คุณแม่น้องแฝด ฮานากะฮารุ ^^
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เรื่องราวความเป็นมาของพวกเราชาวสยาม...

คืนวันเสาร์ อิชั้นไปนอนที่บ้านคุณนายแม่เพราะน้องสาวกลับบ้า ช่วงก่อนนอนไปเกิดรีรันเทยเที่ยวไทยในยูทูป ปรากฏว่าเป็นตอนที่เค้าพาไปนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ แถวราชดำเนิน ก็เลยบังเกิดความสนใจ เพราะพรุ่งนี้หยุดพอดี



ตอนแรกว่าจะไปช๊อปปิ้งที่ประตูน้ำ   แต่นึกขึ้นได้...ราชดำเนินนี่ก็ไม่ได้ไกลจากประตูน้ำเท่าไหร่ เราไปเดินดูที่นี่ก่อนแล้วเย็นๆค่อยไปเดินช๊อปต่อก็ได้นี่หว่า  ก็เลยเป็นที่มาของทริป เที่ยวนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ของเราในวันนี้ค่า



เช้ามา นั่งรถมากะน้องสาว มาที่คอนโดแถวประตูน้ำประมาณสิบโมงครึ่ง น้องสาวเตรียมไปทำงาน ส่วนอิชั้นโบกแท็กซี่ไปนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ปรากฏว่าแท็กซี่ไม่รู้จัก !! (ตรูจะบ้า) ต้องเปิดกูเกิ้ลให้ดูว่าอยู่แถวไหน คุณแท็กซี่ถึงจะถึงบางอ้อ พาเรามาได้ถูก  Smiley






มาถึงก็ไปซื้อตั๋วก่อนนะคะ ราคา 100 บาท แต่ตอนนี้โชคดีว่ามีโปรโมชั่นด้วย ซื้อที่นี่สามารถไปดูที่มิวเซียมสยามได้อีกตะหาก โห....คุ้มมากเลย เท่ากับซื้อ 1 แถม 1 และยังใช้ได้ถึงสิ้นเดือนกันยายนอีกตะหาก อิชั้นยิ้มหวานเลย ได้โปรเจคต่อไปแล้วตรู อิอิSmiley

อ้อ..มาจองรอบเข้าชมก่อนนะคะ การเข้าชมที่นี่มี 2 ห้อง จะต้องจองรอบที่เคาท์เตอร์ก่อน เพราะจำกัดจำนวนผู้เข้าชม และทุกๆเส้นทางจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอธิบายอย่างละเอียดค่ะ


เกือบลืม มารู้จักนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ กันหน่อยนะคะ


อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เป็นตึก 4 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับวัดราชนัดดาราม จัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์

เส้นทางที่  1 เป็นเรื่องราวด้านต่างๆ แห่งยุครัตนโกสินทร์ ผ่านห้องจัดแสดง 7 ห้อง   ซึ่งตั้งชื่อไว้อย่างคล้องจองกัน โดยบอกเล่าเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และประเพณี ตั้งแต่แรกเริ่มสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน

ส่วนเส้นทางที่ 2 จะประกอบไปด้วย 2 ห้องจัดแสดงใหม่ เป็นเรื่องราววิถีชีวิตของชนชาวสยาม และประวัติพระมหากษัตริย์ไทยของกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1- 9

ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของเรามากเลยค่ะ เพราะเส้นทางที่ 2 นี่เพิ่งเปิดมาเมื่อปีที่แล้วเอง เราเลยได้ดูถึง 2 เส้นทางในวันเดียวกัน

สำหรับระยะเวลาที่ใช้ชมนิทัศนการในวันนี้ เส้นทางละ 2 ชม. รวมเวลาทั้งสิ้น 4 ชม. ค่ะ

 

อิชั้นจองห้องแรก ได้ในรอบ 11.20 น. เหลือบดูนาฬิกาเพิ่งจะ 11 โมงเอง ไปหม่ำอะไรรองท้องก่อนดีกว่า.....กินเย็นตาโฟที่ข้างๆอาคารนั่นเอง ปรากฏว่าไปเหลือบเห็นร้านกาแฟทรู แหม....อย่างว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ขอจิบกาแฟชิลๆหน่อยนะ หุหุ


เสร็จแล้วเมื่อถึงเวลา เราก็ไปรอที่จุดทางเข้าค่ะ จนท.ก็พร้อมจะพาพวกเราไปชมความรุ่งเรืองของรัตนโกสินทร์ในอดีตค่ะ

มาเริ่มกันที่ timeline "อุโมงค์เวลา" แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่ครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ เปรียบเทียบกับเหตุการณ์สำคัญๆ ของต่างประเทศ จนถึงปัจจุบัน


จากนั้นมาดูรูปสวยๆที่ใช้เวลาวาดถึง  3 ปีค่ะ  เป็นบรรยากาศการเฉลิมฉลองในวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวค่ะ




หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาชมห้องต่างๆดังนี้ค่ะ ...


1. ห้องรัตนโกสินทร์เรืองโรจน์ (Grandeur Rattanakosin) ย้อนกลับไปสู่เมื่อครั้งแรกเริ่มสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยภาพยนตร์สื่อผสม ๔ มิติ  นำเสนอประวัติความเป็นมาของการกำเนิดกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกรุงศรีอยุธยา ด้วยพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งบรมราชจักรี


2.ห้องเกียรติยศแผ่นดินสยาม (The Prestige of the Kingdom) นำเสนอ ความวิจิตรอลังการของพระบรมมหาราชวัง ตามคติความเชื่อในความเป็นสมมติเทพของพระมหากษัตริย์ ที่สะท้อนผ่านงานด้านสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ตลอดจนประวัติของพระแก้วมรกต เรื่องราวของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเกร็ดน่ารู้ น่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตในวัง

นี่คือ “พระบรมมหาราชวังจำลอง” ค่ะ  เหมือนจริงและงดงามมาก





เราสามารถชมพระแก้วมรกตจำลอง ในเครื่องทรงครบทั้ง ๓ ฤดูในคราวเดียว เป็นครั้งแรก



เขตพระราชฐานชั้นในเป็นสถานที่เฉพาะสำหรับหญิงนางใน ถือเป็นสถานที่รังสรรค์ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นกุลสตรีเลยค่ะ

ซึ่งปกติพระบรมมหาราชวังของจริง ส่วนพระราชฐานชั้นในเป็นเขตหวงห้ามของผู้ชาย ยกเว้นแต่พระมหากษัตริย์ และเจ้าฟ้าที่ยังไม่ได้ทำพิธีโสกันต์(โกนจุก)  จึงจะเข้าออกได้เท่านั้น



เข้าไปยลบรรยากาศภายในวังสมัยรัตนโกสิทร์กันเถอะค่ะ Smiley




เวลาเข้า ต้องเข้าประตูเล็กเท่านั้นนะคะ  และเพราะสมัยก่อนมีความเชื่อว่าที่ธรณีประตูมีพระภูมิสิงสถิตย์อยู่  เพราะฉะนั้นห้ามเหยียบนะคะ  ให้เดินข้ามไปดีๆ  มิฉะนั้นจะโดนเฆี่ยนด้วยหวายนะจ๊ะ


V
V
V

ถ้าโดนหวายกำนี้ล่ะตายเรย  มัดใหญ่มากก Smiley


นี่คือโขลน หรือตำรวจหญิงสมัยก่อน ทำหน้าที่เฝ้าเขตพระราชวัง มิให้บุคคลแปลกปลอมเล็ดรอดเข้าไปจ๊ะ (เทยเที่ยวไทยเรียกกองร้อยน้ำหวาน 555)


มาดูกิจกรรมหญิงไทยในรั้ววัง  พวกเธอช่างเก่งงานฝีมือรอบด้านจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น อบร่ำจีบผ้า ทำอาหาร แกะสลัก ร้อยมาลัย แม้กระทั่งการร่ายรำ


จะว่าไป ในวังนี่ก็เหมือนโรงเรียนสำหรับผู้หญิงดีๆนี่เอง  







สาวๆกำลังหัดรำกันใหญ่เลย


3. ห้อง เรืองนามมหรสพศิลป์ (Remarkable Entertainments) ห้องนี้นำเสนอความเป็นมา และรูปแบบของมหรสพสำคัญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์หลากหลายประเภท ตลอดจนวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของมหรสพและการแสดงประเภทต่างๆ ในแต่ละยุคสมัย ซึ่งบูรณาการและแตกสายจนมีความงาม และลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป

มาชมมหรสพสมโภชในมุมมอง 360 องศาในห้องนี้นะคะ  ดูได้จากทุกมุมห้องเลย เริ่ศจริงๆ



แวะมาชมวิวของภูเขาทอง และโลหะปราสาทจากหน้าต่าง เสียดายที่โลหะปราสาทกำลังซ่อมแซมอยู่ ถ้าเสร็จแล้วคงสวยกว่านี้เยอะเลยค่ะ




4. ห้อง ลือระบิลพระราชพิธี (Renowned Ceremonies) นำเสนอ ที่มาและความสำคัญของพระราชพิธี รวมทั้งเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีสำคัญๆของกรุงรัตนโกสินทร์


5. สง่าศรีสถาปัตยกรรม (Graceful Architectures) นำเสนอ รูปแบบสถาปัตยกรรมในยุครัตนโกสินทร์ อันเป็นเอกลักษณ์ของสยามประเทศ ผ่าน วัง วัด บ้าน แห่งยุคสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงสอดรับกับปัจจัยแวดล้อม ความเจริญทางด้านเทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจากต่างประเทศ จนทำให้วัง วัด บ้าน ในกรุงรัตนโกสินทร์ มีลักษณะหลากหลายดังที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน


6. ดื่มด่ำย่านชุมชน (Impressive Communities) นำเสนอ ความเป็นมาและเอกลักษณ์ของชุมชนบนเกาะรัตนโกสินทร์ เพียงแค่ก้าวเท้า ไปยังจุดที่ตั้งของชุมชน จะปรากฏลวดลายสวยงาม นำผู้ชมไปทำความรู้จักชุมชนนั้น พร้อมชื่นชมผลงานการรังสรรค์จากชุมชนต่างๆ ซึ่งบางชิ้นหาชมได้ยากในปัจจุบัน


7. เยี่ยมยลถิ่นกรุง (Sight-Seeing Highlights) รวบรวมและนำเสนอ สถานที่น่าสนใจบนเกาะรัตนโกสินทร์ หลายรูปแบบ ทั้งสถานที่ที่น่าสนใจในเชิงสถาปัตยกรรมอันสวยงาน สวนสาธารณะยอดนิยม พิพิธภัณฑ์ที่ควรเยี่ยมชม แหล่งรวมอาหารการกินและจับจ่ายสินค้า ตลอดจนย่านที่เป็นสีสันในยามค่ำคืน

ตรงนี้จ๊าบตรงที่เค้าให้เราถ่ายรูปเอาไว้ และเอาหน้าเราไปเป็นอนิเมชั่นตะลุยเที่ยวกรุงด้วยค่ะ น่ารักดี




สายที่ 1 ก็จบที่ตรงนี้นะคะ เราไปต่อที่สายที่ 2 ค่ะ

1. เรืองรุ่งวิถีไทย (The Colorful Thai Way of Living) รวบรวมและนำเสนอวิถีชีวิตของคนไทย นับตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์จวบจนถึงปัจจุบัน การเรียนรู้ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ปัจจัยและอิทธิพลต่างๆ อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนไทยในแต่ละยุคสมัย




นึกถึงบ้านเมืองเราสมัยก่อน  เรียบง่าย ร่มเย็นจริงๆ 



วิถีชนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 1 – 3) เป็นช่วงชีวิตของคนไทยในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์   เค้าจำลองเรือให้เราล่อง เพื่อชมวิถีชีวิตริมสายน้ำ



เรืออันนี้ทำเหมือนม๊ากค่ะ มีการโคลงไปโคลงมา และแล่นไปข้างหน้าได้ด้วย นั่งโยกไปสักพักอิชั้นก็ชักจะเริ่มเวียนหัวแระ ชักจะเมาเรือจริงๆเข้าแล้วซิ   Smiley

(ได้ข่าวว่าเด็กข้างหลังน๊อคไปแล้ว จะบอกว่าไม่แปลกใจสักกะนิด ก็ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่รอดเลยอ่่ะ เอิ๊กก)

แล่นมาสักพัก หัวเรือก็มาเสียบตรงหัวรถรางพอดี กลายเป็นเรากำลังนั่งรถรางอยู่ค่ะ เข้าใจทำดีจัง



เค้าจะฉายภาพวิวสองข้างทางจากรถรางค่ะ เป็นยุคสมัยรัชกาลที่ 5  ที่ความเจริญทางการคมนาคมเริ่มจะเข้ามาในสยามบ้านเราแล้ว นอกจากนี้ยังมีการเข้ามาของไฟฟ้า  โทรเลข  น้ำประปา  นับว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เปลี่ยนหน้าตาของสยามประเทศไปโดยสิ้นเชิงจริงๆค่ะ





เและไหนๆก็มาแล้ว  เราก็มาเดินเที่ยวชมเมืองไทยยุคนี้กันเถอะค่ะ

V
V
V


ร้านตัดผมชื่อจ๊าบเนอะ Smiley


ร้านขายของฝรั่ง หรือห้างสรรพสินค้าสมัยนี้  เห็นเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบว่าความใหญ่โตเหมือนพารากอนเลยค่ะ และเนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ จึงทำให้ราคาสูงลิ่วๆๆๆเลย


บรรยากาศร้านยาสมัยโบราณ กลิ่นยาหอมจังเลยค่ะ


ธนาคารยุคแรกเริ่ม


ต่อมาจะเริ่มทันสมัยขึ้นมา  น่าจะเป็นยุคโก๋หลังวัง ปี 2499 เพราะเริ่มคุ้นหูคุ้นตาแล้ว  (หน้าพี่ติ๊ก แดงไบเล่ย์ลอยเข้ามาเลยแฮ่ะ)





ร้านกาแฟโบราณ



อันนี้ใครรู้จักหมดต้องพิจารณาตัวเองแล้วนะ  ว่ารุ่นไหน



และห้องสุดท้ายสำหรับวันนี้ึค่ะ

2. ดวงใจปวงประชา (The Heart and Soul of the Nation) รวบรวมและนำเสนอเรื่องราว พระอัจฉริยภาพ และพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทั้ง ๙ รัชกาล ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน ผ่านการเล่าเรื่องราวจากคุณยายสู่หลานชายตัวน้อย โดยแบ่งเป็นยุคสมัยต่างๆ ดังนี้


สมัยฟื้นฟูความมั่นคง เรื่องราวของรัชกาลที่ 1-3 ยุคแห่งการก่อกำเนิดกรุง ความรุ่งเรืองของสยามประเทศในทุกๆ ด้าน


สมัยแห่งการฝ่ามรสุมมหาอำนาจ นำชาติสู่ศิวิไลย์ เรื่องราวของรัชกาลที่ 4-5 ยุคแห่งการพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ เพื่อพาสยามให้พ้นจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก เกิดการพัฒนาประเทศในหลายรูปแบบทั้งการศึกษา การแต่งกาย การเลิกทาส การตัดถนน นำเสนอผ่านภาพและเสียงบรรยายที่เสมือนจริง ตลอดจนการจำลองการสร้างบ้านเมืองและรถไฟสายแรกของไทย


สมัยแห่งการปูทางสู่ประชาธิปไตย นำไทยให้รุ่งเรือง เรื่องราวของรัชกาลที่ 6-9 ยุคสมัยที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของประชาชนผ่านการศึกษาซึ่งเป็นรากฐานอันนำไปสู่การพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้านอย่างมั่นคงและเตรียมพร้อมสู่การปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างเหมาะสม





สมัยแห่งพระมหากษัตริย์ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย เรื่องราวของรัชกาลที่ 8 และ 9 ความรักและความผูกพันของทั้งสองพระองค์ และความรักใคร่ในประชาชน





ทั้งสองพระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกาย เพื่อรอยยิ้มและความสุขของเหล่าผสกนิกรชาวไทย ทำให้เราทั้งซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ทั้งสอง


ทั้งยังรู้สึกสะเทือนลึกๆ เมื่อได้เห็นข้อความนี้.....


" อดคิดถึงพี่ไม่ได้เลยแม้แต่ขณะเดียว ฉันเคยคิดว่า ฉันจะไม่ห่างจากพี่ตลอดชีวิต แต่มันเป็นเคราะห์กรรม ไม่คิดเลยว่าจะเป็นกษัตริย์ คิดแต่จะเป็นน้องของพี่เท่านั้น "


รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆจุกขึ้นในลำคอ เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย มันวูบๆอยู่ในอก   อิชั้นเงยหน้ามองเพดานห้องฉายหนัง กระพริบตาถี่ๆไล่น้ำที่กำลังจะเอ่อออกมา ไม่อยากให้ใครเห็นมันเลย....


SmileySmileySmileySmileySmiley



สรุปว่า วันนี้เราก็มาดูงานนิทรรศนรัตนโกสินทร์เสร็จเรียบร้อยแล้วค่า ใช้เวลาในนี้สิริรวม 4 ชั่วโมงพอดี เป็นการรับชมที่อิ่มเอมไปด้วยความสุข ซาบซึ้งในความเป็นมาของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา รวมทั้งเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่เราเคยได้ยินสมัยที่เป็นนักเรียน แต่ยังไม่มีใครอธิบายเราได้


ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่รัชกาลที่ 4 ของประเทศไทย มี 2 พระองค์ !

เนื่องจากตอนรัชกาลที่ 3 สิ้นพระชนม์ รัชกาลที่ 4 ยังผนวชเป็นพระอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร พระนามว่า พระวชิรญาณมหาเถระ เหล่าเสนาบดีและพระบรมวงศานุวงศ์ได้อัญเชิญให้เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ตรัสว่า ดวงพระชาตาของพระอนุชากำลังดี จะได้ครองแผ่นดิน   ถ้าจะให้พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ ต้องไปอัญเชิญพระอนุชาด้วย


เมื่อรัชกาลที่ 4 ครองราชย์แล้ว จึงสถาปนาพระอนุชาเป็น พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ    รัชกาลที่ 4 จะอธิบายกับชาวต่างชาติที่สับสนว่า พระองค์คือ The First King ส่วนพระอนุชา คือ Second King

แม้เหตุผลที่รัชกาลที่ 4 อ้างเรื่องดวงชะตา แต่ก็มีเหตุผลด้านอื่นๆ ให้ตีความได้ เช่น พระองค์ทรงครองสมณเพศตั้งแต่ พ.ศ. 2367-2394 จึงไม่มีกำลังไพร่พล  ส่วนพระอนุชาฯ ทรงศึกษาวิชาทหาร รู้ยุทธศาสตร์การรบ ต่อเรือได้ มีไพร่พล จึงช่วยคานอำนาจอิทธิพลของเหล่าเสนาบดีผู้ใหญ่ โดยเฉพาะตระกูลบุนนาค (อิชั้นอดคิดไม่ได้ว่าจริงๆพระองค์อาจจะไม่อยากสึกด้วยซ้ำ แต่ด้วยเห็นแก่สถานการณ์บ้านเมือง เลยจำต้องยอมสึกมา)


ภายหลังเกิดวิกฤตการณ์วังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 5  ร.5 จึงยุบวังหน้า และตั้งตำแหน่งใหม่ สำหรับสืบราชสันตติวงศ์แทน คือ พระบรมโอรสาธิราช


หรือเรื่องราวยุคล่าอาณานิคมที่รัชกาลที่ 5  ทรงต้องเผชิญ ทั้งหนักหนา และสาหัส จนท่านต้องแก้ไขปัญหาด้วยการนำเงินถุงแดงซึ่งเป็นมรดกจากร.3 มาจ่ายให้ฝรั่งเศส


ยอมรับว่าปกติเราจะรู้จักร.3 น้อยมาก แต่เมื่อได้รู้ประวัติของท่านมากขึ้นก็อดทึ่งไม่ได้   ท่านทรงพระปรีชาสามารถมากค่ะ  และยังทำการค้าขายเก่งสุดๆด้วย ในรัชสมัยท่าน ประเทศเรามีเงินเหลือเยอะมาก  ประมาณค่าไม่ได้เลย และเป็นที่มาของเงินถุงแดงไถ่ประเทศนี้เองค่ะ




หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ร.5 ถึงกับประชวร เนื่องจากความกลัดกลุ้มพระทัยจากภัยจากการล่าอาณานิคมจากตะวันตก ซึ่งในตอนนั้นก็น่าเห็นใจพระองค์มากๆ


ส่วนตัวอิชั้นคิดว่ารัชสมัยของพระองค์เป็นอะไรที่ “หน้าสิ่วหน้าขวาน” สุดๆ เพราะรอบข้างคือเขมรกับพม่าก็โดนตะวันตกสอยไปเรียบร้อย แถมแสนยานุภาพของชาติตะวันตกก็เกรียงไกรสุดๆ ดูแล้วสยามไม่น่าจะรอดจากภัยคุกคามนี้ได้เลย


แต่เราก็รอดมาได้ เพราะพระปรีชาสามารถ หรือวิสัยทัศน์ของท่านที่จะดำรงตัวให้พ้นจากภัยคุกคามนี้

แม้ว่าสิ่งนั้นคือการยอมเสียดินแดนบางส่วนเพื่อรักษาดินแดนส่วนใหญ่ (ซึ่งจะว่าไปก็เสียหลายครั้งเหมือนกันนะ  โดนตอดทีละนิดละหน่อย)    แต่อิชั้นเชื่อว่าแต่ละครั้งที่สูญเสียท่านจะต้องทุกข์ตรม โทมนัสสุดหัวใจแน่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ท่านประชวรล้มป่วยก็เป็นได้



และท่านก็ยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับสยามประเทศ ให้ทัดเทียมอารยประเทศ เพื่อมิให้ประเทศเหล่านั้นมารุกรานเราด้วยข้อหาเราเป็นคนเถื่อน โดยทำการเลิกทาส ทั้งที่ประเทศเรามีระบบทาสมาเป็นร้อยๆปี ขนาดประเทศตะวันตกตอนที่ประกาศเลิกทาส ยังสู้รบต่อต้านกันมากมาย ล้มตายไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่



แต่ท่านสามารถทำได้ โดยไม่เสียเลือดเนื้อแม้แต่หยดเดียว การดำเนินกุศโลบายด้วยความมีวิสัยทัศน์ ไม่บุ่มบ่าม ค่อยเป็นค่อยไป ( โดยส่วนตัวอิชั้นเชื่อว่าท่านเห็นตัวอย่างการต่อต้านภายในประเทศทางตะวันตกมาด้วย )    แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถของท่านจริงๆ


ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆ ที่ตัวเองก็จำไม่ได้ ว่าเคยเรียน หรือเคยรู้หรือไม่ แต่วันนี้ก็ได้มารู้อีกเยอะเลย ทั้งยังได้รับรู้ว่า กว่าจะเป็นสยามประเทศ มีความเจริญความผาสุกอย่างที่เราเห็น บรรพบุรุษของเราต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมาบ้าง ทั้งการศึก การรบ สภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน หวิดๆจะเพลี่ยงพล้ำก็มี (สมัยรัชกาลที่ 5 น่าหวาดเสียวที่สุด) แต่บ้านเมืองเราก็ผ่านมาได้ เพราะพระมหากรุณาธิคุณขอองค์เหนือหัวท่านแท้ๆ


นับว่าการมานิทรรศน์รัตนโกสินทร์ครั้งนี้ให้อะไรเยอะกว่าที่เราคิดมาก  ทั้งความรู้ ความสนุก ความเพลิดเพลิน  ความอิ่มเอมใจ ความรู้สึกรักชาติ  ครบทุก feeling ในวันนี้จริงๆ


ซึ่งค่าเข้าชม 100 บาท อิชั้นว่าถูกมาก และยิ่งคุ้มค่ายิ่งกว่า เพราะเราสามารถเอาไปใช้ต่อที่มิวเซียมสยาม โปรโมชั่นนี้ยังมีถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้นะคะ ใครว่างเชิญมากันได้เลยจ้า





 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




Create Date : 12 สิงหาคม 2556
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2556 10:41:25 น. 1 comments
Counter : 7023 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:3:59:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hi hacky
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




Life is a journey....
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hi hacky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.