เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน............................
 
illness and disease



คนไข้ทุกคนไม่จำเป็นต้องมี disease แต่ทุกคนต้องมี illness

เป็นบทสนทนาที่ผมคุยกับเพื่อนหมอยามขับรถข้ามจังหวัด
เหตุใดหมอเราจึงมักมองหาแต่ disease ถ้าหาไม่เจอก็มักจะถือว่าจบๆไป
หรือสรุปสั้นๆว่า anxiety ก็บ่อยครั้ง

เหตุนั้นอาจเพราะวิชาชีพเราถูกมองอย่างแยกส่วนมานาน
เราแบ่ง อวัยวะให้กันดูแลมากเกินไป
เราแบ่ง กันจนไม่มีใครสามารถกลับมามองภาพรวมได้อีกครั้ง
หรือเรากลับมามองว่าเขาเป็น"มนุษย์"ได้อีกครั้ง

"คนนี้ไม่มี condition ของผมส่งไปแผนกอื่นเลยครับ "
ประโยคสั้นๆที่เราได้ยินกันอยู่เนืองๆ
และเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเราไป รพ. ต้องเข้าๆออกอยู่หลายห้อง

เหตุที่เราสูญเสียความสามารถนี้ไปอาจมีสาเหตุหลายๆอย่าง
บางครั้งตัวสำคัญ อาจคือคำว่า ทุนนิยม บริโภคนิยม
หรือ สั้นยิ่งกว่าคือ "เงิน"

การดูเซียนในแ่ต่ละอวัยวะนั้น มันช่างลงตัวกับทุนนิยมกว่าเป็นไหนๆ
ใครละไม่อยากเจอหมอเฉพาะทาง

ถ้านิ้วกลางขวาเราหัก
ระหว่าง หมอทั่วไปกับหมอกระดูก เลือกไม่ยาก
ระหวา่ง หมอกระดูก กับ หมอกระดูกด้านมือ เลือกไม่ยาก
ระหว่าง หมอกระดูกด้านมือ กับ หมอกระดูกด้านมือขวา เฉพาะนิ้วกลาง เลือกไม่ยาก

จริงๆการเป็นแพทย์เฉพาะทางไม่ใช่สิ่งที่น่าเสียหายอะไร
เพราะ ไม่มีใครจะเก่งในทุกเรื่อง ( นอกจากคุณเคยอ่าน Dr.K )
การรักษา disease ( โรค ) จำเป็นต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดููแลโรคที่ซับซ้อน
แต่การหา illness ( ความเจ็บป่วย ) และรักษามัน ผมคิดว่ามันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่หมอๆอย่างเราต้องมีกัน

บางครั้งคนไข้เจ็บอกมา เขาอาจไม่ได้เป้นโรคหัวใจ ไม่ได้เป้นโรคปอด ไม่ได้เป็นโรคกล้ามเนื้ออักเสบ แต่เขาอาจแค่ไม่สบายใจ หรือ แค่กลัวจะเป็นโรค...... ก็ได้

บางทีแค่เรารับฟัง อย่างจริงจัง เอาหัวใจไปฟังด้วย ( ดูน้ำเน่าจังนิ )
แค่นั้นอาจจะพอ

ไม่้ต้องเอายาหลายถุง
ไม่ต้องเข้าๆออกๆหลายๆห้อง
ไม่ต้องตรวจนู้นนี่ ให้มากมาย

ด้วยรักและเคารพ

:->m'26

ป.ล

บทสนทนาที่ผมมักคุยเล่นกับเพื่อน
ในการเป็นเซียนของอวัยวะอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครจับจอง
เราตกลงกันว่า "ผมจะเป็น หมอง่ามตีนขวา "
ส่วนเพื่อนผมบอกว่า " เราจะเป็น หมอแก้มก้นซ้าย "

เรียนจบแ้ล้วติดต่อพวกเราได้น่ะครับ





Create Date : 23 ตุลาคม 2552
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 16:12:51 น. 32 comments
Counter : 3468 Pageviews.  
 
 
 
 
+100 คะแนน
 
 

โดย: อะนามิ IP: 118.172.29.37 วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:19:58:20 น.  

 
 
 
เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะการดูแลแบบองค์รวมจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริการผู้ที่มารับบริการค่ะ
ปล. ชอบมากค่ะกับคำพูดที่ว่า "รับฟังด้วยหัวใจ" เพราะมันจะทำให้เราเข้าถึงเข้าใจผู้มารับบริการจริงๆ แล้วสุดท้ายเราจะได้ใจเขามา มันจะทำให้ช่องว่างระหว่างความสัมพันของบุคลากรกับผู้มารับบริการลดลง จะเอื้อต่อการให้บริการในระบบมากๆๆๆ
เจ๋งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
 

โดย: ก้าวต่อ วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:23:05:26 น.  

 
 
 
สวัสดีครับท่านผอ.

อ่านจบแล้วผมก็คิดได้สองแบบ ทางแรกคือท่านผอ.คงตัดสินใจจะเป็น GP แน่ๆแล้ว หรือทางที่สองอาจจะเลือกมาเรียนสเปเชี่ยลตี้ที่ชื่อไซไคแทน

แท๊คผมตามไปอ่านแล้วนะครับ ชื่อหนังมิคุ้นหูเลย แต่พล็อตเรื่องน่าสนใจครับ

 
 

โดย: jonykeano วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:23:41:41 น.  

 
 
 
หรือ อย่างที่สาม คือ ผมจะเข้าประกวด AF ใน season หน้าครับ
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:11:14:11 น.  

 
 
 
อ่านแนวคิดแล้วก็ชื่นชมค่ะ

งั้นจะตามไปเชียร์ ตอนเข้าประกวด AFนะคะ
 
 

โดย: นางพญา...ผู้สง่างาม วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:12:25:27 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะหมอ
เอ่อ แล้วตอนนี้ หนูเจ็บติ่งหูซ้าย มีหมอคนไหน ถนัดเฉพาะบ้างใหมค่ะ


หมอขา หนูรอซีดีหมออยู่ ค่ะ ไม่เห็นมาถึงซะที แอบมาทวง เอ แล้วหนูก็งง ว่า หนูส่งที่อยู่ให้หมอหรือยัง แวะหลังไมค์ด้วยนะคะ
 
 

โดย: แม่ภูมิ (Artagold ) วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:12:27:17 น.  

 
 
 
อ้าว แล้วกัน วันนี้ส่งหลังไมค์ไม่ได้ งั้นเดี๋ยวหนูแวะมาส่งที่อยู่ให้ใหม่นะคะ
 
 

โดย: เด็กผู้หญิงหลับในห้องสมุดตอนกลางวัน (Artagold ) วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:12:29:12 น.  

 
 
 
ตกลงคุณหมอ เรียนจบหรือยัง
 
 

โดย: grappa วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:8:41:18 น.  

 
 
 
สวัสดียามบ่ายคะ

วันนี้ท้องฟ้าสดใสนะคะ




 
 

โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:13:17:55 น.  

 
 
 
+ ยินดีต้อนรับกลับสู่ดาวโลก ... เอ๊ย! ไซเบอร์เวิร์ลด์อีกครั้งนะครับน้องหมอตั้ม ก่อนอื่นขอตอบคำถามที่ไปถามพี่ไว้ในบล็อกพี่หน้าที่แล้วก่อน

+ หนังเรื่อง Roommate พี่ก็ยังไม่ได้ดู แต่ที่ได้ยินมาก็คือ อารมณ์มันกลวงๆ แบบที่น้องหมอตั้มรู้สึก ... นั่นแหละครับ ถูกแล้ว คงไม่แปลกไปจากคนส่วนใหญ่หรอก

+ ส่วนสุดสัปดาห์ 3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากครอบครัวพี่แปลงร่างมาเป็นคนกรุงเทพฯ (นนท์) กันหมดแล้ว พี่สาวพี่เลยรีเควสท์จะไปทัวร์ตลาดโบราณ / ตลาดน้ำ อ่ะครับ สุดท้ายก็เลยได้ไปตลาดคลองสวน กับตลาดบ้านใหม่ที่แถวๆ สมุทรปราการ-ฉะเชิงเทรา ไว้คงเอารูปมาอัพบล็อกเร็วๆ นี้อ่ะครับผม

+ อ่านหัวข้อวันนี้แล้ว พี่ขอยกกรณีศึกษาของเพื่อนโต๊ะข้างๆ พี่ที่ออฟฟิศนี่เลยครับ เพราะเค้ามีอาการแปลกๆ หลายอย่าง แต่ที่เป็นหนักๆ ก็คือหัวใจเต้นผิดจังหวะ ไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอที่บ้านต่างจังหวัด หมอที่นั่นก็หาสาเหตุไม่พบ สุดท้ายโดนส่งตัวเข้ามาที่ศูนย์โรคหัวใจ ก็ยังค้นไม่พบอีก แล้วไปเจอที่ รพ.ธรรมศาสตร์ รังสิต ว่าเป็นอาการของต่อมไธรอยด์ทำงานผิดปกติ ตอนนี้เค้าก็เลยต้องรักษาไธรอยด์ไปก่อน แล้วอาการข้างเคียงอื่นๆ ก็น่าจะหายไปเองอ่ะครับ

+ พี่มีคุณลุงอยู่คนนึง ท่านเป็นหมอที่เก่งมาก ตอนพี่เรียนป.ตรี อยู่ที่ลาดกระบัง แล้วมีอาการป่วยแบบแปลกๆ ก็เลยโทรไปปรึกษาอาการ ท่านฟังแล้วก็บอกได้ทันทีว่าน่าจะเป็นโรคอะไร แถมสั่งยาทางโทรศัพท์เสร็จศัพท์ พอพี่ไปซื้อมากิน แล้วก็หายจริงๆ ด้วยอ่ะครับ

+ แล้วก็มีอีกที คุณพ่อพี่ก็มีอาการบางอย่าง พอท่านซักประวัติกับมองปร๊าดๆ ก็รู้เลยว่าเป็นทีบี! สุดยอดดดด

+ เห็นพี่สาว-พี่เขยพี่บอกว่า ทางทันตแพทย์ เค้าจะมีสาขาเรียนต่ออันนึง เรียกว่า Super GP นี่ครับ ก็คือไม่ได้ลงลึกเฉพาะทางทางด้านใดทั้งสิ้น แต่เป็นหมอฟันแบบทั่วไปที่ลึกขึ้น ... ส่วนทางหมอนี่ เหมือนจะมีแต่สาขาอายุรกรรมรึเปล่านะครับ ที่สามารถเรียนซ้ำให้ลึกขึ้นได้

+ อ้าว! เอ๊ แต่อ่านเม้นต์ของน้องหมอโจ แสดงว่าทางหมอก็มี Super GP เหมือนกันจิครับเนี่ย

+ อืม ... ช่างเอามาโยงกับทุนนิยมได้อีกนะครับ (แต่พี่ก็ไม่ค่อยชอบระบอบนี้เหมือนกันนะ) ไว้พี่ง่ามทีนขวาฉีกเมื่อไหร่ แล้วจะรีบวิ่งโร่ไปให้น้องหมอตั้มรักษาให้เน้อ วะฮ่าฮ่า

+ ตกลง น้องหมอตั้มเลิกล้มความใฝ่ฝันจะเป็นหนุ่มคลีโอ จะหนีไปประกวด AF แทนซะแล้วรึครับนี่ ฮุๆๆ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:16:11:41 น.  

 
 
 
หนุ่มคลีโอนี่ ผมสมัครแล้วพี่ แต่

"เขาไม่เอา "

ปีหน้าเล็ง men health อยู่

ขอได้ซักหนุ่มว่ะในชีวิต
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:17:23:57 น.  

 
 
 
"บางทีแค่เรารับฟัง อย่างจริงจัง เอาหัวใจไปฟังด้วย ( ดูน้ำเน่าจังนิ )
แค่นั้นอาจจะพอ"

ชอบประโยคนี้
และค้นพบว่าเป็นความจริงด้วย
บางคนไม่ได้เป็นอะไร
บางทีแค่คุย คนไข้ได้ระบาย มีน้ำตาซึมๆออกมานิดหน่อย
แทบไม่ต้องให้ยาเลย
แต่บางที ก็มีคนไข้ประเภท "ป่วนป่วน"เหมือนกัน เหมือนว่าจะรู้ แต่ก็ไม่รู้ ทำเอาคนตรวจเวียนเฮดกันทีเดียว

บางทีการที่ต้องรักษาคนไข้แบบองค์รวม
ก็รีดพลังงานจากหมอๆอย่างพวกเราไปเยอะมากๆๆๆๆว่ามั้ย
ถ้าพวกเราไม่เหน็ดเหนื่อยกับการรักษา และสามารถรักษาอุดมการณ์ไปได้ตลอดรอดฝั่งของชีวิตการเป็นแพทย์
คนไข้คงโชคดีมากขึ้นเยอะเลย ว่ามั้ย
 
 

โดย: jummdcu IP: 125.24.86.196 วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:19:53:53 น.  

 
 
 
นั่นสิครับ พี่จุ๋ม มันใช้พลังเยอะจริงๆ

และถ้าแบบ "ป่วนป่วน" มาถี่ๆ อันนี้ต้องขอเติมพลังกันบ่อยๆหน่อย



ผมว่าเรื่อง patch adam เป็นตัวอย่างที่ดีครับ
ถึงแ้ม้ว่าอาจดูเกินๆไปบ้าง (คือผมก็ทำไม่ได้อย่างพี่เขาน่ะ บางทียังจำชื่อคนไข้ไม่ได้ เรียกเขาเป็นโรคอยู่เลย ) แต่ก็เป้นแนวทางที่ดีครับ
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:20:19:46 น.  

 
 
 
ตอบคุณ grappa ครับ จริงๆผมจบแล้วน่ะครับ

เดี๋ยวถูกหาว่าเป็นเด็กโข่ง
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:22:12:52 น.  

 
 
 
ถ้าแก้มก้นขวาอ้อมมีปัญหา

ปรึกษาใครคะ?
 
 

โดย: verdancy วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:2:32:59 น.  

 
 
 
+ กร๊ากกกกกก ที่ไปอ่านนั่น เรื่องโกซิกส์ล้วนๆ ครับ (คงมีเด็กหนุ่มสัก 1 ในล้าน ที่จะโชคดีได้ขนาดนั้น) พอดีอัพบล็อกไม่ทัน เห็นเป็นวันลอยกระทง อารมณ์เวิ่นเว้อมันเลยพาพี่ไปอ่ะครับ แฮ่ๆ

+ ว่าแต่น้องหมอตั้ม พา(อดีต)สาวน้อยเฟสปิกไปลอยกระทงที่ไหนกันมาเอ่ย
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 6 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:35:03 น.  

 
 
 
5555+ คิดได้ๆๆๆ สรรหาเกมส์เล่นแก้ง่วงกันดีเน๊อะ
ใครว่าหมอมีแต่เครียดๆนะ..มีแตกสปีชี่ส์มาตรงนี้1 เอ๊ย 2คนแหน่ะ!

ปล. ไม่น้ำเน่าหรอกคุณพี่หมอค้าบ..และผมก็ชอบอ่านด๊อกเตอร์เคด้วย เก่งเว่อร์ๆๆๆ
..ถ้าโลกนี้มีคนคิดแบบพี่หมอสักครึ่งก็คงดี..ผมไม่ได้ชมนะ ห้ามเขิน!!

 
 

โดย: P_Poy วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:38:18 น.  

 
 
 
ปล.อีก
รูปแอบหลอนได้อีกนะ..เที่ยงคืนและด้วยไง!!!
 
 

โดย: P_Poy วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:39:10 น.  

 
 
 
ลืมบอกไปรึป่าวคะ ว่ากว่าครึ่ง เป็นอาการกลัวจะเป็นโรค
 
 

โดย: Pueng120@hotmail.com IP: 125.26.187.245 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:48:42 น.  

 
 
 
พอดีเลยค่ะ ลูกสาวกำลังคันตรงง่ามเท้าขวาคุณหมอช่วยรักษาที ฮ่าๆๆ
คุณหมอสบายดีมั้ยคะ ไม่ได้แวะเวียนเข้ามาทักทายนานเลย หวังว่าเราเองคงมีเวลาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
 
 

โดย: mrs.postman วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:49:33 น.  

 
 
 
หวังว่าคงสบายดีนะค้าบพี่หมอ..กทม.เริ่มหนาวๆและนะ


 
 

โดย: P_Poy วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:31:38 น.  

 
 
 
แก้มก้นขวามเจ็บค่ะ
ไปหาหมอทหนดีคะ
 
 

โดย: verdancy วันที่: 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:37:53 น.  

 
 
 
อันนี้ต้องรอ ผมเรียนจบแก้มก้นซ้ายก่อนน่ะครับ

แล้วจะต่อเฉพาะทางแก้มก้นขวาอีกที
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน IP: 113.53.118.42 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:01:32 น.  

 
 
 
สวัสดีครับท่านผอ.

หนังสือไม่อ่านมันแล้วครับ อยู่เวรวันนี้โดนตามตลอดเย็นเลย

ว่าแต่ได้เรียนที่ไหน ยังไง อะไรหรอครับ

ยินดีต้อนรับกลับสู่เมืองที่รถติดเป็นอันดับต้นๆของโลกครับ
 
 

โดย: jonykeano วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:44:47 น.  

 
 
 
เข้า web CJ แล้วเห็นชื่อเรื่องน่าสนใจเลยเข้ามาอ่าน หมอตั้มเขียนเรื่องสนุกมากค่ะ น่าจะรวมเล่มนะแบบพี่ม่อน(ชาย) พี่เลยนอนดึกเลยคืนนี้ ไล่อ่านเรื่องเก่าๆของหมอ ขอหนุนใจให้เขียนต่อไปเรื่อยๆนะคะ
 
 

โดย: พี่เปีย CJ IP: 58.10.158.47 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:32:11 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับพี่เปีย อ่านแล้วตัวลอบเลยครับ
ยังไม่กล้าขนาดเทียบรุ่นพี่ม่อน หรือครับ
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:22:51 น.  

 
 
 
ผมฟรีเทรนครับ เด๋วดูทิศทางลมก่อนจบ จะไปไหนต่อค่อยว่ากันอีกที

อายปีต่อไป รุ่นผมเรียนกันเยอะเหมือนกัน ดูจากรายชื่อโดยรวมแล้ว ต้องบอกว่าสังคมเด้นท์อายปีหน้าท่าจะสนุกครับ อิ อิ

เมดธรรมศาสตร์ก็น่าจะมันส์ดีนะครับ แล้วทุนหรือฟรีเทรนครับ

 
 

โดย: jonykeano วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:37:44 น.  

 
 
 
มารายงานตัวเนื่องในวันพ่อค่ะ
 
 

โดย: verdancy วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:20:50:29 น.  

 
 
 
ไม่รู้นะ ฉันก็คิดว่าเรื่องเรียนต่อเฉพาะทางของแพทย์ น่าจะมองว่าเป็นค่านิยมได้หรือไม่ คือถ้าไม่เรียนก็ไม่ได้ เพราะเพื่อนรอบข้างเรียนกัน
 
 

โดย: cottonbook วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:0:28:06 น.  

 
 
 
จริงๆแล้วคนที่ไม่เรียนต่อก็มีอยู่บ้างน่ะครับ
แต่อยู่ในสัดส่วนที่น้อยกว่านิดนึีง

ผมคิดว่าการเรียนต่อนี่อาจก้าวข้ามคำ่ว่า ค่านิยม ไปซํกหน่อยแล้ว ( เพราะนิยมข้ามยุคเลย )

แต่ผมว่ามันก้าวสู่การเป็นวัฒนธรรมสายหลักไปแล้วน่ะครับ
ซึ่งถ้าเรายังตะบี้ตะบัน ก้าวตามอเมริกาอย่างไม่บะยั้น บะย้ง ( ภาษาอะไรเนี่ย ) เราคงต้องเป็นแพทย์เฉพาะทางทุกคนน่ะครับ

เหมือนกับคุณครูสมัยนี้ไงครับ จะมาสอนคนเดียวทุกวิชาไม่ได้แล้ว ต้องแบ่งๆกันสอนคนละวิชา
และเมื่อเลือกแล้ว ก็ได้เรื่องนั้นเรื่องเดียว

ผมอุปมา ประมาณนั้นน่ะครับ
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:10:48:29 น.  

 
 
 
ได้ข่าวว่าจะมีข่าวดีปีหน้าก่อนไปเรียนเด้นท์

ยินดีด้วยครับ
 
 

โดย: jonykeano วันที่: 15 ธันวาคม 2552 เวลา:19:35:56 น.  

 
 
 
ทำให้เข้าใจอะไรๆเกี่ยวกับหมอมากขึ้น ชริงๆ
 
 

โดย: ไม่บอกหรอก IP: 161.200.77.65 วันที่: 29 กรกฎาคม 2556 เวลา:12:46:52 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

kanapo
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน

@boydontkick
[Add kanapo's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com