คุณแม่น้องแฝด ฮานากะฮารุ ^^
One day trip in อยุธยา....ชวนมาชมความงามของเจดีย์หลวง วัดใหญ่ชัยมงคล

หลังจากเที่ยววัดพนัญเชิงแล้ว เรามาต่อกันที่นี่ค่ะ Smiley




วัดใหญ่ชัยมงคล  วัดแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1)  ทรงสร้างขึ้นถวายแด่พระสงฆ์ "คณะป่าแก้ว"  ที่ได้ไปบวชเรียนมาจากสำนักสมเด็จพระวันรัตมหาเถระ ในลังกาทวีป และถวายนามว่า  "วัดป่าแก้ว"   พระสงฆ์ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญภาวนาเป็นสำคัญ  พระเจ้าอู่ทอง จึงทรงแต่งตั้ง "สมเด็จพระวันรัต" เป็นพระสงฆราชฝ่ายขวา คู่กับ "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายซ้าย  


วัดป่าแก้วแห่งนี้ จึงได้ชื่อว่า "วัดพระยาไท"  ซึ่งหมายถึง  วัดพระสังฆราช และเรียกพระสงฆ์ว่า "เจ้งไทย"  แต่ด้วยวัดนี้เป็นพระอารามหลวง มีบริเวณกว้างขวาง และมีสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โต รวมทั้ง "พระเจดีย์ชัยมงคล"  เจดีย์องค์ใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างขึ้น  ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่า "วัดใหญ่ชัยมงคล" มาจนทุกวันนี้


บริเวณที่จดรถของวัดจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกเจ้าดังอยู่ค่ะ  น่าลิ้มลองเหมือนกัน แต่พอมาเรากินข้าวเที่ยงมาเรียบร้อยแล้ว เลยไม่ได้แวะชิม น่าเสียดายจัง





มาไหว้พระในอุโบสถก่อนค่ะ


อุโบสถนี้ เดิมสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติกรรมฐานรวมทั้งประกอบพิธีกรรมต่างๆพระอุโบสถ หลังนี้เคยถูกใช้เป็น สถานนัดพบของเหล่าขุนนาง นำโดยขุนพิเรนทร์เทพและพรรคพวก ซึ่งมาเสี่ยงเทียนเพื่อจะเป็นนิมิตหมายในการไปปราบขุน วรวงค์ษาและท้าวศรีสุดาจันทร์


 วิธีการเสี่ยงเทียนคือการฟั่นเทียนขึ้นมา 2 เล่ม เล่มหนึ่ง แทนตัวขุนวรวงค์ษา กษัตริย์ที่นักวิชาการ หลายท่านไม่นับรวมว่าเป็นหนึ่งในกษัตริย์อยุธยาเทียนอีกเล่มหนึ่งแทนตัวพระเฑียรราชา หน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์อันหลบหลีกปัญหา การแย่งชิงบัลลังค์ และไปบวชอยู่ที่วัดราชประดิษฐาน และจุดเทียนขึ้นพร้อมกันแต่เทียนเล่มที่เป็นตัวแทนของขุนวรวงค์ษามี เหตุให้ดับลงก่อนจึงถือว่าการล้มล้างจะเป็นผลสำเร็จ 



ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ ส่วนที่เป็นองค์ประธานเป็น พระพุทธรูปซึ่งมีลักษณะเด่นจากที่อื่น คือปั้นด้วยหินทรายตลอดทั้งองค์ ส่วนที่เป็นจีวรถูกลงรักปิดทองประดับแก้ว 


ส่วนที่ไม่ใช่จีวร นั้นว่างเว้นเห็นเป็นเนื้อหินทรายที่สวยงามสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ลักษณะเป็นปางมารวิชัย หรือปางสดุ้งมาร




ใบเสมาค่ะ




มาที่วิหารพระพุทธไสยาสน์

วิหารพระพุทธไสยาสน์นี้จะอยู่ทางซ้ายมือของประตูวัด   ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ซึ่งสร้างขึ้นใน แผ่นดินของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อใช้เป็นที่สักการะบูชา และปฏิบัติพระกรรมฐาน พระพุทธรูปองค์นี้ได้รับการปฏิสังขรณ์ ใหม่ ในปี พ.ศ.2508 




รูปแบบอาคารเป็นลักษณะวิหาร  สันนิษฐานว่ามีประตูทางเข้าอยู่ 2 ช่องทางด้านทิศเหนือ (ปัจจุบันได้สูญสิ้นหมดแล้ว)  ภายในอาคารมีหน้าต่างสี่เหลี่ยมเพียง 4 บาน เสาของอาคาร เป็นลักษณะกลมปรากฏร่องรอยบัวหัน   เสาที่ประดับอยู่บนยอด องค์พระประธานของวิหารหันหน้า ไปทางทิศตะวันออกอันเป็นด้านหน้าของวัด 


ซึ่งภายหลังได้รับการปฎิสังขรณ์นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปจากมุมนี้ออกไปสู่วิวด้านหลัง  ที่เห็นเป็นองค์เจดีย์ชัยมงคล  ซึ่งตั้งกระหง่านอยู่อย่างยิ่งใหญ่  Smiley







มาต่อที่ไฮไลต์ที่นี่นะคะ  



พระเจดีย์วัดชัยมงคล ประดิษฐานอยู่ในวัดใหญ่ชัยมงคล  ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกของเกาะเมือง อำเภอพระนครศรีอยุธยา  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เป็นเจดีย์ก่อด้วยอิฐถือปูน ทรงลังกาองค์ใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในการชนะสงครามยุทธหัตถี





ในพงศาวดารกล่าวว่า  หลังจากพระมหาอุปราชา แห่งเมืองหงสาวดี ยกทัพมารบแพ้สมเด็จพระนเรศวร  เมื่อ  พ.ศ.  2134  ถูกสมเด็จพระราชบิดา คือ  พรเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงต่อว่าเนือง ๆ  ก็เกิดมานะ จึงยกทัพใหญ่เข้ามารบอีก เมื่อ  พ.ศ. 2135  ตั้งทัพอยู่ตำบลตระพังตรุ  สมเด็จพระนเรศวร กับสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงช้างพระที่นั่งยกกองทัพไปตั้งที่ตำบลหนองสาหร่าย (อำเภอดอนเจดีย์ในปัจจุบัน)  


สงครามคราวนี้ เป็นสงครามยุทธหัตถี คือ จอมทัพทั้งสองฝ่าย ได้ชนช้างกัน  สมเด็จพระนเรศวร ทรงช้างเจ้าพระยาไชยาภาพชนช้างกับพระมหาอุปราช ซึ่งทรงช้างพลายพัทธกอ  สมเด็จพระนเรศวร จ้วงฟันพระมหาอุปราชาด้วย  พระแสงของ้าวที่ไหล่ขวาขาดสิ้นพระชนม์กับคอช้าง  ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถ ก็ได้ชนช้างกับเจ้าเมืองจาปโร  ฟันเจ้าเมืองจาปโรตาย  


แม่ทัพนายกองเมืองหงสาวดี เห็นพระมหาอุปราชาเสียทีถูกฟัน  ต่างก็เข้ามาช่วยแก้ไข  โดยเอาปืนระดมยิงถูกสมเด็จพระนเรศวรที่พระหัตถ์บาดเจ็บ  และถูกนายมหานุภาพ ควาญช้างพระที่นั่งกับหมื่นภักดีศวร กลางช้างสมเด็จพระเอกาทศรถตายทั้ง  2  คน  ขณะนั้นกองทัพหลวง  กองทัพเจ้าพระยามหาเสนา และพระยาสีหราชเดโชชัยตามไปทัน เข้ารบพุ่งแก้เอาสมเด็จพระนเรศวร กับสมเด็จพระเอกาทศรถออกมาพ้นข้าศึกได้




สมเด็จพระนเรศวร มีชัยชนะ แต่ไม่สามารถตีข้าศึก ให้แตกไปได้เหมือนครั้งก่อน เพราะเหตุที่ทัพไทยตามเสด็จไปไม่ทัน  เมื่อเสด็จกลับถึงพระนคร ทรงพระพิโรธแมทัพนายกอง  รับสั่งให้ลงโทษประหารชีวิตพวกแม่ทัพนายกอง ไปตามกฎอัยการศึก  แต่วันนั้นเป็นวันพระ  จึงโปรดให้ขังไว้ก่อน  วันรุ่งขึ้นจึงจะให้ประหาร


     สมเด็จพระวันรัตวัดป่าแก้ว  ตำแหน่งพระสังฆราชฝ่ายขวา พร้อมด้วยพระสงฆ์ราชาคณะ  25  รูป  เข้าเยี่ยมถามข่าวพระราชสงคราม ตามประเพณี  ทราบเหตุที่แม่ทัพนายกองต้องโทษประหารชีวิต  สมเด็จพระวันรัต จึงทูลถามสมเด็จพระนเรศวรว่า  เสด็จไปทำสงครามมีชัยชนะข้าศึกแล้ว  ทำไมพวกแม่ทัพนายกองจึงต้องโทษ  สมเด็จพระนเรศวร จึงทรงเล่าเรื่องที่รบกัน ให้สมเด็จพระวันรัตฟัง  แล้วตรัสว่า "ข้าราชการเหล่านั้น กลัวข้าศึกมากกว่าโยม  ละให้แต่โยม  2  คน  พี่น้องฝ่าเข้าไปท่ามกลางข้าศึก จนได้ทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา มีชัยชนะ แช้วจึงได้เห็นหน้า  นี่หากบารมีของโยมหาไม่  แฟ่นดินก็จะเป็นของหวงสาวดีเสียแล้ว" 


สมเด็จพระวันรัตถวายพระพรว่า  การที่ข้าราชการเหล่านั้น จะกลัวข้าศึกยิ่งกว่าสมเด็จพระนเรศวรนั้น เป็นไปไม่ได้  แต่เป็นเพราะพระบารมีบันดาลจะให้พระเกียรติยศปรากฏไปทั่วโลก  จึงมีเหตุให้เสด็จเข้าไปมีชัยชนะโดยลำพัง  สมเด็จพระวันรัตทูลเปรียบเทียบว่า เหมือนพระพุทธเจ้า ตรัสตอนตรัสรู้ว่า ขณะที่มารผจญนั้น  เทวดาที่มาเฝ้าอยู่เป็นอันมาก ก็พากันหนีหายไปหมด เหลือแต่พระพุทธเจ้าองค์เดียว  ทรงสามารถปราบพญามารทั้งรี้พลให้พ่ายแพ้ได้

     สมเด็จพระนเรศวร ได้ทรงฟังสมเด็จพระวันรัต ออกพระนามพระพุทธเจ้า ก็ทรงปีติโสมนัสสิ้นพระพิโรธ (โกรธ)  สมเด็จพระวันรัตจึงทูลขอชีวิตข้าราชการไว้ทั้งหมด แล้วทูลแนะนำให้สมเด็จพระนเรศวร ทรงสร้างพระเจดีย์เป็นอนุสาวรีย์ ในชัยชนะยุทธหัตถีครั้งนี้  เหมือนกับพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย ได้ทรงเคยทำมาแล้ว


  สมเด็จพระนเรศวร จึงโปรดให้สร้างพระเจดีย์ยุทธหัตถีขึ้นตรงที่ชนช้างชนะองค์หนึ่ง คือ อนุสรณ์ดอนเจดีย์ปัจจุบัน  แล้วทรงเสริมพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดพระยาไทย หรือวัดป่าแก้ว อันเป็นที่สถิตของพระสังฆราชฝ่ายขวาอีกองค์หนึ่ง  ขนานนามว่า  "พระเจดีย์ชัยมงคล"







พระเจดีย์ใหญ่มากก และสมบูรณ์ + สวยงามมากๆค่ะ

เป็นบุญตาจริงๆที่ได้มาเห็น










พระพุทธรูปเรียงรายรอบเจดีย์ 





บรรยากาศดูสงบและขลังมากเลยค่ะ 

เพื่อนอ้อขอเข้าเฟรม




อิ่มเอมกับพระเจดีย์ชัยมงคลแล้วเราก็เดินทางกันต่อนะคะ  ก่อนแสงอาทิตย์ของวันนี้จะหมดไปเรามีจุดหมายปลายทางที่วัดมหาธาตุต่อ



เดินทางไปด้วยกันนะคะ




Create Date : 25 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 4 ธันวาคม 2556 11:18:16 น. 0 comments
Counter : 856 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hi hacky
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




Life is a journey....
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hi hacky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.