ชวนมาย้อนอดีตที่วัดยานนาวาค่ะ
วันนี้อิชั้นกะเพื่อนอ้อมีโปรแกรมมาตะลอนเมืองกรุงอีกแล้วค่ะ งวดนี้เพื่อนชวนมาที่วัดยานนาวา
เราขึ้นรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีสะพานตากสิน แล้วเดินย้อนมานิดเดียวก็จะถึงวัดแล้วค่ะ
วัดยานนาวาอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดถนนเจริญกรุง เขตยานนาวา เป็นวัดโบราณ มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานการสร้างวัดอยู่ในช่วงอยุธยาตอนปลาย ระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์-พระเจ้าปราสาททอง เดิมชื่อ วัดคอกควาย ในสมัยกรุงธนบุรี ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง
การปฏิสังขรณ์วัดมาเริ่มในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงสร้างพระอุโบสถอยู่ด้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยโบสถ์นั้นหันหน้าออกไปทางด้านแม่น้ำ แม้ตามปกติคติของการสร้างโบสถ์นั้น ด้านหน้าจะหันไปทางทิศตะวันออก แต่เมื่อเบื้องหน้าคือแม่น้ำสายใหญ่ จึงถือสิ่งนี้เป็นมงคล จึงหันหน้าโบสถ์ไปสู่แม่น้ำ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดคอกกระบือ
วัดยานนาวาเป็นวัดที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณมาโดยตลอดภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร เพราะมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ก็ยังปรากฏหลักฐานที่ทรงทำนุบำรุง และปฏิสังขรณ์วัดมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 นอกจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์อารามแล้ว ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ โดยโปรดฯ ให้ฐานเจดีย์เป็นรูป เรือสำเภา ประดิษฐานอยู่หลังพระอุโบสถ แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดญานนาวาราม (ต่อมาชื่อได้เขียนเพี้ยนเป็นวัดยานนาวาดังที่ปรากฏในปัจจุบัน)
ล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 ค่ะ
มูลเหตุแห่งการสร้างฐานเจดีย์เป็นรูปเรือสำเภานี้ พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมงกโร) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา พระอารามหลวง ในปัจจุบัน เล่าว่า มีเหตุปัจจัย 2 ประการด้วยกัน คือ หนึ่งนั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระราชโอรส พระราชธิดา ในรัชกาลที่ 3 ที่ทรงสนิทเสน่หาอย่างยิ่ง คือ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ และพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าวิลาส (กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ) ซึ่งตั้งแต่วัยเยาว์นั้นรัชกาลที่ 3 จะทรงจูงหัตถ์ทั้งสองพระองค์เข้าเฝ้าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิต ชิโนรส ที่ทรงผนวชอยู่เสมอ
ต่อมาเมื่อกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพประชวรจึงทรงมีพระราชดำริทำบุญ ประกอบกับการสร้างเจดีย์รูปเรือสำเภา รัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างรูปหล่อสัมฤทธิ์ กัณหา-ชาลี ที่กราบทูลลาพระเวสสันดรไปอยู่กับชูชก เพื่อร่วมสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ตามที่พระเวสสันดรต้องการ
รัชกาลที่ 3 ทรงปวารณาองค์ให้กับพุทธศาสนา พระองค์ท่านจึงถือเสมือนว่าให้พระโอรส พระธิดา ในพระองค์ได้มาร่วมทำบุญ จึงมีรูปหล่อสัมฤทธิ์นี้ขึ้นมา ซึ่งความหมายของกัณหาชาลีนี้มีความงดงาม เชื่อมโยงรัชกาลที่ 3 กับพระโอรส พระธิดา เพราะตามเวสสันดรชาดก ได้มีการกล่าวว่า ให้ทั้งกัณหาชาลี ที่แม้จะเป็นแก้วตาดวงใจ ก็ขอให้ช่วยพ่อเป็นประดุจสำเภา ฐานเจดีย์รูปสำเภานี้จึงเสมือนนาวาชีวิตที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ พระราชทาน ซึ่งก่อนที่จะโปรดเกล้าฯ ให้ไว้ที่ท้ายเก๋งเรือสำเภา ในสมัยก่อนโน้นยังมีการแห่รูปสัมฤทธิ์นี้เป็นการเอิกเกริกด้วย
ส่วนความหมายที่ทรงพระราชทานนาวาชีวิตนี้อีกประการหนึ่ง เป็นเพราะในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเรื่องการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งการค้าขายในยุคนั้นต้องอาศัยเรือสำเภาเป็นพาหนะติดต่อระหว่างกัน จึงทรงมีพระประสงค์ให้เรือสำเภาได้คงอยู่เพื่อคนรุ่นหลังจะได้รู้จัก เพราะได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่า วันหนึ่งเรือสำเภาเพื่อการค้าขายจะหายไป นอกจากนั้น นาวาแห่งชีวิตนี้ยังมีความหมายในทางโลกด้วยว่า คนจะอยู่ด้วยทรัพย์ ไมตรี และเกียรติ ต้องอาศัยความบากบั่นมานะพยายาม
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ในฐานะพระอารามหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้แบ่งเขตวัดเป็น 3 เขต คือ เขตสังฆาวาสเป็นเขตที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ เขตพุทธาวาสเป็นเขตบำเพ็ญศาสนกิจและกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ และเขตจัดประโยชน์เป็นเขตให้เช่าที่และจัดสร้างอาคารให้เช่า เพื่อนำรายได้มาบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ และเพื่อบำรุงศาสนกิจและกิจกรรมสาธารณประโยชน์
ท่านเจ้าคุณพรหมวชิรญาณเจ้าอาวาสวัดยานนาวา บอกว่า ไม่ว่าวัดจะทำการสิ่งใดในเรื่องการปรับปรุงการก่อสร้างทั้งในส่วนของวัด อาคารให้เช่า ต้องอยู่ภายใต้พระบรมราชานุญาตในสมเด็จพระบรมพิตรสมภารเจ้า (พระมหากษัตริย์) เสมอ
เราเข้าไปชมในสำเภาเจดีย์กันเถอะค่ะ
ลอดอุโมงค์ไปนะคะ
วิวภายใน
ในเรือมีพระเจดีย์ซึ่งเปรียบเหมือนเสากระโดงเรือ
ห้องเก๋งท้ายเรือยังมีพระพุทธรูป และรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่ด้วยค่ะ
ด้านนี้เป็นพระราหูค่ะ
ทำบุญแล้วก็ตีระฆังให้ดังไปถึงสวรรค์เลยนะคะ
มองไปด้่านหลัง เห็นพระอุโบสถหลังเก่า แปลกใจว่าทำไมเค้าไม่ซ่อมให้เสร็จหนา
เดินเข้าไปชมหน่อย
ลายประตูยังไม่ได้บูรณะ
ดูชำรุดเยอะจัง
ซุ้มประตู ถ้าซ่อมแซมแล้วคงสวยนะคะ
เดินมาด้านหน้า มาไหว้เจ้าแม่กวนอิม
อาคารมหาเจษฎาบดินทร์ ภายในมีการจัดแสดงพระและพระธาตุมากมายน่าดูชมมากค่ะ แต่น่าเสียดายที่ถ่ายรูปไม่ได้
เมื่อคราวสร้างเจดีย์ฯ นั้น รัชกาลที่ 3 เสด็จฯ ไปควบคุมการก่อสร้างอย่างใกล้ชิดด้วยพระองค์เอง จึงโปรดฯ ให้สร้างศาลาเล็กๆ ไว้เป็นที่ประทับเพื่อทอดพระเนตรการก่อสร้างด้วย
ปัจจุบันศาลาที่ประทับนี้ก็ยังมีการเก็บรักษาไว้อยู่ค่ะ
มาทำบุญทำทานด้วยการให้อาหารปลากันเถอะค่ะ
มาให้อาหารปลาที่ท่าน้ำ
วันนี้อิ่มบุญกันทั่วหน้าเลยค่ะ แล้วเราไปเที่ยวกันต่อนะคะ
Create Date : 04 มกราคม 2557 |
Last Update : 14 มกราคม 2557 22:18:32 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1497 Pageviews. |
|
|