างประเทศ แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกล เลยต้องมาจบที่สิงคโปร์เป็นคำตอบสุดท้าย

เลือกโรงแรมอยู่ไม่นาน เราก็ตัดสินใจจอง Fragrance Emerald เพราะเห็นมีหลายๆ คนแนะนำว่าราคาไม่แพง และมีของกินอร่อยๆ อยู่ใกล้ๆ แถมเดินจาก MRT ไปถึงอีกด้วย

ตอนนั่ง MRT มาจากสนามบิน เราเจอกับสาวชาวสิงคโปร์ผู้มาช่วยชี้แนะเส้นทางการเดินทางให้ ...เราพยายามบอกเค้าไปหลายครั้งว่าเราจะไป "เกลั่ง" เค้าก็ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจซักที สุดท้ายเลยต้องควักแผนที่ MRT มาให้ดู แม่สาวสิงคโปร์ถึงกับบางอ้อ... "คาลลาง" นั่นเอง (ตอนนั้นได้แต่คิดว่า เอาซะแล้วสิ ชั้นจะไปถึงมั้ยเนี่ย) จริงๆ แล้วย่านที่ตั้งของ Fragrance Emerald ก็เรียกว่า "เกลั่ง" (Geylang) นั่นแหละ แต่สถานี MRT ที่เราจะไปลงนั้นเรียกว่า "คาลลาง" (Kallang) เลยงงซะ

แวบแรกที่ก้าวออกจาก MRT Kallang ก็ถึงกับงง... เอ๊ะ นี่เราจะไปทางไหนดีล่ะ หมุนแผนที่ตามประสาผู้หญิงอยู่นาน ถึงจะจับทิศทางได้ถูก ว่าแล้วเราก็เดินตรงดิ่งออกจากสถานี ข้ามถนนเดินตามหา Gelang ซอย 6 ทันที

การเดินทางช่างยาวนานเหลือเกิน เดินแล้วเดินอีกจนลิ้นห้อย เราก็ยังไม่เจอกับซอย 6 ที่ว่าซักที เราเดินผ่านปั๊ม shell



เดินผ่านถนนใหญ่ สี่แยกไฟแดง เดินผ่านร้านขายกาแฟ (ที่มีแต่ภาษาไทย) เดินๆๆๆ และสุดท้ายก็ถึงซะที "Fragrance Emerald" อยู่ในซอย เดินเข้าไปไม่ลึกเท่าไหร่ ...แอบเห็นด้วยว่าฝั่งตรงข้ามกับซอยมีร้านขายอาหารท่าทางน่าอร่อยอยู่ด้วย

เดินเข้าไป check in พนักงานพูดจาดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายอย่างดี จากนั้นก็เข้าที่พัก ...ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาพักโรงแรมที่เล็กขนาดนี้ (ตอนนั้นยังไม่เคยไปฮ่องกงค่ะ) อืม...ช่างประหยัดเนื้อที่กันจริงๆ สมกับที่เป็นประเทศที่เป็นเกาะเลย

ห้องพักเรามีเตียง 2 เตียง



(สังเกตนะคะ อันสีดำๆ ที่วางบนเตียงนั่นคือขาตั้งกล้องค่ะ ลองเทียบขนาดดูนะคะ)

มีห้องน้ำที่สะอาดมากๆ (แต่ก็เล็กได้ถ้วยอีกเช่นกัน )



ทีนี้หันกลับมาดูในห้องกันต่อ ...ถึงแม้บริเวณเตียงจะเล็ก และแคบ แต่เค้าก็เว้นที่ว่างบริเวณหน้าโทรทัศน์ไว้ให้เยอะเชียว



สรุปแล้ว เราว่าถ้าเทียบราคา กับคุณภาพห้อง ก็สมน้ำสมเนื้อนะ ออกจะถูกด้วยซ้ำ แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าต้องเดินจาก MRT ค่อนข้างไกลเท่านั้นเอง และโรงแรมยังอยู่ในย่านโลกีย์อีกต่างหาก ถ้าเดินไปเรื่อยๆ ไปทางซอยที่เลขมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะผ่าน Sex Shop มากมาย และเป็นย่านที่ผู้ใช้แรงงานอยู่กันเยอะจริงๆ

พนักงานที่นี่ดีมากๆ เดินเข้าเดินออกเป็นทักตลอด ประมาณว่า "เที่ยวสนุกมั้ยคะ" "วันนี้กลับดึกนะคะ" "อาหารใกล้ๆ นี้อร่อยค่ะ" ประมาณนี้เลย ประทับใจมาก

ไหนๆ ก็ไหนๆ เดินไปหน้าปากซอย หาอะไรกินกันดีกว่า...

ลักษณะร้านแถวๆ นี้มีทั้งร้านอาหาร และลักษณะคล้าย food center ...ก็เลือกเอาร้านที่คนเยอะๆ ไว้ก่อน เมนูอาหารไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะตั้งใจจะมากิน "ข้าวต้มขากบ" อยู่แล้ว เข้าไปก็ดิ่งไปสั่งได้ทันที



ร้านนี้ขายออส่วน ก็เลยซื้อออส่วนมาด้วย

ข้าวต้ม 1 หม้อ ขากบ 1 หม้อ ออส่วน 1 จาน น้ำฟักเขียว 1 กระป๋อง กิน 2 คน อิ่มจนจุก อร่อยมากๆ จนลืมถ่ายรูปไปเลย ...นึกได้อีกทีเป็นอย่างนี้ไปซะแล้ว



เราฝากเนื้อฝากตัวที่โรงแรมนี้อยู่ 5 คืน ตั้งแต่ต้นจนจบทริป ไอ้ระยะทางที่ว่าเดินจาก MRT ไกลมากๆ ในวันแรก ก็ค่อยๆ หดลงๆ จนรู้สึกไม่ไกลอีกต่อไป แต่ก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่า "ถ้ามาสิงคโปร์อีก ...ตูจะอยู่โรงแรมอื่นให้ได้เลย คอยดู" (ขี้เกียจเดินแล้วง่า)

อ่อ...สถานี Kallang รู้สึกจะเป็น MRT สถานีสุดท้ายก่อนจะลงไปใต้ดินนะคะ อันนี้เป็นดัชนีวัดความบ้านนอกได้เลยค่ะ

บ๊ายบายค่ะ



ข้ามถนนแถวนี้ระวังๆ กันหน่อยนะคะ รถวิ่งเร็วค่ะ



หมายเหตุ ...และแล้วการเดินทางไปสิงคโปร์ครั้งต่อมา เราก็ได้เลือก Hotel 81 Bencoolen แทนค่ะ ใกล้ MRT อย่างเห็นได้ชัด อยู่ในเมืองด้วย อันนี้ทุ่นค่าเดินทางไปได้หลายตังค์เลยค่ะ สุดท้าย...คุณป้าคนข้างบนนั้นพีสาวเราเองค่ะ




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2552    
Last Update : 15 มิถุนายน 2552 22:17:18 น.
Counter : 3012 Pageviews.  

โรงแรมอมารี ดอนเมือง

ต้นเดือนที่ผ่านมาไปประชุมที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง โห...อยู่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งมากๆ แล้วก็เดินทางยากด้วย เราก็เลยเลือกเดินทางจากหาดใหญ่โดยรถไฟกะว่าจะค่อยต่อรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ไปเที่ยวแถวๆ เซ็นทรัลลาดพร้าวก่อนเข้าที่พัก
แทนที่จะนั่งรถไฟไปลงสถานีบางซื่อ ก็เลยต้องไปลงที่หัวลำโพ ตัดสินใจนั่งรถเมล์สาย 29 จากหัวลำโพง (ราคา 7 บาท) กะว่าจะไปลงแถวๆ เซ็นทรัลลาดพร้าว
นั่งรถเพลินๆ ผ่านจตุจักรไปสักพัก รู้สึกตัวอีกทีก็เห็น Union Mall อยู่ข้างหลังซะแล้ว ...เอาละสิ ไม่ได้ลง ก็เลยเลยตามเลย บอกคุณกระเป๋ารถเมล์ให้เรียกตอนที่ถึงสถานีรถไฟดอนเมืองซะเลย
ลงจากรถเมล์มาปุ๊บ เราก็งงๆ เล็กน้อย รู้ว่าจะต้องข้ามสะพานลอยไปโรงแรมซึ่งอยู่ถนนด้านหลังสถานีรถไฟ แต่ว่าไม่รู้ว่ามันยังเปิดใช้การได้รึป่าวนี่นะสิ เอาวะ ลองก็ลอง!
สะพานลอยน่ากลัวมากกกก ดูร้างมากๆๆๆ แต่มันก็พาเราข้ามถนนไปได้อย่างปลอดภัย (แต่ถ้าเป็นตอนโพล้เพล้ หรือค่ำมืด ก็คงไม่กล้าเดินขึ้นไปนะ ยอมถูกรถชนเลยดีกว่า!)
เข้าไปในล็อบบี้ มีพนักงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์คนเดียว พูดจาไม่ชวนให้เข้าพักเล้ย เฮ้อ...แต่เจ้าของงานประชุมเค้าจ่ายตังค์ให้แระ เอาก็เอา (ถ้าไม่เอา จะนอนที่ไหนเล่า??
)
ขึ้นไปถึงบนห้อง อ้าว...คีย์การ์ดอันนี้เปิดประตูไม่ได้แฮะ ลองไปเรียกแม่บ้านมาดีกว่า... แม่บ้านอยู่ไม่ไกล พอรู้เรื่องปุ๊บ ก็ชี้นิ้วให้เราเอาคีย์การ์ดลงไปเปลี่ยนที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง เราก็นึกในใจ (เอ๊ะ! ไม่มาดูให้ก่อนเหรอ) แต่สักพักก็มีคุณป้าแม่บ้านอีกคนโผล่ออกมาจากไหนไม่รู้ เค้าบอกว่าเดี๋ยวเค้าลองเปิดให้ก่อน
คุณป้าแม่บ้านลองเปิดแล้ว ก็ยังเปิดไม่ได้ เราก็เลยตกลงกับป้าว่าเดี๋ยวเราจะเอาคีย์การ์ดไปให้เค้าเช็คดูให้ ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีคนเปิดประตูออกมา ...อ๋อ ที่เปิดไม่ได้เพราะเพื่อนร่วมห้องที่เค้าจัดให้เรานอนด้วย ล็อคประตูอยู่ข้างในนี่เอง ดีนะที่ยังไม่ทันเดินลงไป หน้าแตกน่าดู ...แต่เราก็แอบคิดนะว่าทำไมข้างล่างเค้าไม่โทรมาแจ้งเพื่อนร่วมห้องเราก่อนที่เราจะขึ้นไป ทั้งที่โรงแรมอื่นเค้าก็ทำอย่างนั้นกันเป็นมาตรฐานนี่นา
มาดูห้องกันดีกว่า ห้องอาจจะรกนิดนึง เพราะว่าถ่ายหลังจากที่ไปช็อปปิ้งที่เซ็นทรัลลาดพร้าวมาแล้ว (ทนอยู่โรงแรมไม่ไหว...เงียบเหงาเหลือเกิน )












เข้ามาดูห้องน้ำกันดีกว่า



เก่าจังๆ


แต่ฝักบัวดี น้ำไม่กระเด็นชี้ไปทางโน้นทีทางนี้ทีเหมือนบางโรงแรม


มีไดร์เป่าผมด้วย (ดีมั่กๆ เพราะเพิ่งไปตัดหน้าม้ามา ห่างจากไดร์ไม่ได้เลยค่ะช่วงนี้)

วิวจากหน้าต่างห้องพักเป็นวิวสวยงามอย่างงี้..






หลังเลิกประชุมแต่ละวันก็ไปเที่ยวเกษตรแฟร์ ที่ ม.เกษตรบ้าง ไปเซ็นทรัลลาดพร้าวบ้าง ข้ามถนนไปฝั่งสนามบิน ขึ้นสาย 29 เหมือนเดิม (ดีแฮะ มี ปอ.29 ให้นั่งด้วย แต่ไม่ยักเจอรถเมล์ฟรีเล้ยย) ชีวิตนี้ทั้งชีวิต นั่งเป็นอยู่สายเดียว เฮ้อออ

ขากลับด้วยความที่อยากไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง (เพิ่มความลำบากให้กับชีวิตไปอย่างนั้นเองอะค่า ) ก็เลยนั่ง ปอ.29 แต่ไหงคุณกระเป๋ารถบอกว่าสายนี้ไม่ไปหัวลำโพงซะงั้น มันก็เขียนอยู่นี่นาว่า รังสิต-หัวลำโพง เราก็เลยต้องไปต่อรถที่อนุสาวรีย์ให้เสียเวลาเล่น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

อันนี้เป็นรูปที่ถ่ายบนรถไฟค่ะ

ปล.รูปอาจจะไม่ชัดนะคะ กล้องเฉพาะกิจค่ะ WB เสีย แต่เห็นมันยังใช้ได้ ก็เลยพกไปด้วย




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2552 11:30:25 น.
Counter : 3139 Pageviews.  

1  2  3  

nifedipine
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add nifedipine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.