Due Date: ฮาก๊ากล้วนๆ...อย่างเดียว ถ้าหนังตลกมีไว้เพื่อให้เราฮา ผมคิดว่า Due Date ทำหน้าที่ของมันได้ดีพอควรในด้านการสร้างเสียงหัวเราะครับ มีบางฉากที่ทำให้ผมฮาท้องคัดท้องแข็งอย่างยาวนาน ทั้งหมดทั้งมวลคงต้องยกความดีให้กับการแสดงของโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ และ แซ็ค แกลิเฟียนากีส ที่เล่นแจกมุขตลกกันได้อย่างถูกจังหวะ และแสดงเข้าขากันอย่างมาก แต่เมื่อดูจบแล้วก็ได้แค่ความฮากลับมาอย่างเดียวจริงๆ ครับ เรื่องย่อคร่าวๆ ของหนังอยู่ที่ชื่อไทยของหนังอยู่แล้วครับ “คู่แปลก ทริปป่วน ร่วมไปให้ทันคลอด” เป็นเรื่องราวของคนแปลกสองคน คนแรกแปลกไม่มาก (ดาวนี่ย์) มีนิสัยเครียดจัด โมโหร้าย ปากร้าย ที่ต้องรีบเดินทางไปให้ทันเมียคลอด ส่วนอีกคน (แกลิเฟียนากีส) แปลกเข้าขั้นเพี้ยนซึ่งเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองแปลก ทั้งคู่จำเป็นต้องเดินทางด้วยกันเพราะสถานการณ์บังคับตามฉบับหนังคู่แปลกทั่วไป และก็มักมีเรื่องวุ่นวายจนเป็นทริปป่วนเพราะความแปลก แตกคอกันระหว่างทาง แต่ครึ่งหลังก็เข้าใจในกันและกันและก่อเกิดมิตรภาพในที่สุด หนังเดินตามสูตรสำเร็จของหนังคู่แปลกอย่างครบถ้วน ไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ ดังนั้นการที่หนังจะประสบความสำเร็จในแง่หน้าที่ของมัน จึงต้องพึ่งตัวนักแสดงเป็นสำคัญครับ และต้องชมนักแสดงนำทั้งคู่เลยที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากในแง่การเรียกเสียงฮา บทของดาวนี่ย์ จูเนียร์ นั้น ออกจะแปลกจากที่เคยเห็นเขาเล่นมาบ้าง เพราะปกติมักเล่นเป็นคนกระล่อน เรื่องนี้ออกแนวโผงผาง เอาแต่ใจ แต่ก็เป็นบทที่เขาเล่นได้อย่างสบายและไหลลื่น ส่วนแกลิเฟียนากีสก็มักเล่นเป็นคนนิสัยแปลกๆ มาตลอด เพียงแต่ในเรื่องนี้แปลกกว่าปกติหน่อย เขาสามารถสร้างบุคลิกความแปลกให้ชวนขำได้เกือบทั้งเรื่อง อย่างไรก็ตาม หนังคู่แปลกที่ดีต้องทำให้เรารู้สึกได้ว่าอยากเอาใจช่วยให้พวกเขาเดินทางไปจุดหมายให้ทันเวลา ทำให้เรา“รู้สึก”เหมือนได้ร่วมเดินทางไปด้วย ทำให้เราซาบซึ้งในมิตรภาพของพวกเขา แต่สำหรับ Due Date ผมรู้สึกเหมือนแค่ได้ “ดู” พวกเขาเดินทาง และ“ฮา”เวลาเจออุบัติเหตุเหมือนเวลาเราดูคนเจ็บตัวในโฮมวิดีโอ ไม่ได้มีความเห็นใจเท่าไหร่ และก็ไม่ค่อยได้ลุ้นตามเท่าไหร่ สาเหตุที่หนังทำได้แค่นี้อาจเพราะตัวบทหนังของท็อดด์ ฟิลลิปส์ และ อดัม ซีสติคีล ทำได้แค่สร้างสถานการณ์ฮาๆ ขึ้นมา แต่ไม่อาจทำให้เราซาบซึ้งไปกับตัวละครหรือมิตรภาพได้ จุดที่เห็นได้ชัดเลยก็คือตอนท้ายที่ให้ตัวละครของดาวนี่ย์ จูเนียร์ เกิดซึ้งใจกับตัวละครของแกลิเฟียนากีสอย่างง่ายดายเกินไป แทบจะเหมือนมีปุ่มเปิดปิดความชอบและความชังเหมือนกับต้องการรีบให้จบเรื่องโดยไว และยิ่งทำให้ช่วงสุดท้ายของหนังดูห้วนและแห้งแล้งมาก โดยสรุปแล้ว ถ้าคุณอยากได้ความฮา Due Date สนองคุณได้ดีครับ แต่ในด้านความประทับใจอื่นๆ หนังยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีมาก 7/10 Due Date ชื่อไทย: คู่แปลก ทริปป่วน ร่วมไปให้ทันคลอด ผู้กำกับ: ท็อดด์ ฟิลลิปส์ ผู้เขียนบท: อดัม ซีสติคีล และ ท็อดด์ ฟิลลิปส์ นักแสดง: โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์, แซ็ค แกลิเฟียนากีส, มิเชล โมโนแกน, เจมี่ ฟ็อกซ์, จูเลียต เลวิส วันเข้าฉายในไทย 04/11/2010 ความยาว 100 นาที เรท น.15 เว็บไซต์: //duedatemovie.warnerbros.com   Create Date : 04 ธันวาคม 2553     0 comment Last Update : 4 ธันวาคม 2553 3:50:10 น.     Counter : 2132 Pageviews.   Share Tweet

Shutter Island: ความเห็นหลังชม Shutter Island ให้ 7 / 10 ครับ เป็นหนังที่ดูเพลินๆ ได้อีกเรื่อง ในแง่การชมหนังแนวจิตวิทยาเขย่าขวัญ และความลึกลับแบบหนังสอบสวน รวมถึงมีองค์ประกอบทางศิลป์ที่น่าสนใจ ชวนให้ติดตาม แต่สิ่งที่หนังขาดอย่างมากคือความตื่นเต้น และความแปลกใหม่ เรื่องราวและบทลงเอยไม่ค่อยต่างจากหนังที่เคยทำๆ มา และหนังที่ผมเพิ่งชมไปเมื่อไม่นานนี้อีกเรื่อง มาร์ติน สกอร์เซซีควรเพิ่มความระทึกแบบ Cape Fear เข้าไปเพิ่ม จุดเด่นของหนังอยู่ที่การปูเรื่องที่แน่น ทำให้บางทีเราพอจะเดาเรื่องออก แต่ก็ยังรู้สึกแคลงใจว่าตกลงเดาถูกรึเปล่าในช่วงครึ่งเรื่องแรก แต่เมื่อมาแน่ใจในครึ่งเรื่องหลัง ทำให้ฉากเฉลยปมต่างๆ ในตอนจบขาดพลังอย่างมาก และรู้สึกแห้งแล้ง ต่างจากการเฉลยปมในลักษณะเดียวกันของหนังจากผลงานผู้กำกับคนอื่นๆ อย่างของเดวิด ฟินเชอร์, ไบรอัน ซิงเกอร์ หรือรอน เฮาเวิร์ด องค์ประกอบทางศิลป์ก็เป็นจุดที่น่าสนใจอย่างมากในหนังเรื่องนี้ครับ มีความละเอียดขนาดให้ชวนหลงใหลน่าติดตาม เหมือนหนังของมาร์ติน สกอร์เซซีหลายเรื่องอย่าง The Age of Innocence และ The Aviator องค์ประกอบทางศิลป์เหล่านี้ นอกจากน่าสนใจแล้วอย่างเสริมแก่งของเรื่องทั้งหมดได้อย่างดีมาก แต่บางครั้ง มันก็เด่นเกินไปจนเหมือนเกือบบอกตอนจบของหนังให้เรารู้ มันชัดเจนเกินไป โดยรวม การเล่าเรื่องและการกำกับของสกอร์เซซีถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานครับ ไม่เสียชื่อ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นเหมือนผลงานก่อนๆ เป็นงานที่ดูได้แบบเพลินๆ   Create Date : 01 เมษายน 2553     2 comment Last Update : 1 เมษายน 2553 17:17:34 น.     Counter : 1411 Pageviews.   Share Tweet

Clash of the Titans: ความเห็นหลังชม Clash of the Titans ให้ 6.5/10 ครับ หนังดูสนุกได้แบบเพลินๆ โอเคเรื่องหนึ่ง ไม่ถึงกับผิดหวัง แต่ก็ไม่อิ่ม ไม่สุด ไม่โดดเด่น ไม่พิเศษ ผู้ชมวัยรุ่นตอนต้นน่าจะชอบ Clash of the Titans อาจจะสนุก แต่โตกว่านั้นอาจจะรู้สึกว่ายังไม่จัดจ้านพอ ไม่แซ่บพอ หนังดำเนินเรื่องเร็วมาก จากฉากแอ็คชั่นหนึ่งไปอีกฉากแอ็คชั่น ไม่ให้เวลาผูกพันกับตัวละครเท่าไหร่ จึงไม่รู้สึกลุ้นไปกับชะตากรรมของตัวละคร ยังดีที่ฉากแอ็คชั่นพอสนุก เลยไม่น่าเบื่อ และได้การแสดงคุณภาพของนักแสดงสมทบมาช่วยยกระดับ เลยแค่ดูพอเอาเพลินๆ ได้ ความสนุกตื่นเต้นน่าจะประมาณ Harry Potter สองภาคแรก มีความสับสนหลายอย่างในตัวบท เหมือนคนคุ้มดีคุ้มร้าย บุคลิกแปรปรวนอยู่ ไม่รู้ว่าจะเอายังไงแน่ แต่สรุปแล้ว หนังดูได้เพลินๆ สนุกระดับพอใช้ และถ้าเทียบกับต้นฉบับที่เทคนิคโบราณกว่า ที่เคยดูตอนเด็กๆ ผมว่าผมยังชอบของเก่ามากกว่า (หรืออาจเพราะตอนนั้นเด็ก เลยสนุกง่ายกว่า)   Create Date : 01 เมษายน 2553     0 comment Last Update : 1 เมษายน 2553 17:16:16 น.     Counter : 1242 Pageviews.   Share Tweet

JEDIYUTH's Review: Paranormal Activity - หนังสยองขวัญเล็กๆ ที่ทำได้ ถ้าหนัง Paranormal Activity ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นหนังชวนผวา ขวัญเสีย ตกใจ น่ากลัว และรู้สึกหลอน ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ทำได้อย่างประสบความสำเร็จสมบูรณ์แบบตามจุดประสงค์ของมันครับ อย่างน้อยก็สำหรับตัวผมครับ เพราะมันทำผมกลัวจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เกือบตลอดทั้งเรื่องเกือบเหมือนผู้ชมที่ตัวอย่างหนังถ่ายมาให้เราดู โดยเฉพาะในครึ่งหลังของหนัง และฉากจบทำให้ผมเสียขวัญอยู่พอสมควรจนต้องนั่งตั้งสติสักพักหลังไฟเปิดก่อนลุกออกจากโรง Paranormal Activity กำกับและเขียนบทโดย โอเรน เพลี ผู้กำกับที่เกิดในอิสลาเอล ใช้ทุนสร้างหนังเพียง 15,000 เหรียญ หรือราว 555,000 บาท (เมื่อคูณ 37 เข้าไป) เป็นทุนสร้างหนังที่ไม่ถึงหนึ่งล้านบาไทย แต่ทำรายได้ในสหรัฐไปแล้วร่วม 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3,700 ล้านบาท ซึ่งกำไรหลายพันเท่าตัวขนาดนี้ไม่ได้มาจากแค่หนังใช้ทุนสร้างต่ำเท่านั้น แต่มาจากการที่หนังทำให้คนดูผวาอย่างมากตลอดการรับชมด้วย แนวคิดของหนังคล้ายกับ The Blair Witch Project และ Cloverfield ครับ นั่นก็คือเป็นฟุตเตจของหนังที่ถูกพบหลังจากเรื่องทั้งหมดผ่านไป ต่างตรงที่เป็นภาพจากกล้องที่ไม่สั่นให้เวียนหัว หนัง Paranormal Activity เป็นฟุตเตสที่ตำรวจซานดิอาโกพบเข้าจากกล้องในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นของคู่สามีภรรยา แสดงโดยมิคาห์ สโลท และ เคธี่ ฟีเธอร์สัน (ทั้งคู่ใช้ชื่อจริงของตัวเองเป็นชื่อตัวละคร) ที่ตัดสินใจซื้อกล้องมาเพื่อถ่ายเหตุการณ์ประหลาดหรือชวนหลอนที่เกิดขึ้นในบ้าน หลังจากเก็บภาพประหลาดเล็กๆ ได้ทำให้มิคาห์มุ่งมั่นที่จะเก็บภาพให้ได้มากกว่าเดิม โดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยาและผู้เชี่ยวชาญด้านวิญญาณว่ามันจะยิ่งทำให้ความเฮี้ยนรุนแรงขึ้น และมันก็แรงขึ้นจริงๆ เพราะจากแค่ประตูเปิดปิดได้เองในตอนกลางคืน ความเฮี้ยนแรงถึงขั้นเข้าสิง และหลอกหลอนไม่เว้นแม้แต่ตอนกลางวัน สร้างความขนลุกมากขึ้นๆ จนถึงตอนที่กล้องดับ ความสำเร็จของหนังน่าจะอยู่ที่การที่หนังใช้แนวคิดเรียลลิตี้มาเป็นเทคนิคเล่าเรื่องเพื่อสร้างความรู้สึก “จริง” ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ เพราะยิ่งหนังดูเหมือนโฮมวิดีโอมากเท่าไหร่ ความรู้สึกจริงยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งรู้สึกจริงก็ยิ่งทำให้เรากลัว แม้ว่าบางครั้งจะเป็นเรื่องเล็กๆ แค่ลมพัด ประตูเปิดปิดเอง ไฟเปิดได้เอง เสียงฝีเท้าของคนวิ่งบนบ้าน โคมไฟแกว่งไปมา ซึ่งถ้าเป็นหนังผีเรื่องอื่น ฉากแค่นี้คงเป็นอะไรเล็กๆ แต่ Paranormal Activity ทำให้ฉากเหล่านี้ที่ไม่ต้องมีผีออกมาจ๊ะเอ๋ หรือใช้เทคนิคพิเศษหรูหรา ก็ทำให้เรารู้สึกขนลุกสุดๆ หลังจากดูหนังจบ มันมีหลายเรื่องจากประสบการณ์สมัยเด็กๆ เข้ามาในหัวมากครับ หนังเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงความกลัวตอนเด็กๆ ที่ผมมักคลุมโปงเวลาได้ยินเสียงอะไรกุกกักถ้าต้องนอนคนเดียวในบ้านที่บ้านนอกซึ่งอยู่ห่างจากหลังวัดเพียงแค่ถนนกั้น หรือตอนที่ไปเข้าค่ายที่โรงเรียนที่ก่อนนอนบางคืนได้ยินเสียงครางอันเย็นยะเยือกมาจากป่าช้าของวัดข้างๆ แล้วผมต้องรีบมุดเข้าเต็นท์ มันค่อนข้างต่างจากตอนโตแล้ว ที่ผมมักออกไปดูให้แน่ใจว่าเสียงหรือเหตุการณ์แปลกๆ เหล่านั้นมันเป็นอะไรกันแน่ มันอาจมีคำอธิบายที่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ และหนังเรื่องนี้ก็ทำให้ผมกลับมาคิดว่าบางทีการอยู่เฉยๆ ก็เป็นการดีเหมือนกัน คะแนน 10/10 Paranormal Activity กำกับและเขียนบทโดย โอเรน เพลี นำแสดงโดย มิคาห์ สโลท และ เคธี่ ฟีเธอร์สัน ความยาว 96 นาที เว็บไซต์ทางการ: //www.paranormalactivity-movie.com/ เว็บไซต์เกี่ยวข้อง: IMDB / Rotten Tomatoes   Create Date : 17 พฤศจิกายน 2552     2 comment Last Update : 17 พฤศจิกายน 2552 5:47:26 น.     Counter : 2359 Pageviews.   Share Tweet

The Box: ความคิดแรกหลังจากดูหนังจบ The Box เป็นหนังที่ให้อารมณ์ The Game ผสม Twilight Zone ครับ ผมชอบการดำเนินเรื่องจากต้นไปถึงท้ายๆ มีบรรยากาศชวนพิศวงที่น่าติดตาม เล่าเรื่องสไตล์ฮิทช์ค็อกหน่อยๆ ไม่โฉ่งฉ่าง แต่เน้นการสร้างบรรยกาศที่ชวนน่ากลัว ทำให้อยากดู อยากรู้ไปตลอดว่าจะจบยังไง จะเกิดอะไรขึ้นอีก ช่วงกลางเรื่องทำได้น่าขนลุกมากๆ มีบางตอนนึกถึง Stranger on a Train ของฮิทช์ค็อก บางตอนทำให้นึกถึง Twin Peaks ของเดวิด ลินช์ แต่ส่วนที่ไม่ชอบคือองค์สุดท้ายของหนัง รวมไปถึงตอนจบที่ดูธรรมดาเกินไป ยังดูไม่ค่อยมีพลัง และน่าจะทำให้ตราตรึงกว่านี้ แถมการตัดต่อในช่วงองค์สุดท้ายก็ตัดต่อแบบโดดจากฉากหนึ่งไปอีกฉากจนไม่ปะติดปะต่อเท่าไหร่ครับ ไม่คิดว่า The Box จะเป็นหนังสำหรับทุกคนครับ เหมาะกับคนที่ชอบหนังมีบรรยากาศพิศวงที่ใช้ในหนังยุค 60-70 และชอบความรู้สึกชวนขนรุกแบบไม่โฉ่งฉ่าง สรุปคะแนนโดยรวม ให้ The Box 8/10 ครับ ถ้าว่างจะมาเขียนรีวิวให้อ่านครับ   Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552     4 comment Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 12:48:52 น.     Counter : 1314 Pageviews.   Share Tweet