ก็ทริปเชียงใหม่หนนั้นแหละกระมังที่พอถึงสนามบินเชียงใหม่"ขณะนี้กัปตันชาลีและลูกเรือได้นำท่านมาถึงยังท่าอากาศยานกรุงเทพ เอ๊ย! เชียงใหม่"อุตส่าห์บินมาตั้งชั่วโมง ไม่ได้ถึงไหนเลยนะนั่น และแล้วเครื่องบินลำนั้นก็คือเครื่องบินที่เกิดการระเบิดในเวลาต่อมาไม่นานนักเราจำชื่อเครื่องบินได้พอเห็นภาพข่าวในหนังสือพิมพ์สนามบินดอนเมืองคงเป็นที่เดียวที่เราต้องรอเครื่องบินขึ้นอยู่ 45 นาทีเพราะมีการซ้อมบินผาดแผลง (เขาใช้คำนี้หรือเปล่าเนี่ย)จำได้ว่าทริปนั้นไปขอนแก่นต้องโทรไปบอกน้องที่มารับว่ายังไม่ต้องออกมาจากบ้านเพราะเครื่องบินดีเลย์ตอนนี้พี่กำลังดูโชว์การบินอยู่จากในเครื่องบินที่จอดรออยู่กับที่ครั้งที่เรารู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางมากที่สุดก็คือทริปไปอเมริกาหลังจากเหตุการณ์ 911และอเมริกากำลังประกาศสงครามได้ไม่กี่วันตอนนั้นเริ่มมีการตั้งโต๊ะตรวจกระเป๋าก่อนส่งเข้าเครื่อง x-rayห้ามล็อคกุญแจกระเป๋าโน้ตบุ๊คอาจถูกขอให้เปิดเครื่องรันระบบให้ดูขาไปไม่มีอะไรมาก ยกเว้นขากางเกงยีนส์ของเราที่ตอกหมุดพราวส่งเสียงเมื่อผ่านเครื่องตรวจจับโลหะและตามเคย "Please be here, ma'am"หน้าดิชั้นก็ยังไม่เหมือนคนไทยตามเคยเราก็เวียนถอดๆใส่ๆแจ็คเก็ต เช็คเป้ เช็คโน้ตบุ๊ค ตลอดทุกสนามบินจนถึงจุดหมายแต่ก็ไม่ได้โดนตรวจมากกว่านั้นแต่ตอนขากลับหลังจากนั้นอีกเดือนเศษเริ่มจากสายการบินในประเทศเลย เราต้องถอดรองเท้าบู้ตออกตรวจเป็นครั้งแรก หลังจากที่ขามาเห็นผู้ชายคนก่อนหน้าเราถูกขอให้ถอดรองเท้าถุงเท้าออกตรวจที่สนามบินโอแฮร์มาแล้วแต่เราไม่โดนจากนาริตะมากรุงเทพฯ เราถูกขอให้เปิดโน้ตบุ๊คดูการทำงานอย่างสุภาพ จากเจ้าหน้าที่ผู้หญิงญี่ปุ่นเสียงหงุงหงิงน่ารักเราก็ทำตามแต่โดยดีพอรันได้ เธอก็ขอบคุณปล่อยให้เรากวาดโน้ตบุ๊ค เป้ และแจ็คเก้ตขึ้นเครื่องไปแต่พอระหว่างอยู่บนเครื่องผู้โดยสารอื่นหลับหมดแล้วเราก็เจอปัญหาไม่สามารถบู๊ตโน้ตบุ๊คได้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นเป็นเหตุให้ flight attendant หนุ่มหล่อคนหนึ่งเดินมาถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหมพอเราบอกปัญหา เขาก็พยายามช่วยสักพักเขาก็พูดภาษาไทยหลังจากที่เห็นคีย์บอร์ดมีภาษาไทยอยู่ด้วยเราเห็นพูดไทยได้ก็เปลี่ยนมาพูดภาษาไทยด้วยทันทีคงจะอธิบายเร็วไปหน่อยเพราะเขากระพริบตาปริบๆขอร้องว่า ช้าๆหน่อยครับ ผมฟังไม่ทันถึงคราวเรางงบ้าง อ้าว! ขอโทษค่ะ นึกว่าคนไทยเขาก็ยิ้มเขินๆ คนไทยครับ แต่ผมโตในต่างประเทศก็เลยต้องกลับมาพูดภาษาอังกฤษกันอีกรอบแต่ก็ต้องยอมแพ้ ทำอะไรไม่ได้เคราะห์ดีที่พอกลับมาบ้านก็บู๊ตเครื่องได้ ไม่มีปัญหาทุกครั้งที่เดินทาง เรายกกระเป๋าเข้าเครื่อง x-ray ชั่งน้ำหนักเองทุกครั้งยกเว้นหลังผ่าตัดใหม่ๆที่หมอห้ามยกของหนักที่เราต้องยิ้มหวาน ขอให้พนักวานยกกระเป๋าให้พอเช็คอินไฟลท์ไปหาดใหญ่ เราขอให้พนักงานยกกระเป๋าชั่งน้ำหนักให้"เพิ่งผ่าตัดมาค่ะ หมอห้ามยกของหนัก"เราให้เหตุผลเพราะกลัวจะถูกหาว่าลากมาได้ทำไมจะยกไม่ได้เจ้าหน้าที่ก็เต็มใจช่วยเหลืออย่างดีแถมกังวลเกินเหตุ รีบเรียกถามเจ้าหน้าที่อีกคน พี่คะคุณเขาเพิ่งผ่าตัดมา จะมีปัญหาอะไรไหมคะแล้วหันมาถามเราว่า คุณหมออนุญาตให้เดินทางหรือยังคะเรารีบบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ เดินทางได้ เดินได้ช้าๆ แต่ห้ามยกของหนักเท่านั้นค่ะ"ต้องการวีลแชร์ ไหมคะ"บริการดีเหลือเกิน"ไม่เป็นไรค่ะ เดินเองดีกว่าค่ะ ขอบคุณ"ขากลับมา เรานั่งรออยู่ตรงจุดที่เกิดการระเบิดสนามบินที่หาดใหญ่ ก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือนพอดี