คุณแม่น้องแฝด ฮานากะฮารุ ^^
ชวนมาย้อนอดีตที่วัดยานนาวาค่ะ

วันนี้อิชั้นกะเพื่อนอ้อมีโปรแกรมมาตะลอนเมืองกรุงอีกแล้วค่ะ งวดนี้เพื่อนชวนมาที่วัดยานนาวา 

เราขึ้นรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีสะพานตากสิน  แล้วเดินย้อนมานิดเดียวก็จะถึงวัดแล้วค่ะ

Smiley


วัดยานนาวาอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดถนนเจริญกรุง เขตยานนาวา เป็นวัดโบราณ มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานการสร้างวัดอยู่ในช่วงอยุธยาตอนปลาย ระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์-พระเจ้าปราสาททอง เดิมชื่อ “วัดคอกควาย” ในสมัยกรุงธนบุรี ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง 




การปฏิสังขรณ์วัดมาเริ่มในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงสร้างพระอุโบสถอยู่ด้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยโบสถ์นั้นหันหน้าออกไปทางด้านแม่น้ำ แม้ตามปกติคติของการสร้างโบสถ์นั้น ด้านหน้าจะหันไปทางทิศตะวันออก แต่เมื่อเบื้องหน้าคือแม่น้ำสายใหญ่ จึงถือสิ่งนี้เป็นมงคล จึงหันหน้าโบสถ์ไปสู่แม่น้ำ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดคอกกระบือ”


วัดยานนาวาเป็นวัดที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณมาโดยตลอดภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร เพราะมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ก็ยังปรากฏหลักฐานที่ทรงทำนุบำรุง และปฏิสังขรณ์วัดมาอย่างต่อเนื่อง 


โดยเฉพาะในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 นอกจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์อารามแล้ว ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ โดยโปรดฯ ให้ฐานเจดีย์เป็นรูป “เรือสำเภา” ประดิษฐานอยู่หลังพระอุโบสถ แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดญานนาวาราม” (ต่อมาชื่อได้เขียนเพี้ยนเป็นวัดยานนาวาดังที่ปรากฏในปัจจุบัน) 



ล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 ค่ะ





มูลเหตุแห่งการสร้างฐานเจดีย์เป็นรูปเรือสำเภานี้ พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมงกโร) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา พระอารามหลวง ในปัจจุบัน เล่าว่า มีเหตุปัจจัย 2 ประการด้วยกัน คือ หนึ่งนั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระราชโอรส พระราชธิดา ในรัชกาลที่ 3 ที่ทรงสนิทเสน่หาอย่างยิ่ง คือ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ และพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าวิลาส (กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ) ซึ่งตั้งแต่วัยเยาว์นั้นรัชกาลที่ 3 จะทรงจูงหัตถ์ทั้งสองพระองค์เข้าเฝ้าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิต ชิโนรส ที่ทรงผนวชอยู่เสมอ 



ต่อมาเมื่อกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพประชวรจึงทรงมีพระราชดำริทำบุญ ประกอบกับการสร้างเจดีย์รูปเรือสำเภา รัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างรูปหล่อสัมฤทธิ์ “กัณหา-ชาลี” ที่กราบทูลลาพระเวสสันดรไปอยู่กับชูชก เพื่อร่วมสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ตามที่พระเวสสันดรต้องการ


“รัชกาลที่ 3 ทรงปวารณาองค์ให้กับพุทธศาสนา พระองค์ท่านจึงถือเสมือนว่าให้พระโอรส พระธิดา ในพระองค์ได้มาร่วมทำบุญ จึงมีรูปหล่อสัมฤทธิ์นี้ขึ้นมา ซึ่งความหมายของกัณหาชาลีนี้มีความงดงาม เชื่อมโยงรัชกาลที่ 3 กับพระโอรส พระธิดา เพราะตามเวสสันดรชาดก ได้มีการกล่าวว่า ให้ทั้งกัณหาชาลี ที่แม้จะเป็นแก้วตาดวงใจ ก็ขอให้ช่วยพ่อเป็นประดุจสำเภา ฐานเจดีย์รูปสำเภานี้จึงเสมือนนาวาชีวิตที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ พระราชทาน ซึ่งก่อนที่จะโปรดเกล้าฯ ให้ไว้ที่ท้ายเก๋งเรือสำเภา ในสมัยก่อนโน้นยังมีการแห่รูปสัมฤทธิ์นี้เป็นการเอิกเกริกด้วย” 





ส่วนความหมายที่ทรงพระราชทานนาวาชีวิตนี้อีกประการหนึ่ง เป็นเพราะในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเรื่องการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งการค้าขายในยุคนั้นต้องอาศัยเรือสำเภาเป็นพาหนะติดต่อระหว่างกัน จึงทรงมีพระประสงค์ให้เรือสำเภาได้คงอยู่เพื่อคนรุ่นหลังจะได้รู้จัก เพราะได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่า วันหนึ่งเรือสำเภาเพื่อการค้าขายจะหายไป นอกจากนั้น นาวาแห่งชีวิตนี้ยังมีความหมายในทางโลกด้วยว่า คนจะอยู่ด้วยทรัพย์ ไมตรี และเกียรติ ต้องอาศัยความบากบั่นมานะพยายาม


ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ในฐานะพระอารามหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้แบ่งเขตวัดเป็น 3 เขต คือ เขตสังฆาวาสเป็นเขตที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ เขตพุทธาวาสเป็นเขตบำเพ็ญศาสนกิจและกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ และเขตจัดประโยชน์เป็นเขตให้เช่าที่และจัดสร้างอาคารให้เช่า เพื่อนำรายได้มาบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ และเพื่อบำรุงศาสนกิจและกิจกรรมสาธารณประโยชน์


ท่านเจ้าคุณพรหมวชิรญาณเจ้าอาวาสวัดยานนาวา บอกว่า ไม่ว่าวัดจะทำการสิ่งใดในเรื่องการปรับปรุงการก่อสร้างทั้งในส่วนของวัด อาคารให้เช่า ต้องอยู่ภายใต้พระบรมราชานุญาตในสมเด็จพระบรมพิตรสมภารเจ้า (พระมหากษัตริย์) เสมอ 



เราเข้าไปชมในสำเภาเจดีย์กันเถอะค่ะ




ลอดอุโมงค์ไปนะคะ




วิวภายใน






ในเรือมีพระเจดีย์ซึ่งเปรียบเหมือนเสากระโดงเรือ 




ห้องเก๋งท้ายเรือยังมีพระพุทธรูป และรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่ด้วยค่ะ














ด้านนี้เป็นพระราหูค่ะ





ทำบุญแล้วก็ตีระฆังให้ดังไปถึงสวรรค์เลยนะคะ



มองไปด้่านหลัง เห็นพระอุโบสถหลังเก่า  แปลกใจว่าทำไมเค้าไม่ซ่อมให้เสร็จหนา



เดินเข้าไปชมหน่อย




ลายประตูยังไม่ได้บูรณะ




ดูชำรุดเยอะจัง





ซุ้มประตู ถ้าซ่อมแซมแล้วคงสวยนะคะ








เดินมาด้านหน้า  มาไหว้เจ้าแม่กวนอิม








อาคารมหาเจษฎาบดินทร์ ภายในมีการจัดแสดงพระและพระธาตุมากมายน่าดูชมมากค่ะ แต่น่าเสียดายที่ถ่ายรูปไม่ได้




เมื่อคราวสร้างเจดีย์ฯ นั้น รัชกาลที่ 3 เสด็จฯ ไปควบคุมการก่อสร้างอย่างใกล้ชิดด้วยพระองค์เอง จึงโปรดฯ ให้สร้างศาลาเล็กๆ ไว้เป็นที่ประทับเพื่อทอดพระเนตรการก่อสร้างด้วย 

ปัจจุบันศาลาที่ประทับนี้ก็ยังมีการเก็บรักษาไว้อยู่ค่ะ



มาทำบุญทำทานด้วยการให้อาหารปลากันเถอะค่ะ




มาให้อาหารปลาที่ท่าน้ำ







วันนี้อิ่มบุญกันทั่วหน้าเลยค่ะ  แล้วเราไปเที่ยวกันต่อนะคะ  Smiley



Create Date : 04 มกราคม 2557
Last Update : 14 มกราคม 2557 22:18:32 น. 2 comments
Counter : 1497 Pageviews.

 
ขอบคุณรีวิวครับ ช่วงก่อนตรุษจีนทุกปีจะมีงานวัดที่นี่ สมัยก่อนตอนใส่ขาสั้นไปเที่ยวทุกปี อ่านแล้วคิดถึงอดีต


โดย: แมวเซาผู้น่าสงสาร วันที่: 4 มกราคม 2557 เวลา:22:40:59 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่าคุณแจ๊คกี้
ตามมาเที่ยวด้วย เราไม่ค่อยได้ไปเที่ยวสถานที่แบบนี้เลยค่ะ
น่าสนุกนะ

ขอบคุณที่แวะไปชมดอกไม้นะคะ



โดย: mambymam วันที่: 5 มกราคม 2557 เวลา:18:41:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hi hacky
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




Life is a journey....
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hi hacky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.