|
รังไรลวงรัก รังที่ 19
รังไรลวงรัก รังที่ 19
รังที่ 19
รังที่ 19
รังไรรู้สึกไม่สบายใจหนักในเช้านี้ เพราะสีหน้าเธอไม่สู้ดีเท่าไหร่ หลังจากเธอขับรถกลับจากสนามบินเพื่อส่งเพื่อนรักอย่างชบาฉายให้ไปใช้ชีวิตในแบบของเธอเอง
เราคงจะเหงามากกว่า หรือว่าเราจะไม่สบาย เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงและเริ่มอุณหภูมิสูงขึ้น รังไรยกมือคลำหน้าผากตัวเอง
สายลมแรงพัดมาวูบหนึ่งและแสงแดดก็เริ่มทอแสงส่งพลังอุ่น ๆ มายังตัวเธอที่นั่งหลับตาเพื่อทบทวนเรื่องที่วกวนในสมอง
รังไร เสียงของปวินท์ดังอยู่ที่ประตูหน้าตัวบ้าน
ค่ะพี่ปวินท์ ทำไมถึง... เธอยังไม่ได้คำตอบจากความสงสัย ว่าทำไมเขาถึงสามารถลงจากเตียงและพาตัวเองนั่งรถเข็นและเคลื่อนรถมาถึงหน้าประตูบ้านได้ทั้งที่ขาเข้าเฝือกด้านหนึ่ง แขนทั้งสองข้างยังอักเสบขนาดอาบน้ำยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ทำไมกลับมาเร็วจังเลย ไหนบอกพี่ว่าจะมาถึงใกล้ ๆ เที่ยง
ค่ะ รังไรไม่ได้อยู่รอจนเครื่องบินออกจากรันเวย์นี่คะ ส่งเสร็จก็รีบบึ่งรถกลับมาหาพี่ปวินท์ทันที รังไรเป็นห่วงพี่ปวินท์มากนะคะ เธอยิ้มและลืมเรื่องที่วิตกกังวลไปเมื่อครู่
ฟังแบบนี้ชื่นใจจังเลยค่ะ
พี่ปวินท์คะ ความทรงจำของพี่เริ่มกลับมาบ้างหรือยัง มีสิ่งหนึ่งที่รังไรสงสัย คือ เธอกระอักกระอ่วนที่จะพูดออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะเสียความรู้สึก
มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ ได้นะ การที่เราเก็บความรู้สึกไว้มันไม่ดีนักหรอก เพราะมันอาจจะทำให้เรื่องเล็กน้อยที่เราแอบเก็บไว้ในใจทำให้กลายเป็นปัญหาสู่เรื่องใหญ่ได้ เขาดูซีเรียสเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
คือว่า... รังไรเม้มปากแน่น เธอเดินขึ้นไปบนบ้านและเข็นรถของเขาไปที่ห้องรับแขกและนั่งลงที่พื้นและจับมือของปวินท์ขึ้นมาแนบแก้มของเธอ
สิ่งที่รังไรจะพูดกับพี่ปวินท์ มันเป็นเพียงแค่ความสงสัยเท่านั้นนะคะ ซึ่งคำว่าสงสัยของรังไรไม่ได้รวมความรู้สึกที่แท้จริงเข้าไปด้วยเต็มร้อย เธอยิ้ม
เกริ่นกันมาขนาดนี้ทำให้พี่ตื่นเต้นมาก อยากจะฟังเต็มแก่แล้วหล่ะ เขาหัวเราะร่วน
เริ่มนะ ใบหน้าขี้อ้อนของเธอทำให้ปวินท์ยิ้มไม่หยุด
ทำไมพี่ปวินท์ถึงไม่เคยแสดงกับรังไรเลยคะว่า รังไรอาจจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพี่ แล้วเรื่องที่รังไรกับชบาฉายบอกไปว่าพวกเราเป็นใคร พี่ปวินท์เคยสงสัยกลับมาบ้างไหมคะ ว่าบางทีเรื่องที่รังไรพูดกับพี่ไปอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง....ทั้งหมด
เขาถอนหายใจออกมาและลูบศีรษะเธอ
จะให้คิดยังไงดีล่ะ เขาหลับตาสักพัก สีหน้าไม่ได้แย้มยิ้มเหมือนที่ก่อนจะได้ยินสิ่งที่สาวน้อยตรงหน้าเอ่ยปากออกมา
อาจจะเป็นเพราะแววตาและการแสดงออก การปรนนิบัติที่ดีที่รังไรมีให้พี่มั้งคะ ที่ทำให้พี่เชื่อว่ารังไรไม่ได้โกหกที่มาที่ไปของพี่ว่าพี่เป็นใคร อีกอย่างเราสองคนเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่หรือคะ รังไรมีน้ำตาเวลาเห็นพี่เจ็บปวด รังไรวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุของพี่ทั้งหมดที่รังไรทำให้พี่ถ้าไม่ใช่เพราะความรัก แล้ว รังไรจะโกหกพี่เพื่ออะไร เขาเพ่งมองไปที่สายตาแสนเศร้าของเธอยามนี้
ขอบคุณที่พี่ปวินท์เข้าใจ แต่สักวัน บางที เธอเม้มปากและกำมือแน่น เหมือนมีเรื่องหนักใจซ่อนอยู่
สักวันพี่อาจจะเกลียดรังไร หรืออาจจะสักวันที่พี่ปวินท์จะกลับมารักรังไร เธอแค่นหัวเราะออกมา รู้สึกถึงความสับสนใจหัวใจตอนนี้
ทำไมพูดจาแปลก ๆ หรือว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพราะว่าเราทะเลาะกันหรือเปล่า เรามีเรื่องอะไรบาดหมาง หรือว่ามีเรื่องที่เราไม่เข้าใจกันหรือเปล่า แต่พี่ว่าอย่าไปสนใจเลยนะคะ ถึงความจำจะไม่กลับมา เราสองคนมาสร้างความทรงใจใหม่ที่ดีระหว่างกันก็ได้นี่คะ เขาพูดจาอ่อนโยนและแสนสุภาพกับเธอ
รังไรเอื้อมไปจับมือของเขา
ขอโทษนะคะที่พูดเรื่องปวดหัวแต่เช้าเลย แต่ว่า...
ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่พี่สงสัยมาตลอด ถ้าเราเป็นสามีภรรยากันทำไมเราไม่นอนห้องเดียวกัน ทำไมเราไม่มีการหอมแก้ม หรือว่ากอดกันเลยสักครั้ง อันนี้น่าคิดนะ เขาหัวเราะเสียงใสออกมาเล่นเอาสาวน้อยที่นั่งอยู่ที่พื้นรีบปล่อยมือออกจากมือของเขาทันทีพร้อมกับโชว์แก้มแดงนวลให้เขาได้เห็นอีก
พี่ปวินท์คงจะเริ่มหิวแล้ว รังไรไปเตรียมอาหารเช้าให้พี่ดีกว่า
รังไรรีบวิ่งเข้าห้องครัวไป ปวินท์ได้แต่ยิ้มตามหลังเธอ เขาพยายามยกเท้าที่เข้าเฝือกไว้รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวเข่าบอกไม่ถูก ขาอีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ก็มีแผลฟกช้ำที่ตอนนี้รอยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มแล้ว ส่วนแขนทั้งสองข้างยังรู้สึกปวดร้าวบ้างบางขณะและผสมกับความอ่อนแรงบอกไม่ถูก
สองหนุ่มมุ่งหน้าขับรถสีหน้าของโสมนัสเหมือนพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ภายในใจไม่ได้แสดงออกมาให้กับจุลได้รับรู้ว่าตอนนี้เขาวิตกกังวลหรือว่าสบายใจที่กำลังจะขับรถไปรับน้องสาวที่ยังไม่รู้สถานการณ์ล่วงหน้า แต่แววตาของเขาไม่สามารถปิดบังความรู้สึกห่วงใยน้องสาวของเขาไว้ได้เลย จุลสัมผัสได้กับความเร็วของรถที่มุ่งไปสู่ข้างหน้าอย่างไม่ได้หยุดพักข้างทางกันเลยตั้งแต่ออกจากไร่ชาเขียวในช่วงเช้ามืดวันนี้
จุลเป็นไงหิวข้าวหรือเปล่า
ไม่ครับ เขาปรับเบาะที่เอนนอนลงยาวมาตลอดทาง ตอนนี้หัวใจของเขาเหมือนกำลังจะหมดเรี่ยวแรงบอกไม่ถูก คืนนี้เขาจองตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ แบบกระทันหัน เพราะพลอยพิณเรียกประชุมทีมงานด่วน โดยเฉพาะเขาที่ต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของงานชิ้นนี้ด้วย
พี่นัสครับ
ว่าไง
ผม คือ... เขาอ้ำอึ้งและถอนใจออกมา
มีอะไรก็ว่ามาซิ ตอนนี้เราก็สนิทกันพอสมควรแล้วนะ มีอะไรบอกกันตรง ๆ ลูกผู้ชายไม่มีเอาไปพูดต่อความยาวกับคนอื่น ๆ อยู่แล้ว จุลก็เหมือนน้องชายของพี่คนหนึ่งนะ โสมนัสยื่นมือมาตบบ่าของเขาเพื่อให้เขารู้สึกวางใจ
ครับ ผมแค่อยากจะขอร้องบางอย่าง
โสมนัสพยักหน้ารับรู้
ถ้าไปถึงที่บ้านบนดอยชิดฟ้า ผมขอรอพี่อยู่ที่รถได้ไหมครับ คงไม่เหมาะนักที่จะเข้าไปตามรังไรกับพี่ บางทีเธออาจจะอายหรือว่าตกใจ จุลหลบสายตามองออกไปนอกรถ
ถามจริง ๆ เถอะนะ ตอนที่พูดออกมานี่รู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ ที่หัวใจบ้างไหม โสมนัสหัวเราะเสียงใสออกมา
แหมพี่นัสครับ แซวอะไรก็ไม่รู้นะ เขาแค่นหัวเราะพร้อมยิ้มแหย ๆ ออกมา สีหน้าขาดความมั่นใจบางขณะ ไม่เหมือนกับตอนที่แรกพบกันที่กรุงเทพฯ ยิ่งเขาแสดงความรู้สึกออกมาเท่าไหร่ โสมนัสยิ่งเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างในตัวจุลมากขึ้นทุกที
จุลมองทิวทัศน์สองข้างทางเขาต้องพยายามยิ้มออกมาเพื่อให้โสมนัสรู้สึกดีขึ้นและอีกส่วนหนึ่งคงต้องให้กำลังใจตัวเอง เมื่อคืนเขานอนคิดตลอดทั้งคืนว่าที่เขาวิตกกังวลและทรมานใจอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่รังไรหายตัวไปเป็นเพราะว่าเป็นห่วงในฐานะเพื่อนคนหนึ่งที่แม้จะรู้จักกันในเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักกันถึงหนึ่งวันเต็ม หรือว่าเขาอาจจะเริ่มมีใจให้กับเธอแล้ว ไม่นานหนักโสมนัสก็ขับรถมาถึงยังจุดหมายปลายทางเขาลงมายืดเส้นยืดสายหลังจากขับรถยาวนานแบบไม่หยุดพัก
ว่าไงเปลี่ยนใจเข้าไปด้วยกันไหม โสมนัสเดินอ้อมมาทางประตูรถด้านผู้โดยสาร
ไม่ดีกว่าครับ เขาถอนใจออกมาพร้อมยิ้มอย่างอ่อนล้าในความรู้สึก
พอโสมนัสหายตัวเข้าไปในรั้วบ้านหลังงามบนดอยชิดฟ้าแล้ว เขาเปิดประตูลงจากรถและข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่งซึ่งพอจะมองเห็นเข้าไปยังสนามหน้าบ้านของหลังนั้น ตอนนี้เห็นแต่ความว่างเปล่าไม่รู้ว่ารังไรจะไหวตัวทันและพาปวินท์หนีไปที่อื่นอีกหรือไม่เขาเดาใจรังไรไม่ออกจริง ๆ จุลก้มหน้ามองพื้นและเตะก้อนหินอย่างเต็มแรงเหมือนกับจะให้มันข้ามผาสูงที่เขายืนท้าลมและแดดอ่อน ๆ อยู่ในขณะนี้
ฮ่า ๆ ๆ เสียงหัวเราะของปวินท์และรังไรผสานกันอย่างมีความสุข รังไรเล่านิสัยในวัยเด็กของเธอให้เขาฟัง ปวินท์หัวเราะในความเปิ่นและช่วงเวลาที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยกับนิสัยที่เพี้ยน ๆ แบบเด็กศิลปะทั่วไป ตอนนี้รังไรเริ่มสบายใจขึ้นและพูดคุยกับปวินท์อย่างมีความสุข
ถ้าอย่างนั้นวันหลังรังไรสอนพี่วาดรูปแบบหลับตาบ้างนะ
จะดีหรือคะ มันจะสกปรกและเลอะเทอะนะ
บางทีชีวิตคนเรามันต้องมีสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาวบ้างนะคะ รังไรรู้ไหม ชีวิตของพี่มีแต่สีขาวมาตลอดทำทุกอย่างเพื่อคนที่รักเรามาตลอดจนทุกคนเข้าใจว่าพี่เป็นสีขาว แต่อีกด้านหนึ่งคนเราก็อยากเติมสีอื่น ๆ ให้กับตัวเราเองบ้าง ปวินท์ยิ้มออกมา
ในขณะที่รังไรวางช้อนและส้อมลงอย่างประหลาดใจ
เป็นอะไรไปคะรังไร ทำไมทำหน้านิ่งแบบนั้น เอ้าดูซิมองพี่ตาไม่กระพริบเลย
อ้อ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร รังไรเก็บจานไปล้างก่อนนะคะ อ้อก่อนไปล้างจานรังไรจะเข็นรถของพี่ปวินท์ไปที่หน้าบ้านก่อนนะคะ รับอากาศตอนเช้า ๆ หลังทานอาหารจะทำให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น และรังไรก็จะชงชาอุ่น ๆ ให้พี่ดื่มด้วยคะ จะได้สบายท้องนะคะลดไขมัน ไม่งั้นพี่ปวินท์อ้วนแย่เลย เธอเดินมาเข็นรถของเขาออกไป เขาจับมือเธอไว้อย่างแผ่วเบา
นัส เสียงของปวินท์แผ่วเบาออกมา
พี่นัส เธอเปล่งเสียงนั้นออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก
ขอบคุณที่ยังจำได้นะ
พี่นัส คือ... รังไรก้าวขาแทบไม่ออกสีหน้าเธอบอกไม่ถูกเหมือนกันทั้งดีใจเสียใจ มันหนักอึ้งจุกหน้าอกและจุกที่ลำคอบอกไม่ถูก หรือว่าไอ้อาการกังวลแปลก ๆ ในช่วงเช้าหลังจากชบาฉายคงเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างว่าเวลาแห่งความสุขของเธอกับแผนที่ไม่ได้ตั้งใจมันกำลังจบลงแล้ว
ไงปวินท์มีความสุขดีไหม โสมนัสเสียงเครียด
ปวินท์ปั้นหน้าไม่ถูก แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเงยหน้ามองรังไร
พี่ปวินท์คะ นี่พี่โสมนัสพี่ชายของรังไรเองนะคะ และพี่นัสก็เป็นเพื่อนสนิทของพี่ปวินท์ด้วยค่ะ พี่พอจะจำได้ไหมคะ รังไรคลุกเข่าลงนั่งข้างรถเข็น
ทำไมความจำเสื่อมหรือไง โสมนัสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกวน ๆ
พี่ปวินท์รอตรงนี้นะคะ รังไรมีเรื่องต้องคุยกับพี่นัสก่อน เธอรีบลงจากระเบียงบ้างและลากแขนโสมนัสไปอีกทางพอที่จะพูดคุยโดยที่ปวินท์จะไม่ได้ยิน
น้องจะลากพี่ไปไหนรังไร โสมนัสสะบัดแขนของเขาออกจากเธอ
พี่นัสมาได้ยังไง ใครบอก
ไม่มีใครบอกทั้งนั้นรู้บ้างไหมว่าใคร ๆ ก็เป็นห่วงรังไรทั้งนั้นทำแบบนี้หมายความว่ายังไง เขาขึ้นเสียงกับน้องสาวของเขา
ไม่มีเหตุผล รังไรแค่บังเอิญไปพบพี่ปวินท์ตอนเกิดอุบัติเหตุเท่านั้นเอง แล้วรังไรก็พาตัวพี่ปวินท์ไปรักษา เธอพยายามอ้างเหตุผล
รักษาเหรอ แล้วทำไมไม่ติดต่อกับใครเลย พี่ยังเป็นพี่ของรังไรอยู่หรือเปล่า ปวินท์เขามีญาติ มีพ่อแม่ มีคนรักและเป็นห่วงเขาอีกนะ รังไรจะมาครอบครองปวินท์เป็นของตัวเองคนเดียวได้ยังไง โสมนัสพยายามอธิบาย
แต่ตอนนี้...
รังไรฟังพี่นะ วันที่เกิดอุบัติเหตุใช่มันเป็นเรื่องบังเอิญที่น้องไปพบและช่วยเหลือปวินท์ แล้วน้องทิ้งคุณพลอยพิณอยู่ข้างรถน้องสลบอยู่คนเดียวได้ยังไง
คุณพลอยพิณ ไม่จริง รังไรไม่เห็น รังไรไม่ได้ทิ้ง รังไร เธอมีน้ำตาหล่นสายมาด้วยอาการตกใจ
คุณพลอยพิณอยู่กับปวินท์ด้วยตอนเกิดอุบัติเหตุ น้องใจดำมากเลยรู้ไหมที่ทิ้งเธอไว้แบบนั้น รังไรจะให้ทุกคนคิดยังไงว่าน้องไม่ได้รักพาตัวปวินท์มา โสมนัสไม่รู้จะพูดยังไรออกไปแล้ว
พี่นัสรังไรแค่ รังไรแค่รักพี่ปวินท์เท่านั้น ถ้ารังไรรู้ว่าคุณพลอยพิณอยู่ตรงนั้นด้วย รังไรจะไม่ทำแบบนี้ เธอร้องไห้ไม่ยอมหยุด
กลับบ้านเราและส่งปวินท์คืนคนรักของเขาเถอะรังไร หมดเวลาเล่นสนุกแล้วนะ เขาพยายามปลอบน้องสาวของเขา
พี่นัส รังไรมีความสุขมากเลยรู้ไหม เธอเอื้อนเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา
พี่รู้ ยิ่งเขาความจำเสื่อมแบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร ยังไงเขาก็ไม่รักเราอยู่ดี โสมนัสต้องพูดตรง ๆ ออกไป
ไม่จริง คุณเป็นใครกันแน่ถึงมาว่าเราไม่รักกัน ปวินท์พยายามลุกจากรถเข็นและกระโผลกกระเผลกเดินมาและล้มลงไป รังไรตกใจรีบวิ่งไปประคองเขา
รังไรเป็นภรรยาของผม สิ่งที่คุณพูดหมายความยังไง ปวินท์ส่งเสียงดังออกไป
นายบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย นายมีคู่หมั้นแล้ว นาย
พอค่ะพี่นัส อย่าพูดอะไรตอนนี้เลยนะคะ รังไรพยายามห้ามไม่ให้พี่ชายของเธอพูดอะไรออกมามากกว่านี้ ถึงรู้ว่าสิ่งที่โสมนัสเอ่ยออกมามันคือความจริงก็ตาม
กลับบ้านกับพี่รังไร
แต่พี่นัสคะ รังไรอยากจะอยู่กับพี่ปวินท์
ในฐานะอะไร น้องกำลังหลอกตัวเองรู้ตัวบ้างหรือเปล่า รู้ตัวได้แล้ว เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว โสมนัสเริ่มจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
รังไรไม่กลับ
รังไร โสมนัสเรียกชื่อเธอดัง ๆ แต่รังไรก็เอาแต่ร้องไห้
พี่นัสครับพอเถอะครับ จุลเดินเข้ามาในวงสนทนา เขาไม่ได้มองสาวน้อยตรงหน้าเลยสักนิด และเดินตรงไปหาโสมนัสและพูดเสียงเรียบออกไป
เอาเป็นว่าคุณไปเก็บของแล้วกัน แล้วกลับไปอยู่กับพี่นัสที่ไร่ ไม่ว่าคุณกับพี่ปวินท์จะอยู่ในฐานะอะไรก็ตามอย่างน้อยก็อยู่ในสายตาของพี่ชายของคุณ อย่าดื้อกับพี่นัสเลย เขาเป็นห่วงคุณมากรู้ไหม จุลหันหลังให้เธอ พอพูดจบเขาก็เดินกลับออกไป
ผมไปรอที่รถนะพี่นัส เขาไม่สามารถจะมองรังไรได้เต็มตาในตอนนี้ เพราะไม่อย่างนั้นเขาไม่รับประกันว่าจะสามารถควบคุมอารมณ์แบบโสมนัสได้หรือไม่
จุล รังไรส่งเสียงเบา ๆ ออกไป เขามาอยู่กับเธอณ ตอนนี้ด้วย ถ้าอย่างนั้นตลอดเวลาที่เกิดเรื่องราวเขาก็อยู่ที่ไร่กับพี่ชายของเธอด้วยงั้นหรือ ข้อความต่าง ๆ ที่ส่งมาหาเธอมันซ่อนความเป็นห่วงอยู่ แล้วเกิดอะไรขึ้นหัวใจของรังไรตอนนี้มันหนักหน่วงจนจะทานไม่ไหวแล้ว น้ำตามาจากไหนทำไมไม่หยุดไหลสักที
จะทำยังไง จะทำยังไง เสียงพูดแบบนี้ดังกึกก้องในหู
รังไรหันมองตามหลังของเขา ศีรษะของเขาเหมือนมันกำลังก้มลง แผ่นหลังของเขามันดูว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ภาพของจุลจากด้านหลังมันช่างลางเลือนเหลือเกิน เขาไม่ได้กำลังจากเธอไปจริง ๆ ใช่ไหม ชายแปลกหน้าผู้แสนดี แต่ภาพที่มองตอนนี้ไม่ชัดเจนเพราะแสงอาทิตย์ที่สาดเข้าดวงตาทั้งสองข้างที่กำลังบอดสนิทเพราะความรักแบบผิด ๆ อยู่ใช่ไหม
ทำไมทุกคนที่ได้พบกับจุล มันเป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่าใครส่งเขามาเตือนสติรังไรผู้แสนโง่เขลาคนนี้ให้เดินกลับถูกทางทุกครั้งเลยใช่ไหม จุล จุล เสียงเรียกที่ดังจากหัวใจและไร้ซึ่งเสียงที่เปล่งออกมาให้ใครบนโลกนี้ได้ยิน รวมถึงตัวเขาด้วย
Create Date : 15 กันยายน 2555 |
Last Update : 15 กันยายน 2555 22:08:52 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1086 Pageviews. |
|
|
|
โดย: PooM IP: 203.155.182.103 วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:17:23:20 น. |
|
|
|
โดย: นลิน IP: 203.144.233.115 วันที่: 25 กันยายน 2555 เวลา:17:50:58 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
นลินโนเวล เป็นบล็อกที่รวบรวมผลงานเขียนทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย โดยมีนามปากกาว่า นลิน คือ รักหวาน - Sweet ฟุ้งรัก คือ รักสดใส - Pastel จุล คือ เรื่องสั้นและบทความ - A love aleart -Aom อยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านผลงานของนลินแล้วรู้สึกว่ากำลังทำสปาอยู่เลยค่ะ เลยแยกผลงานไว้ให้เข้าใจและเลือกประเภทที่จะทำให้ทุกคนRelax ได้ตามอัธยาศัย และสักวันหนึ่งหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะได้พบกับผลงานของนลินตามแผงหนังสือนะคะ ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้นลินด้วยนะ ขอบคุณค่ะ
|
|
|
|
|
|
|