เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน............................
 
Chindia - เมื่ออาบังกระโดดตบมืออาซิ้ม



วันนี้ได้ดูรายการ"ชีพจรโลก" ของคุณสุทธิชัยหยุ่น ซึ่งอันที่จริงก่อนหน้ารายการนี้
ผมพึ่งดู " กลิ่นแก้วกลางใจ" จบ ขอบอกว่าเป็นละครที่ได้ใจมากๆๆๆๆ ( ไข้เลือดออกเลยระบาดเลย )
ผมชอบพี่สุทธิชัย หยุ่น มานานแล้ว รู้สึกว่าเป็นคนหัวโล้นที่เท่ห์ดี โตขึ้นถ้าหัวล้านก็อยากไว้ทรงอย่างนี้บ้าง เสียที่ผมหน้าตาจืดไปหน่อย พอไม่มีผมก็เหมือนเด็กวัดเส้าหลิน อย่างไรก็ตามผมก็ยังคิดอยู่ทุกวันว่า
ตอนแก่จะไว้ทรงอะไรดี

รายการวันนี้พูดถึงการรวมตัวของสองมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ จีน และ อินเดีย
ว่าถ้ารวมตัวกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จีนถนัด Hardware ส่วนอิืนเดียถนัด Software ( มีซิลิคอนวัลเลย์ที่ บังการอ )

ตัวผมเองเมื่อนึกถึงชื่อทั้งสองประเทศนี้ จำได้ว่าตอนเด็กๆ
ผมรู้สึกว่าทั้งสองประเทศนั้น “กระจอก” กว่าเราทั้งสิ้น อินเดียดูสกปรก ส่วนจีนก็เป็นคอมมิวนิสต์
นึกถาพประชาชนทุกคนเป็นชาวนา แต่วันนี้เมืองเซี่ยงไห้กับนิวยอร์กก็เกือบเรียกได้ว่าพี่น้องกัน

แล้วทำไมไอ้การที่สองประเทศนี้เขาจะมาซี้กันคนทั้งโลกจึงต้องมาสนใจ
อาจเป็นเพราะ...... เป็นประเทศที่มีประชากรเป็นอันดับหนึ่ง กับ สอง ของโลก จีน 1,300 ล้าน- อินเดีย 1,000 ล้าน
เป็นประเทศที่มีอัตตราการขยายตัวทางเศรษกิจมากที่สุด จีน 10 % อินเดีย 8 %
( อเมริกาอย่างเก่ง 3 % )

มีข้อสังเกตที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง เช่น จุดเด่นของแต่ละประเทศ


จีน
- มีการพัฒนาระบบสารธนูปโภคพื้นฐานค่อนข้างดี ถนนหนทางมีการปรับปรุงกันชุดใหญ่และรวดเร็วส่วนของอินเดียนั้น ยังเป็นทางลูกลังอยู่ ทำให้ต้องเสียค่าขนส่งที่มากกว่า
- มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่เยอะกว่า
- ประชาชนอยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่มากกว่า ต่างจากอินเดียทีคนส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคชนบท


อินเดีย
- มีระบบการเมืองที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่า ใช้ระบบประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุด (เพราะมีคนมากที่สุด ) ส่วนจีนนั้นใช้พรรคคอมมิวนิสต์ พรรคเดียว
- ระบบการศึกษาที่ดีกว่า อีกทั้งคนอินเดียยังมีนิสัยกล้าถาม ชอบเรียนรู้ ทำให้มีหัวกระทิอยู่มาก
โดยเฉพาะด้านไอที ว่ากันว่ามีโปรแกรมเมอร์ระดับกะทิประมาณ 500,000 คน ส่วนของไทยเรา
ประมาณ 30,000 คน
- “ภาษา” แม้ว่าภาษาจีนจะได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันแต่ ภาษาอังกฤษก็ยังเป็นภาษากลางที่นิยม
ที่สุดอยู่ดี
- ประชากร เนื่องจากจีนมีนโยบายคุมกำเนิด ส่งเสริมการมีลูกน้อย แต่อินเดียยังปัมพ์กันสนั่นเมือง
ในอีก 20 ปีข้างหน้า ประชากรในวัยทำงานของอินเดียจะมีมากกว่า

แต่สิ่งที่น่าสนใจที่ทั้งสองประเทศนี้มีเหมือนกันคือ ช่องว่างทางฐานะ มีการเหลื่อมล้ำทางสังคมอยู่สูงพอๆกัน
ในส่วนนี้อาจทำให้คนไทยร่วมแจมได้

พอดูรายการนี้จบปุ้บ ไอ้ภาพตอนเด็กที่คิดว่าเขา “ กระจอก” มันก็จุกอกพูดออกมาไม่ได้เสียแล้ว

ยิ่งคิดยิ่งเสียว มองไปที่ใดใครๆก็แซงหน้าไปหมด เกาหลีใต้เมื่อก่อนที่เราเคยยิงประตูได้ และฉลองกันอย่างเมามันเดี๋ยวนี้พี่แกไปบอลโลกถึงไหนๆแล้ว

เวลานั่งคิดเรื่องนี้ทีไร ไม่อยากเลยที่จะดูถูกบ้านเรา รู้สึกว่าบ้านเราถูกดูถูกมาพอแล้ว แค่ในเรื่องของค่านิยม คำว่า
”ไทย” นั้นก็มีมูลค่าน้อยเหลือเกิน
ไม่รู้เหมือนกันว่าปัญหามันเริ่มมาจากไหน

เพื่อนผมเคยเล่าเรื่องที่ทำงานให้ฟังว่า ในที่ทำงานจะมีการอบรมเพิ่มทักษะ ซึ่งนักเรียนในห้องก็จะมีอยู่หลายชาติด้วยกัน ไทย แขก ฝรั่ง เพื่อนผมเล่าว่า ตอนเรียนนี่ฝรั่งนี่จะเป็นตัวถามเลย โวยวาย แสดงความคิดเห็นนู้นนี่ตลอด
ส่วนคนแขกจะชอบไปซักถามคำถามเน้นๆกับอาจารย์หลังเลิกเรียน

ผมก็ถาม “ แล้วคนไทยอย่างมึงละ ทำไรว่ะ “
เพื่อน “กูก็ค่อยไปลอกฝรั่ง หรือ แขก เอาตอนจบว่ะ “

ด้วยรักและเคารพ

:->m’26


ป.ล ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดอีกอันคือ อินเดียโวยว่าน่า จะเป็น ”Inna” มากว่า “Chindia”





Create Date : 17 กรกฎาคม 2550
Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 13:19:26 น. 13 comments
Counter : 1028 Pageviews.  
 
 
 
 
ยิ่งคิดยิ่งเสียว มองไปที่ใดใครๆก็แซงหน้าไปหมด เกาหลีใต้เมื่อก่อนที่เราเคยยิงประตูได้

ผมอ่านเเล้วนึกตามทันที เห็นว่าคุณหมอก็คงเสียวที่ยิงประตูได้นะคับ เเต่ว่าไปยิงเมื่อไหร่คับ
 
 

โดย: CM_Guy IP: 61.7.146.73 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:16:11 น.  

 
 
 
ผมว่าอีกไม่นานเราต้องวื่งตามเวียตนามต่อไปคับ ประเทศไทยคงเหนื่อยน่าดู...วิ่งตามเเต่ชาวบ้าน ไม่ได้วิ่งนำซะที ทั้งๆที่เรามีศักยภาพไม่ด้อยกว่าใคร เเต่ทำไมถึงเป็นยังงั้นล่ะ....
 
 

โดย: CM-Guy IP: 61.7.146.73 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:19:37 น.  

 
 
 
ผมยังไม่เคยยิงประตูเกาหลีได้ ครับ
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่แตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:22:44 น.  

 
 
 
อืม... คนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ล่ะครับ ไม่กล้าพูดไม่กล้าถาม ส่วนใหญ่จะไปเก่งกันตอนลับหลังมากกว่า

ถ้าพี่เบิ้มสองชาติเขาจีบกันติดจริงๆ ล่ะก็ น่าจะเป็นประโยชน์เหมือนกัน จะได้คานอำนาจทางฝั่งตะวันตกไว้บ้าง
 
 

โดย: คนทับแก้ว วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:12:41 น.  

 
 
 
ตารางชีวิตคุณคล้ายๆ ผมเลย
ดูละครเน่าแบบได้ใจไปก่อน
ค่อยๆ มาละเลียดวิถีโลกแบบร้อนๆ

เห็นด้วยทุกประการที่คุณคิดครับ
แต่อยากเพิ่มเติมอีกนิดนึงว่า
ตอนที่บอลไทยแข่งกับออสเตรเลีย
ผมชอบการเล่นของเขามากนะ
ทว่าหลังจากโดนยิงลูกที่สอง แล้วตามด้วยสามสี่
ผมเห็นการถอถอยของหัวใจนักกีฬา
เรื่องแบบนี้ มองกันดีๆ มันคงไม่ต่างจากการที่เราเริ่มถอดใจ เมื่อเห็นเวียดนามกำลังวิ่งแซงเราไปต่อหน้า

อยากให้กำลังใจคนไทย
อยากให้ฮึดสู้ต่อไปครับ

อ้อ เรื่องบางเรื่องไม่ต้องตามเขาก็ได้นะ
เพราะรู้ว่าตามอย่างไรก็ไม่ทัน
แต่อยากให้หันมามองรากเหง้าของเรา
แต่ยึดมันเป็นฐานที่มั่น

รากไม่แข็งแรง
ถึงต้นไม้จะโตได้
แต่ก็เสี่ยงที่จะล้มง่ายๆ มิใช่หรือ
 
 

โดย: แสง สีรุ้ง (แสง สีรุ้ง ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:56:59 น.  

 
 
 
คงต้องจับตาดูกันต่อไป

ว่าแต่ทำไมเจ้าของ blog ถึงเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวันล่ะคะ

ไม่ค่อยเข้าใจนะเนี่ย อิอิ
 
 

โดย: Im onair วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:8:21:22 น.  

 
 
 
อ่านแล้วแอบยิ้มค่ะ
นราธิวาสเป็นยังไงบ้างคะ
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
 
 

โดย: แฟนEOD วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:12:52 น.  

 
 
 
ขำเพื่อนของคุณ kanapo จัง

ประโยคที่ว่า “กูก็ค่อยไปลอกฝรั่ง หรือ แขก เอาตอนจบว่ะ “
นี่ช่างสะท้อนความเป็นไทยจริงๆ ค่ะ
 
 

โดย: gigAgain วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:16:22 น.  

 
 
 
ผมขอสนับสนุนการคุมกำเนิดครับ
 
 

โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:3:13:55 น.  

 
 
 
"ผมพึ่งดู " กลิ่นแก้วกลางใจ" จบ ขอบอกว่าเป็นละครที่ได้ใจมากๆๆๆๆ "
โอ๊ะ ๆๆ พี่ดูละครด้วย
อ้อมเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ยังไม่ค่อยดูเลย
(เชยชิมัด)

อนาคตก็ไม่แน่นะคะ
สองประเทศนี้อาจจยิ่งใหญ่ขึ้นมาก็ได้
 
 

โดย: verdancy วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:42:37 น.  

 
 
 
กลิ่นแก้วกลางใจนี่ ดูทีไรก็นึกว่าพระเอกตายังบอดอยู่ สามารถมั่ก เหมือนตาบอดตลอดเวลา
 
 

โดย: อั๊งอังอา วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:55:42 น.  

 
 
 
ความรักทำให้คนเราตาบอดครับ
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่แตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:06:11 น.  

 
 
 
มี link รายการชีพจรโลก ที่กล่าวถึงมาให้ค่ะ น่าดูมากๆ ค่ะขอบอก

//hiptv.mcot.net/hipPlay.php?id=12263
 
 

โดย: ไอทีแก่ๆ IP: 61.7.150.143 วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:14:25:41 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

kanapo
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน

@boydontkick
[Add kanapo's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com