Group Blog
 
All blogs
 
.. คนน่ารัก..




ท่านผู้รู้กล่าวว่า วิธีทำให้คนรัก มีอยู่สองแบบด้วยกัน นั่นคือ แบบโลกวิธี และ แบบพุทธวิธี แบบที่ชาวโลกทั่วไปทำกัน โดยมากก็คือ การบังคับให้คนอื่นมารักตัว ในที่นี้หมายความว่า เอาใจหรือเจตนาเข้าไปบังคับ อยากแต่ให้เขารัก ถ้าเขาไม่รัก ก็พาลหาว่าเขาเป็นคนไม่ดี “คนไร้หัวใจ ไม่รู้จักรัก” (ว่ากันไปโน่น) เจตนาที่จะสร้างความรักนั้น เป็นเจตนาที่พุ่งไปหาคนอื่นฝ่ายเดียว เมื่อไม่ได้ดังใจ ก็เลยเกิดภาวะสลับขั้ว คิดโกรธอาฆาตแค้นไปเลย ภรรยาไม่รักก็คิดแต่ว่าภรรยาไม่ดี สามีไม่รักก็คิดแต่ว่าสามีเถลไถล ทำการงานเจ้านายไม่โปรด ก็พาลหาว่าเจ้านายลำเอียง หนักเข้าแทนที่จะแก้ตัวเอง ก็เลยคิดหาทางจะปรับปรุงภรรยา สามี หรือเจ้านายโดยไม่ได้ดูตัวเองเลย นี่แหละคือ โลกวิธี

อีกแบบหนึ่ง แทนที่จะไปจัดที่คนอื่นหรือทำให้คนอื่นมารักเรา ก็ย้อนกลับเข้ามาจัดที่ตัวเราเอง คือทำให้เป็น “คนน่ารัก” ถือหลักใหญ่ว่า ถ้าตัวเราน่ารัก คนอื่นเขาก็รัก จะขอเสนอตัวอย่างง่ายๆ เวลาเรายืนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ มองดูที่จะกระจกเงา ถ้าเราอยากเห็นเงาในกระจกยิ้มจะทำอย่างไร จะใช้ปืนขู่ จะพูดจาโอ้โลมหรือ ก็เปล่า! ง่ายนิดเดียว เราก็ยิ้มเสียเอง พอเรายิ้ม เงามันก็ยิ้มกับเรา นี่แหละคือ พุทธวิธี

การทำให้คนรักแบบทางโลก ก็เหมือนการขู่หรือพูดโอ้โลมให้เงายิ้ม ซึ่งไม่มีทางจะสำเร็จหรือคงอยู่ถาวร ส่วนแบบพุทธวิธี ก็คือการปรับที่ตัวเรานั่นคือ เรายิ้มเสียเอง วิธีทำให้คนรักแบบโลกๆ เราตั้งปัญหาว่า “ทำอย่างไรเขาจึงจะรักเรา?” แต่แบบพุทธวิธีท่านกลับปัญหาเสียใหม่ว่า “ทำอย่างไรเราจึงจะเป็นที่รักของเขา?” ถ้าเราศึกษาจะพบว่า พระพุทธองค์ทรงสอนมุ่งเข้าสู่การปรับปรุงตัวเองเป็นสำคัญ เช่น การรักษาศีล ให้เว้นทุจริต ให้ประพฤติสุจริต คือให้เราเป็นผู้เว้น เป็นกระผู้ทำทั้งสิ้น ผมยังไม่เห็นธรรมะข้อใดที่พระพุทธองค์สอนให้เราบังคับคนอื่นทำดี แต่ตัวเราไม่ต้องทำก็ได้ เมื่อเราเข้าใจหลักการแล้วว่า การครองใจคน หรือการทำให้คนรักก็คือ การทำให้ตัวเราน่ารักเสียก่อน

คำถามมีว่า ทำอย่างไรตัวเราจึงจะน่ารักล่ะ ? หรือ คนทั้งหลายเขารักคนอย่างไร ? ซึ่งคำถามนี้ก็ได้มีผู้ทรงปัญญาคิดค้นหาคำตอบไว้แล้วว่า จิตใจคนเราโดยทั่วๆ ไป รักอะไร? สิ่งพิเศษอันนั้น ที่เมื่อคนทั้งหลายเห็นเข้าเป็นต้องเกิดความรักในผู้นั้น ก็คือ “ความงาม” ตามหลักทางพุทธศาสนานั้น มนุษย์จะงามมากงามน้อย ก็โดยคุณสมบัติสี่ประการคือ อาภรณ์ ร่างกาย มารยาทและจิตใจ ความงามทั้งสี่นี้ น้ำหนักไม่เท่ากัน สองอย่างหลัง ซึ่งจัดเป็นความงามภายในมีน้ำหนักมากกว่า ความงามสองอย่างแรกซึ่งจัดเป็นความงามชั้นนอก ลองดูตัวอย่างง่ายๆ ระหว่างหญิงแต่งตัวดี มีเครื่องประดับงดงาม แต่ร่างกายไม่สมประกอบ กับหญิงผิวพรรณดี รูปร่างดี เสียงดี แต่ขาดอาภรณ์งาม อย่างไหนที่เราจะเลือกเป็นคู่รัก? แน่นอนว่าเป็นคนที่สอง เพราะเครื่องประดับภายนอกยังเปลี่ยนกันได้ เช่นเดียวกัน หญิงงามหุ่นดีหน้าตาดีแต่ปากจัด มารยาทไม่งาม ก็ใช่ว่าจะเป็นต่อผู้หญิงที่ดูธรรมดาแต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เพราะความงามภายในของเธอใช่ไหมครับ? (ผมตอบแทนก็แล้วกันว่า “ใช่”) ในทางศาสนาท่านเพ่งเล็งเรื่องมารยาทและจิตใจเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของความงามทีเดียว

เนื้อเรื่อง นายแพทย์ไพศาล บุญสะกันต์ ภาพประกอบอินเตอร์เน็ต

โดยสรุป การที่คนเราจะรักกัน ก็เพราะเห็นความงามของอีกฝ่าย คือ งามอาภรณ์ งามร่างกาย งามมารยาท และงามจิตใจ ยิ่งงามพร้อมครบสี่ประการมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นที่รักมากเท่านั้น


Create Date : 06 กันยายน 2551
Last Update : 6 กันยายน 2551 13:03:23 น. 0 comments
Counter : 450 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ebusiness
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







พระพุทธเจ้าทรงมอบสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้แก่มวลมนุษยชาติ สิ่งนั้นคือพระธรรมที่ใช้เป็นกรอบในการดำเนินชีวิตไปสู่สิ่งที่ดีงาม สู่ความเจริญสูงสุดของชีวิต ในฐานะชาวพุทธ ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลรักษาสิ่งที่ดีเหล่านี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุด อย่างน้อยก็ในช่วงชีวิตเราแต่ละคน
Friends' blogs
[Add ebusiness's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.