วันนี้ที่รอตาย _ สมองตาย
ร่างซีดเผือดที่นอนไร้ความรู้สึกบนเตียงผู้ป่วยปรากฎในคลองสายตาของผม เสียงฝนฟ้าภายนอกก็กำลังกระหน่ำร่ำร้องดั่งโศกเศร้ากับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า รอยเลือดบนเตียงแดงฉานกระจายซาบไปตามเส้นใยผ้า เสียงเครื่องช่วยหายใจดังถี่นับเวลาถอยหลังให้กับชีวิตที่กำลังจะจากไป หยดน้ำเกลือแต่ละหยดดั่งหยดน้ำตาเอ่อล้นของพ่อแม่ที่รอคอยปาฏิหารย์ ภาระหนักอึ้งที่ผมได้รับมอบหมายอย่างไม่เต็มใจ แต่เมื่อได้รับมาแล้วก็ต้องทำเหมือนหลายๆงานที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้จิตใจมันช่างสับสนเหลือเกิน ความถูกผิดชั่วดี มันตีกันไม่แพ้เสียงสายฝนภายนอก เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ผมต้องพูดเรื่องนี้ คุณพ่อ คุณแม่พอจะทราบเรื่องการบริจาคอวัยวะรึเปล่าครับ หลังจบประโยคนี้ สีหน้าของพ่อที่เหม่อลอยอยู่ข้างเตียง ยังเรียบเฉยเหมือนเช่นเดิม ส่วนแม่ที่ยังพอครองสติได้ ก็พยายามฝืนพูดอย่างสุภาพที่สุดในชีวิต แต่คำพูดกลับไม่ได้กลบเกลือนแววตาเศร้าและน้ำตาที่คลอเบ้านั้นได้เลย สมองที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เป็นผลให้สมองหยุดทำงาน คลื่นความถี่เล็กๆถายในสมองหยุดลงอย่างสิ้นเชิง สมองตายไปแล้วแต่หัวใจยังเต้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ อวัยวะต่างๆกลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ธรรมชาติสร้างภาวะนี้มาเพื่ออะไร มาเพื่อการบริจาคอวัยวะสำหรับเปลี่ยนถ่ายให้แก่คนที่รอคอยอยู่ หรือสร้างมาเพื่อให้เวลาทำใจสำหรับผู้ที่อยู่ข้างหลัง คำถามนี้คงไม่มีใครตอบได้ และยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของผมตลอดเวลา ข้อดีและประโยชน์ของการบริจาคอวัยวะพรั่งพรูผ่านริมฝีปากของผมอย่างเลื่อนลอย มันเป็นการเสนอโอกาสในการทำบุญครั้งสุดท้ายในชีวิตที่กำลังนับถอยหลัง ไม่ใช่การบีบบังคับหรือจูงใจ ผมท่องไว้ในใจตลอดเวลาการสนทนาที่ยาวนานครั้งนั้น แม่ถามถึงความเจ็บปวดของลูกที่จะได้รับเมื่อมีการผ่าตัดเอาอวัยวะออกไป ผมได้แต่ตอบตามหลักฐานทางการแพทย์ว่าสมองที่ตายไปแล้วจะไม่ได้รับรู้ความเจ็บปวดใดๆที่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่นอกเหนือจากทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่ออื่นใด ผมคงไม่สามารถตอบได้ มาผ่าเอาไปหมดเลยเหรอคุณหมอ ลูกตาก็ไม่เหลือใช่ไหม แม่พยายามเลือกคำที่ดูจะสุภาพและไพเราะที่สุดในสถานการณ์นั้นๆออกมา ถึงแม้มันจะดูห้วนแต่ผมเข้าใจว่ามันเป็นประโยคที่ตรงและไพเราะที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ สถานการณ์ที่พ่อและแม่อยากจะเห็นแววตาของลูกเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาคู่เดิมที่เคยจ้องมองมายังแม่ตอนที่ดื่มนมจากอก ดวงตาที่มีน้ำตาในวันที่ไปโรงเรียนวันแรก ดวงตาคู่เดียวกันนี้กำลังจะจากพรากไป สีหน้าของผมยังเรียบเฉยเจือด้วยความเห็นใจเหมือนที่เคยได้รับการสั่งสอนจากคนที่มอบภาระหน้าที่นี้ แต่สีหน้าของพ่อกลับเรียบเฉยยิ่งกว่า นิ่งเหมือนพยายามให้เวลาหยุดลงเสียให้ได้ แต่ความตายยังคงค่อยๆกลืนกินชีวิตต่อไปเหมือนที่เคยเป็นมา และคงจะไม่สามารถหาความปราณีจากความตายในเวลานี้ ผมเข้าใจสถานการณ์นี้เป็นอย่างดีเพราะผมเจอพบเจอกับความตายมาหลายครั้ง สนิทสนมและเข้าใจมันมาช้านาน แต่พ่อกับแม่คงยังไม่เข้าใจความเด็ดเดี่ยวของความตายภายในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แม่เล่าว่าลูกเป็นคนมีน้ำใจ และมักจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่เดือดร้อน ทุกครั้งที่เห็นความลำบากของผู้อื่น ลูกของแม่จะมีน้ำตาเสมอ แต่ทุกครั้งที่ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ๆในชีวิต เขาจะเป็นคนตัดสินใจเอง พ่อกับแม่ไม่เคยตัดสินใจแทนตัวเขาเลย และพ่อกับแม่ก็ไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของลูกเลยสักครั้งเดียว ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นเหตุผลของทั้งการให้หรือไม่ให้ในครั้งนี้ ใครๆมักกล่าวว่าเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ธรรมชาติคงสร้างเวลามาเป็นผู้ช่วยให้ความตายทุเลาความเด็ดเดี่ยวลง ใครๆก็ต้องการเวลาในการตัดสินใจทั้งนั้น การตัดสินใจกับชีวิตของลูก คนที่อยู่ได้ทำลงไปต้องจดจำไปตลอดชีวิตที่เหลือของตน และเมื่อหวนคิดถึงครั้งใด ต้องไม่เสียใจ ฝนฟ้ายังคงโหมกระหน่ำอย่างไม่คิดชีวิต เสียงเครื่องช่วยหายใจยังถี่กระชั้นเข้ามา เลือดยังคงแดงฉานเหมือนที่เคยเป็นและกลับกระจายไปมากกว่าเดิม สายระโยงระยางดั่งเชือกที่ยื้อดึงที่ปากหุบเหวแห่งการข้ามผ่าน สีหน้าของพ่อก็ยังเรียบเฉย จ้องมองนิ่งไปยังดวงตาของลูกที่ไร้แววความสดใสต่างจากเมื่อครั้งอดีต ดวงตาของแม่กลับนิ่งสงบ ครุ่นคิดกับโจทย์ที่ยากที่สุดในชีวิต ที่ผมเป็นคนตั้งให้แก้ ผมหันหลังเดินออกมาจากบรรยากาศที่อึดอัดจนเหลือประมาณนั้น แต่ภายในของผมกลับอึดอัดและสับสนกว่าบรรยากาศนั้นเป็นหลายเท่า คืนนั้นผมนอนไม่หลับ รุ่งเช้าทีมแพทย์นั่งเครื่องบินมาจากกรุงเทพฯเพื่อผ่าตัดเอาอวัยวะที่ได้รับการบริจาคจากผู้ป่วยสมองตายคนนั้น ผมเดินผ่านห้องผ่าตัดขณะที่แม่กำลังเซ็นต์ใบยินยอมบริจาค ผมไม่ได้ทักและไม่กล้าทักเพราะจิตใจของผมก็ยังสับสนกับสิ่งที่ทำลงไป สมองของผมอมยังโลดแล่นไปกับความถูกผิด ความถูกผิดที่ไม่ได้เกี่ยวกับความดีหรือความชั่ว ผมได้แต่หวังว่าพ่อกับแม่จะยิ้มได้กับสิ่งที่ตัดสินใจลงไปทุกๆครั้งที่หวนคิดถึง ได้แต่หวังว่าผู้คนนับสิบที่ได้รับบริจาคจะพ้นจากโรคภัย ได้แต่หวังว่าน้องคนนั้นจะมองลงมาอย่างภูมิใจกับการเสียสละในวาระสุดท้ายของชีวิต ทุกวันผมก็ยังต้องทำงานกับความตาย เพื่อนสนิทของผม
ผมได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งสมองของผมจะตายและตกผลึก กับการทำงานบนความก้ำกึ่งระหว่างความเมตตาและความโหดร้ายอย่างนี้สักที
Free TextEditor
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2551 1:25:49 น. |
Counter : 3497 Pageviews. |
|
 |
|