คุณแม่น้องแฝด ฮานากะฮารุ ^^
ชวนไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย...ที่วัดชนะสงครามค่ะ

เอนทรี่นี้มาแบบบังเอิ๊ญ บังเอิญอีกแล้ว   




 เกิดขึ้นตอนที่อิชั้นไปวัดบวรเพื่อไปไหว้พระศพสมเด็จพระสังฆราชเสร็จ  แล้วก็เดินต่อไปที่พิพิทธภัณฑ์หอศิลป์แห่งชาติ  เผอิญหาทางไปไม่เจอ และพบกับตำรวจจราจรท่านนึง  เลยไถ่ถามทางไป


คุณตำรวจจราจรฟังเสร็จ   ก็สวมหมวกกันน๊อคและบอกอิชั้นว่าขึ้นรถมอเตอร์ไซค์มาเลย กำลังจะไปแถวนั้นพอดี  เดี๋ยวจะไปส่ง.......(โอ  แม่เจ้า  เกิดมาก็เพิ่งเคยซ้อนรถตำรวจนี่แหล่ะ)  Smiley


คาดว่าคุณพี่คงเห็นอิชั้นงงๆก๊งๆ เลยกลัวเดินไปไม่ถูก  ซึ่งก็น่าจะไปไม่ถูกจริงๆด้วย  เพราะมันเอาเข้าจริงมันไกลพอสมควรเลย Smiley   ถ้าเดินเองล่ะก็คงขาลากเลย แถวนั้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ไม่มี นับว่าโชคดีของอิชั้นจริงๆ   นึกแล้วยังขอบคุณตำรวจจราจรคนนั้นอยู่ไม่หาย  Smiley


เกริ่นมาซะยาว  จะบอกแค่ว่า  ระหว่างที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์คุณตำรวจ อิชั้นก็เหลือบไปเห็นป้าย "วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร"  

อิชั้นแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจ    ว้าวๆๆๆ กำลังอยากเที่ยววัดนี้พอดี  Smiley ที่แท้ก็อยู่ตรงนี้นี่เอง  เดี๋ยวเที่ยวหอศิลป์เสร็จต้องแวะมาวัดนี้ต่อซะแล้ว หุหุ









ข้างล่างนี่อิแมวตัวไหนมันมาเขียนค้า  ขอตบบ้องหูหน่อยดิ มือบอนจุงเบย Smiley


ประวัติของวัดค่ะ


 ในอดีตนั้นวัดชนะสงครามเคยมีชื่อว่า “วัดกลางนา” มาก่อน เพราะบริเวณวัดมีทุ่งนาล้อมรอบ และเป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา

       จากวัดกลางนาธรรมดากลายมาเป็นพระอารามหลวงสำคัญอย่างในปัจจุบันนี้ได้ก็เพราะในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนคร 



ในขณะนั้นบ้านเมืองยังไม่สงบดีนัก ยังคงมีศึกสงครามอยู่เนืองๆ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท หรือวังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นแม่ทัพคนสำคัญก็ได้ทรงรวบรวมชาวมอญจากพื้นที่ต่างๆ เข้ามาเป็นกองกำลังทหารในการสู้รบกับข้าศึก และโปรดเกล้าฯให้ชาวมอญเหล่านั้นตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณใกล้ๆ วัดกลางนา



       ส่วนวัดกลางนานั้น พระองค์ก็ได้โปรดเกล้าฯให้พระสงฆ์มอญมาอยู่จำพรรษา คนทั่วไปจึงเรียกวัดนี้เป็นภาษามอญว่า "วัดตองปุ" ซึ่งหมายถึงวัดพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ เช่นเดียวกับวัดตองปุที่กรุงศรีอยุธยา


       และหลังจากที่สมเด็จฯ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงมีชัยชนะในสงคราม 9ทัพ และได้กรีฑาทัพกลับพระนคร พระองค์ก็ได้มาทรงทำพิธีสรงน้ำและเปลี่ยนเครื่องทรงตามพระราชพิธีโบราณที่วัดแห่งนี้ก่อนเสด็จเข้าพระบรมมหาราชวัง 


ในครั้งนั้นพระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2330 ถวายเป็นพระอารามหลวงแก่รัชกาลที่ 1 ซึ่งพระองค์ก็ได้พระราชทานนามให้ใหม่ว่า "วัดชนะสงคราม" เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่สมเด็จฯ กรมพระราชวังบวรทรงมีชัยชนะในการรบกลับมานั่นเอง






รูปหล่อของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท หน้าพระอุโบสถ





มาถึงแล้วต้องสักการะท่าน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง 

ซื้อดอกไม้ ธุปเทียนแล้ว แม่ค้าบอกว่าให้ไหว้พระรอบนอกก่อนนะคะ 




สักการะแล้วก็เข้ามาในพระอุโบสถค่ะ 




องค์พระประธานในพระอุโบสถวัดชนะสงคราม มีนามว่า "พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์ มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดาอนาวรญาณ” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย หน้าตัก กว้าง ๒.๕๐ เมตร สูง ๓.๕๐ เมตร ประดิษฐานอยู่บนฐานสูง ๒ เมตร เดิมสูง ๑.๓๐ เมตร 

มีอัครสาวกยืนประนมมืออยู่ด้านหน้าพระประธาน ๒ องค์ เบื้องหลังพระประธานมีประภามณฑลโพธิพฤกษ์และภาพจินตนาการ เบื้องบนมีฉัตรกั้น



มีเรื่องเล่ากันว่า เดิมองค์พระมีขนาดเล็ก เป็นปูนปั้นบุด้วยดีบุก ครั้นเมื่อสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯเสด็จกลับจาก สงครามเก้าทัพ ได้หยุดพัก ณ วัดแห่งนี้ ทรงถอดฉลองพระองค์ลงยันต์ (เสื้อยันต์) คลุมองค์พระถวายเป็นพุทธบูชา ช่างได้โบกปูนทับทำให้องค์พระใหญ่ขึ้นดังปัจจุบัน




บริเวณรอบอุโบสถด้านใน มีพระพุทธรูปแบบต่างๆให้เรากราบไหว้ สักการะบูชา
















พระสังกัจจายก็มาเน้อ










ภายในฝาผนังพระอุโบสถวัด ก็มีจิตรกรรมซึ่งบรรจงวาดไว้อย่างงดงาม



เป็นเรื่องราวของพุทธชาดก
อันนนี้เป็นตอนที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญทุกรกริยา โดยมีปัญจวัคคีย์ทั้ง 5  ถวายตัวเป็นลูกศิษย์



 
 สตรีที่กำลังถวายของแด่พระมหาบุรุษคือนางสุชาดา  เป็นธิดาของคหบดีผู้หนึ่งในหมู่บ้าน   ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม  
ของที่นางถวายคือข้างมธุปายาส   คือ   ข้าวที่หุงด้วยนมโคล้วน  เป็นอาหารจำพวกมังสวิรัติ  ไม่ปนเนื้อ  ไม่เจือปลา  ใช้สำหรับบวงสรวงเทพเจ้าโดยเฉพาะ



ธิดามาร คือ นางตัณหา, นางราคา และนางอรดี ยั่วยวนพระพุทธเจ้า  เนื่องจากพระยามารเสียใจมากที่แพ้พระพุทธเจ้า เพราะพระ พุทธเจ้าทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า หมดกิเลสแล้ว  ธิดาทั้งสามจึงรับอาสามายั่วยวนพระพุทธเจ้า แต่ไม่สำเร็จ



หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าชื่อธิดาทั้งสาม แฝงเป็นนัยยะกับอำนาจชั่วร้าย ได้แก่ ตัณหา (กิเลสตัณหา) ราคา (ราคะ  ความยินดี) และอรดี (ความรื่นเริงบันเทิงใจ)



ตรงนี้คือตอนมหาเวสสันดรชาดก เป็นชีวประวัติเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก กล่าวถึงพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ในการบำเพ็ญทานบารมี ก่อนจะทรงอุบัติเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ฉากนี้น่าจะเป็นฉากที่ชูชก พานางอมิตดาซึ่งได้รับมาเป็นค่าไถ่มาร่วมอยู่กินฉันผัวเมีย


พูดถึงชูชก..ขออนุญาติคอมเมนท์นิดนึง  หากไปกระทบกับจิตใจของท่านใดที่นับถืออยู่  อิชั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ  Smiley


คือ.....ในช่วงปีหลังๆมา อิชั้นเริ่มเห็นเค้าทำวัตถุบูชาเป็นรูปชูชก  บ้างก็เรียกพ่อชูชกบ้าง ทั้งยังบอกว่าให้กราบไหว้บูชา  จะประทานพรให้เราสามารถ "ขอ"  สิ่งใดก็ได้ บลาๆๆ


คืออยากจะบอกว่า อิชั้นไม่เข้าใจอ่ะ  ว่าเค้าตีความหมายของการกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าอย่างไร 


อิชั้นคิดว่า...ที่เรากราบพระพุทธรูป  ไหว้พระพุทธรูป  ไม่ใช่เพราะเราไหว้หิน ดิน ทราย ที่หล่อเป็นรูปพระ

แต่เราไหว้ในสิ่งที่เราเคารพบูชา คือพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า  เราไหว้ในคุณงามความดีที่พระพุทธเจ้าได้ประพฤติปฎิบัติมา สิ่งที่ท่านสอนท่านเผยแพร่เอาไว้เป็นคุณอนันต์กับสัตว์โลกทั้งยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอย่างพวกเรา


เราไหว้ท่านเพราะเรายึดมั่นและเชื่อถือในสิ่งที่ท่านค้นพบ  เพื่อให้เรามีสติในการดำเนินชีวิตบนโลกที่วุ่นวายใบนี้  เมื่อเราไหว้ท่าน เรารู้สึกว่าจิตใจเราสงบ  หลักคำ คำสั่งสอนในธรรมะของท่านแผ่ซ่านเข้าไปในจิตใจ  แม้เพียงวูบเดียวก็ทำให้เรามีความสุข


แต่ อิตาชูชกเนี่ย ทำความดีอะไรที่ทำให้คนต้องมากราบไหว้บูชาคะ Smiley

หรือว่าเก่งในเรื่องขอ   ขยันขอจนได้ดี  ซึ่งอิชั้นคิดว่ามันไม่ได้มีความสร้างสรรค์เลย คนเรามันจะบ้าขออะไรขนาดนั้น  อย่างอิตาชูชกยิ่งแล้วใหญ่  ขอแม้กระทั่งลูกกษัตริย์มาเป็นขอทานน่ะ....


บางคนอาจจะว่าอิชั้นอินเกิน  ชูชกก็แค่ตัวละครในพุทธประวัติชาดก อาจจะไม่มีตัวตนจริงๆก็ได้  แต่อิชั้นคิดว่า อย่างน้อยการเลือกที่จะบูชาตัวละครบแบบนี้มันก็สื่อถึงจิตใจของคน  ที่เลือกจะเชื่อในสิ่งที่เห็นว่าเอื้อประโยชน์ให้ตนอย่างสุดๆ (ไม่ต้องทำอะไร ขอแม่มอย่างเดียว)  


เพราะที่อิชั้นจำได้ คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีตรงไหนให้เราขอเลย ท่านสอนว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"  ท่านสอนให้เรารู้จักประคองสติด้วยตนเอง  อยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง   


การที่เรามาไหว้พระ ส่วนหนึ่งก็อาจเรียกได้ว่าเราเดินทางมาหาหลักยึดเหนี่ยวในจิตใจตัวเอง  เรียกได้ว่าเป็นมงคลชีวิตอย่างนึง......ซึ่งอันนี้ถ้าใครจะไหว้พระแล้วอธิษฐานขอให้ชีวิตมีความสุข  หรือยังอยากจะขอนั่นขอนี่ โอเค ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ว่ากัน


แต่ขอร้องเถอะว่า อย่าไปขอแบบนี้กับชูชก  ก็แกจะเอาอะไรที่ไหนมาบันดาลความสุขให้คุณได้  ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอดเล๊ยยยย Smiley
 (กินเยอะ ท้องแตกตายเป็นโกโก้ครันท์...ตูม)




จบความเวิ้นเว้อดีกว่า  แฮ่ะๆ 





เอาเป็นว่า  ถ้าใครไปแถวถนนข้าวสารอย่าลืมแวะไปกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่วัดชนะสงครามฯ นะคะ   อยู่ไม่ไกลจากถนนข้าวสารค่ะ  เดินมาสุดซอยก็จะเจอเลย....สะดวกสุดๆ










Create Date : 03 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2556 17:16:40 น. 13 comments
Counter : 1497 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ

ได้มีโอกาสไปวัดชนะสงครามหลายครั้ง แต่มีคนเยอะตลอดเลย ถ่ายภาพยากมากเลยค่ะ เห็นบล็อกวันนี้แล้ว อยากไปอีก ไม่มีคนเลยเนาะ

เรื่อง "ชูชก" เคยงงๆ เหมือนกันค่ะ จริงๆ เพิ่งมามีช่วงหลังเอง แต่ก่อนก็ไม่เคยมี

วัดสมานฯ สิ่งก่อสร้าง รูปเคารพ เพิ่มขึ้นเยอะมากค่ะ ถ้าไปเสาร์ อาทิตย์ คนเยอะตลอด คนทำบุญเยอะ มีปัจจัยเยอะ เลยมีอะไรเิ่พิ่มขึ้นมาเยอะ (มังคะ)


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 9 พฤศจิกายน 2556 เวลา:16:02:43 น.  

 
วันนี้ได้ชมพระอารามหลวง ขอบคุณมากนะคะ
สวยงามและมีคุณค่าคู่บ้านคู่เมืองมากค่ะ
กด like ค่ะ

ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะ



นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 9 พฤศจิกายน 2556 เวลา:22:30:51 น.  

 
สวัสดีค่ะ
วัดนี้บุ๊งยังไม่เคยไปเลยค่ะ
คุณตำรวจใจดีจัง ให้ซ้อนท้ายไปด้วยเลย
ดีใจจัง ยังมีตำรวจดีๆ อยู่



โดย: Close To Heaven วันที่: 10 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:05:49 น.  

 
น่าไปไหว้พระจังเลย

ชื่อเป็นมงคล มีชัยชนะประมาณนั้น


ถ่ายรูปได้สวยนะคะ ขอชม

hi hacky Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สมาชิกหมายเลข 861805 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:39:46 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บลีอกนะคะ

วัดชนะสงครามเราไปบ่อยเหมือนกันค่ะ ชื่อตัวเอง ก็ได้พระที่นับถือกันที่วัดนี้ตั้งให้ค่ะ


โดย: honeynut วันที่: 10 พฤศจิกายน 2556 เวลา:14:55:20 น.  

 
ตามมาไหว้พระด้วยค่ะ
นั่นสิคะอ่านแล้วก็งง มีวัตถุบูชารุ่นชูชกด้วยเหรอเนี่ย
เคยอ่านแต่ในพุทธชาดกค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2556 เวลา:15:19:31 น.  

 
สวัสดีดึกๆครับ
ขอบคุณครับ
มาไหว้พระด้วยครับ เข้ากทม.เมื่อไรต้องมา้บ้างครับ
เรื่องเครื่องรางวัตถุมงคลก็เป็นคติความเชื่ออย่างหนึ่งครับ
ชูชกขอได้ทุกอย่าง เมื่อมาทำเป็น วัตถุมงคล ก็เฉพาะเรื่อง "ขอ" อย่างเดียว อย่างอื่นไม่พูดถึง
ยามตกอับ ไม่ตกอับ ก็ไหว้ได้ทุกอย่าง
วัตถุมงคลยังมีแปลกๆอีกมากมายครับ เช่น งั่ง แม่ยั่วเมือง ฯ


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 10 พฤศจิกายน 2556 เวลา:23:45:59 น.  

 
ตามไหว้พระเข้าวัด...ผ่านจอด้วยคนนะคะ
คุณตำรวจคนนั้นใจดีจัง ^^
ส่วนวัตถุมงคลบูชาชูชกนี่อินดี้เพิ่งเคยได้ยินเหมือนกันนะคะ

ขอบคุณที่แวะไปเที่ยวที่บล็อคด้วยจ้า


โดย: IndyLand วันที่: 11 พฤศจิกายน 2556 เวลา:1:41:46 น.  

 
จันทร์สวัสดีค่ะ





โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2556 เวลา:6:28:00 น.  

 
คุณตำรวจใจดีมาก
วัดตองปุที่แม่ฮ่องสอนก็มีค่ะ แสดงว่าเป็นคนมอญเนาะ
วิวัฒนาการของการบูชาเนาะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 11 พฤศจิกายน 2556 เวลา:10:16:46 น.  

 
คุณตำรวจน่ารักอ้ะ

เวลาเจออะไรอย่างนี้ก็อดดีใจไม่ได้เนาะ

วัดชนะฯ เราเองก็เพิ่งได้เคยไปเมื่อไม่นานมานี้เองหละค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2556 เวลา:14:50:05 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ตามไปไหว้พระด้วย สาธุๆ


โดย: pantawan วันที่: 11 พฤศจิกายน 2556 เวลา:23:40:08 น.  

 
ตามมาไหว้พระวัดชนะสงครามค่ะ
อ่านปล้วได้ความรู้ไปด้วย ชอบมากๆเลย
ได้รู้ที่มาของชื่อวัดด้วย

ปล เห็นด้วยจริงๆค่ะ เรื่องชูชก หนึ่งคิดว่าไม่น่าใช่พุทธศาสนาเลย
งุงิ


โดย: AdrenalineRush วันที่: 12 พฤศจิกายน 2556 เวลา:14:31:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hi hacky
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




Life is a journey....
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hi hacky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.