Catch dream in my Cheeks^o^จับฝันใส่กระพุ้งแก้ม Return to the beach BY NALINNOVEL
Group Blog
 
All blogs
 
รังที่ 7



รังไรลวงรัก
รังที่ 7


รังที่ 7

รังไรรู้สึกเหมือนแขนขาช้าแปลก ๆ จึงขยับตัวเพราะจะเหยียดขาให้ตรงกลับเหมือนขาชนเข้ากับอะไรบางอย่าง เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นมาและมองซ้ายขวา ลุกขึ้นนั่งชะโงกหน้ามองทะเลขาวด้านหน้า สายลมพัดแรงจนผมเผ้ากระเจิง พอหันไปทางด้านขวามือ

“ไอ้บ้า คนแปลกหน้า ตื่นนะ แล้วนี่มันที่ไหนกัน” เธอเขย่าตัวจุลจนสุดแรง

“เฮ้ย ยายแม่มด เจ็บนะ หยุดได้แล้ว” เขาจับข้อมือเธอไว้ทั้งสองข้าง

“เฮ้ย ปล่อยนะจะทำอะไรฉัน” สีหน้าเธอหวาดกลัวมาก เมื่อเขาเขยิบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ จนปลายจมูกของเขาจวนจะชนใบหน้าที่เอียงเพื่อหลบเลี่ยงเขา

“คนไม่อาบน้ำ ไม่หอมแก้มให้เสียเวลาหรอก” เขาปล่อยมือเธอลงและหัวเราะออกมา

รังไรได้แต่นั่งพิงตัวอยู่ข้างประตูรถ ตอนนี้เขาเปิดประทุนรถออกรับลมโชยอย่างเต็มที่มากกว่าเดิม

“ดูซิ ผมกระเจิง สมกับเป็นแม่มดเลย หน้าตาก็มอมแมม ดูไม่ได้ แถมยังมีใครบางคนไม่รู้นอนร้องไห้กระซิก กระซิกทั้งคืน แถมยังดึงมือผมไปจับแนบแก้มไว้อีก” เขาออกไปยืนบิดขี้เกียจนอกรถ

“ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก แค่หลวมตัวมากับคุณชีวิตก็แย่พอตัวแล้ว ทำไมมีแต่เรื่องแย่ ๆ ไม่เข้าใจเลย ต้องเป็นเพราะนกบ้าตัวนั้นแน่ ๆ” เธอนั่งคิ้วขมวดกอดอกไม่สบอารมณ์นัก

เขาเดินมาเท้าตัวกับขอบประตูรถ “คุณแม่มดครับจะไปโทษนกตัวนั้นก็ไม่ถูก บอกแล้วไงบางทีมันก็เป็นตัวช่วยให้เราสองคนมาพบกันไง พรหมลิขิตน่ะ เคยได้ยินไหม”

“พรหมลิขิตใช้กับคนที่เป็นคนรักกัน แต่ฉันกับคุณไม่ใช่สักหน่อย”

“ลองไหมล่ะ เผื่อจะทำให้หัวใจเราสองคนแข็งแรงขึ้นนะ” สายตาเขาส่งมาพร้อมกับคำพูด
รังไรไม่ตอบคำถาม เธอแค่รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยไม่กล้าสบสายตาหวานซึ้งของเขาในตอนนี้ และอีกอย่างมันมีความสับสนที่กำลังแทรกซึมในหัวใจอยู่ทุกขณะ

“กลับบ้านเถอะคุณจุล”

“ขอผมพักสักแป๊ปไม่ได้หรือไง แทนที่ผมจะเข้าไปหลับสบายในบ้านของผม แต่กลับต้องมานอนสละเลือดให้ยุงทะเลอยู่กับคุณ ธุระก็ไม่ใช่” เขายืนหาวหวอด

“ขอบคุณนะ” รังไรพูดออมเสียง เพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองที่เป็นคนนั่งหลับมากับเขาเอง

“ว่าไงนะไม่ได้ยิน” เขาแกล้งทำเป็นเอามือป้องหูและเอียงตัวมาถาม

“ขอบคุณ ขอบคุณ” เธอตะโกนใส่เขา

“ออกมาจากรถเร็ว ไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย” เขาเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้เธอ

เธอลงจากรถพร้อมหอบผ้าห่มลงมาด้วย และเดินตามเขาเข้าบ้านริมทะเลอย่างว่าง่าย เขาปล่อยให้เธอใช้ห้องส่วนตัวอีกหนึ่งห้อง แต่เธอได้ยินเสียงเขาขับรถออกไปจากบ้าน พอเธอจัดการตัวเองเรียบร้อยก็ออกไปนั่งรอเขาอยู่หน้าบ้าน

“อ้าวคุณผมไปซื้อเสื้อผ้ามาให้ คุณน่าจะใส่ได้นะ” เขายื่นถุงให้กับเธอ

“ไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย”

“เปลี่ยนเถอะ เมื่อวานคุณโดนทั้งขี้นก โดนทั้งกาแฟหกใส่เสื้อ ผมก็เหมือนกัน เปลี่ยนเถอะจะได้สบายตัวนะ” เขาเลยยัดถุงใส่มือเธอ

วันนี้รังไรรู้สึกไม่มีแรงต่อล้อต่อเถียงกับเขาเท่าไหร่นัก ก่อนเดินเข้าบ้านเธอขอยืมโทรศัพท์มือถือของเขาเพื่อโทรศัพท์กลับบ้าน เสียงแม่ต่อว่ากลับมาเป็นกระบุงโกย แม่คงจะห่วงมากและบรรยากาศเงียบขนาดนี้ จุลได้ยินชัดบ้างไม่ชัดบ้างเขาเลยแอบยิ้มกับคำพูดที่แม่ต่อว่าเธอ

“แม่คะ ใจเย็นน่า ก่อนเที่ยงถึงบ้านแน่ ๆ แม่ไม่ไว้ใจรังไรหรือไงคะ”

“ไว้ใจ แต่แม่เป็นห่วง”

“แค่นี้นะคะ เกรงใจเจ้าของโทรศัพท์” เธอวางสายไปและส่งคืนให้กับเขา

“คุยต่อก็ได้นะ อ้าวแล้วจะโทรศัพท์บอกคนรักคุณไหม หรือว่ากลัว” เขาแกล้งหยอกเธอ แล้วก็เดินนำเข้าบ้านไปก่อน

“เมื่อไหร่จะเลิกเข้าใจผิดนะ” เธอนั่งหน้ามุ่ยแล้วก็ตามเขาไป

ตกสายเขาขับรถพาเธอไปนั่งรับประทานอาหารเช้า ตอนที่เดินเล่นในตลาดมีคนหันมามองทั้งสองคนแล้วก็ยิ้ม จนตอนนี้รังไรเริ่มรู้สึกอายมากขึ้น

“รีบเดินไปก่อนนะ” รังไรหันมากระซิบกับเขา

แต่เขากลับดึงข้อมือเธอไว้ “เอาน่ายายแม่มด ผมแค่เวลาแค่ช่วงเช้าของวันนี้ เราลองมาเป็นคนรักกันดูไหม ว่าจริง ๆ แล้วถ้าเราเจอใครสักคนที่ใช่ เราอยากทำอะไรกับเขาบ้าง เราอยากพูดคุยอะไรกับเขาบ้าง พอกลับกรุงเทพฯ ทุกอย่างก็จบ”

“เอางั้นเลย เพื่ออะไร” รังไรถามเขา

“จริง ๆ ผมพูดจริง ๆ เกิดมายังไม่เคยควงใครเลยสักคน อยากรู้ถ้ามีแฟนขึ้นมาจะทำอะไรเป็นไหมนะซิ” เขาหัวเราะเขิน ๆ

รังไรเลยหน้าแดงขึ้นมาเฉย ๆ “คือ คุณพูดแปลก ๆ นะ แล้วผู้หญิงที่คุณนัดเจอเมื่อวานก็เป็นคนรักคุณไม่ใช่เหรอ ไอ้ที่คุณทำเมื่อวาน การเอาใจใส่ใครสักคน หรือกับสิ่งที่คุณดูแลฉันตั้งแต่เมื่อคืน คงไม่ต่างอะไรมากนักหรอก ฉันคิดว่ามันน่าจะคล้าย ๆ กันนะ”

“พูดแบบนี้ไม่มีประสบการณ์เหมือนกันแหละ รู้หรอกน่า เอาไว้วันนี้เรามาเปิดใจกันไหมล่ะ” จุลยิ้ม
เขาเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้ “เริ่มเป็นแฟนกันตอนนี้เลยนะ”

“คุณจุล” เธอมองหน้าเขา แต่เหมือนเขาจะมีความสุขพิเศษจนดวงหน้า แววตาเขายิ้มตลอดเวลา วันนี้จุลและรังไรสวมเสื้อยืดเหมือนกันมีตัวการ์ตูนชายหญิงจูจู๊บ และเขียนว่าเรารักกัน คนทั้งตลาดต้องมองอยู่แล้ว จุลคอยเอาใจจูงมือไม่ห่าง เลือกซื้อของกินในตลาดที่มีมากมาย หยอกล้อเล่นกัน พูดคุยถึงเรื่องทั่ว ๆ ไป และซื้อดอกกุหลาบที่ห่อด้วยใบตองให้ อย่างนี้เหรอที่คนรักเขาปฎิบัติต่อกัน รังไรได้แต่แอบมองแววตาแห่งความจริงใจของเขา ทุกอย่างกำลังจะจบลง ตอนนี้เรากลับมานั่งในรถ เขาปิดประตูลงเรียบร้อยและยื่นหน้ามาใช้ปลายจมูกสัมผัสแก้มนวลของเธอเบา ๆ

“ผมรักคุณนะ” น้ำเสียงแสงอ่อนโยน

“อืม” รังไรได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก ตอนนี้มันร้อนผ่าวและเหมือนริมฝีปากมันเผยอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว มันมีตัวความสุขบางอย่างที่เหมือนจะระเบิดออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ ความรักที่ไม่ต้องร้องขอ มันมีความสุขแบบนี้นี่เอง

“จะกลับกรุงเทพฯ แล้ว วันนี้มีนัดสัมภาษณ์งานตอนบ่าย”

“จริงหรือคะ ยินดีด้วยนะทำให้เต็มที่นะคะ” รังไรยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ ตอนนี้ความสุขมันคงล้นปรี่ในหัวใจ จนเธอลืมไปแล้วว่านี่คือการแสดงบทบาทระหว่างกันเท่านั้นเอง

“ยิ้มแบบนี้ค่อยเป็นนางฟ้าหน่อย” เขาหันมายิ้มให้กับเธอ

“คนแปลกหน้า” เธอยิ้มเขินและเบี่ยงสายตาไปทางอื่น

“หยิบน้ำเปล่าให้หน่อยซิ คอแห้งจัง” เขาหันมาบอกกับเธอ

รังไรกุลีกุจรเอื้อมมือไปหยิบให้เขาและเปิดฝายื่นให้กับเขา เธอบริการเขาเต็มที่ ตอนนี้รังไรได้แต่นึกว่าถ้าคนขับรถเป็นปวินท์เธอคงอยากทำแบบนี้ และอยากจะนั่งมองหน้าเขาอยู่อย่างนี้ไปตลอดทาง

“นี่จ้องอะไรรังไร”

“เปล่าค่ะ” เธอกลับมานั่งนิ่งสงบเหมือนเดิม

“เราสองคนมาเล่าเรื่องในหัวใจเพื่อแลกเปลี่ยนกันไหม เรื่องบางเรื่องที่เราบอกใครไม่ได้น่ะ” จุลหันมายิ้ม

“เช่นอะไร นิสัยเหรอ”

“ไม่อยากรู้หรอก นิสัยมันต้องศึกษากัน บอกมาก็สัมผัสไม่ได้ ผมแค่อยากรู้เรื่องของผู้ชายคนนั้นของคุณ แล้วผมจะเล่าเรื่องผู้หญิงคนนั้นของผม” จุลยิ้ม แววตาเขาจริงจัง เขาไม่ได้บอกว่ากำลังพูดเล่น หรืออยากรู้เรื่องส่วนตัวของใคร แต่น้ำเสียงเขากำลังแสดงความเป็นห่วงบางอย่างส่งผ่านมาให้เธอ

“ตรงประเด็นดีนะ”

“เขาคือพี่ปวินท์ เป็น เพื่อนสนิทของพี่ชายฉันเอง”

“อ้อ ชอบคนอายุเยอะกว่า” เขาตาเศร้า ๆ เสียงอ่อย

“ผู้หญิงมักชอบคนอายุเยอะกว่า เพราะต้องการความอบอุ่น คนที่จะดูแลเราได้ ที่สำคัญจะได้อ้อนได้ด้วย” เธอหัวเราะเสียงใสออกมา

“เวลาพูดถึงเขา คุณไม่ต้องเล่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก็ได้นะ” เขาค่อนขอดเธอ แต่ไม่ได้หันมองหน้าเธอเหมือนทุกคน ดูสีหน้าเขาเครียดเล็กน้อย

“ตกลงอยากจะฟังหรือเปล่า” รังไรถามเขา

เขาพยักหน้า แต่ไม่ยิ้ม ไม่สบตา

“หึงเหรอ ที่รัก”

“อืม” เขาตอบซีเรียสมาก

“จริงจังไปแล้ว คนแปลกหน้า” รังไรหัวเราะออกมา แต่เขาไม่ได้หันมายิ้มให้ คิ้วขมวดเล็กน้อย เธอเลยนั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้เล่าเรื่องต่อ จนรถติดไฟแดง

“เล่าต่อซิ นั่งเงียบทำไม” เขาทำน้ำเสียงอารมณ์เสียใส่

“ก็เห็นไม่พอใจ” เธอกระเง้ากระงอด

“เริ่มสักทีที่รัก” เขาหัวเราะน้อย ๆ แต่ดูรู้ว่าฝืนสุด ๆ แล้ว

“ฉันหลงรักพี่ปวินทร์ตั้งแต่รู้จักครั้งแรก ฉันอ่อนกว่าพี่เขาสี่ปี จริง ๆ แล้วฉันมีพี่ชายหนึ่งคนคือมี โสมนัส ไปไหนก็หอบหิ้วฉันไปด้วย เพราะพ่อกับแม่ทำงานเดินทางต่างประเทศบ่อยมาก ฉันต้องไปอยู่กับคุณอาและมีน้องชายอีกสองคนคือ ลูกตาล ต้นเตย ฉันเลยมีนิสัยคล้ายกับเด็กผู้ชาย ตอนพบพี่ปวินท์ครั้งแรก
เขาบอกว่าเด็กผู้หญิงที่ดีควรจะต้องพูดจาหรือแต่งตัวยังไงบ้างแล้วจะดูน่ารัก เวลาไปเที่ยวพี่ปวินท์จะพาฉันไปซื้อเสื้อผ้าและสิ่งของต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้หญิงโดยที่พี่นัสกลับอายที่จะทำแบบนั้น เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนที่ฉันอยู่มัธยมปีที่ 3 พี่ปวินท์ก็จบมัธยมปีที่ 6 พอดี พี่เขาไปเรียนต่อเมืองนอก วันนั้นฉันกับพี่นัสไปส่งพี่เขาด้วย ฉันรู้สึกไม่อยากจากพี่เขาไปเลย มันมีความกลัวหลาย ๆ อย่างในตอนนั้น วันนั้นฉันตัดสินใจจะบอกรักเขา”

“แล้วได้บอกไหม” เขาถามด้วยความตื่นเต้น

รังไรพยักหน้าและยิ้มสวยออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“วันนั้นที่สนามบิน มันเป็นวินาทีสุดท้ายแล้ว ถ้าฉันไม่บอกออกไป ต้องเสียใจมาก ๆ เลย พี่ปวินท์เหมือนรู้คิว เขาพาฉันเดินแยกจากครอบครัวไปคุยกันสองคนที่ริมกระจกตรงเก้าอี้พักผู้โดยสาร บรรยากาศเสียงประกาศแสนวุ่นวาย เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำจนถึงขั้วหัวใจ ตอนนั้นสำหรับฉันทุกอย่างคือความเงียบสงบ และเหมือนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวของพี่ปวินท์ แววตาและน้ำเสียงแสนอ่อนโยนของเขา และมือที่กุมมือของฉันไว้แน่น ฉันจำได้ไม่เคยลืม ฉันบอกไปว่า “รังไรชอบพี่ปวินท์ค่ะ”” รังไรยิ้มเหมือนเธอกำลังย้อนเวลากลับไปตอนนั้น

“แล้วเขาตอบว่าไง”

ตอนนี้รังไรดวงหน้าเจื่อนและก้มหน้าลง เหมือนสมัยเด็ก ๆ จนถึงตอนนี้ เวลาเธอเศร้าทำได้อย่างเดียวคือ การก้มหน้าให้มากที่สุด

“เป็นอะไรไปรังไร เล่าต่อซิ” เขาหันมาลูบศีรษะเธอ

“พี่ปวินท์ไม่ตอบ เขายิ้มแล้วบอกว่า ขอบคุณนะ ระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ยาวนานราวเจ็ดปี ที่พี่ปวินท์อยู่ต่างประเทศยังไม่เคยละความพยายาม เราสองคนส่งต่อกำลังใจให้แก่กัน พี่ปวินท์บอกว่าให้รอเขา ฉันก็รอ เขาบอกว่าคิดถึงฉันตลอดเวลา มันก็รู้สึกอบอุ่นเสมอเมื่อได้ยินคำว่าคิดถึง แต่พอพี่เขากลับมาเมืองไทยตอนไหนฉันยังไม่รู้เลย รู้อีกทีพี่นัสก็มาบอกฉันทื่อ ๆ ว่า พี่ปวินท์จะแต่งงานแล้วนะ “ เธอนิ่งเงียบ

“ทำไมจบเศร้าจัง ผมยังเห็นเขามาเกาะแกะคุณอยู่เลย เวลาเขามองคุณแทบจะกลืนกินคุณเข้าไปแล้ว” เขาแกล้งพูดขำ ๆ แต่สาวข้าง ๆ ไม่ได้ขำด้วย

“นั่นแหละคือปัญหา เขากลับมาเพื่อบอกรักฉัน และอยากให้เราสองคนกลับมาเริ่มต้นด้วยกัน แต่เดือนหน้าพี่เขาจะวิวาห์แล้ว ถ้าฉันตอบตกลงมันคงดีกับความรู้สึกของฉันที่รอคอยเขามานานหลายปี แต่คุณพลอยพิณไม่ได้รู้เห็นกับเรื่องนี้ ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้มีปาฏิหาริ์ยงานแต่งล้มเลิกไปซะ ฉันกับพี่ปวินท์คงจะได้รักกันโดยที่ฉันไม่ต้องรู้สึกผิดอยู่อย่างนี้” รังไรถอนใจออกมา

“ความคิดรุนแรงมาก คุณไม่คิดบ้างหรือว่า บางทีเขาอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่ของคุณก็เป็นได้ ทำใจซะเถอะ ถ้าคุณฝืนรักเขาต่อไปมีแต่เจ็บ แบบ หาจุดจบไม่เจอ ไม่อย่างนั้นคุณก็ต้องไปเป็นภรรยาน้อย ภรรยาเก็บของเขา” เขาส่งเสียงห่วงใยกลับมาดูไม่ตรึงเครียดเหมือนตอนแรก

“เรื่องที่ทำให้ฉันหลวมตัวมากับคุณก็เรื่องนี้แหละ เมื่อคืนความคิดรุนแรงแบบแม่มดอย่างฉัน มันฟุ้งซ่านไปหมดในหัวของฉัน คิดแต่หาวิธีจะกำจัดคุณพลอยพิณออกไป”

“แล้วตอนนี้ล่ะ”

“ไม่รู้ซิ” รังไรดูเหนื่อยล้ามากทีเดียว จุลได้แต่มองภาพสาวน้อยที่นั่งมองออกไปนอกกระจก
ทำไมตอนนี้เขารู้สึกสบายใจมากขึ้นก็ไม่รู้ เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากของรังไร รู้แต่ว่าเธอยังไม่มีใคร แต่บาดแผลในหัวใจของเธอมันช่างเป็นแผลเรื้อรังเสียจริง จะมีทางไหนที่เขาจะช่วยเยียวยาเธอได้ก็ไม่รู้

“นี่อย่ามัวมาฟังกันเพลิน ๆ ซิ เล่าเรื่องผู้หญิงคนนั้นของคุณมาเร็ว ๆ เลย” รังไรแกล้งทวง

“ไม่เล่าวันนี้หรอก นี่เข้ากรุงเทพฯ แล้วจะให้ส่งตรงไหนล่ะแม่มด” เขาหันมายิ้ม

“คุณไปแถวไหนฉันก็ลงตรงนั้นแหละ”

“ไม่เอา เอาส่งใกล้ ๆ บ้าน หรือจะให้ส่งที่บ้าน” เขาจริงจัง

“ถ้าไปส่งหน้าบ้าน แม่ได้ตีหัวฉันแน่เลย ว่าฉันไปค้างอ้างแรมกับผู้ชายน่ะ” เธอหัวเราะเสียงใส

“คุณจุลแล้วฉันจะรับรู้เรื่องของคุณเมื่อไหร่”

“เอาเบอร์โทรศัพท์ของคุณมาซิ ผมจะได้โทรศัพท์ตาม” เขายื่นมือให้เธอ

เธอตีมือเขากลับไป “ไม่ให้หรอกไว้ฉันติดต่อคุณกลับไปเอง”

“ใจร้ายจริง ๆ ยายแม่มด” เขาหัวเราะออกมา

“คุณลงตรงนั้นปลอดภัยนะ” เขาชี้ไปที่สถานีรถไฟฟ้า

เธอพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนเธอจะลง เขาโผล่ตัวเข้ามากอดเธอ “ขอบคุณนะรังไร”

“ปล่อยเถอะค่ะ” เธอผลักเขาออก แต่เขากลับยิ้มและหยิบกระเป๋าให้เธอ พร้อมกับลูบศีรษะของเธอเบา ๆ

“รังไร คุณสัมผัสได้ใช่ไหมว่าการที่เราสองคนตกลงเป็นแฟนกันมันทำให้เรารู้สึกดีแค่ไหน” เขายิ้มออกมา

รังไรพยักหน้าและยิ้ม

“ตอนนี้เราเลิกกันนะ ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คุณจะติดต่อผมกลับมาอีก แต่ผมเชื่อว่าเราสองคนต้องได้พบกัน ไม่ว่าคุณจะอยู่มุมไหนของโลกใบนี้ ผมจะหาคุณจนเจอ” เขาจับมือเธอไว้

“ขอบคุณค่ะคุณจุล ชายแปลกหน้าของฉัน ไปนะคะ ขอให้โชคดีเรื่องงานนะคะ”

เธอก้าวขาลงจากรถแล้วและต้องหันมาเคาะกระจกรถอีกครั้ง

“คุณจุลคะ ตอนนี้เราสองคนเลิกกันแล้ว คราวหน้าถ้าพบกันอย่างมาลุ่มล่ามกับฉันอีกนะคะ ฉันไม่ชอบ เราสองคนไม่ใช่แฟนกันแล้ว เป็นไงคะ นอกจากจะรู้สึกถึงความรักแล้ว ตอนนี้คุณสัมผัสได้ถึงตอนอกหักด้วยหรือยัง” เธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขและโบกมือลาเขา

จุลขับรถออกจากข้างทางพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ยิ้มอย่างมีความสุข แต่ตอนบอกเลิกกันนั้น มันก็แปลบ ๆ ที่หัวใจชอบกล

“แสบนักนะยายแม่มดของผม”




Create Date : 14 เมษายน 2555
Last Update : 14 เมษายน 2555 17:28:41 น. 0 comments
Counter : 602 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nalinnovel
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นลินโนเวล เป็นบล็อกที่รวบรวมผลงานเขียนทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย โดยมีนามปากกาว่า
นลิน คือ รักหวาน - Sweet
ฟุ้งรัก คือ รักสดใส - Pastel
จุล คือ เรื่องสั้นและบทความ - A love aleart -Aom
อยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านผลงานของนลินแล้วรู้สึกว่ากำลังทำสปาอยู่เลยค่ะ เลยแยกผลงานไว้ให้เข้าใจและเลือกประเภทที่จะทำให้ทุกคนRelax ได้ตามอัธยาศัย
และสักวันหนึ่งหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะได้พบกับผลงานของนลินตามแผงหนังสือนะคะ ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้นลินด้วยนะ ขอบคุณค่ะ

ตัวอักษรทุกตัวของบล็อกนลินโนเวล สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมด หรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดใน Blogไปเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของBlogเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!
Friends' blogs
[Add nalinnovel's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.