กำลังจะเดินทางวันศุกร์ วันจันทร์เพิ่งจะตัดสินใจแวะไปเยี่ยมน้าพอเห็นตารางเที่ยวบินก็ถอนใจ ต้องไปแวะสนามบินโอแฮร์ ที่ชิคาโก อีกแล้วความที่สนามบินใหญ่ เที่ยวบินเยอะ คนพลุกพล่าน และเคยวิ่งขึ้นเครื่องปุ๊บ เกตปิดปั๊บมาแล้ว ก็ให้สังหรณ์ใจเป็นกำลังว่า มีสิทธิ์ตกเครื่องได้ถ้าเที่ยวบินต้นทางล่าช้า เพราะเวลาต่อเครื่องแค่ชั่วโมงสิบนาทีเท่านั้นแต่ถ้าเที่ยวบินแรกตรงเวลาก็ไม่มีปัญหาประชุมเสร็จแบบเช้าจรดค่ำตลอด 5 วัน มีวันสุดท้ายที่ได้เดินแบบสบายๆวันรุ่งขึ้น สี่สหายก็แยกตัวกันไปคนละทางสองคนขับรถไปเที่ยวต่อคนหนึ่งแวะพักกับเพื่อนสองวันก่อนกลับเราแวะไปหาน้า ต้องบินจากสุดฝั่งตะวันตก ไปสุดฝั่งตะวันออกเช้าวันเดินทาง ตื่นมาตอนตีห้า ฝันว่าพ่อกำลังเดินทางไปไหนไม่รู้ โดยรถไฟและกำลังจะวางกระเป๋าบนชั้น แต่วางไม่ถึงเราก็เลยอาสาวางให้แต่พอเดินไปบนสะพาน แผ่นไม้ก็แยกจากกัน เราหล่นลงมาห้อยต่องแต่ง เกาะปลายไม้ไว้ได้ตื่นมาก็ เฮ้อ! ท่าทางจะไม่ราบรื่นซะแล้วแต่ก็น่ะ ไหนๆก็ไหนๆไปถึงสนามบินที่ซานฟรานซิสโก เช็คกระเป๋าเสร็จผ่านจุดตรวจเรียบร้อยก็มานั่งรอที่เกตเค้าลางของความไม่เรียบร้อยเริ่มต้นขึ้นเมื่อเครื่องบินล่าช้า ยี่สิบนาที ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง ผ่านไปเราเริ่มกระสับกระส่าย จะวิ่งทันมั้ยเนี่ยกัปตันช่างรู้ใจทำเวลาได้ดีมาก จากที่ช้าหนึ่งชั่วโมงก็ช้าไปแค่ยี่สิบนาทีจากเวลาเดิมแต่ครึ่งชั่วโมงหลัง ก่อนถึงสนามบินโอแฮร์ เรารู้สึกเหมือนนั่งรถบรรทุกเพราะสะเทือนแบบตกหลุมอากาศ และฝ่าพายุตลอดพอถึงสนามบิน มีเวลาอีกสี่สิบนาที สบายมาก ไปอีก Terminal หนึ่ง ทันแน่แต่เดี๋ยวดูประกาศบนบอร์ดก่อน ให้แน่ว่าเกตไหนแล้วหัวใจเราก็ตกลงมาอยู่ตาตุ่มพอเห็นเที่ยวบินชัดๆ เที่ยวบินยกเลิก อ้าวววว!!!! จะทำไงล่ะ ถามเจ้าหน้าที่ที่เกตใกล้สุด ก็ได้รับคำตอบว่ายูเดินไปเกต C18 เลยเคาน์เตอร์ customer service อยู่นั่นจ้ำพรวดๆไปที่นั่นก็ อะฮ้า! มีผู้ประสบชะตากรรมเดียวกันมากมายแถวยาวเฟื้อย เพราะที่เห็นบนกระดาน ก็มีเที่ยวบินยกเลิกอยู่หลายเที่ยวเจ้าหน้าที่เดินมาดูในแถว พอรู้ปัญหาเราก็บอกว่า เข้าแถวรอก่อน เพราะยังทำอะไรไม่ได้เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็ยังต้องเข้าแถวรอตามเดิมเรากับพ่อหนุ่มน้อยที่ต่อแถวข้างหลังหน้าตาเอเชีย เขาเป็นคนอินโดนีเชียก็ผลัดกันฝากแบ็คแพ็คกับโน้ตบุ๊ค แล้วมุดแถวไปดูบอร์ดเป็นระยะด้วยความหวังว่าจะหาเที่ยวบินที่ใกล้เคียงไปต่อได้ระหว่างนั้น แถวก็เริ่มยาวมากขึ้น ตามจำนวนคนตกเที่ยวบินที่สะสมเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย ฝนตกหนัก พายุ หมอก และลมแรงชั่วโมงครึ่งผ่านไป เจ้าหน้าที่ถึงประกาศว่าผู้โดยสารภายในประเทศให้ไปติดต่อที่เกตส่วนผู้โดยสารต่างประเทศให้รอที่นี่ เพราะไม่อย่างนั้นจะเสียเวลาในการติดต่อมากเราถอนหายใจ บอกลาพ่อหนุ่มน้อยผู้ร่วมชะตากรรมออกไปกดทำรายการจองเที่ยวบินใหม่ ก็ไม่มีเที่ยวบินใดๆยกหูโทรศัพท์ถามเจ้าหน้าที่ ก็ได้รับคำตอบว่าเที่ยวบินต่อไปคือวันรุ่งขึ้น ทั้งที่พอเดาได้อยู่แล้ว แต่ก็อยากร้องว่า อะไรนะ!!! ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย และง่วงจากยาแก้เมาเครื่องบินได้ที่หลังจากบอกน้าผู้ขับรถออกจากบ้านไปรับเราแล้วก็โทรบอกที่บ้านที่เมืองไทยให้รู้และไม่ต้องห่วงจะไปนอนโรงแรมก็รู้สึกสมองทำงานแค่ครึ่งเดียว ตกลงอยู่สนามบินนี่แหละโทรหาเพื่อนที่เมืองไทย "ป๋อง...มีอะไรอร่อยๆกินที่โอแฮร์มั่ง"จากเสียงสดชื่นของเพื่อนที่ถามมาว่า "ว่าไงจ๊ะ" เปลี่ยนเป็นเสียง "ไปทำอะไรนั่น ตกเครื่องบินเหรอ"เราก็ตอบเนือยๆ... อืมม์ เที่ยวบินยกเลิกจ้ะแล้วจะเข้าเมืองไหมเนี่ย ...เพื่อนถามเราส่ายหน้ากับโทรศัพท์ คงไม่มั้ง ยังมึนอยู่เลย กินยาเข้าไป กว่าจะสร่างก็สี่ห้าชั่วโมงแหละ ไม่อยากออกไปสภาพนี้ไปร้านหนังสือเลย หาหนังสืออ่าน ...เพื่อนบอกพอฉุกใจคิดได้ก็ถามเราว่า เอาโน้ตบุ๊คไปหรือเปล่า ถ้าเอาไปก็นั่งใช้เน็ตไปเราพยักหน้าเนือยๆกับโทรศัพท์อีก ก็คงต้องงั้นแหละระหว่างนั่งอยู่ เราก็ได้ยินเสียงผู้โดยสารตะโกนด่าดังลั่น จากแถวที่หน้าเคาน์เตอร์ก็รู้ว่า คนที่ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย มาเจอแบบนี้ก็สติขาดได้ง่ายๆคุณป้าผมทองหยิกยาวเหมือนนางฟ้าในนิทานฝรั่งที่เกต หน้าตาเฉยๆ ตอบเราหลังจากที่เราถามว่ามีอะไรจะแนะนำเราบ้างไหมว่าถ้าไม่ไปพักโรงแรมก็ต้องรอที่นี่ พอเราบอกว่า เรากินยาเข้าไป สมองเราช้า และเราไม่ได้อยู่ในสภาพสติพร้อมเธอก็ตอบทันทีว่า งั้นยูควรรอที่นี่ดีกว่า อย่าออกไปเลยเรานั่งลงเสียบปลั๊กโน้ตบุ๊ก ชาร์ตแบตเตอรี่ และชาร์ตโทรศัพท์ซื้อชั่วโมงอินเทอร์เน็ต แล้วก็นั่งเช็คสภาพอากาศไป เพื่อนที่ซีแอตเทิลออนไลน์พอดี ก็เลยรู้ว่าเราตกเครื่องบินอยู่เมื่อวันจันทร์เขาเพิ่งบินมากินข้าวเย็นด้วย แล้วก็บินกลับไปวันรุ่งขึ้นพอรู้ก็บอกว่า ถ้าเป็นอีกสนามบินหนึ่งจะให้น้องขับรถมารับไปพักที่บ้านแต่ที่นี่ไกลจากบ้านน้องเขามากเราก็บอกไม่เป็นไร เรานั่งอยู่นี่ได้ระหว่างนั้นมีผู้โดยสารผู้ชาย หน้าตาดี แต่งตัวดี แต่ท่าทางแปลกๆ กึ่งมึนกึ่งเหนื่อย มาติดต่อคุณป้าพอเขาไปแล้ว คุณป้าก็มองตาเราแล้วก็บอกว่าเขาท่าทางแปลก ตอนนี้ที่เกตนี่มีเราเป็นผู้หญิงอยู่แค่สองคน ไอกับยูคุณป้าบอกว่าออกเวรตอนเที่ยงคืนสักพักคุณป้าก็เดินหายไปไหนไม่รู้แล้วก็เดินกลับมาพร้อมหมอนกับผ้าห่มโบกไหวๆอยู่ในมือ พร้อมรอยยิ้มเราขอบคุณ รู้สึกได้ถึงน้ำใจ และความใส่ใจของเธอเราไม่ได้นอนหรอก นั่งคุยกับเพื่อนไปเรื่อยๆจนตีสามระหว่างนั้นก็มีเด็กผู้หญิงหอบข้าวของมายิ้มให้เราแบบมึนๆแล้วก็ล้มตัวลงนอนที่เก้าอี้ห่างออกไปคงอุ่นใจว่ามียายคนนี้นั่งเฝ้าชั้นนอนแล้ว พอตีสี่กว่า เริ่มได้กลิ่นกาแฟ ร้านเปิดแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า ก่อนหน้านั้นกินแซนด์วิชกับโค้กไปประทังชีวิตบอกเด็กผู้หญิงคนนั้น เธอตื่นมาพอดี ว่าเราจะไปหาอะไรกินแล้วสักพักเธอก็เดินตามมาที่ร้านเดียวกันเราสั่งกาแฟกับแซนด์วิชมากินนึกถึงกับข้าวที่น้าบอกว่าทำไว้ให้เรา มีไข่กับหมูพะโล้ มะระผัดไข่ ผัดพริกขิง แล้วเราหัวเราะบอกว่าไปถึงก็สี่ทุ่มครึ่ง ถึงบ้านเกือบเที่ยงคืนเราคงกินไม่ไหวแล้วละแล้วก็ถอนใจ ทีหลังจะไม่พูดอย่างนี้อีกแล้วนั่งลงเขียนโน้ตให้คุณป้าผมทองตั้งใจจะฝากพนักงานไว้ให้เราบอกว่า เราเบลอจนเราจำชื่อเธอไม่ได้ แต่เราจำน้ำใจที่เธอมีให้เราได้ขอบคุณสำหรับหมอนและผ้าห่มพอไปห้องน้ำกลับมา โอ! เดินสวนกับคุณป้าผมทอง เหมือนเธอกลับมาเข้าเวรใหม่เราปราดเข้าไปหา แล้วบอกว่าเราตั้งใจจะฝากโน้ตไว้ให้พอเราส่งโน้ตให้ คุณป้าก็นิ่งไปชั่วอึดใจแล้วก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ฮันนี่ ไฟลท์ยูอยู่เกตไหนเหรอพอเราบอก ก็บอกว่าเดี๋ยวจะดูให้ว่าชัตเติลบัสเปิดกี่โมงยูกินอะไรหรือยัง เอาน้ำส้มไหมเราบอกขอบคุณ เรากินอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วคุณป้าเดินหายไปในห้องพนักงานแป๊บหนึ่งแล้วออกมาบอกว่าไปรอที่เกต C9 เลยนะ แล้วไปชัตเติลบัสเถอะ อย่าเดินเลย ไกล แล้วก็อย่าลืมคอยเช็คเกตเป็นระยะๆ เพราะที่นี่เกตเปลี่ยนบ่อยมาก คำเตือนของคุณป้าเป็นจริงขนาดเราเช็คจนแน่ใจแล้วว่า เป็นเกตที่ต้องลงไปชั้นล่าง และไม่มีบอร์ดแจ้งที่นั่นก็เลยรออยู่ข้างบนจนอีกสี่สิบนาทีจะถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง ถึงลงไปที่นั่นพอใส่หูฟัง ฟังเพลงดังลั่น กลบเสียงคุณป้าแหม่มข้างๆที่โทรศัพท์หาใครนักไม่รู้ คงทั้งตำบล ธุรกิจเยอะจริงๆก็ได้ยินเสียงประกาศ ดึงหูฟังออก รู้แต่ว่าเปลี่ยนเป็นเกตที่อยู่ข้างบนแทนแต่ไม่แน่ใจว่าเที่ยวบินไหน ฟังไม่ทันรออีกห้านาที ประกาศซ้ำ เที่ยวบินใหม่ของเราแหละ ที่เปลี่ยนเกตไปข้างบนเรากวาดข้าวของขึ้นบันไดไป ดีนะคุณป้าผมทองเตือนไว้ ชะล่าใจละก็ มีสิทธิ์ตกเครื่องบินอีกแหงในวันเวลาที่ยุ่งยาก อย่างน้อย เราก็เจอสิ่งที่ดี น้ำใจ และมิตรภาพจากคนแปลกหน้า ที่ทำให้วันเวลางดงามขึ้นเพื่อนที่ซีแอตเทิลบอกเราว่า glad that you had an angel to look out for you...ขอบคุณคุณป้าผมทองเป็นเกลียว นางฟ้าในคืนที่มีแต่คนแปลกหน้าต่อกัน