ถ้าชอบเพชรพระอุมา ลองหาเล่มนี้มาอ่านนะ ไม่แค่เพียงการเดินทางผจญภัยหากแต่ยังแฝงด้วยความงามของภาษาและความสูงค่าของจิตใจที่กล้าหาญ จุดเริ่มต้นและที่มาของการเดินทาง ของโฟรโดและคณะเพื่อรักษาแหวนแห่งอำนาจ จากดินแดนสงบสุขของไชร์ สู่เขาสูงมืดดำ มอร์ดอร์ เป้าหมายคือ การนำแหวนไปทำลาย ณ แหล่งกำเนิดของมัน แหวนที่มีอำนาจควบคุมผู้คน และบริวาร แหวนที่จะทำให้ผู้ครอบครองเป็นใหญ่ในมัชฉิมโลก เหตุใด ฮอบบิทน้อย ที่มีร่างกายเล็กแคระ และอาศัยอยู่ในโพรง ไม่ชอบผจญภัยไม่เคยเดินทาง จึงได้รับมอบหมายให้กระทำการอันหมิ่นเหม่ต่อความปลอดภัยของมวลมนุษย์และสรรพชีวิตทั้งมวล แหวนสามวงแด่กษัตริย์พรายใต้แผ่นฟ้า เจ็ดวงแต่เจ้าชาวแคระในท้องพระโรงศิลา เก้าวงนั้นหนาแด่มนุษย์ผู้ไร้นิรันดร์ วงเดียวแด่เจ้าแห่งอสูรผู้ครองบัลลังก์ดำ ในแดนมรณะแห่งมอร์ดอร์ วงเดียวเพื่อครองพิภพ วงเดียวเพื่อค้นพบจบหล้า วงเดียวเพื่อสาปสิ้นทุกวิญญาณ์ พันธนาไว้ในความมืดมน ( มันไม่มีใครได้อะไรมาง่าย ๆ โดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยนอะนะ ) เนื้อเรื่องแบ่งเป็น 2 ภาคย่อย ภาคแรก งานเลี้ยงที่รอคอย, เงาแห่งอดีต, สามคนเพื่อนตาย, ทางลัดไปดงเห็ด, แผนลับเปิดเผย, ป่าดึกดำบรรพ์, ในบ้านของทอม บอมบาดิล, หมอกบนเขาสุสาน, ที่โรงเตี๊ยมแพรนซิ่งโพนี่, สไตรเดอร์, มีดในความมืด, หนีข้ามแม่น้ำ โดยรวมแล้ว เรื่องราวในภาคหนึ่งนี้ เป็นเรื่องราวการเดินทางของฮอบบิท สี่คน จากไชร์ดินแดนบ้านเกิด สู่ริเวนเดลล์ ดินแดนของเอลล์ที่มีเอลรอนด์ปกครองอยู่ การเดินทางในช่วงแรก ผ่านป่า และการไล่ล่าติดตามของภูติม้าดำ จากเซารอน โดยมีแกนดัลฟ์พ่อมดเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางหนีออกจากไชร์ ระหว่างทางเขาได้รับความช่วยเหลือจาก พรายกิลดอร์ และได้พบกับสไตรเดอร์ หรือ เอรากอร์น ในที่สุดซึ่งจะเป็นผู้ช่วยนำทางพวกฮอบบิทไปจนถึงจุดหมาย ตลอดทาง พวกเขาหวังว่าจะได้พบแกนดัลฟ์ ซึ่งแยกไปหาข้อมูลเกี่ยวกับแหวน แต่สุดท้ายก็ได้พบเพียงช่วงสั้น ๆ และข่าวร้ายที่สะพานคาซัดดูม จากการต่อสู้ของแกนดัลฟ์ กับบางสิ่ง จนกระทั่ง...คณะผู้ถือแหวนจากเผ่าต่าง ๆ ทั้ง มนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ และฮอบบิท ต้องแยกทางกันในที่สุดบนร้อยราวความความละโมบ และจิตใจที่ได้เห็นจากกระจกเงา +++++การเดินเรื่องในภาคนี้ โดยส่วนตัวข้าพเจ้าเห็นว่ามีความน่าตื่นเต้น สนุกสนาน คล้าย ๆ กับ เพชรพระอุมา ทั้งเรื่องการเดินทางเพื่อหลบหนีภูตม้าดำ และการเดินทางผ่านเข้าไปใน ป่าดึกดำบรรพ์ทั้งการปรากฏตัวของ สไตรเดอร์ ก็ทำให้ข้าพเจ้านึกไปถึง แงซาย ผู้ลึกลับ แต่ตัวเอกของเรื่องกลับไม่ใช่หนุ่มสาวอย่างรพินทร์ กับดารินทร์ แต่เป็นฮอบบิท เผ่าพันธุ์ร่างแคระสี่คนที่มีความรักของเพื่อนเป็นที่ตั้ง โฟรโด (ผู้ถือแหวน), แซมไว (คนสวนผู้ซื้อสัตย์และกล้าหาญ), เมอร์รี่ (เพื่อนผู้รอบคอบและเฉลียวฉลาด) และปิ๊บปิ้น (เพื่อนผู้สนุกสนานและหัวเราะได้เสมอ) ฉากระทึกในขณะที่โฟรโดหนีภูตทั้งเก้าผ่านแม่น้ำไปและได้รับความช่วยเหลือจากพราย ฉากนี้ในหนังทำได้ตระการตามาก ตอนที่สายน้ำกลายเป็นม้าขาวเข้าโจมตีม้าดำที่กำลังข้ามน้ำมา
ระหว่างการผจญภัยนานาประการ ก็ยังมีรอยยิ้มและภาษาที่งดงาม หรือถ้อยคำเรียบง่ายที่มีความหมายให้ขบคิด ตัวอย่างบางตอน การพูดคุยกันของพรายกิลดอร์ และฮอบบิทโฟรโด อย่าไปขอคำแนะนำจากพราย เพราะพวกนี้จะบอกทั้งใช่และไม่ โฟรโด(แกนดัลฟ์เล่าเรื่องของพรายให้ฟังมาก่อน) กิลดอร์หัวเราะ พวกพรายไม่ให้คำแนะนำสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก เพราะคำแนะนำเป็นของขวัญที่อันตราย แม้แต่คำแนะนำจากปราชญ์ต่อปราชญ์ด้วยกันก็เถอะ และเรื่องทุกอย่างอาจเลยร้ายลงได้เสมอ แต่ผมจะเอาความกล้ามาจากไหน, นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการเหลือเกินโฟรโด ความกล้าหาญจะพบได้ในที่ที่ไม่นึกฝัน, จงมีความหวัง...เราจะส่งข่าว(การเดินทางของเจ้า)ไปทั่วแผ่นดินนี้...และผู้ซึ่งมีพลังดีงามจะคอยจับตาดูเจ้า ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นสหายพราย ขอให้ดวงดาวทอแสง ณ จุดหมายปลายทางแห่งการเดินทางของเจ้า น้อยนักที่เราจะได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินเช่นนี้จากคนแปลกหน้า ดีเหลือเกินที่ได้ฟังถ้อยคำภาษาโบราณจากปากของผู้อื่นซึ่งท่องอยู่ในโลกนี้ร่วมกัน บทที่ทอม เล่าเรื่องป่าดึกดำบรรพ์ให้ฮอบบิทฟัง สาเหตุที่ต้นหลิวเฒ่า เคียดแค้นและชิงชังสิ่งที่เดินได้ทั้งหลายจนกระทั่งพยายามดึงฮอบบิทเข้าไปลำต้นของต้นไม้ ความคิดจิตใจของต้นไม้ซึ่งดำมืดและแปลกประหลาด เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อสรรพสิ่งที่เดินท่องอย่างเสรีบนพื้นโลก และเที่ยวขุดแทะ หักร้างถางพง โค่นบุกรุก ทำลายและยึดครอง...ภายในป่านี้ ปู่ของปู่ของต้นไม้ยังดำรงอยู่ แก่เฒ่าโรยราไปอย่างช้า ๆ ดั่งขุนเขา และยังจดจำวันเวลาเมื่อครั้งพวกต้นไม้ยังครอบครองความเป็นใหญ่ได้อยู่เสมอ จดหมายที่แกนดัล์ฟ ฝากไว้ให้กับโฟรโด ที่โรงเตี๊ยมแพรนซิ่งโพนี่ บอกให้เขาเดินทางออกจากไชร์ และเมื่อมาถึงบรี จะได้พบเพื่อนนึง ที่จะช่วยเหลือให้เดินทางไปพบเอลรอนได้ ถ้าเขาไม่ได้ไปถึงก็ให้ทำตามคำแนะนำของเอลรอนต่อไป ตอนท้ายของจดหมายมีว่า ด้วยความเร่งรีบ แกนดัล์ฟ (ชอบอ่ะ) ป.ล. อย่าใช้มันอีกเป็นอันขาดไม่ว่าเหตุผลกลใด และอย่าเดินทางตอนกลางคืน ป.ป.ล. จงให้แน่ใจว่าเป็นสไตรเดอร์ตัวจริง มีคนแปลก ๆ มากมายอยู่บนถนน ชื่อจริงของเขาคือ อารากอร์น" แวววาวใช่เนื้อทองทั่วนา คนจรหาใช่ผู้หลงทางไม่ ... ป.ป.ป.ล. หวังว่าบัตเตอร์คงจะส่งจดหมาย ฉบับนี้ทันที่ เขาเป็นคนดีน่านับถือคนหนึ่ง แต่ความจำของเขาเหมือนห้องเก็บของรก ๆ อะไรที่ต้องการมักหาไม่เจอเสมอ ถ้าบัตเตอร์เบอร์ลืม ข้าจะจัดการย่างเขาเอง ลาก่อน ภาคสอง พบ, ที่ประชุมของเอลรอนด์, แหวนลงใต้, การเดินทางในความมืด, สะพานแห่งคาซัดดูม, ลอธลอริเอน, กระจกเงาของกาลาเดรียล, อำลาลอริเอน, แม่น้ำใหญ่, คณะเดินทางแตกสลาย เมื่อฮอบบิทและสไตรเดอร์หนีการไล่ล่าของภูติม้าดำข้ามสะพานเข้าสู่ริเวนเดลโดยความช่วยเหลือของพรายและเอลรอนด์ผู้ปกครองริเวนเดล และแกนดัล์ฟทีเดินทางมาถึงแล้ว เอลรอนด์ได้เล่าถึงเรื่องราวในครั้งยุคก่อนที่เซารอน(แห่งมอร์ดอร์)เคยเรืองอำนาจและมนุษย์ยังยิ่งใหญ่ในอาร์นอร์และกอนดอร์) ผู้ถือแหวนและผู้ติดตามรวม 9 คนถูกเลือกมาเพื่อรับมือกับภูตทั้งเก้า (ฮอบบิท 4 และผู้ร่วมทาง 5) -กิมลี บุตรแห่งโกลอิน คนแคระจากภูเขาทางใต้ (มีดาอินปกครองอยู่) -สไตรเดอร์ หรืออาร์รากอน บุตรอาราธอร์น ผู้สืบเชื้อสายจากอิสซิลดูร์เจ้าชายมนุษย์ที่ช้ดาบหักของบิดาตัดนิ้วเซรอนและเป็นจุดเริ่มแห่งวงจรการแย่งชิงแวดในยุคปัจจุบัน -โบโรเมียร์ มนุษย์จากกอนดอร์ บุตรจากตระกูลขุนนางผู้พิทักษ์กอนดอร์ หลังกษัตริย์ สาบสูญไป -เลโกลัส บุตรธรันดูอิล กษัตริย์แห่งพรายจากป่าเมิร์กวู้ดเหนือ -แกนดัล์ฟ พ่อมดเทา ผู้เดินทางเป็นที่รู้จักและเกรงขาม เป็นแสงนำทางให้กับคณะและฮอบบิท คำพูดในที่ประชุม เอลรอนด์ ในที่สุดเราก็ต้องเลือกหนทางที่วิบาก หนทางที่ไม่มีใครนึกถึง ความหวังของเราอยู่ที่นั้น ถ้าหากยังพอมีหวังเหลืออยู่..., ผู้ที่ไม่เคยเห็นรัตติกาล อย่างพึงปฏิญาณว่าจะเดินทางในความมืด แกนดัล์ฟ ไม่ใช่สิ้นหวัง เพราะความสิ้นหวังเป็นของผู้ซึ่งมองเห็นจุดจบมารออยู่ทนโท่แล้ว แต่ไม่ใช่เรา การตระหนักถึงข้อจำกัดในเมื่อหนทางอื่น ๆ ถูกใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่เป็นสิ่งที่ฉลาด แม้ว่ามันจะฟังดูโง่เง่าสำหรับผู้ติดอยู่ในความหวังอันจอมปลอมก็ตามที... การต่อสู้ในความมืด หลังจากการต่อสู้กับหมาป่าที่ล้อมคณะในค่ำคืนที่มืดมน เป็นฉากที่ระทึกใจ แต่ลงท้ายด้วยความน่ารัก สนุกสนานและมองโลกในแง่ดีของฮอบบิท พวกหมาป่าไม่มีทางทำอะไรคุณแกนดัลฟ์ได้ ท่านมองเห็นทุกอย่างไม่มีผิดพลาด เสียแต่เกือบจะเผาหนังหัวผมเกรียมไปเท่านั้น การต่อสู้ที่สะพานแห่งคาชัดดูม ใต้เหมืองมอเรีย ที่คนแคระในอดีตเคยเขามาค้นหาแร่ธาตุบางอย่าง มีผีร้าย ปริศนา และความลึกลับรอคอยอยู่ มีการบรรยายบรรยากาศที่มืดทึบของเหมือง ประวัติที่ยังถูกปกปิด ความเงียบและเสียงสะท้อน มีการเป่าเขาเรียกและข่มขวํย มีความน่ากลัวและน่าหวาดหวั่น ช่วงกลางการเดินทางได้พบกับซากกระดูกพร้อมกับบันทึกที่เขียนถึงเรื่องราวในอดีตของคนแคระกับการต่อสู้กับบางสิ่งในเมือง (คล้ายกับการพบบันทึกพรานป่าของรพินทร์ระหว่างการเดินทาง) การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังของแกนดัล์ฟกับ บัลร๊อก ยมทูตแห่งดูริน เมื่อบัลร๊อกติดตามมาถึง แกนดัล์ฟยืนอยู่กลางสะพานให้คณะที่เหลือข้ามสะพานไปก่อน... เจ้าข้ามไปไม่ได้ ข้าคือบ่าวแห่งไฟอันเร้นลับ ผู้ถืออาญาสิทธิ์เหลวเพลิงแห่งอะนอร์ เจ้าข้ามสะพานไปไม่ได้ เปลวเพลิงแห่งอูดูน ไฟแห่งความมืดของเจ้าจะไร้ผล จงกลับไปสู่ความมืด เจ้าข้ามไปไม่ได้ สุดท้ายแกนดัล์ฟหล่นลงไปใต้สะพานพร้อมกับบัลร๊อก หลังการต่อสู้อันตื่นตาจบลง การเดินทางไปพบกับกาลาเดรียลแห่งลอธลอริเอน อาณาจักรพราย กฎและความบาดหมางของคนแคระกับพราย เมื่อ คนแคระกิมลีต้องเดินทางเข้าไปในป่าของพราย แต่สุดท้ายความขัดแย้งในอดีตก็ถูกบรรเทาโดยการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม(มันเกี่ยวกับการถูกปิดตา...ลองอ่านดู) หลังจากได้พบกับกาลาเดรียลนางผู้เป็นใหญ่ลอธลอริเอนแล้ว ความโกรธเคียงได้ถูกชำระและได้รับการแก้ไข...(ถ้ากาลาเดรียลมาเกินในสยามประเทศในเวลานี้ ความขัดแย้งระหว่างสีอาจถูกลบล้าง...เฮ้อก็บ่นไป) ยินดีต้อนรับ กิมลีบุตรแห่งโกลอิน นานเหลือเกินที่เราไม่ได้เห็นคนของดูรินในคารัสกาลาธอน แต่วันนี้เราได้ละเมิดกฎเกณฑ์ที่ยึดถือมายาวนาน บางทีนั้นอาจจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า แม้โลกจะตกอยู่ในความมืดมน แต่วันเวลาที่ดีกว่ากำลังจะมาถึงและมิตรภาพระหว่างผู้คนของเราจะสมัครสมานขึ้นใหม่
ของขวัญจากพราย :~ เสื้อคลุมพราย เป็นเสื้อคลุมที่ใช้อำพรางตัวไปกับสภาพแวดล้อมเช่น ต้นไม้ หิน พรายให้คำอธิบายเกี่ยวกับเสื้อคลุมนี้ว่า มันไม่สามารถป้องกันอาวุธได้ แต่ใช้อำพรางตัวไปเป็น สรรพสิ่งต่าง ๆ เพราะพวกเราใส่ความคิดคำนึกเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เรารักเข้าไปในงานทุกอย่างที่เราทำ อย่างไรก็ตามเสื้อคลุมพวกนี้ก็เป็นเพียงอาภรณ์เท่านั้นหาใช่เกราะกันอาวุธไม่ คณะเดินทางแตกสลาย เมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ เมื่อความละโมบและอำนาจเข้าสิงสู่ในจิตใจคน การยอมผ่ายแพ้ของอำนาจมืดของโบโรเมียร์ โฟรโดใส่แหวนที่นิ้วเพื่อหลบนี้การเข้าทำร้ายของโบโรเมียร์แต่นั่นก็ทำให้ เซารอน มองเห็นโฟรโด ในความมืดที่ชั่วร้ายก่อนที่จิตใจอันแน่วแน่จะนำโฟรโดออกจากการเกาะกุมของอำนาจเซารอนได้ พลังสองอยางขับเคี่ยวกันอยู่ในตัวเขา ชั่วขณะหนึ่งเขาดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตัวอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องหรือดวงตานั่น โฟรโดมีอิสระที่จะตัดสินใจ มีอิสระที่จะยืนหยัดอย่างแน่วแน่ตามทางที่ได้ตนได้เลือกแล้ว ...เขาถอดแหวนนั่นออกจากนิ้ว... ********นี่ไม่ใช่เรื่องการหมั้นหมายหรือความรัก แม้ฉากการถอดแหวนอาจทำให้เราระลึกถึงความผูกพันหรือการผูกมัดก็ตามที...อย่างไรเสีย..การถอดทอนซึ่งอำนาจ..ก็ยาก...เกินกว่าผู้ที่ไม่เคย....รัก...ก็ปลดมันออกได้(ซะอย่างงั้น)*********
Free TextEditor
ฝากชื่อ ทักทายกันคะ
Free TextEditor
Free TextEditor
Create Date : 10 ตุลาคม 2554 |
Last Update : 27 ธันวาคม 2554 11:20:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1447 Pageviews. |
|
|