สำนักพิมพ์ บิสซี่เดย์
เหมาะสำหรับผู้ที่รู้ตัวว่ายังไงเสีย..ฉันก็ต้องตาย และปรารถนา จะตาย...อย่างสงบ มีคุณภาพ ใช้ประโยชน์ได้ทั้งขณะที่ กำลังจะตาย และขณะที่ ยังมีชีวิต หนังสือเล่มนี้จะกระตุ้นให้ฉุกคิด ว่าชีวิตที่เป็นอยู่นี้ เรากำลังใช้ชีวิตแบบลืมตาย ลืมว่า สักวันจะต้องตาย อยู่หรือเปล่า เป็นหนังสือธรรมะที่อ่านง่าย ปฏิบัติได้จริง เพราะใช้ภาษาพูด ที่ไม่เป็นทางการเกินไป แล้วก็มีคำพระหรือภาษาสันสกฤต น้อยมากๆ มีการยกตัวอย่างให้เห็นถึงสัจจะธรรมที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์ ที่เมื่อเกิดมาแล้วย่อมตาย.... แม้วิกฤตน้ำท่วมไหลลงทะเลไปแล้ว แต่ชีวิตภายใต้ผลพวงของสงครามน้ำ..นั้นเพิ่งจะเริ่มต้น ข้าพเจ้าดีใจที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้...ขณะที่จิตใจกำลังระทมตรอมตรม...หมองไหม้
ซึ่งผู้ที่ผ่านเคราะห์กรรมร้ายแรงมาไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามย่อมเข้าใจดี กับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ไม่ง่ายที่จะใช้ชีวิตต่อไป ถึงแม้หนังสือจะมีจุดมุ่งหมายถึงการอธิบายวิธีการปรับจิตใจ ให้เข้าใจและยอมรับความตายได้มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังมุ่งให้เราใช้ชีวิตขณะที่ยังไม่ตาย....ได้อย่างมีคุณภาพ เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและต่อผู้อื่น และเป็นประโยชน์ขณะที่ยังมีลมหายใจ และในช่วงขณะที่ลมหายใจกำลังหยุดลง สำหรับผู้ที่มีญาติมิตร คนรู้จักที่กำลังป่วยก็สามารถใช้แนวทางของหนังสือเล่มนี้ได้ ในการวางใจของตัวเอง และช่วยให้ผู้ป่วยมีสภาพจิตที่เข็มแข็ง...และไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น ด้วยสภาพแวดล้อมที่ปราศจากเสียงคร่ำครวญจากลูกหลาน ลดห่วงกังวลของคนที่กำลังจะจากไป ผู้ที่เคยอ่าน ช่วงขณะสุดท้ายของชีวิต ที่เป็นหนังสือจากทิเบต หลักธรรมจากอีกนิกายหนึ่งในพุทธศาสนา ซึ่งอธิบายขั้นตอนขณะที่หมดลมหายใจ ก็ทำให้เราเตรียมใจได้ในระดับหนึ่ง ส่วนหนังสือเล็กๆ เล่มนี้ (ขนาดพกพาได้สะดวก) ไม่ได้มุ่งเน้นสภาวการณ์ขณะที่แตกดับ แต่มุ่งเน้นการกระทำขณะที่ยังทำได้ในปัจจุบัน และการวางใจ ขณะที่ร่างกายอ่อนแอเกินจะยึดถือต่อไป พระผู้เขียนมีการแสดงตัวอย่างจริงให้เข้าใจได้ง่าย ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับร่างกาย, ทรัพย์สิน, ความสัมพันธ์ และการทำงาน ทั้งการวางใจขณะที่พบปัญหาในชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือตัวเราเองป่วยหนัก ญาติสนิทหรือคนรัก...กำลังทุกข์ทรมาน วิธีการคิดที่จะทำให้เราปรับเปลี่ยนจิตใจของตัวเราเอง...ละวางการยึดติด การครอบครองในสิ่งของต่างๆ ที่ในเมื่อไม่ช้านานทุกอย่างก็จากเราไป... สำหรับข้าพเจ้าแล้ว หนังสือเล่มนี้ทำให้ข้าพเจ้าทำใจได้มากขึ้นจากการสูญเสียทรัพย์สินช่วงน้ำท่วม...ถือเสียว่าเป็นการซ้อม ก่อนการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่กว่าจะมาถึงเรา...เมื่อเราสูญเสียแม้แต่ร่างกายและลมหายใจของตัวเอง เนื้อหาบางส่วน หนังสือประกอบด้วย 4 ภาค ตัวต้นเหตุ (สุขทุกข์อยู่ที่ใจ,ตีก็ยึด ไม่ดีก็ยึด,ของเราแน่หรือ,มีฉันก็มีทุกข์) เราจะเห็นทุกขเวทนา แต่ไม่เข้าไปยึดทุกขเวทนานั้น ใจจะไม่ทุกข์ มีแต่กายเท่านั้นที่ทุกข์ ลูกโป่งใหญ่เท่าไร ก็กลายเป็นเป้าที่กระทบได้ง่าย แค่เศษฟางมาถูกก็อาจจะแตกได้ ลูกโป่งจึงกลัวแม้แต่เศษฟาง คนที่ยึดติดในอัตตา อัตตายิ่งพองโตมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นทุกข์ได้ง่าย รู้จักชีวิตที่แท้ (ฝึกวางใจ, ลดละตัวตน, ถ่ายถอนสมมติ,พรอันประเสริฐ) ปล่อยวางจากการจดจ่อยึดถือในเป้าหมาย และจากความยึดว่าเป็นเรา เป็นของเรา ปล่อยวางจึงหมายถึงการปล่อยวางที่ใจ แต่ว่าก็ยังทำหน้าที่ หรือทำด้วยความรับผิดชอบ เมื่อใดก็ตามที่เรายึดถือสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ว่าเป็นของเรา เราจึงไม่ต่างจากขโมย เผชิญหน้าความจริง (ตายอย่างสงบเป็นสิทธิของทุกคน,ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ,มรณสติในชีวิตประจำวัน, อยู่อย่างไม่ประมาท,ความพลัดพรากคือบททดสอบ,ตายก่อนตาย) ช่วงที่เราจะหมดลมนั้น เป็นช่วงสำคัญมาก ท่านพุทธทาสเรียกนาทีนั้นว่า นาทีทองของชีวิต หากเราวางใจให้เป็น ก็สามารถบรรลุธรรมได้ การระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ทำให้เราขวนขวายในสิ่งที่เราชอบผัดผ่อน ทำให้เราจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น (สิ่งที่สำคัญจริงๆ ต่อชีวิต...อันนี้เติมเอง) สุดท้ายของชีวิต (เตรียมใจตายดี,ต้อนรับความตายด้วยสติ,เตรียมใจยามป่วยหนัก,พาคนรักสู่ความสงบ,ทำใจพร้อมเสมอ) ตายด้วยเหตุใดก็ตาม ในสภาพแวดล้อมแบบใดก็ตาม ในขณะที่กำลังจะตาย เราเผชิญหน้ากับความตายอย่างไร ถ้าตายอย่างมีสติและเกิดปัญญา นี้คือการตายดี ความสงบก่อนสิ้นลมนั้นมีค่ามหาศาลที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ไม่ว่าจะมีมากเพียงใดก็ตาม หากแต่อาศัยใจที่เปี่ยมด้วยรักเท่านั้น เมื่อผู้ป่วยใกล้จะสิ้นลม นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ญาติมิตรจะทำสิ่งดีๆให้แก่ผู้ป่วย โดยเฉพาะสิ่งดีงามในทางจิตใจ และบททิ้งทาย (คำสุดท้ายจากคนรัก) เธอกำลังจะเดินทางไกลแล้วนะ ขอให้ไปอย่างเบาๆ อย่าแบกอะไรไปเลยสักอย่างวางให้หมด +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ปล. จขบ.ชอบสีปกของหนังสือที่เป็นสีเขียว-น้ำตาล ให้ความรู้สึกเย็นใจ ด้านในมีลวดลายต้นไม้ และนก เขียนเป็นลายเส้นตวัดไปมา เหมือนว่าอะไร ๆ ก็โยกคลอนได้ง่าย ๆ หรือไม่ ก็ง่ายที่ถูกปลิดปลิวไป... หมายเหตุ จขบ. เปลี่ยนจากน้ำตาและเสียงสะอื้น เป็นคำพูดส่งท้ายให้ผู้ที่กำลังจะจากไป หมดเรื่องทุกข์กังวลใจและจากไปด้วยจิตใจอันเป็นกุศล (แม้มันจะยาก...กับการยอมรับความสูญเสียที่อยู่ตรงหน้า แต่เราก็ต้องทำใจ และยิ้มส่งคนที่เรารัก ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งของเราเอง)
Free TextEditor ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ในราคา 155 บาท ความหนา251 หน้าขนาดครึ่งa4
Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2555 | | |
|
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2555 16:24:38 น. |
| |
Counter : 2389 Pageviews. |
| |
|
|