Group Blog All Blog
|
620903 การฝึกเด็กให้คิดแบบ EF
620903 การฝึกเด็กให้คิดแบบ EF
Training children to think like Executive Functions by DrPK แต่ก่อนเน้นสติปัญญา IQ เป็นเลิศ เมื่อมีคนแย้งว่าอารมณ์ EQ ก็สำคัญนะ ตอนนี้ไปถึงองค์รวม โดยผ่านการพัฒนาสมอง เรียก EF Executive Functions มีการบรรยายสรรพคุณมากมาย เช่น พัฒนาความสามารถทางสมองและจิตใจไปพร้อมกัน ให้รู้จักควบคุมความคิด อารมณ์ และการกระทำ วิธีการฝึก ใช้ทักษะการคิด เน้นที่นี่และเดี๋ยวนี้ การยั้งใจคิดไตร่ตรอง การควบคุมอารมณ์ การยืดหยุ่นทางความคิด การตั้งเป้าหมาย วางแผน ความม...ุ่งมั่น การจดจำและเรียกใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ และการทำสิ่งต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนบรรลุความสำเร็จ วัยเด็กเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการฝึก แล้วจะฝึกอะไรได้บ้างล่ะ เริ่มด้วยฝึกความจำ การยั้งคิดและมีพฤติกรรมที่เหมาะแก่กาละและเทศะ การปรับความคิดไปตามบริบท รู้จักคิดนอกกรอบ การมีสมาธิหรือใจจดจ่อต่อสิ่งที่กำลังทำ การจัดการกับความเครียด ให้มีอารมณ์แจ่มใสเป็นนิจ การวางแผนเพื่อไปสู่เป้าหมาย การรู้จุดเด่นจุดด้อยตนเองและเติมเต็มศักยภาพ การทำทันทีโดยไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ความพากเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย ใครจะมีวิธีการฝึกต้องหาทางกันต่อไป 620902 อย่าเป็นครูที่ทำร้ายนักเรียน
620902 อย่าเป็นครูที่ทำร้ายนักเรียน
Don't be a teacher that hurt students by DrPK คงไม่มีแม่คนใดที่จะทำใจให้นิ่งได้ เมื่อลูกมาบอกว่า ครูตีจนมีรอยบนขา พร้อมคำตวาดว่า คนอย่างเธอมีดีอะไรสักอย่างไม๊ อันที่จริง แม่สามารถเอาเรื่องครูได้ เพราะคำท้าทายที่ว่า ให้ไปบอกครูใหญ่ซิ จะไม่สนใจนักเรียนคนนี้อีกเลย คำว่าสนใจด้วยการตีแบบครูที่ไม่มีหลักวิชา ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีคุณธรรมนี่ มันไม่ถูกต้องเลยนะ มีครูอีกมากมายที่ลงโทษนักเรียนด้วยการเฆี่ยนตีอย่างผิดวิสัยการอบรมเลี้ยงดูสมัยใหม่ ไม่มีนักจิตวิทยาคนใดเห็นว่าการลงโทษเป็นสิ่งที่ดี หลักการปรับพฤติกรรมจะใช้แรงเสริมในทางที่ดีมากกว่าการทำร้ายร่างกายและจิตใจ ครูไม่มีโอกาสรู้เลยว่า ด้วยความด้อยในวิชาการความเป็นครู การใช้โทสะมากกว่าความอดกลั้น สามารถทำลายอนาคตนักเรียนคนหนึ่งได้ ไม่มีนักเรียนคนใดอยากเรียนกับครูที่ใจร้าย ชอบดุด่า ตวาด เฆี่ยนตี ถึงแม้จะบอกว่าเจตนาดี นักเรียนจะเกลียดการเรียนไปจนตลอดชีวิต เพียงเพราะผ่านครูที่ไม่เอาไหนเท่านั้น ถ้าไอสไตน์ไม่มีแม่ที่เข้าใจลูกของตน โลกคงขาดอัจฉริยะไปหนึ่งคน ถ้าเอดิสันมีครูที่ดีกว่านี้ โลกคงมีสิ่งประดิษฐ์มากกว่านี้ เพราะครูจะไม่รู้เลยว่า นักเรียนที่อยู่ในกำมือ ที่ครูมีโอกาสเสกสรรค์ปั้นแต่งให้ดี ให้เก่งได้นั้น ขาดโอกาสเพราะความงี่เง่า ความไม่รู้ของครู ข่าวหน้าหนึ่งที่ครูโดนลงโทษถึงขั้นให้ออก ด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายนักเรียนมากเกินกว่าเหตุ แต่ไม่เคยลงลึกไปว่า ครูใช้ถ้อยคำในการทำร้ายจิตใจนักเรียนมากเกินไปหรือไม่ การทำร้ายร่างกายและจิตใจของนักเรียนที่ไม่มีทางตอบโต้ เป็นเรื่องที่พึงระวังในฐานะของการเป็นครู จะปั้นดินให้เป็นดาว หรือทุบทำลายแจกันอันล้ำค่า ขึ้นอยู่กับฝีมือแล้ว 611006 เมื่อต้องการให้หลานชอบอ่านหนังสือ
611006 เมื่อต้องการให้หลานชอบอ่านหนังสือ
When I want my grandchildren like to read by DrPK คนรุ่นเรารับรู้ว่าเด็กเรียนคือคนที่จะมีอนาคต และพยายามเคี่ยวเข็ญให้รักการเรียนเขียนอ่าน ทั้งที่สมัยนี้อาจไม่ใช่ทุกกรณี แต่ในใจยังคิดว่า เมื่อเด็กชอบการอ่านการเขียนย่อมจะดีกว่าคนไม่รู้จักเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ทำอย่างไร จึงจะให้หลาน ๆ เป็นไปได้ดั่งใจ เริ่มต้น ย่าจะหาเรื่องคุย พอรู้ว่าหลานจะได้ไปเที่ยวเมืองนอก ย่าบอกขอดูลายมือหน่อยซิ พอหลานยกมือให้ดู ย่าบอกหลานมีเส้นเดินทางแต่ย่าไม่มี ย่าเลยอดไป หลานจะบอกกับพ่อแม่ว่า ย่าไม่มีเส้น ย่าเลยไม่ได้ไปกับเรา ย่าสอนเรื่องเส้นบนลายมือว่า นี่คือเส้นสมอง ดูลายมือของย่าสิ เส้นสมองยาวมาก ส่วนของเด็กยังสั้น แล้วอยากเส้นสมองยาว ๆ ไหม เมื่อเด็กตอบตกลง เลยได้ทีบอกว่า ถ้าอ่านหนังสือทำการบ้านเยอะ ๆ นะ เส้นจะยาวขึ้น นี่เป็นการหลอกเด็กอีกแบบหนึ่ง การที่เส้นสมองจะยาวคงไม่ได้ใช้เวลาแค่วันสองวัน พอเด็กขยันอ่านด้วยหวังจะเป็นไปตามที่ย่าบอก ย่าบอก ดูสิมันยาวขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว เด็ก ๆ ดีใจกันใหญ่ เส้นที่อยู่ใต้นิ้วนางคือเส้นบารมี แปลว่าจะเป็นใหญ่เป็นโต ร่ำรวย แต่ทว่าจะมีบารมีได้จริง ต้องให้เส้นสมองยาวก่อนนะ จึงจะเกิดบารมีได้ สรุปว่า ยังไงเสียหลาน ๆ คงจะรู้ว่าอ่านหนังสือแล้วทำให้เส้นสมองยาวขึ้นก่อนจึงจะได้รับสิ่งที่ดี ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต อีกเรื่องที่บอกคือคำว่าทำได้กับได้ทำ ทำได้คือใช้สมองคิด แต่ได้ทำคือทำไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ผิดหรือถูก ถ้าอยากได้คะแนนสอบดี ๆ ต้องใช้สมองคิด และต้องอ่านหนังสือก่อนสอบด้วย เพราะย่าเป็นครู การเล่นไปสอนไปน่าจะเป็นสิ่งที่ย่าควรทำ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาบ่น หรือพูดไปโดยไม่สร้างแรงจูงใจให้เด็ก คำว่าบ่นคือคำที่ไม่มีคนอยากฟัง ถ้าพูดแล้วต้องเกิดผลต่อเด็กจริง ๆ ไม่ใช่สักแต่พูด พูดไปเรื่อย ไม่รู้ว่าเด็กฟังหรือไม่ ฟังแล้วเข้าไปในหัวหรือเปล่า สิ่งที่ฟังจะเอาไปทำหรือไม่ อย่าพูดพร่ำเพรื่อ อย่าพูดโดยไม่มีใครตั้งใจฟัง มันเสียเปล่า 610610 เลี้ยงเด็กอย่างสร้างสรรค์
610610 เลี้ยงเด็กอย่างสร้างสรรค์
Initiative vs. Guilt in childhood by DrPK เมื่อเด็กเริ่มเข้าอนุบาล โรงเรียนจะมีบทบาทในการอบรมร่วมกับพ่อแม่ วัยนี้จะบ่มเพาะความสามารถในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ Initiative ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญยิ่งในสังคมสมัยใหม่ ด้วยการเปิดโอกาสให้เด็กได้เล่น ได้ทำกิจกรรมแปลกใหม่ที่ท้าทายความสามารถ พร้อมกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี การเรียนรู้เรื่องบทบาททางเพศ พ่อแม่จำต้องเป็นตัวแบบที่ดีที่ต้องการให้เกิดในตัวลูก และคอยบอกว่าสิ่งใดดีควรทำและสิ่งใดไม่ดีควรหลีกเลี่ยง ส่วนโรงเรียนฝึกให้เด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งพ่อแม่ ครูต้องสร้างสัมพันธภาพและมีปฎิสัมพันธ์ที่ดีต่อเด็กด้วยวิธีการที่ไม่โหดร้าย ดุหรือตวาดเสียงดังจนเด็กร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกผิด Guilt จนไม่กล้าจะทำสิ่งใดที่พ่อแม่หรือครูไม่อนุญาต ถ้าเด็กรู้สึกผิดจะทำให้ไม่กล้าคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพราะฝังใจว่าจะโดนดุ โดนลงโทษ อย่าลืม เปิดโอกาสให้เด็กได้ทำกิจกรรมแปลกใหม่ที่เสริมสร้างการเรียนรู้ ให้เล่น ให้คิดประดิษฐ์ สร้างจินตนาการ ได้ใช้ร่างกายในการวิ่ง กระโดดโลดเต้น เคลื่อนไหวร่างกาย บางครั้งเด็กอาจดูกระด้างหรือก้าวร้าวไปบ้างด้วยกำลังทดสอบพละกำลังหรือความคิดของตน แต่โดนขัดขวาง การใช้คำพูดที่ดีจะช่วยลดสิ่งที่ไม่ควรทำให้น้อยลงได้ 610602 เด็กดื้อหรือกำลังเรียนรู้สิ่งใหม่
610602 เด็กดื้อหรือกำลังเรียนรู้สิ่งใหม่
Eager to know in childhood by DrPK เด็กเล็กเลียนแบบสังคม ในยุคที่มือถือเกลื่อนเมืองและทำได้ทุกสิ่งแค่ปลายนิ้ว เด็กเรียนรู้จากการสังเกตพ่อแม่ แล้วเด็กอยากทำตามบ้าง ไม่ใช่ความผิดสักหน่อยที่อยากทำในสิ่งที่คนรอบตัวทำกัน การห้ามไม่ให้เด็กเล่นมือถือด้วยข้ออ้างมากมาย เช่น เสียสายตา ติดเกม ถ้าอยากห้าม พ่อแม่คงต้องเลิกใช้มือถือต่อหน้าเด็ก ๆ ให้ได้เสียก่อน เด็กบางคนเรียนรู้ที่จะทำหลายสิ่งหลายอย่างที่พ่อแม่ไม่เคยทำ แต่เด็กได้เรียนรู้จากสิ่งรอบตัว เมื่ออยากทำแต่โดนห้าม อาจโดนดุ ตี หรือข้อกล่าวหาว่า ดื้อ คงต้องนิยามคำว่าดื้อสักหน่อย ถ้าอยากทำแล้วไม่ได้ทำเพราะเด็กต้องการทดลองทำในสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ไม่น่าจะเรียกว่าดื้อ ในทางตรงข้าม น่าจะกลายเป็นการห้ามทำในสิ่งแปลกใหม่ เป็นการห้ามที่จะทดลองของเด็กให้หมดไป ต่อไปเด็กจะไม่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และทดลองทำสิ่งแปลกใหม่อีกต่อไป ไม่ว่าสิ่งที่ทำนั้นจะได้ผลหรือไม่ ผลดีหรือผลร้าย พ่อแม่คงต้องอดทน เด็กช่วยพ่อแม่ล้างจานแล้วทำแก้วแตก ถ้าพ่อแม่ดุและสั่งห้ามเด็ดขาด ต่อไปเด็กจะไม่กล้ามาช่วยทำงานบ้านเพราะกลัวเสียหาย กลายเป็นเด็กขี้เกียจไปเสียนี่ ถ้าพ่อแม่ให้เด็กล้างจานรือแก้วพลาสติคเป็นการฝึกฝนน่าจะดีกว่าไหม ต้องกำหนดว่า เด็กดื้อ ดื้อเรื่องอะไร เหตุใดจึงดื้อ แล้วหาสาเหตุที่เด็กดื้อจึงจะแก้ปัญหาเด็กดื้อได้ตรงจุด |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |