Group Blog
 
All blogs
 
+ + + ..... อวตาร .... + + +


lozocatlozocat


ไปดูหนังเรื่องนี้เมื่อต้นเดือนนี้เอง หลังจากหนังฉายไปแล้วเป็นเดือน แต่คนก็ยังเยอะอยู่เหมือนกัน

แสดงว่าหนังเค้าดีจริง ๆ ตอนแรกก็รู้ข้อมูลแต่ว่าหนังเรื่องนี้ใช้ทุ่มทุนสร้างมาก แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอยากดูเท่าไหร่ จนคุณน้องไปดูมา หล่อนบอกว่าหนังดีม๊ากมาก จนต้องไปดูเป็นรอบที่สอง ไอ้เราก็โหอะไรมันจะขนาดนั้น

แล้วพอไปดูแล้วก็โหอะไรกันนี่ ไม่เสียดายเลยที่ไปดู มันส์มาก เหมือนจริง จนลืมไปเลยว่าเป็นภาพเทคนิค คิดได้ไง ทำได้ไง ชอบจริงๆ

อยากให้มีภาค 2 ภาค 3 ต่อไปเรื่อย ๆ จัง

ความเป็นมาของภาพยนตร์เรื่อง AVATAR

จะพาเราเข้าไปสู่โลกเหนือจินตนาการ ที่ซึ่ง ฮีโร่จำเป็น ตัดสินใจเข้าร่วมการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ ที่นำไปสู่การต่อสู้เพื่อปกป้องโลกต่างภิภพ ที่กลายเป็นบ้านหลังใหม่อีกแห่งของเขาไปในที่สุด

เจมส์ คาเมร่อน (James Cameron) ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์ (Oscar-winning director) จาก Titanic ริเริ่มโครงการสร้างภาพยนตร์เรื่อง AVATAR เมื่อ 15 ปีก่อน ในยุคที่เทคโนโลยีด้านภาพ ยังไม่อาจถ่ายทอดแนวคิดของเขาให้เป็นจริงขึ้นมาได้

หลังจากงานสร้างนานกว่า 4 ปี บัดนี้ภาพยนตร์เรื่อง AVATAR ที่อาศัยทั้งคนแสดงจริง และผนวกเข้ากับสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็คล้ำยุค พร้อมที่จะสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ครั้งยิ่งใหญ่ ให้ปรากฎบนจอภาพยนตร์ ด้วยเทคโนโลยีที่จะปฏิวัติวงการมายา ให้ภาพยนตร์ทั้งเรื่องกลืนหายเข้าไปสู่อารมณ์ของตัวละครเต็ม ๆ และสัมผัสซึ้งถึงเรื่องราวทุกเม็ดอย่างสมบูรณ์แบบ

เรื่องย่อ (ก๊อปเค้ามา)

เจค ซัลลี่ (แซม เวิร์ธทิงต์) อดีตนาวิกโยธินที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการสู้รบจนอัมพาตครึ่งท่อน เขาได้รับเลือกให้เข้าเป็น ส่วนหนึ่งของกองกำลังมนุษยชาติ ที่จะเดินทางข้ามปีแสงไปยังสถานีอวกาศบนดาวแพนโดร่า (Pandora) ซึ่งมีบริษัทหลายแห่งกำลังขุดเจาะแร่ธาติหายาก เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาวิกฤตพลังงานของโลกมนุษย์

แต่เนื่องด้วยชั้นบรรยากาศของดาวแพนโดร่าเต็มไปด้วยสารพิษ ภารกิจของเจค ในโปรแกรมนี้นั้นคือ ต้องไป ณ แพนโดรา ดินแดนที่เต็มไปด้วยป่าดิบชื้น และอุดมด้วยสิ่งมีชีวิตมากมายทั้งสวยงามและน่ากลัว แพนโดรา ยังเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่า Na’vi (เนวี่) สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีพัฒนาการที่สูงกว่าชาว Na’vi (เนวี่) สูงถึง 10 ฟุต และมีผิวสีน้ำเงิน และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในโลกที่ไม่เคยมีใครได้รับการแตะต้องจากโลกภายนอกของ พวกเขา แต่แล้วมนุษย์ก็เริ่มจะบุกมาเพื่อเสาะหา Unobtanium น้ำแร่อันทรงค่า ซึ่งมีอยู่ในดินแดนนี้ ทำให้ชีวิตของชาว Na’vi (เนวี่) ถูกรบกวนและพวกเขาก็เริ่มปกป้องตัวเอง เจคถูกสั่งมาให้ทำภารกิจนี้โดยไม่ตั้งใจ เมื่อมนุษย์ไม่สามารถหายใจในแพนโดราได้

พวกเขาจึงริเริ่มโครงการ Avatar Program ที่อาศัยมนุษย์เป็น “ตัวขับเคลื่อน” ใช้สติสัมปะชัญญะของคนเชื่อมเข้ากับร่างอวตาร ซึ่งเป็นกายหยาบที่ถูกควบคุมจากระยะใกล้ และสามารถดำรงอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายได้ ร่างอวตารเหล่านี้เกิดขึ้นจากการผสมผสาน ดีเอ็นเอของมนุษย์ เข้ากับ ดีเอ็นเอของชนเผ่าพื้นเมืองบนดาวแพนโดร่าที่เรียกขานกันว่า ...เผ่าเนวี่ (the Na’vi)มีการสร้าง Avatar ขึ้นมา

Avatar คือตัวแทนที่สร้างขึ้นจากยีนส์มนุษย์ผสมกับชาว Na’vi (เนวี่) Avatar จะถูกควบคุมโดยจิตของร่างต้นแบบ เจคเข้าไปในแพนโดราในร่าง Avatar ของเขา

เมื่อลุกขึ้นมาเดินเหินได้อีกครั้งในร่างอวตาร เจคก็ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภาระกิจเจาะเข้าล้วงลึกเผ่าเนวี่ ซึ่งกลายมาเป็นอุปสรรคสำคัญในการขุดเหมืองหาสายแร่มูลค่ามหาศาล แต่เมื่อ เนย์ติรี (Neytiri) สาวงามแห่งเผ่าเนวี่เข้าช่วยชีวิตของเจคไว้ นั่นเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องราวทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นตามมา



เจคถูกนำตัวไปยังเผ่าของเธอ และค่อย ๆ เรียนรู้จนกลมกลืนเข้ากับชนเผ่าเนวี่เต็มตัว ซึ่งก็ย่อมต้องผ่านการทดสอบ และการผจญภัยอยู่หลายครั้งเหมือนกัน ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง เจค ผู้เป็นศิษย์ กับ เนย์ติรี ครูจำเป็น ค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้นทุกที เขาก็เรียนรู้ที่จะเคารพวิถีการดำรงชีพของชนเผ่าเนวี่ จนกลายเป็น ส่วนหนึ่งของชนเผ่าไปในที่สุด ซึ่งในไม่ช้า เจค จะต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบขั้นสุดยอด เมื่อเจคได้ถลำลึกเข้าไปในเผ่าของเธอ กลายเป็นว่าเค้าตกอยู่กึ่งกลางของทั้งสองฝ่าย และต้องเลือกว่าเค้าจะอยู่ฝ่ายไหนกันแน่

ซึ่งการตัดสินใจของเขาไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตามจะเกิดเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ของโลก

.....................

คราวนี้เรามาดูถึงสาเหตุกันดีกว่า ว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงทำเงินได้มากมายขนาดนี้

จุดเปลี่ยนของวงการหนัง กับ เจมส์ คาเมรอน

กับ เหตุผล 12 ประการ ที่บันดาลให้ AVATAR ทำเงินมากกว่า Titanic
(และคาดว่ารายได้รวมจะมากกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท)

1. 21 สิงหาเป็นวันแรกที่ ได้ฉายตัวอย่างหนัง 15 นาทีเรื่องนี้ฉายพร้อมกันทั่วโลก คนแห่แหนเข้าเว็บเพื่อจองที่นั่งเพื่อชม ตัวอย่างหนัง ซึ่งมีคนเข้าชมมากกว่า 10 ล้านคนในช่วงเวลาชั่วโมงแรกจนทำให้เว็บจองตั๋วล่มไปหลายชั่วโมง พอจองได้เพียงชั่วโมงเดียวตั๋วก็เต็มอย่างรวดเร็ว พอถึงคราวออก ตัวอย่างหนังแบบออนไลน์บนเว็บแอปเปิ้ล ก็มีคนเปิดดูวันแรกผ่านเว็บถึง 4 ล้านคนซึ่งถึงเป็นตัวอย่างที่เปิดดูสูงสุด ทิ้งห่างที่ 2 แค่ 1.7 ล้านคน

2. เป็นหนังทุนสร้างสูงที่สุด คาเมรอน ควักเนื้อตัวเองเพื่อสร้างกล้องแบบใหม่ ไฮเทค สำหรับหนังเรื่องนี้ ราคากล้องย่อมเยาว์แค่ 7 ล้านเหรียญ หรือ 245 ล้านบาท และรวมทุนสร้างหนังทั้งหมดรวมการตลาด ราวๆ 500 ล้านเหรียญหรือเท่ากับ ทุนการสร้างทไวไลท์ นิวมูน ได้ 10 รอบ (นิวมูนทุน 50 ล้านเหรียญ) และทุกค่ายหนังใหญ่ในอเมริกาเห็นตรงกันว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังฟอร์มบิ๊ก บึ้มสุดยอดจึงยอมไม่ปล่อยหนังใหญ่เรื่องอื่นใดในระยะเวลา 5 สัปดาห์ที่อวาทาร์เข้าฉาย

3. คาเมรอน เขียนบท Avatar 80 หน้ามาตั้งแต่ 1995 แต่เพราะเทคโนโลยีในช่วงนั้นยังไม่ดีพอ และโรงไอแมกซ์สามมิติยังน้อยมากไม่ถึง 100 โรง หลังจากสร้าง Titanic เสร็จเก็บเงินไป 1,800 ล้านเหรียญ หรือ 64,000 ล้านบาทและตุ๊กตาทอง 11 รางวัล จึงหยุดสร้างภาพยนตร์ทำเงินใหญ่ๆ ทั้งหลาย เป็นเวลานานถึง 11 ปี แล้วหันมาค้นคว้าและพัฒนากล้องถ่ายภาพยนตร์ 3 มิติที่เรียกว่า ฟิวชัน คาเมรา ซิสเตม เพื่อใช้กับ อวาทาร์ โดย เฉพาะใช้เวลาในการสร้างหนังเรื่องเดียวถึง 4 ปีซึ่งนานที่สุดในชีวิตของเค้า โดยหนังจะฉายบนจอสามมิติทั่วโลกกว่า 3000 จอ แต่จะมีรูปแบบพิเศษที่ใหญ่สุดๆ สามมิติทะลุ บนจอไอแมกซ์

4. หนังยาวแค่ 165 นาที !!!! (แค่ 2 ชั่วโมง 45) สาเหตุเดียวที่ คาเมรอนยอมตัดใจเหลือแค่นี้ก็เพราะว่า ถาดไอแมกซ์ซึ่งจะเป็นหนึ่งในฟอรแมตที่ดีที่สุดที่จะ ดูอวาทาร์บนจอยักษ์นั้น จุความยาวหนังได้สูงสุดแค่ 165 นาที ดังนั้น คาเมรอนจึงยอมตัดใจหั่นหนังให้สั้นลงกว่าที่อยากจะฉาย แต่ยังคงเป็นหนังที่ฉายในรูปแบบสามมิติไอแมกซ์ที่ยาวที่สุดในรอบ 40 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อตั้งไอแมกซ์มา

5. Avatar สร้าง นวัตกรรมใหม่ เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่างคนแสดงกับ การสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์ให้ดูสม จริงเสมือนภาพถ่าย จนแยะแยะไม่ออก โดยสามารถย้ายฉาก เปลี่ยนเวลา บนท้องฟ้า พระอาทิตย์ขึ้น พระจันทร์เสี้ยว ก็ได้ หรือจะเปลี่ยนเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น หรือกลางคืนก็ได้ควบคุมองค์ประกอบและงานออกแบบได้ทั้งหมด

6. เทคนิคโมชันแคปเจอร์ ที่ใช้กันทั่วไปนั้น จะเก็บภาพการเคลื่อนไหวของนักแสดงบนจอสีฟ้าหรือสีเขียว แล้วค่อยแทรกภาพฉากเข้ามาทีหลัง แต่เทคโนโลยีใหม่ของ คาเมรอน สามารถแทรกภาพนักแสดงที่กำลังแสดงแบบสดๆ กับฉากหลังที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ เข้ามาในจอได้พร้อมๆ กันแบบเรียลไทม์

7. นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า เดอะ โวลุม ซึ่งใช้จับท่าทางของนักแสดงได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะการแสดงสีหน้า และ เทคโนโลยีอีกแบบหนึ่งที่เพิ่งเริ่มใช้กับอวาทาร์เป็นเรื่องแรกก็คือ เวอร์ชวล 3D คาแมรา ซึ่งได้พัฒนาร่วมกันโดยตัว เจมส์ คาเมรอน กับ วินซ์ พาส และ วีต้า ดิจิตอล เวิร์คส์ ช่วยกันทำงานอย่างแข็งขันเพื่อผลิตภาพ สเปเชียล เอฟเฟกต์ สุดอลังการ

8. เจมส์ย้ำอีกครั้งว่าภาพยนตร์ เรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์อนิเมชั่นแต่เป็นภาพยนตร์ที่คนแสดงจริงๆ แต่ใช้ CGI กราฟฟิกเข้าช่วยให้สมจริงเข้าช่วย โดยแต่ละฉากที่ท่านเห็นคือคนแสดงจริงๆ และใช้เครื่องมือที่จับหน้าตา ท่าทาง การแสดงออกซึ่งรวมถึงแววตา และรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตาหรือการเกร็งของริมฝีปาก ของนักแสดงก็สามารถเห็นได้อย่างละเอียดยิบ มาขึ้นบนจอและใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกเขาช่วยแปลง การที่แคเมรอนต้อง ลงทุนทำถึงขนาดนี้ เพราะต้องการให้คนที่แปลงเป็นชาวต่างดาวนั้นไม่ต้องเสีย เวลาทำเมคอัพและแต่งตัวเพื่อแสดงวันละ 4-5 ชั่วโมงทุกๆ วัน เพื่อให้การแก้ไขรูปลักษณ์สุดท้ายสามารถทำได้ง่ายในคอมพิวเตอร์ โดยคาแมรอน บอกว่าสามารถควบคุมอากาศพระอาทิตย์ขึ้นลงได้เหมือนเป็นพระเจ้า



9. ภาษาต่างดาวของชาวนาวีที่พูดๆกันในเรื่องไมได้พูดมั่วๆ ติ๊ต่างขึ้นมาเอง เพราะคนอย่างคาแมรอนจ้างศาสตราจารย์ทางด้านภาษาศาสตร์ จากแคนาดา ให้สร้าง ภาษาต่างดาวใหม่ของชาวแพนดอรา ขึ้นมาตามหลักแกรมม่าและหลักภาษาสากล

10. หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมาให้เป็นสามมิติแบบเรืองแสง คนดูจะหลุดเข้าไปในโลกแพนโดราที่มีพระเอกหล่อล่ำ แซม วอร์ทิงทัน ที่แสดงในคนเหล็ก 4 แสดงนำ

11. คาแมรอนเองบอกว่า ตนจะได้เงินคืนเมื่อมีคนดูรายได้ พันล้านเหรียญดังนั้นจึงจะต้องให้ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วโลกฉายพร้อมกัน แต่จะดูให้เด็ดที่สุดต้องดูแบบสามมิติบนจอยักษ์ไอแมกซ์เท่านั้น และเชื่อว่าจะมีคนดูซ้ำหลายๆ รอบเพื่อเก็บรายละเอียดหนังที่ฉายบนจอยักษ์เท่าตึกแปดชั้น และมั่นใจสุดยอดว่า เงินพันล้านเหรียญจะได้มาชิวๆ จึงเซ็นสัญญากับนักแสดงทั้งหมดอีก 2 ภาคต่อ เตรียมออกเป็นหนัง ไตรภาคเพื่อแข่งกับ สตาร์วอรส์ และ เดอะ แมทริกซ์

12. เอาล่ะอ่านมาถึงข้อนี้ ถ้าหากต้องการชมภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่เรื่อง AVATAR ให้อลังการ แนะนำกันเลยว่า...ต้องชมบนจอไอแมกซ์เท่านั้นถึงจะสะใจคอหนัง แต่ก็ต้องจองตั๋วล่วงหน้ากันล่ะที่ ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ อย่ารอช้าเพราะลองย้อนกลับไปในครั้งที่ Transformers ภาค 2 เข้าฉายที่ไอแมกซ์ เพียง 2 สัปดาห์แรกก็เต็มทุกที่นั่ง อย่างว่านะ...เมืองไทยมีไอแมกซ์แค่โรงเดียว

.................................

เสียดายที่ไม่ได้ชมบนจอไอแมกซ์ แต่ก็สะใจขนาดแล้ว ว่าแต่ไอ้โรงไอแมกซ์นี่มันเป็นไงหว่า

สรุปแล้วเรื่องนี้จบได้แบบ แฮปปี้ เอ็นดิ้ง สมใจเรา ประทับใจไปอีกนานเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก thaiticketmajor คร๊าบ

lozocatlozocat



Create Date : 19 มกราคม 2553
Last Update : 19 มกราคม 2553 13:30:19 น. 0 comments
Counter : 909 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกสมอเรือ
Location :
ระยอง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]






ชื่อเชอร์รี่ค่ะ เกิดที่สัตหีบ แต่เคยย้ายไปอยู่สงขลาเป็นระยะ ๆ เลยมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นทั้งคนสงขลาและสัตหีบ ตอนนี้ทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่จ.ระยองค่ะ



ลูกสมอเรือ ค่ะ

Create Your Badge




เพื่อนชอบทำกับข้าว
แม่สลิ่ม
wee_nong
ปูขาเก เซมารู
jjbd
กระเพราไก่ไข่ดาว
ผ้าไหมไทย
popang
narellan
Il Maze
ดวงใจพ่อแม่
ลักกี้


เพื่อนชอบทำขนม

Ab Psy ReinDEAR
กิน ๆ เที่ยว ๆ
Tiny Bakery



เพื่อนแจกของแต่งบล็อก
เนยสีฟ้า
kung
oranung_sri
lozocat
แพรวขวัญ
PS_PRINCESS
thattron

เพื่อนพาเที่ยว
chalawanman
แมวจอมกวน
thattron
baby bonus
ชานไม้ ชายเขา
ann
อยากเป็นไกด์
NuAeaw
New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกสมอเรือ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.