Group Blog All Blog
|
โยคะเด็ก
![]() 630424 ปู่ย่าตายายช่วยพัฒนาหลานได้
![]() 630424 ปู่ย่าตายายช่วยพัฒนาหลานได้ by พรรณี เกษกมล เชื่อแน่ว่า หลังปลดเกษียณปู่ย่าตายายบางคนมีหน้าที่เลี้ยงหลาน แล้วจะดีกว่ามีแต่ลูกจ้างอย่างไร อย่าลืมว่าคุณวุฒิที่ต่างกัน ย่อมบ่มเพาะได้ดีกว่าแน่นอน เมื่อผนวกกับความรักย่อมเป็นสิ่งสุดยอด ที่จะมอบสิ่งที่ดี ๆ ที่อาจขาดแคลนยามเลี้ยงลูก เช่น เงินทอง เวลา เมื่อคน 3 ยุค คือ ยุค gen B ที่เป็นปู่ย่าตายาย ยุค gen X ที่เป็นพ่อแม่ และลูกเล็กที่เป็นเด็กยุค gen Alpha โคจรมาพบกัน อะไรจะเกิดขึ้น พ่อแม่ต้องเข้าใจลูกน้อยว่าเกิดมาในช่วงที่โลกกำลังแข่งขันกันสูง เด็กต้องเรียนรู้สารพัดอย่างมากมายเพื่อที่จะก้าวยืนอยู่ในแถวหน้าได้อย่างมั่นคง ปู่ย่าตายายที่อยู่ในวัยเกษียณและค่อย ๆ เรียนรู้เทคโนโลยีพร้อมกับเด็กรุ่นใหม่ ความรู้เดิม ๆ ที่เคยมีแทบจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ อำนาจตำแหน่งลาภยศที่ใหญ่โตหมดไปพร้อมกับการเรียนรู้วิธีจะยืนหยัดในโลกสมัยใหม่อย่างสง่าผ่าเผยเหมือนในอดีต และช่วยประคับประคองบุตรหลานให้ยิ่งใหญ่เหมือนตนให้ได้ อย่างน้อยให้พวกเขาได้มีที่ยืนในสังคม คน 3 รุ่น 3 วัย ต่างต้องปรับตัวเข้าหากันและปรับให้ทันกับโลกที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ต่างต้องช่วยกันพยุงและก้าวให้ทัน ถ้ามัวแต่ยืนอยู่กับที่เท่ากับถอยหลังไปอีกก้าว ถ้าปฏิเสธไม่ยอมรับ อาจโดนเตะไปอยู่สุดขอบกลายเป็นคนล้าหลังและไม่มีที่ยืนอีกต่อไป ปู่ย่าตายายต้องปรับท่าทีให้เข้ากับหลาน เล่นสนุกด้วยกัน ยอมทำตามคำสั่งหลานบ้าง ให้หลานช่วยสอนสิ่งที่หลานรู้ แล้วจะมีบางเวลาที่ปู่ย่าตายายจะได้สอนในสิ่งที่หลานไม่รู้ ผลัดกันสอน ผลัดกันเล่น ชีวิตที่เหี่ยวเฉาจะกลับมาสดชื่น และมีประโยชน์ต่อกันได้ 630424 เด็กยุคใหม่ต้องฉลาดจึงจะเอาตัวรอดได้
![]() Pc 630424 เด็กยุคใหม่ต้องฉลาดจึงจะเอาตัวรอดได้ by พรรณี เกษกมล เด็กยุคใหม่ หรือเด็กยุค Alpha จำต้องฝึกให้มีทักษะชีวิตที่แตกต่างจากคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ หรือรุ่นปู่ย่าตายาย แล้วทักษะสำคัญสำหรับเด็กยุค gen Alpha คืออะไร ใครคือเด็กในยุคอัลฟ่า เด็กที่เกิดหลัง พ.ศ. 2553 เป็นเด็กยุคอัลฟ่า generation Alpha และเรียกคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงว่า gen B หรือช่วงเด็กทารกผุดเป็นดอกเห็ด ทุกบ้านล้วนมีเสียงร้องไห้ของเด็กหลาย ๆ คน คนรุ่นนี้ตอนนี้ปลดเกษียณจากงานประจำกันแล้ว ใกล้จะเป็นปู่ย่าตายายกันหมด ส่วนรุ่น gen X ก็ประมาณเป็นพ่อแม่ที่กำลังมีลูกเล็ก ๆ วัยไม่เกิน 4 - 5 ขวบ เด็กยุคอัลฟ่าเป็นความหวังของครอบครัวยุคใหม่ที่บ้านพอจะมีฐานะจากปู่ย่าตายายที่ทำงานหนักมาตลอดชีวิต ประหยัดอดออม อดทนหมั่นเพียร งานหนักไม่เกี่ยง มีเงินทองพอเก็บให้ได้ใช้จ่ายอย่างสบาย ส่วนรุ่นพ่อแม่มีงานการดี ๆ ทำ เงินเดือนดี และเมื่อมีลูกเต้า จึงใช้จ่ายเต็มที่ซื้อความสุขผ่านเงินทองที่หามาได้อย่างง่าย ๆ เด็กยุคอัลฟ่าจึงนับว่าเป็นเด็กที่เกิดมาในยุคที่บ้านเมืองเจริญถึงขีดสุดด้านวัตถุและเทคโนโลยี ความรู้อยู่แค่ปลายนิ้ว เกมพัฒนาจนถึงจุดสุดยอด เอามันเข้าว่าโดยไม่ต้องคำนึงถึงความก้าวร้าวหรือการเป็นตัวแบบที่เอาแต่มุ่งชนะ การแข่งขันเพื่อเอาตัวรอดจะได้ก้าวไปสู่แถวหน้า ที่จะได้มีโอกาสตักตวงเงินทอง และก้าวหน้าในชีวิตอาจยากเย็นมากกว่ารุ่นใด ๆ การกดดันว่าต้องเก่ง เป็นที่หนึ่งอาจเร่งความเครียดให้สูงจนเกิดภาวะซึมเศร้าและฆ่าตัวตายในที่สุด ถ้าไม่อาจทำตามความคาดหวังของใคร ๆ ได้ การเลี้ยงดูเด็กจึงต้องมีความรู้ความสามารถในการพยุงให้ตัวเขาได้เติบโตอย่างสมบูรณ์ มีโอกาสใช้ศักยภาพที่ติดตัวมาอย่างเต็มที่ เลิกกดดันอย่างไร้เหตุผล เลิกคาดหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และไกลเกินเอื้อม ให้เด็กมีความสุขที่สุดและพร้อมจะพัฒนาตนเองอย่างเต็มกำลังความสามารถ การฝึกทักษะการคิดที่จำเป็น ต้องฝึกในหลากหลายรูปแบบ เช่น คิดสร้างสรรค์ สร้างจินตนาการ คิดแก้ปัญหาและเอาชนะอุปสรรค การเลือกและตัดสินใจสิ่งที่สำคัญ การใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม การปรับตัวและอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้มีสุข ฝึกการอดทน มุมานะด้วยการใช้ปัญญา เพื่อเอาชนะต่อปัญหาและอุปสรรค ฝึกการพูดอย่างมีมนุษยสัมพันธ์ ความฉลาดของลูกหลาน เป็นสิ่งที่ต้องผ่านการฝึกฝนอบรมอย่างมีประสิทธิภาพจากพ่อแม่ ไม่ได้เกิดมาได้ง่าย ๆ หรอกนะ ลองคิดว่า เราต้องการให้ลูกเป็นเช่นไร นั่นแหละคือเป้าหมายในการพัฒนาให้เตรียมพร้อมที่จะอยู่ในโลกแห่งอนาคตได้อย่างดีและมีความสุข การอบรมเลี้ยงดูที่หล่อหลอม
วันวานที่ผ่านไป จากแรกเกิดจนเติบใหญ่ ทุกสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไป หลอมรวมและหล่อหลอม ให้เขาเติบโตมาอย่างแตกต่าง วิธีการอบรมเลี้ยงดู เจตคติที่ปลูกฝัง ล้วนทำให้เกิดเป็นเด็กที่สมบูรณ์ได้ดั่งใจ ความคาดหวังที่ต้องการ ให้เขาเติบโตเป็นเช่นไร ย่อมเป็นได้ดังใจปรารถนา เด็กจะเติบโตได้ดีมากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่หลอมรวม และผสานมาเป็นหนึ่งและหนึ่งเดียว ตั้งแต่แรกเกิดจนเติบใหญ่ อาจเป็นใหญ่เป็นโต ยิ่งใหญ่มากมายคับฟ้า หรืออาจร่ำรวยเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี จนผู้คนต้องกล่าวขานถึง หรืออาจเป็นคนธรรมดา มนุษย์เดินดินที่กินข้าวแกง ไม่ได้ร่ำรวย ใหญ่โตโอฬาร แต่เด็กจะต้องมีความสุขความพอใจ ในสิ่งที่เขาได้เลือกด้วยตัวเองเอง จัดการกับความทุกข์ที่ผ่านจรเข้ามา แก้ปัญหาอุปสรรคของชีวิตได้ด้วยดี นี่แหละจะเป็นจุดสูงสุดที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรจะยินดีที่ได้อบรมบ่มเพาะมา บางคนคาดหวังว่า ลูกจะต้องเก่งเยี่ยมยอด ถึงแม้อาจต้องเหยียบหัวใครต่อใคร เพื่อก้าวไปสู่แถวหน้า บางคนยอมทุ่มเงินไม่อั้น เพื่อให้ลูกได้มีที่ยืนในสังคม เทียมเท่าลูกผู้ดีมีเงินทั้งหลาย แต่เมื่อลูกไปยืน ณ จุดนั้น กลับยิ่งทำให้ลูกซวนเซและล้มไม่เป็นท่า บางคนยัดเยียดสิ่งที่พ่อแม่คิดว่าดีที่สุดให้แก่ลูกโดยไม่ได้คำนึงถึงแม้สักนิดว่า มันมากเกินไปและลูกเพิ่มความเกลียด และเบื่อหน่ายต่อสิ่งนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการต่อต้านต่อพ่อแม่ ลามไปถึงสังคม เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เคยใช้ เคยทำ และเห็นผลมาแล้ว อาจต้องปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะ กับกาลเวลาและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คำตอบว่า สิ่งใดดีที่สุด เหมาะที่สุด อาจไม่มี เพราะทุกคนเพิ่งจะเข้าสู่วงโคจรใหม่นี้ คงจะรู้ผลว่าดีหรือเหมาะต่อเมื่อเขาโตแล้ว แต่ถ้าทุกสิ่งมีหลักอ้างอิงที่คิดว่าดี อนาคตต่อไป คงไม่เสียใจแล้วที่ได้ทำ เมื่อเลี้ยงด้วยความรัก เมื่อให้ทุกสิ่งเท่าที่จะให้ได้ เขาคงจะเติบใหญ่ด้วยความสุข และเจริญก้าวหน้าในอนาคต แปลงเลขระหว่างแบบฟอร์มมาตรฐานและแบบขยาย เลข ป.4
ข้อสังเกต 1. หลักหน่วย ไม่ต้องอ่านคำว่าหน่วย |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |