|
ขอระบาย เรื่องที่ 2 : ยุคมืดกำลังจะผ่านพ้น
ครั้งหนึ่ง เมื่อมีคนกล้าลุกฮือตั้งคำถามกับพระคัมภีร์ ยุคมืดจึงได้หมดไปจากยุโรป แม้พระเจ้ายังคงบริสุทธิ์ดังเดิม แต่อำนาจมืดของสันตะปาปาเหนือการเมืองและจิตวิญญาณผู้คนต่างหากที่กลับพินาศ
อาถรรพ์โบราณหนึ่ง กำลังจะเสื่อมจากแผ่นดิน
ทั้งนี้มิใช่มีใครไปถ่ายถอนมันออก เพราะว่า ไม่มีใครแกร่งกล้าขนาดนั้น
ที่ผ่านมามีผู้กล้ามากมาย พยายามต่อสู้กับมันตามลำพัง
บ้างก็ถอดใจไปกลางทาง บ้างก็บาดเจ็บ ที่ล้มตาย ก็มากมาย
แต่ อาถรรพ์ นั้นมันกำลังจะสิ้นไปก็เพราะตัวมันเอง แบบเดียวกับดวงอาทิตย์ และดาวฤกษ์ทั้งหลาย จะดวงใหญ่แค่ไหน อยู่มานานแค่ไหน มีเชื้อเพลิงมากมายเท่าไร
วันนึง เชื้อเพลิงหมดก็ย่อมมอดลงอยู่ดี
หลังความร้อนเริ่มลดลง ดาวหางเอย ดาวเคราะห์อื่นๆเอย ที่ตัวเองเคยบงการ เคยเหวี่ยงพัดด้วยกำลัง ก็จะกลับพุ่งเข้ามาทำร้ายตัวมันเอง
เมื่อความเจริญทางเทคโนโลยี และการศึกษาที่มากขึ้น และทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในทศวรรษล่าสุด การปิดกั้นการสื่อสารทำแทบไม่ได้ การอยู่อย่างโดดเดี่ยวในสังคมโลกนั้นก็เป็นไปไม่ได้ ร่วมกับความพยายามที่จะอยู่รอดด้วยวิธีเดิมๆ อย่างไม่ได้มองความเป็นจริง
วันนี้ ผืนแผ่นดินกำลังสว่างขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางความวุ่นวายนี่เอง
อะไรๆที่ผมเคยได้แต่รำพึงว่า จะอยู่จนได้เห็นหรือไม่ กำลังเกิดขึ้น เร็วกว่าที่คิด
เร็วกว่ามาก
ผมหวังจะเห็น Renaissance บนผืนแผ่นดินที่ผมรัก
Create Date : 02 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 6 มีนาคม 2553 5:19:13 น. |
Counter : 333 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ขอระบาย เรื่องที่ 1 : ไอ้ตอแหล
เพราะชีวิตผู้ให้บริการต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย ผู้รับบริการ เพื่อนร่วมงาน หน่วยงาน องค์กรอื่น มีเรื่อง ทั้งที่น่าประทับใจ ซึ่งก็ย่อมต้องมี เพื่อเป็นแรงใจหลักให้ทำงานต่อไปได้ แต่เรื่องน่าโมโห-ไม่ประทับใจก็ต้องมีบ้างเช่นกัน และวิธีเดียวที่จะลดความคับข้องใจได้คือการระบาย แต่จะระบายดังๆ คนไม่พอใจก็ต้องมี ไม่ก็บางทีก็ไม่เหมาะสม webblog คงเป็นหนึ่งคำตอบของผมตอนนี้ ในการหาช่องทางระบายความอึดอัดคับข้องใจที่ไม่รู้จะไปปล่อยกับใคร
ใครที่ไม่อยากฟังคนบ่นก็อย่าได้อ่านต่อเลยครับ
เรื่องที่ 1 : ไอ้ตอแหล
แผนกศัลย์ที่ผมอยู่ การรับย้ายคนไข้ การรับ refer จาก รพ.อื่นๆ ค่อนข้างมีข้อจำกัด เนื่องด้วยจำนวนพยาบาล และหมอ ที่จะมารับผิดชอบ round รวมทั้งเวลาที่จำกัด ไอ้ที่จะ admit ไว้ก่อนค่อยว่ากัน ไม่ว่า case จะไร้สาระแค่ไหนก็ตาม โดนด่ามานักต่อนักแล้ว
ดังนั้น case ที่จะมาจะต้องมี plan มีเหตุผลที่จะมา admit หมดเหตุผลเมื่อไร ก็ refer กลับไปดูแลต่อที่ รพช / กลับบ้าน ตามเรื่อง
วันนี้ ผมอยู่ ER เวลามี case ที่อยู่นอกเหตุผลที่จะรับ admit จะต้องโทรมา OK กับทาง ER ก่อนว่าจะส่งมาได้มั้ย ทาง รพ. จะรับมั้ย เพราะต้อง clear เตียงซึ่งแน่นจะเป็นสลัมอยู่แล้วให้ ไหนจะต้องเตรียมของเตรียมคนอีก หากเป็น case หนัก
พวกที่เล่นมุขลักไก่ ขับมาโยนคนไข้ดื้อๆแล้วจะชิ่งหนี ..ER มีมาตรการจัดการอย่างแสบสันไว้รอ เป็นที่สังวรณ์แก่โรงพยาบาลหลายๆโรงเป็นอย่างดี
วันนี้ รพ.กรุงเทพ-xxx (เอกชน) โทรมา ขอ refer case acute cholecystitis (ถุงน้ำดีอักเสบ ซึ่ง ไม่ด่วนถ้าใช่จริงๆ ไอ้ที่ ผ่าภายใน 48 ชม. มีน้อยมากๆๆๆๆ ปกติจะรอให้หายอักเสบ 6 wk ค่อยมาผ่าออก)
"... refer ทำไมหรือครับ" "... เอ่อ (เงียบไปพักนึง) คือมีปัญหา financial problem (ตังค์ไม่พอ หากรักษาเอกชน) ค่ะ" "อ้าว แล้วโรงพยาบาล xxx (รพ.จังหวัด ของรัฐ) หละครับ" "คือ บ้านผู้ป่วยอยู่ใกล้ทางฝั่งจังหวัดท่าน มากกว่าค่ะ (ทำนองว่า ญาติจะได้มาเยี่ยมง่ายๆ) แล้วผู้ป่วยจ่ายเองค่ะเพราะเป็นชาว Holland"
"ก็ ok ครับ ส่งมาได้ครับ"
ผมกำลังจะลงเวร ER ก็มาถึง ...รถหรูตาม style รพ.เอกชน
เข็นลงมา พยาบาล refer ก็มาด้วย ผู้ป่วยเป็นชาว Holland ที่พูดภาษาไทยชัดมาก ตัวอ้วนใหญ่
ทุกอย่างก็กำลังจะเสร็จ พยาบาล ER ก็ถามที่อยู่ผู้ป่วยกับพยาบาล refer
"อ.บ้านsss ค่ะ"
"อ้าว ไม่เห็นจะค่อนมาทาง จังหวัดเราเลยนี่ ภรรยาเขาอยู่จังหวัดนี้เหรอ"
"เปล่าค่ะ"
"แล้วเหตุผลที่ส่งมาที่นี่คืออะไรครับ"
"รพ.จังหวัด xxx ไม่รับค่ะ"
"ถ้ารพ.จัหวัด xxx ไม่รับ แล้วรพ.kkk (รพ.รัฐทั่วไปอีกโรง ในจังหวัด xxx) เขาไม่รับหรือครับ"
"เขาบอกวันนี้ไม่มีเวรหมอศัลย์ค่ะ" ...อันนี้โกหก ไม่ก็มั่วเอา ชัวร์ๆ มีคนยืนยันภายหลัง
"แล้วตกลงที่ส่งมานี่เพราะอะไรครับ"
"ไม่รู้อะค่ะ ก็ทางโน้น (รพ.กรุงเทพ-xxx) เขาให้มาส่ง"
สรุปเจ๊ที่มาด้วยแค่มาส่ง ไม่ทราบสาเหตุ แล้วยังช่วยมั่วส่ง
สุดท้ายก็ต้องรับเพราะผมดันหลงเชื่อการตอแปลของฝ่าย refer รพ.เอกชน
round พรุ่งนี้กูจะตอบอาจารย์ยังไงเนี่ย 
จำไว้เลย ไอ้สัตว์ ไอ้ชาติหมา รพ.กรุงเทพ-รxxxง คราวนี้กูถือว่ากูโง่เอง คราวหน้านะมรึงตาย...
Create Date : 18 พฤษภาคม 2551 | | |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2551 1:45:41 น. |
Counter : 539 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เหตุเกิด ที่ รพช.
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกิดที่ โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง ตอน 4 ทุ่มกว่าๆ เดือน ตค 2550
ผมนอนอ่านหนังสือในห้องพิเศษที่ รพ. จัดให้ (หรือในความเป็นจริงคือ ผม+พี่รุ่นก่อนๆที่มา turn รพ นี้ fight ให้ได้มา) รอ โทรศัพท์จากแผนกต่างๆ ได้แก่ ห้องฉุกเฉิน (ER) และหอผู้ป่วยใน (ward) หากมีปัญหา เขาจะโทรมาตาม...
22.xx น. โทรศัพท์ตามจาก ER เป็น ชายวัยรุ่น อายุ 18+ ปี รถล้ม มีแผลฉีกขาด ไม่แน่ใจเรื่องปวดข้อมือขวา ตามไปสั่ง Film + ตรวจ
ผมก็ไปตรวจตามปกติ
สรุปว่า ตรวจพบแผลฉีกขาดจิ๊บๆ 2-3 แผลบนหน้า คลำไม่ได้รอยแตกกะโหลก ยกคอได้ vital sign ดี บลาบลาบลา... สรุปว่า เรื่องด่วน/ฉุกเฉิน ไม่มี
ส่วนข้อมือขวา ปวดบวมจริง ตรวจการทำงานเส้นประสาท ทั้ง motor sensory และ reflex ก็ OK active movement ดี (ขยับข้อมือได้เอง) คลำไม่พบรอยหัก แต่มันบวม อาจมี หัก จริง เลยส่ง film ไป ตอนจบก็โนพล็อมแพลม เลย Advice R I C E ไป ให้ fe หน่ง fenac พารงพารา ตามเรื่อง
ถ้าทุกอย่างเสร็จมันก็จบใช่มั้ย...
ยังหรอกครับ 
บริบทของเรื่องนี้คือ คนที่มากับผู้ป่วยต่างหาก
กระทาชายนายละอ่อนคนนี้ ยกแก๊งเดียวกัน มา 4 คน รุ่นราวคราวเดียวกันหมด มาทราบภายหลังว่า พี่พยาบาล ER รู้จักกับเด็กคนนึงในนั้นเพราะเป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกัน
ขณะที่ผมกำลังตรวจร่างกายผู้ป่วย เพื่อน 4 คนนี้ เห็นอยู่ 2 คน นั่งมองลอดบานเกล็ดด้านนอก อีก 2 คนที่เหลือ คนนึงใส่ชุดเขียว ขอเรียกว่านายเขียว (นามสมมติ) ละกัน อีกคนเสื้อดำ เรียกนายดำ
จากปากคำพี่ที่เห็น ยืนยันว่า นายเขียวเข้ามาถามอาการผู้ป่วย แล้วเรียกนายดำออกมา พร้อมกับบอกว่า จะไปขยับ mc (รถ motorcycle) นายดำก็ชักกุญแจส่งให้
ตอนนั้นเป็นเวลา 23.20 น.
มีพยาบาลเห็นนายเขียวเอาถุงมือ disposible (ถุงมือยางแบบไม่ไร้เชื้อที่เห็นใส่ๆกัน) ไปใส่ เดินร่อนขณะรอเพื่อนถูกตรวจ พยาบาลเลยมาเล่าพร้อมกับสงสัยว่า เอาไปใส่ทำไม
ขณะผมกำลังเรียกผู้ป่วยมา advise แล้วเตรียมให้กลับบ้าน พยาบาลก็ถามถึงสิทธิการรักษา ซึ่งงานนี้ต้องใช่ พรบ.จ่าย only เพราะน้อยกว่า กี่หมื่นแรก (มันไม่ถึงอยู่แล้ว) ใช้ 30 บาทไม่ได้ ต้องใช้ พรบ. รถ จ่าย โดยต้องทดรอง (จ่ายสด)ไปก่อน แล้วเอา bill ไปเบิกเอง
พอฟังดังนี้ ผู้ป่วยถึงกับครวญ ว่าเพิ่งโดนออกจากงานวันนี้ กำลัง shot ส่วนเพื่อนคนอื่นก็แสดงความเป็นเพื่อนอย่างน่าชื่นชม...
"...เฮ้ย.. ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวกูเอามาจ่ายให้" "... ไงกูก็ไม่ทิ้งมึงหวะเพื่อน"
อะไรทำนองนี้
พยาบาลคงสงสารปนเวทนาเด็กกลุ่มนี้ เลยแจ้งว่า เซ็นเป็นหนี้ไว้ก่อนก็ได้ิ หลายคนที่ไม่พร้อมจ่ายเขาก็ทำกัน
เจ้าผู้ป่วยดูเหมือนไม่แน่ใจ แต่เพื่อนๆยืนยันว่าจะช่วยหามาจ่าย ตอนนั้นผม คิด ค่ารักษา แค่ 200-300 บาท เ้อา bill ไปเบิก แล้วค่อยเอาเงินมาจ่ายก็ได้
ทันใดนั้น พี่ที่ห้องบัตรก็เข้ามาใน ER ด้วยอาการตกใจเล็กน้อย
"... มือถือ พี่ A (นามสมมติ) หาย "
ใครที่เคยใช้บริการ โรงพยาบาลชุมชน คงพอนึกภาพออกนะครับว่า เวลามา ห้องบัตรจะอยู่ด้านหน้าสุด กระเป๋าถือพี่ A วางอยู่ด้านใน ที่บนโต๊ะเจ้าหน้าที่ ทางเข้า-ออก คนนอกไม่มีทางจำเป็นต้องผ่านแน่ๆ

พี่เขาเปิดกระเป๋าทิ้งไว้ นัยว่ากำลังจะเก็บของกลับบ้าน เพราะใกล้ลงเวร
"พี่ๆ ผมเห็นไอ้เสื้อเขียวมันเดินเข้าไปในห้องบัตรตะกี้เนี่ย" "มันเข้าไปทำไม ก็ ER มันอยู่ฝั่งนี้ (ปีกซ้าย)"
งานนี้การสอบสวนจึงเริ่มขึ้น พวกเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นถูกกักตัว ถามทีละคน เริ่มจากคุณเสื้อเขียว ผู้ต้องสงสัยรายที่ 1 ไล่รายตัวไป
"ผมไม่รู้เรื่อง" "ผมไม่เห็นเลย ผมนั่งเฝ้าเพื่อนผมข้างนอก"
บ้างก็..
"ค้นตัวเลยก็ได้ ผมไม่มี"
... แน่นอน ผ่านไปสักพักนับแต่นายเขียวเดินเข้าห้องบัตร ถ้ามีของ มันคงไม่อยู่กับตัว
เจ้าหน้าที่กับผม ช่วยกันตามหากันให้หัวปั่น หาถึงในห้องน้ำคนไข้ ข้างห้องบัตร
ทันใดพี่เจ้าหน้าที่คนนึงก็ว่า
"ขอค้นมอ'ไซต์ หน่อยซิ"
คราวนี้พวกมันอึ้งไปพักนึง แล้วคนนึงในกลุ่มก็ว่า.. กุญแจไม่มี
"กุญแจ จะไม่มีได้ไง ก็แล้วมากันยังไง" "ผมหาไม่เจอ" "ผมย่นให้เพื่อนไปแล้ว" "เฮ้ย กูไม่มีจริงๆ กูคืน xxx (น้องผู้หญิงที่มาด้วยตอนแรก และกลับไปแล้ว)"
งานนี้จบที่ ตำรวจครับ ตำรวจ 2 นายถูกเรียกมา และจับเจ้าพวกนี้สอบเครียดหน้า ER
ตอนแรก ไม้นวมคือ ถ้าคืนของ จะไม่เอาเรื่อง
แน่นอน ไม่มีใครรับ
งานนี้เลยต้อง งัดรถกัน
มันก็อยู่นั่นหละครับ ใต้เบาะรถ รูปพรรณสัณฐานเป๊ะ
ตอนจบเลยถูกพาไปโรงพักทั้งกลุ่ม
ใครอยู่เวรโรงพยาบาลชุมชนตอนกลางคืน ของมีค่าเอาไว้ใกล้ตัว หรือเก็บที่ๆมันมิดชิด lock ได้ ให้เรียบร้อยดีกว่านะครับ
ปล. ที่อึ้งคือ ไอ้เขียวกับถุงมือ disposible นี่หละ ท่าจะดูหนังสืบสวนมามิใช่น้อย
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2550 | | |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2551 1:02:59 น. |
Counter : 545 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|