รวมพลคนถูกแบน แค่เห็นก็ “ยี้!” แล้ว

คนดังที่ถูกแบน” มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย บางคนมีรายชื่อติดอยู่เป็นแบล็กลิสต์เพราะความผิดพลาดที่ก่อขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่กับบางคน ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งออกมาแก้ข่าวฉาวกลับยิ่งคาวมากขึ้นไปอีก จนถึงขั้นที่ว่าแค่เพียงเอ่ยชื่อของเขาหรือเธอ ใครต่อใครก็ต่างร้อง “ยี้!” เบือนหน้าหนีกันเป็นแถว และจากการอัปเดตล่าสุด ดูเหมือนว่า “แอนนี่ บรู๊ค” กำลังมาแรงแซงทุกกระแสคาว คว้าตำแหน่ง “น่ายี้!” ติดอันดับหนึ่งไปครอง รองลงมาคือ “บ๊วย-เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ที่ชาวเน็ตกำลังออกมาประณามและชักชวนกันให้ “แบน!” ทุกผลงานที่มีหน้ายี้ๆ ยี่ห้อนี้อยู่
       
       



       แอนนี่ “มันเลยจุดนั้นมาแล้ว”
       หลังจากปล่อยให้ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ โคตงทรัพย์” ตกเป็นจำเลยสังคมมานานแสนนาน จนชื่อเสียงป่นปี้แทบไม่เหลือชิ้นดี ในที่สุดราหูที่เคยบดบังดวงชะตาของเขาก็เผยให้คนในสังคมได้ตาสว่างเสียที อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ว่าหน้าของน้องทีฑายุ ระบุดีเอ็นเอเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าใครเป็นพ่อ!
       ถึงแม้ว่าฝ่าย “แอนนี่ บรู๊ค” จะยังพยายามทู่ซี้ ยืนยันว่าจะไม่ถอนชื่อนักร้องหนุ่มออกจากตำแหน่งเจ้าของน้ำเชื้อ แต่ท้ายที่สุด ผลตรวจดีเอ็นเอระหว่าง “คุณพ่อที่ถูกสังคมกล่าวหา” กับ “ลูกชายที่ถูกยัดเยียด” ก็ระบุชัดแล้วว่ามันไม่ใช่ อย่างที่ฟิล์มเพิ่งออกมาประกาศให้หายข้องใจกันในวันนี้ว่า ตรวจมานานแล้ว รู้ผลมานานแล้ว เหลือแต่ฝ่ายหญิงที่ไม่ยอมปล่อย
        
       
       ย้อนกลับไปในตอนที่ทุกอย่างยังคลุมเครือ ภาพที่แอนนี่กอดลูกชายเอาไว้ในอกอย่างทะนุถนอม ช่างเป็นภาพที่น่าเห็นใจอย่างสุดซึ้ง ทุกคำบอกเล่าเคล้าน้ำเสียงสั่นเครือ ทำเอาใครหลายคนเกลียดผู้ชายที่ชื่อ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ” กันทั้งประเทศ เรียกได้ว่าน้ำตาทุกหยดของซิงเกิลมัมรายนี้ ได้รับการตอบรับจากคนในสังคมอย่างคุ้มค่าจริงๆ
       ทั้งประชาชน สื่อมวลชน แม้กระทั่งผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ต่างเลือกเข้าข้างเธอ และออกมารุมประณามฝ่ายชายจนไม่เหลือที่ยืนในสังคม หนีไปบวชก็แล้ว หนีไปต่างประเทศก็แล้ว ตราบาปนี้ก็ยังตามหลอกหลอน ทำเอาไม่มีงาน ขาดรายได้ไปหลายปี เหลือเพียงความช่วยเหลือจาก “เฮียฮ้อ” เท่านั้นที่ทำให้ฟิล์มยังอยู่ในวงการนี้ได้
        
       
       สุดท้าย แทนที่เรื่องจะจบอย่างสวยๆ ตั้งแต่ตอนศาลตัดสินให้เลิกยุ่งเกี่ยวกัน เลิกพูดเรื่องของกันและกันอีก แต่แอนนี่กลับออกมาป่าวประกาศผ่านรายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” อีกครั้ง ยืนยันว่าจะไม่ถอนชื่อฟิล์มออกจากการเป็นพ่อ พอตอบคำถามข้อไหนไม่ได้ ก็หยิบประโยคคลาสสิกขึ้นมาอธิบายว่า “มันเลยจุดนั้นมาแล้ว” เล่นเอาหลายคนอึ้ง! กันไปเป็นแถบว่าจุดนั้นคือจุดไหน
       ยิ่งปล่อยให้กาลเวลาพิสูจน์ความจริงไปนานๆ ยิ่งทำให้สังคมเห็นชัดว่า เธอเองต่างหากที่เลยจุดนั้นมานานมากแล้ว... จุดที่จะพูดความจริง
       
       



       บ๊วย “ผมไม่ได้ฆ่าคน”
       หลังจากประกาศหย่ากับ “ตุ๊ก-ชนกวนันท์” อย่างเป็นทางการไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว “บ๊วย-เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ก็ได้ตำแหน่ง “คุณพ่อสุดยี้” ไปครอง ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขาตัดสินใจทิ้งภรรยาให้อยู่เลี้ยงดูลูกเล็กๆ 2 คนเพียงลำพัง หรือเพียงเพราะมีข่าวมือที่สามอย่างไฮโซ “โม-นภัสนันท์ พสวงศ์” ทายาทร้านทองฮั่วเซ่งเฮง เข้ามาพัวพัน
        
       
       แต่เป็นเพราะคำอธิบายจากปากของเขาเองที่ทำให้หลายคนเอือมระอาหลายครั้งต่อหลายคราจนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทีหลังไม่ต้องออกมาแก้ตัวก็ได้ อยู่เฉยๆ เสียยังจะดีกว่า” โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “คนเป็นพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้ว!!” เพื่ออธิบายว่าเหตุใดเขาจึงตัดสินใจจะส่งเสียเฉพาะลูกสาวคนโตเท่านั้น ส่วนคนเล็ก ปล่อยให้ตุ๊กเป็นคนดูแลเอง
        
       
       อีกหนึ่งชนวนที่ทำให้ชื่อของบ๊วยพุ่งปรี๊ดขึ้นไปติดโผคนถูกแบนอย่างรวดเร็ว คือข้อเท็จจริงที่ว่าเขาขอหย่าขาดจากภรรยา หลังคลอด “น้องภูมิ” ลูกชายคนเล็กได้เพียง 20 วันเท่านั้น! หลายคนก่นด่าเป็นเสียงเดียวกันว่าอะไรจะรีบร้อนขนาดนั้น จะอดทนอยู่เพื่อช่วยกันดูแลลูกให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเหนื่อยยากไปด้วยกันก่อนไม่ได้เชียวหรือ?
       
       พอถูกซักไซ้มากๆ เข้า เจ้าตัวก็บ่อน้ำตาแตก แล้วตัดพ้อปิดท้ายว่า “คนที่คิดว่าผมไม่ดีไม่เป็นไร แต่รับไม่ได้ที่ใครบอกว่าผมไม่รักลูก คือผมไม่ได้ฆ่าคนนะครับ (ร้องไห้) ขอร้องอย่าบอกว่าผมไม่รักลูก ขออนุญาตสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย เพราะอยากให้กระทบลูกน้อยที่สุด”
        
       มีความคิดเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่มากมาย ทั้งตั้งคำถามว่า “ยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า? ทิ้งลูกเมียไปตอนนี้” ทั้งสงสัยว่า “พูดออกมาได้ยังไงว่ารักลูกไม่เท่ากัน? ถ้าน้องภูมิโตขึ้นมา อย่าให้ได้ยินคำนี้ทีหลังนะครับ” แต่ที่ชวนขบคิดมากที่สุดคงหนีไม่พ้นคอมเมนต์นี้ “ใช่! คุณไม่ได้ฆ่าคนตายก็จริง แต่กำลังทำให้ 3 ชีวิต ตายทั้งเป็น แล้วมันต่างกันไหม!!”
       
       



       เก่ง เมธัส “ผมจะเป็นคนดี!!”
       “เก่ง-เมธัส สวนศรี” ได้ยินชื่อนี้ทีไร ต้องมีเหตุการณ์ร้ายๆ ภาพลบๆ พาดหัวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่สมัยเข้าวงการใหม่ๆ ยังไม่ทันมีชื่อเสียงโดดเด่นในวงการบันเทิงก็โดดเด้งขึ้นมาจากข่าวอาชญากรรมแทน ด้วยข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและบังคับขืนใจน้องสาวของ เจ-จินตัย อันติมานนท์ นักแสดงดาวรุ่งสมัยนั้น เป็นเหตุให้ถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี แต่ด้วยอายุเพียง 17 ในตอนนั้นและให้การสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้เหลือแค่รอลงอาญา 2 ปี
        
       
       ต่อจากนั้นไม่นาน เขาก็ทำความผิดในรูปแบบต่างๆ อีกหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งเป็นคดีความถึงโรงถึงศาลตลอด ไม่ว่าจะเป็นคดีพยายามฆ่านักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต, ร่วมกับเพื่อนรุมทำร้ายลูกชายเจ้าของร้านจิวเวลรี ย่านวังบูรพา, ทำร้ายลูกชายเจ้าของร้านเพชรในผับ, กักขังหน่วงเหนี่ยวพริตตี้สาว, หลอกล่อนักเรียนวัย 16 ไปขืนใจแล้วถ่ายรูปแบล็กเมล์, พรากผู้เยาว์และทำร้ายร่างกาย, ใช้ปืนตบหน้าผู้รับเหมาก่อสร้าง, ทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธปืนข่มขู่ รปภ.ในคลับชื่อดังย่านพัทยา และคดีล่าสุด ซิ่งหนีด่านตรวจขณะมึนเมาจนเป็นเหตุให้มีเจ้าพนักงานได้รับบาดเจ็บ เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา
        
       ประวัติความเหี้ยมยาวเป็นหางว่าวขนาดนี้ก็ว่าน่าทึ่งมากแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผลของการกระทำของคนเพียงคนเดียว แต่ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนนี้เอง ที่นายคนนี้ดันออกมาประกาศตัวว่าจะขอเป็นคนดี เลิกเป็นแบดบอยอย่างถาวร เล่นเอาทั้งคนในวงการอาชญากรรมและบันเทิงงงเป็นไก่ตาแตกว่าอะไรดลใจ รู้เพียงแค่ว่าการปฏิญาณตนดังกล่าวเกิดขึ้นได้เพราะเก่งได้รับเชิญจากสำนักงานอัยการ ศาลจังหวัดนนทบุรี ให้เข้าร่วมงาน เพื่อสัญญาว่าจะลดความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว
        
       
       “ผมมาปฏิญาณตนว่าจะเป็นคนดีต่อสังคมครับ ก็ต้องกราบขอโทษทุกคนเลย (ยกมือขึ้นไหว้) ที่เคยทำความเดือดร้อนให้นะครับ หลังเกิดเรื่องนี้ผมก็เลิกดื่มเลย ตอนนี้พอเพื่อนชวนดื่มปุ๊บ ผมบอกถ้าไม่มีใครมารับมาส่งหรือถ้าไม่นั่งแท็กซี่ ผมไม่ดื่ม คือผมไม่ได้พูดว่าผมเป็นคนดีนะ แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนเลว ก็แล้วแต่สังคมจะตัดสินใจให้ผมเป็นแบบไหน ผมก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดครับ”
        
       ก็ไม่รู้ว่าคำสัตย์ปฏิญาณที่พูดไป จะคงความศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้อีกนานเท่าไหร่ เพราะขนาดรางวัลระฆังทอง สาขาบุคคลแห่งปี ที่เพิ่งได้รับไปเมื่อปี 2553 เขายังทำลายเสียไม่เหลือชิ้นดีจากคดีที่ก่อขึ้นเอง...
       
       



       “สตรอเบอรี่” ระดับชาติ
       เรียกได้ว่าเขางอกกันทั้งประเทศเพราะผู้ชายคนนี้ “นาธาน โอมาน” เรื่องที่เขากุขึ้นมาช่างมีมากมายเสียจนทำให้เกิดความสับสนมาจนถึงวันนี้ว่าตกลงแล้ว เรื่องไหนหลอก เรื่องไหนจริง? ทุกวันนี้ชื่อของเขาจึงเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งการลวงโลกไปแล้ว คือถ้าจะด่าว่าใครอย่างสุภาพว่าอย่ามาสตรอฯ ก็สามารถแทนคำพูดนั้นได้ง่ายๆ ด้วยคำว่า “นาธาน” คำเดียว เอาอยู่
        
       
       เริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ที่เคยบอกว่า เป็นลูกครึ่งเนปาล พูดได้ทั้งหมด 5 ภาษา ไปจนถึงเรื่องใหญ่ระดับญาติ อ้างว่าได้โกอินเตอร์ไปถ่ายภาพยนตร์เรื่องพรินซ์ออฟเรดชูส์ ทั้งหมดล้วนเป็นการจัดฉาก แม้แต่ภาพถ่ายที่เคยเอามาโชว์ให้เห็นในรายการตอนให้สัมภาษณ์ ก็ไม่มีอะไรเป็นความจริงแม้แต่นิดเดียว ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญให้แก่ชาวไทยว่าก่อนจะหลงเชื่ออะไร ควรไตร่ตรองกันให้ดีอีกหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะเรื่องราวในวงการมายา วงการที่เต็มไปด้วยการสร้างภาพ ลึกลับซับซ้อนยากแก่การคาดเดา
        
       
       อีกหนึ่งแผลแห่งวงการที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “เจ้าหญิงเบนโล” หรือ “แหม่ม-คัทลียา แมคอินทอช” เธอคืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ย้ำเตือนได้เป็นอย่างดีว่าผลจากการโกหกเพียงแค่ครั้งเดียวสามารถทำให้ชีวิตคนหนึ่งคนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้มากขนาดไหน
       ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ใครต่อใครต่างยกสมญานาม “เจ้าหญิงแห่งวงการ” ให้แก่เธอ แหม่มคือนางเอกเบอร์หนึ่งในดวงใจคนทั้งประเทศ ด้วยความสวยสง่า กิริยามารยาทอ่อนหวาน นิสัยน่ารักเป็นกันเอง ไม่เคยมีข่าวคาวหรือประวัติด่างพร้อยปรากฏให้ขุ่นข้องหมองใจ แต่แล้วความดีที่เคยสั่งสมมาก็ดับวูบลงทันตา เมื่อเจ้าตัวออกมาแถลงข่าวสะเทือนวงการ ยอมรับว่า “ท้องก่อนแต่งได้ 5 เดือนแล้ว”
        
       
       สาเหตุที่ทำให้เธอถูกแบน ไม่ใช่เพียงเพราะเธอปล่อยให้ตัวเองท้องก่อนแต่งงาน แต่เป็นเพราะคำแก้ต่างที่เคยให้ไว้ ฟังอย่างไรก็ไม่ขึ้น เธอเคยยืนยันเสียงหนักแน่นว่าไม่ได้ท้องอย่างที่ถูกสื่อมวลชนกล่าวหา แต่ที่เห็นว่าป่องจนผิดสังเกตนั้น เป็นเพราะแหม่มกินเบนโลเกินขนาด สุดท้าย เมื่อความจริงปรากฏ ความรักและศรัทธาที่ประชาชนเคยให้ไว้จึงถูกทำลายลงหมดสิ้น สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยเปราะบางต่อคำโกหกเอามากๆ โดยเฉพาะกับคนที่ดูสะอาดดั่งผ้าขาว พอมีจุดดำจุดเดียวมาแปดเปื้อน มันก็ยากจะลบเลือน
        
       
       นอกจากนี้ “การเป็นมือที่สาม” ก็ถือเป็นข้อต้องห้ามสำหรับคนดังด้วย คือถ้าไม่อยากถูกแบน...อย่าทำ! โดยเฉพาะคนที่กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง แต่ไม่ยอมรับผิด สังคมยิ่งไม่อยากให้อภัย อย่างกรณีของ “พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” ซึ่งในขณะนั้นหลายฝ่ายออกมาประณามการเข้าแทรกแซงครอบครัวของ “ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล” แต่เธอกลับทำนิ่งเฉยต่อกระแสสังคม ยังคงติดต่อกับ “เป๊ก-สัณชัย” โดยใช้คำว่า “พี่น้อง” มาเป็นข้ออ้าง
       ถึงแม้ทุกวันนี้ธัญญ่าและสามีจะแยกกันอยู่ และยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้ว่าสรุปแล้วใครเป็นกิ๊กกับใคร แต่สังคมก็สรุปให้แล้วว่าใครสมควรโดนแบน
       
       หากสังเกตให้ดี ตัวอย่างคนดังที่ถูกแบนทั้งหมดที่กล่าวมา ล้วนแล้วแต่เกิดจากปัญหาส่วนตัวทั้งสิ้น แต่เมื่อเลือกแล้วว่าจะเป็นคนของประชาชน ก็ต้องยอมรับด้วยว่า ปัญหาส่วนตัวของคุณย่อมกลายมาเป็นความขุ่นข้องใจระดับมหาชนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงอาจถึงเวลาแล้วที่คนในวงการจะเริ่มหันมาเรียนรู้จากเพื่อนในวงการ เผื่อวันใดเกิดพลั้งพลาดจะได้รู้ว่าจะ “อยู่รอด” ในอาชีพที่รักต่อไปอย่างไร จะยังมีคนรักและให้การสนับสนุนต่อไปอีกไหม และจะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้อย่างไรในฐานะ “คนถูกแบน”
       
       ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2555 7:58:51 น.
Counter : 1416 Pageviews.  

สนุกกับภาพวาด 3 มิติในเมืองปูซาน

ลืมการชมงานศิลปะภาพวาดแบบเก่าไปได้เลย เมื่อคุณได้ชมนิทรรศการภาพวาดในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ที่ใช้แสงและเงาเพื่อการลวงตาและเพิ่มอรรถรสในการชมภาพให้สนุกสนาน โดยทำให้ผู้ชมได้มีส่วนรวมกับงานมากยิ่งขึ้น อย่างห้องที่ทำให้เหมือนผู้ชมในห้องกำลังตีลังกาอยู่  หรือภาพวาดที่ดูเหมือนบางส่วนของภาพทะลุออกมา

 

 

 

 

 

 * ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ *




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2555 22:14:05 น.
Counter : 2018 Pageviews.  

ซีรี่ส์เกาหลี Bridal Mask : Gaksital

ซีรีย์เกาหลี Bridal Mask : Gaksital เป็นเรื่องราวของวีรบุรุษชาวเกาหลี ผู้ถูกขนานนามว่า ” กั๊กสิตัล ” เขาจะสวมหน้ากากทุกครั้งที่ต่อสู้กับเหล่าทหารชาวซามูไร ปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริงไว้ภายใต้หน้ากาก “Gaksital” หน้ากากเจ้าสาวโบราณอันน่าสพรั่นพรึง อีคังโตะ เป็นหนึ่งในบรรดากระทาชายผู้เข้าร่วมขบวนการต่อต้านระบอบจักรวรรดินิยมของญี่ปุ่นในช่วงที่เกาหลีเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่น (1930) เขามีฝีมือเป็นเลิศด้านศิลปะการต่อสู้ และได้เข้าต่อกรกับทหารผู้รุกรานอย่างหาญกล้า Lee Kang To รับบทโดย Joo Won เคยฝากผลงานมาแล้วในเรื่อง Baker King, Kim Tak Goo ตอนนี้มาเป็นพระเอกยอดนักบู๊  FC ที่ชื่นชอบซีรี่ย์เกาหลีแนวนี้ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ติดตาม Bridal Mask : Gaksital ได้ที่ series8-Fc.com แห่งนี้

รายละเอียด ซีรี่ส์เกาหลี Bridal Mask : Gaksital

ชื่อซีรี่ย์ : 각시탈 / Gaksital / Bridal Mask
ชื่อซีรี่ย์จีน : 新娘面具
ชื่อซีรี่ย์อื่นๆ : The Bride Mask, Doll Mask
ประเภท : Action
จำนวนตอน : 24
สถานีออกอากาศ : KBS2
ตารางออกอากาศ : 30 พ.ค. 2012 ถึง 16 ส.ค.2012
วันเวลา : วันพุธ & วันพฤหัสบดี  21:55

นัดแสดง ซีรี่ส์เกาหลี Bridal Mask : Gaksital

Joo Won แสดงเป็น Lee Kang To
Jin Se Yun แสดงเป็น Mok Dan
Park Ki Woong แสดงเป็น teacher Shunzi
Han Chae Ah แสดงเป็น Chae Hong Joo
Shin Hyun Joon แสดงเป็น Lee Kang San
Kim Jung Nan

นักแสดงสมทบ

Ahn Hyung Joon
Lee Byung Joon
Chun Ho Jin
Jun Noh Min
Son Byung Ho
Ahn Suk Hwan
Lee Kyung Shil

ฝ่ายผลิต

ผลงานต้นฉบับ: Manhwa by Huh Young Man
ผู้กำกับ : Yoon Sung Shik
เขียนบท : Yoo Hyun Mi

* เครดิตจาก series8-fc.com *




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2555 21:52:17 น.
Counter : 2662 Pageviews.  

เงื่อนไขการประมูล 3G

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการ 3G ได้กำหนดราคาเริ่มต้นประมูลใบอนุญาต 3G บนย่านความถี่ 2.1 GHz ที่ 4,500 ล้านบาท ต่อคลื่นความถี่ 5 MHz (1 สลอต) คำนวณจากราคาตลาดคลื่นความถี่ 6,440 ล้านบาท สอดคล้องกับผลการศึกษาของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และใกล้เคียงกับราคาประมูลคราวที่แล้วคือ 12,800 ล้านบาท บวกด้วยอัตราเงินเฟ้อประมาณ 7%

วิธีการประมูลคลื่นความถี่ในครั้งนี้จะใช้วิธีการประมูลด้วยวิธีเพิ่มราคาการประมูลทุกสลอตในเวลาเดียว (Simultaneous Ascending Bid Auction) เป็นการแข่งขันเพิ่มราคาไปเรื่อย ๆ จนไม่มีการเสนอราคา และสุดท้ายเงินที่ได้จากการประมูลทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน กสทช.จะนำเข้ารัฐทั้งหมด

วัตถุประสงค์ของการประมูลที่ซอยคลื่นออกเป็นสลอตย่อย ๆ นั้นเพื่อป้องกันการฮั้วประมูล โดยในเงื่อนไขการประมูลนั้นผู้เข้าประมูลแต่ละรายมีสิทธิเป็นเจ้าของคลื่นความถี่เพียงไม่เกิน 4 สลอต (20 MHz) เท่านั้น อันจะนำไปสู่การแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งคลื่นความถี่ในจำนวนที่ตนต้องการ จากจำนวนคลื่นความถี่ทั้งหมด 9 สลอต (45 MHz)

เพื่อรองรับการเปิดให้บริการคลื่นความถี่ 3G ที่ประชุม กสทช.ได้มีมติเห็นชอบด้วยร่างประกาศ กสทช. เรื่องการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกันสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. ... เพื่อวางหลักเกณฑ์เกี่ยวด้วยการเช่าใช้โครงข่ายพื้นฐานระหว่างกัน (Infrastructure Sharing) ผลักดันให้เกิดรูปแบบการตั้งบริษัทให้บริการเสาโทรคมนาคมสถานีฐาน (Tower Company) ซึ่งจะเป็นการเช่าใช้โครงข่าย (Network Company) และบริการเช่าไฟเบอร์ออปติก (Fiber Company) ซึ่งจะเป็นการเช่าใช้โครงข่ายพื้นฐานระหว่างกันโดยออกหลักเกณฑ์หรือใบอนุญาตให้เอกชนทุกรายโดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีโครงข่ายของตัวเองเข้ามาเช่าใช้เพื่อลดต้นทุนและสร้างตลาดให้แก่ผู้ประกอบการรายใหม่

นอกจากนี้ กสทช.ยังได้ร่างประกาศ กสทช. เรื่องการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ พ.ศ. ... ซึ่งระบุเกี่ยวกับเรื่องโรมมิ่งว่าให้ทุกระบบสามารถโรมมิ่งถึงกันได้หมด เช่น จากระบบ 2G สามารถโรมมิ่งกับระบบ 3G ได้ จากเดิมที่จำกัดสิทธิในการโรมมิ่ง รวมไปถึงร่างประกาศ กสทช. เรื่องบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน พ.ศ. ... โดยกำหนดว่าผู้รับใบอนุญาต 3G ต้องกันความจุโครงข่าย (Capacity) จำนวนร้อยละ 10 จากความจุโครงข่ายทั้งหมดไว้ให้ MVNO-Mobile Virtual Network Operator

นอกเหนือจากนี้ กสทช.ยังได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวด้วยการ Roll-out Network ไว้ในร่างประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunications-IMT) ย่าน 2.1 GHz พ.ศ. ... ว่าผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 10 MHz ขึ้นไป ต้องให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัด และครอบคลุมจำนวนประชากรไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนประชากรทั้งหมดภายใน 2 ปีนับจากวันที่ได้รับใบอนุญาต และต้องเพิ่มการครอบคลุมการให้บริการแก่ประชากรไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนประชากรทั้งหมดภายใน 4 ปีนับจากวันที่ได้รับใบอนุญาต

โดย กสทช.จะจัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะเกี่ยวกับประกาศประมูล 3G เหล่านี้จำนวน 2 ฉบับ ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 และอีก 3 ฉบับในวันที่ 23 กรกฎาคม 2555 ท่านผู้อ่านที่สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ //www.nbtc.go.th

นอกจากนั้น กสทช.ยังอยู่ในระหว่างการจัดทำร่างสารสนเทศการประมูล (Information Memorandum : IM) เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ซึ่งหากร่างดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของ กทค. ก็จะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของ กสทช. ในกรณีที่ กสทช.มีมติเห็นชอบด้วย ก็จะมีการนำร่าง IM ดังกล่าวลงประกาศเพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ 30 วัน

คาดว่าขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อให้การประมูลคลื่นความถี่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ และเพื่อให้เทคโนโลยี 3 จี บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz สามารถเปิดให้บริการได้ประมาณไม่เกินเดือนมีนาคม 2556 เนื่องจากเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถติดตั้งอุปกรณ์ได้เร็วมาก สามารถใช้เสาสัญญาณโครงข่ายเดิมที่มีอยู่แล้ว เพียงแค่เปลี่ยนตัวสัญญาณตัวใหม่เข้าไปแทนที่เท่านั้น

* ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ *





 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2555 21:02:21 น.
Counter : 1751 Pageviews.  

เทสโก้ยกชั้นอาหารสดชนซูเปอร์ฯ ทุ่มสร้างศูนย์กระจายสินค้า-เน้นซื้อตรงเกษตรกร

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า แผนงานหลักของเทสโก้ โลตัส ขณะนี้จะมุ่งให้ความสำคัญกับการนวัตกรรมเข้ามาให้บริการ โดยเฉพาะพัฒนาสินค้ากลุ่มอาหารและผักให้มีความสดใหม่ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลังจากได้ประกาศนโยบายดังกล่าว ก็ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง อาทิ การจัดเรียงสินค้าดิสเพลย์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ การฝึกอบรมพนักงาน การลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง รวมทั้งเพิ่มน้ำหนักการสั่งซื้อสินค้าจากเกษตรกรโดยตรงมากขึ้น เพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพและความสดของสินค้าให้มากที่สุด

สำหรับการเพิ่มรายการสินค้าเข้าไปจะแตกต่างกันตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละทำเล โดยรูปแบบสาขาทั่วไปจะเน้นในเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา ในขณะที่รูปแบบเอ็กซ์ตร้า สินค้าในแต่ละแคทิกอรี่จะมีความหลากหลายให้เลือก ตั้งแต่ราคาทั่วไปจนถึงสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยม ทำให้มีประสิทธิภาพในการแข่งขันกับซูเปอร์มาร์เก็ตรายอื่น ๆ ได้

"พยายามซื้อตรงจากเกษตรกรเพื่อให้ได้สดใหม่ คัดคุณภาพเข้าร้าน ล่าสุดก็สั่งซื้อกุ้งจากเกษตรกรโดยตรง อย่างเดือนที่ผ่านมาเป็นกลุ่มผลไม้ตามฤดูกาล ก็จะหมุนเวียนตลอด หน้าหนาวก็จะมีผลไม้ภาคเหนือและผลไม้นำเข้า อาหารทะเลก็มีรายการที่น่าสนใจมากขึ้น"

สำหรับแผนการลงทุนอื่น ๆ นางสาวสลิลลากล่าวว่า เทสโก้ โลตัส ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยตั้งเป้าขนาดพื้นที่ลงทุนในปีนี้อยู่ที่ 1.43 แสน ตร.ม. ประกอบด้วยพื้นที่สร้างใหม่และการปรับสาขาเดิมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น

ซึ่งเน้นขยายสาขาในทุกฟอร์แมต โดยเฉพาะการปรับสาขาเดิมที่เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตให้เป็นรูปแบบของเอ็กซ์ตร้า ภายในปีนี้คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5 สาขา ล่าสุดที่ปรับไปก็คือสาขาบางนา ทั้งนี้ตัวเลขจำนวนสาขา ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 อยู่ที่ 1,096 สาขา เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ต 136 สาขา อื่น ๆ เป็นรูปแบบขนาดกลางและเล็ก

ควบคู่กับแนวทางดังกล่าว บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาระบบการขายสินค้าอุปโภคบริโภค ออนไลน์ หรือ grocery shopping โดยมีโมเดลต้นแบบจากเทสโก้ ประเทศอังกฤษ คาดว่าภายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2556 จะเปิดให้บริการได้ อย่างไรก็ตาม ปีนี้เทสโก้ได้หันมาให้น้ำหนักกับการทำกิจกรรมกับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น เพราะมองเห็นโอกาสจากจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กที่มีมากถึง 14-15 ล้านรายชื่อ ถือเป็นอีกช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า ด้วยการจัดแคมเปญและกิจกรรมให้ลูกค้าได้เข้ามามีส่วนร่วม

"กิจกรรมออนไลน์มีบ้าง แต่หลังๆ ทำมากขึ้น โดยเฉพาะปีนี้แอ็กทีฟมีแคมเปญแรงขึ้น เพราะเทรนด์ผู้ใช้โซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น ส่วนช็อปปิ้งออนไลน์กำลังพัฒนารูปแบบใกล้เคียงกับที่มีในต่างประเทศ ซึ่งเทสโก้ที่อังกฤษมี 2 รูปแบบ ทั้งออนไลน์ช็อปปิ้ง ขายสินค้าทั่วไป เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า กับโกรเซอรี่ ช็อปปิ้ง สินค้าอุปโภคบริโภคออนไลน์ จำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง นม ไข่ ขนมปัง อาหาร

ผลไม้ เนื้อสัตว์ ของเมืองไทยคงใกล้เคียงกัน"

* ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ *




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2555 20:58:39 น.
Counter : 1246 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  

angelica0819
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add angelica0819's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.