อะไรเอ่ย? ช่วยให้เด็กต้านทานโรค ไม่เจ็บป่วยง่าย

แม่และเด็ก

อะไรเอ่ย...ช่วยให้เด็กต้านทานโรคดีไม่เจ็บป่วยง่าย
(Mother & Care)
เรื่อง ปักษาสวรรค์

           "จ้ำจี้ผลไม้ แตงไทย แตงกวา ขนุน น้อยหน่า พุทรา มังคุด ละมุด ลำไย มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟัก แฟง แตงโม ไชโย โห่..." คุณพ่อที่อุ้มลูกเพิ่งเกิดใหม่ร้องยังไม่ทันจบ ปู่ย่าตายาย พี่ ๆ น้อง ๆ ก็ขานรับ "ฮิ้ว" แล้วพร้อมใจกันยื่นลูกเขียว ๆ ที่อยู่ในเนื้อร้องมาให้บอกเป็นสมุนไพรชั้นดี ทาลิ้นแล้วลูกแข็งแรง

ไม่ลอง ไม่รู้นะ "ลูกมะกรูด"

           มะกรูดมีสรรพคุณเป็นยาทุกส่วน ใบ มีรสปร่า หอม ใช้เป็นยาแก้ไอ แก้อาเจียน แก้ช้ำใน ดับกลิ่นคาว ลูก มีรสเปรี้ยว ช่วยกัดเสมหะ แม้น้ำลายเหนียว แก้เถาดาน อาการท้องแข็ง แก้ระดูเสีย ฟอกเลือดขับระดู ขับลมในลำไส้ ผิวลูก มีรสปร่า หอมร้อน ช่วยขับลมในลำไส้ ขับระดู ขับลมผายลม น้ำในลูก มีรสเปรี้ยว แก้เสมหะในคอ ฟอกเลือดขับระดู ขับลมในลำไส้ ราก มีรสจืด เย็น แก้ไข้ ถอนพิษ แก้ลมจุกเสียด แก้พิษฝีภายใน แก้เสมหะด้วยค่ะ

ทำยา 8 สูตร กับมะกรูดคู่ครัว

         1.ยาทาลิ้น โดยนำลูกมะกรูดย่างไฟให้เกรียม บดผสมกับน้ำผึ้งเดือน 5 ให้เข้ากันดี แล้วนำมาป้ายลิ้นเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่ เพื่อช่วยให้เด็กมีความต้านทานโรคได้ดี ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย

         2.เลือดออกตามไรฟัน เมื่อร่างกายขาดวิตามินซี ก็ทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิด คือ มีเลือดออกตามไรฟันได้ แก้โดยใช้ลูกมะกรูดต้มและเอาน้ำมาดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชา ในช่วงเช้าและเย็น

         3.เสมหะมาก แก้โดยใช้รากมะกรูดฝนกับน้ำ นำมากินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ เสมหะจะค่อย ๆ หมดไป

         4.ยาขับลมในลำไส้ โดยเฉือนเอาผิวมะกรูดสด ๆ มาบดให้แหลกละเอียด ชงกับน้ำร้อน คนให้ตัวยาละลายออกมามาก ๆ แล้วดื่ม เพื่อระบายแก๊ส ขับลมในลำไส้

         5.ยาบำรุงหัวใจ โดยเฉือนผิวมะกรูดมาโขลกให้ละเอียด ชงกับน้ำเดือด ใส่พิมเสน 2-3 เกล็ด ละลายเข้าด้วยกัน แล้วจิบดื่มให้รู้สึกสดชื่น หรือถ้าใครมีอาการเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย จิตใจไม่แช่มชื่น ก็ลองได้ไม่ว่ากันค่ะ

         6.ยาขับประจำเดือน โดยผ่าซีกมะกรูด 5-6 ลูก ต้มกับน้ำ เคี่ยวไฟอ่อน ๆ ให้เดือด จนน้ำยาละลายมากพอ จึงยกลงให้เย็น ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชาทุกเช้าเย็นสัก 5-7 วัน สามารถเป็นยาขับระดูได้ดี ทั้งยังบำรุงร่างกายได้อีกด้วย

         7.ยาแก้พิษภายในร่างกาย ใช้รากฝนกับน้ำดื่มครั้งละ 1 ถ้วยตะไลเล็ก ๆ สามารถรักษาอาการเป็นพิษขึ้นในร่างกายได้ เช่น อาการเป็นพิษจากการกินอาหารที่มีสิ่งเจือปนที่เป็นพิษ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง หรือท้องเสีย

         8.ยาบำรุงเส้นผมดกดำ ไร้รังแค ฝากสูตรสุดท้ายผู้ที่รักสวยรักงาม โดยปอกผิวมะกรูดมาตำให้ละเอียด แล้วบีบน้ำมะกรูดผสมลงไป เติมน้ำอีกพอให้ส่วนผสมเริ่มเหลว คนให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ 5-10 นาที กรองคั้นเอาน้ำไปใช้สระผม แล้วล้างออกให้สะอาดจริง ๆ อย่าให้มีเศษมะกรูดหลงเหลืออยู่ ไม่งั้นผมจะเสียแล้วจะหมดสวยได้ค่ะ

** เครดิตจาก kapook.com **




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 21:53:28 น.
Counter : 1410 Pageviews.  

อร่อยและดี สไตล์เอเชีย

อร่อยและดี สไตล์เอเชีย (Lisa)

          ผักและผลไม้เชื้อสายเอเชียใกล้ตัวพร้อมเสิร์ฟด้วยสรรพคุณเต็มเปี่ยมกับรสชาติไม่เป็นสองรองใคร


          มันต่อเผือก




          แม้ว่าการไดเอ็ตโลว์-คาร์บ จะลดความนิยมไปแล้ว แต่อาหารพวกมันฝรั่งก็ยังมีชื่อเสียงแย่อยู่ อย่างไรก็ดี การศึกษาจาก University of Scranton ชี้ว่า หัวมันสีม่วงนั้นมีประโยชน์ดี โดยเฉพาะในคนอ้วนที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงด้วย โดยการกินมันต่อเผือกที่มีสีม่วงเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนจะทำให้ความดันโลหิตลดลงถึงร้อยละ 4.3

          Tip : อบมันต่อเผือกกับน้ำมันมะกอก และเกลือ หรือกินเหมือนมันทั่ว ๆ ไปก็ได้


          สาลี่




          สาลี่ผลใหญ่เพียงลูกเดียวจะให้ใยอาหารถึง 10 กรัม ซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ใยอาหารจะช่วยทั้งลอคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาล และทำให้คุณอิ่มนาน

          Tip: ใส่สาลี่ร่วมกับสลัดก็ได้นะ ลองสลัดผักโขมและสาลี่ ถั่ว ดูสิ


           ลิ้นจี่




          จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition เมื่อปี 2006 เปิดเผยว่า ลิ้นจี่มีสารโพลีฟีนอลสูงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากสตรอวเบอร์รี่ และมีสารดังกล่าวมากกว่าองุ่นถึงร้อยละ 15 นอกจากนี้ การวิจัยของมหาวิทยาลัยเสฉวน ยังชี้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระในลิ้นจี่จะช่วยลดการก่อตัวของเซลล์มะเร็งเต้านมอีกด้วย


          Tip: ลิ้นจี่กระป๋องก็ไม่ได้มีสารอาหารต่างกันนัก ตราบใดที่ไม่ได้แช่ในน้ำเชื่อมหวาน ลองใส่ลิ้นจี่กับสลัดก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ


          ฝรั่ง



          ฝรั่งมีวิตามินซีอยู่มากกว่าส้มขนาดกลางถึง 5 เท่า นอกจากนี้ ฝรั่งขี้นกซึ่งมีเนื้อสีแดงยังมีไลโคปีน ซึ่งจะช่วยป้องกันคุณจากโรคหัวใจ และอิงจากการศึกษาโดยนักจุลชีววิทยาในบังกลาเทศ ชี้ว่า ฝรั่งยังปกป้องคุณจากเชื้อที่ติดต่อทางอาหาร เช่น Listeria และ Staph ถ้านี่ยังไม่พอ ฝรั่งขี้นกก็ยังมีทั้งใยอาหาร โพแทสเซียม โฟเลต ธาตุเหล็ก แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ แคโรทีนอยด์ในปริมาณเท่า ๆ กัน ดังนั้น ฝรั่งขี้นกจึงดีกว่าแอปเปิ้ล กล้วย หรือองุ่นเสียอีกนะ


          กวางตุ้ง



          ผักใบเขียวชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นผักอันดับหนึ่งจากแดนมังกรที่มีวิตามินเอมากกว่าปริมาณที่ต้องการต่อวันถึง 10 เท่า ภายในถ้วยเดียวเท่านั้น ด้วยความที่มันมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูงเช่นเดียวกับเพื่อนในตระกูลเดียวกันอย่างคะน้า หรือบร็อกโคลี่ จึงไม่น่าแปลกใจที่มีการศึกษาพบว่า กวางตุ้งช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งบางชนิด รวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย

          Tip:  ผัดกวางตุ้งร่วมกับขิง ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 ** เครดิตจาก kapook.com **




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 21:43:09 น.
Counter : 2873 Pageviews.  

จริงหรือที่น้องหมาน้องแมว ตาบอดสี?

จริงหรือที่น้องหมาน้องแมว "ตาบอดสี" ? (Dogazine Healthy)
เรื่องโดย : สพ.ญ.เรวดี เติมวิริยะกุล โรงพยาบาลสัตว์สัตวแพทย์ 4

         วันนี้คุณหมอมาตอบปัญหาท็อปฮิตติดชาร์จคาใจคุณเจ้าของ ว่าน้องหมาน้องแมวที่เราเลี้ยงกินอยู่ ตาบอดสีจริงหรือไม่ คำตอบคือ จริงค่ะ แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และพวกเขาเห็นกี่สี เพราะอะไร วันนี้คุณหมอจะชี้แจงแถลงไขให้ทราบกันค่ะ

เพราะอะไรถึงตาบอดสี ?

         สาเหตุที่สุนัขและแมวตาบอดสี เนื่องจากเซลล์ประสาทตาที่ใช้ในการรับรู้เรื่องของสี ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ จะใช้เป็นเซลล์ที่ชื่อว่า Cone Cell แต่ในมนุษย์นั้นถือว่าเป็นสัตว์ชั้นสูงที่มีการพัฒนาของ Cone cell และมีปริมาณมากกว่า จึงทำให้การมองเห็นของมนุษย์สามารถเห็นได้ทุกเฉดสี และแยกระดับความคมของวัตถุได้ ส่วน Cone Cell ของสุนัขและแมวมีปริมาณน้อย จึงแยกแยะสีได้น้อยกว่า

         ทว่าพระเจ้าก็ไม่ได้สร้างให้สุนัขและแมวมีการด้อยทางการมองเห็น เนื่องจากในอดีตสุนัขและแมวเป็นสัตว์หากินตอนกลางคืน ทั้งคู่จึงมีการพัฒนาของ Rod Cell ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์ จึงทำให้สามารถมองเห็นในที่มืด หรือมองเห็นในตอนกลางคืนได้ชัดเจนมากกว่ามนุษย์ แต่จะเป็น Cell ที่ไม่สามารถแยกแยะสีได้เท่านั้น



แล้วน้องตูบกับน้องเหมียวจะเห็นเป็นสีอะไรได้บ้าง ?

         คำตอบคือ มีอยู่ 5 เฉดสี ได้แก่ เหลือง ขาว น้ำเงิน ม่วง และเทา ตามรูป

หากเราใส่เสื้อสีขาวขว้างบอลสีแดงบนสนามหญ้าสีเขียวเจ้าตูบจะเห็นสีอะไร ?

         คำตอบคือ เจ้าตูบจะเห็นเราใส่เสื้อสีเขียวขว้างลูกบอลสีเหลืองบนสนามหญ้าสีเหลือง

แล้วเจ้าตูบจะแยกได้อย่างไร เพราะทุกอย่างก็เหลืองไปหมด

         คำตอบคือ เจ้าตูบจะมีระบบประสาทการรับรู้เรื่องการได้ยินและกลิ่นที่เร็วกว่าคนเรา ดังนั้นเค้าจะแยกแยะจากการเคลื่อนไหวแทน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 21:39:47 น.
Counter : 2057 Pageviews.  

Motorola Motoluxe XT389 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เพื่อความบันเทิง

โมโตโรล่าเผยโฉมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Motorola Motoluxe XT389 แอนดรอยด์โฟนรุ่นเล็ก ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้งานที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งด้านความบันเทิงและการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 3G ซึ่งมีสเปคในระดับกลาง ๆ เจาะตลาดผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนสเปคการใช้งานที่ไม่สูงมาก
 
          Motorola Motoluxe XT389 ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3.6 (Gingerbread) มีหน่วยประมวลผลความเร็ว 800 MHz, แรม 512MB รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอก microSD สูงสุด 32GB มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ HVGA ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล กล้องถ่ายภาพดิจิตอลความละเอียด 3 ล้านพิกเซล และสนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi, 3G และ Bluetooth
 


Motorola Motoluxe XT389

 
สเปคเบื้องต้น Motorola Motoluxe XT389
 
 ซีพียู MediaTek MT6573 ความเร็ว 800 MHz
 แรม 512MB มีหน่วยความจำภายใน 512 MB
 ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 (Gingerbread)
 รองรับเครือข่าย 3G ความถี่ 850/2100 MHz
 หน้าจอแสดงผลแบบ HVGA ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320x480 พิกเซล
 ตัวเครื่องมีขนาด 116 x 63.5 x 11 มิลลิเมตร หนัก 98 กรัม
 กล้องถ่ายภาพความละเอียด 3 ล้านพิกเซล
 การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 b/g/n, Wi-Fi hotspot, Bluetooth, microUSB และ  A-GPS
 
           ทั้งนี้ ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาและวันวางจำหน่ายของ Motorola Motoluxe XT389 ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่สเปคไม่สูงมากและมาพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้งานที่สามารถตอบโจทย์อย่างสบาย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องอินเทอร์เน็ตผ่าน 3G, ด้านความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง ก็สามารถใช้งานได้อย่าง

** เครดิต จาก kapook.com **




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 21:36:08 น.
Counter : 1354 Pageviews.  

ความฝัน และความมุ่งมั่น ของนักปั่นผู้พิชิตทิเบต

เพราะความรักในการเดินทาง ทำให้ โอ๊ต กิตติพงษ์ กองแก้ว หรือที่หลายคนเรียกว่า "โอ๊ตนนท์" นักปั่นจักรยานวัย 31 ปี ตัดสินใจปั่นสองล้อคู่ใจไปไกลถึงทิเบต และสามารถพิชิตหลังคาโลกได้สำเร็จ ตั้งแต่นั้นมา โอ๊ตก็เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะคนเขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องราวชีวิต และการเดินทางพิชิตฝันอันยิ่งใหญ่ของเขา

            หลายคนที่ได้รู้จักโอ๊ตผ่านตัวหนังสือ อาจจะมองว่าการปั่นจักรยานพิชิตหลังคาโลกคงเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของชายวัย 31 ปีผู้นี้ แต่จริง ๆ แล้ว โอ๊ตยังมีความฝันอีกอย่าง นั่นก็คือการปั่นจักรยานพ่วงพาพ่อวัยชราไปเที่ยวที่จังหวัดกระบี่ด้วยกัน ซึ่งโอกาสที่เขาจะพิชิตฝันครั้งนี้ไม่ได้เข้ามาบ่อยนัก เพราะปกติแล้ว ชีวิตส่วนใหญ่ของโอ๊ตอยู่กับการเปิดร้านซ่อมจักรยานที่ทิเบต และได้กลับเมืองไทยมาเจอครอบครัวเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น นั่นหมายความว่า ในช่วงที่เขากลับมาในปีนี้ คือโอกาสเดียวที่โอ๊ตจะขอตามความฝันของตัวเอง

            และนี่คือเรื่องราวชีวิตอีกมุมหนึ่งของยอดนักปั่นจักรยานคนนี้ที่ถูกตีแผ่ ในรายการชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ตอน ภารกิจพิชิตฝัน ออกอากาศเมื่อวันอังคารที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส...

            "แรกเริ่มเลยคือตั้งใจจะพาพ่อไปเที่ยว พ่อก็ถามทุกวันว่าจะได้ไปไหม รถเมื่อไหร่จะเสร็จ ผมก็ถามว่าพ่อจะไปไหวเหรอ มันร้อนนะ ไกลนะ แต่พ่อบอกว่าไหว เมื่อพ่อพูดอย่างนี้ เราก็จัดให้" โอ๊ต บอกพร้อมกับลงมือต่อเติมจักรยานพ่วง เพื่อจะพาพ่อซึ่งขาไม่ค่อยมีแรงไปเที่ยวกระบี่

            เมื่อการต่อเติมจักรยานเสร็จสิ้นเป็นรูปเป็นร่าง การเดินทางเพื่อตามความฝันของพ่อและโอ๊ตก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งก็มีคณะและรถยนต์คอยติดตามคอยตามสองพ่อลูกไปด้วยเพื่อความปลอดภัย ตลอดระยะทาง 800 กิโลเมตร ซึ่งโอ๊ตตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลาเดินทางราว ๆ 5 วัน



            อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว และถนนบางช่วงค่อนข้างขรุขระ ทำให้โอ๊ตไม่สามารถปั่นจักรยานลากรถพ่วงของพ่อไปได้ตลอดเส้นทาง เพราะเกรงว่ารถพ่วงจะพังเสียก่อน จึงได้ให้พ่อขึ้นรถยนต์ที่ปิดท้ายขบวนเป็นช่วง ๆ สลับกับการนั่งรถพ่วง และลงเรือ จนในที่สุด เขาก็พาพ่อมาเที่ยวจังหวัดกระบี่ได้สมใจปรารถนาที่เขาอยากเห็นพ่อมีความสุข และรู้ว่าโอกาสที่จะทำให้พ่อเช่นนี้มีไม่มาก จึงอยากจะทำให้ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ

            โอ๊ต รู้ดีว่า ด้วยอาการป่วยของพ่อที่มีความผิดปกติในเส้นเลือดสมอง ทำให้มีนิสัยเหมือนเด็ก ๆ และร้องไห้ เมื่อได้รับความกระทบกระเทือนใจ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เขาไม่สามารถมีเวลาให้พ่อได้ตลอดทั้งปี ดังนั้น ในช่วงเวลาที่โอ๊ต ไม่อยู่บ้าน "อนุรักษ์ กองแก้ว" หรือ เอ๊ะ พี่ชายต่างสายเลือดของโอ๊ต วัย 36 ปี จะเป็นผู้คอยดูแลพ่อแทนโอ๊ต ซึ่งเขาก็พอมีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวได้จากการเปิดแผงให้เช่าพระ

            ฐานะทางบ้านของโอ๊ตไม่สู้ดีนัก เพราะก่อนหน้านี้ บ้านของโอ๊ตถูกไฟไหม้หมดจนสิ้นเนื้อประดาตัว เขาและครอบครัวจึงต้องออกมาเช่าบ้านหลังเล็ก ๆ แถวท่าพระอยู่ แต่ถึงแม้บ้านของเขาจะไม่มั่งมีด้วยเงินทองมากมาย แต่กลับเต็มไปด้วยความสุขเล็ก ๆ ที่คนในครอบครัวเติมเต็มให้แก่กันตลอดมา อย่างเช่นเมื่อพ่อเห็นว่าโอ๊ตรักการเดินทาง จึงให้ เอ๊ะ นำฟันของพ่อที่หลุดไปเลี่ยมใส่กรอบเป็นเครื่องรางของขลังให้โอ๊ตพกติดตัวไว้ เพื่อคุ้มครองลูกชาย ซึ่งโอ๊ตก็พกเครื่องรางชิ้นนี้ติดตัวตลอดเวลา

            อย่างไรก็ตาม นอกจากโอ๊ตจะคอยดูแลพ่อที่ท่าพระแล้ว ในช่วงสายของทุก ๆ วันที่เขาอยู่ในเมืองไทย โอ๊ตจะต้องปั่นจักรยานไปกลับกว่า 40 กิโลเมตร เพื่อไปเยี่ยมแม่ที่จังหวัดนนทบุรีอีกด้วย ซึ่งพ่อกับแม่ของเขาแยกทางกันตั้งแต่โอ๊ตยังเด็ก แต่โอ๊ตก็ยังปรารถนาให้ครอบครัวได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง

            แม่แสงทองของโอ๊ต บอกว่า ในช่วงแรก ๆ ที่โอ๊ตบอกว่าจะไปทำกิจการที่ต่างประเทศ เขาไม่ได้บอกว่าจะไปทำอะไร จนมาบอกทีหลัง ซึ่งเธอก็ทำได้แต่รอให้ลูกกลับมา

            "บางครั้งก็น้อยใจ น้อยใจไปอย่างนั้นแหละ ตัวก็เป็นห่วง ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจเลยว่า ตัวเขารักจักรยาน หรือรักแม่มากกว่า" แม่แสงทอง ตัดพ้อเล็ก ๆ และบอกอีกว่า ในช่วงแรก ๆ ที่ลูกไปทิเบตก็คิดถึงจนเครียด แต่เดี๋ยวนี้ไม่เครียดแล้ว

            เมื่อเวลาในแต่ละวันผ่านไป นั่นหมายความช่วงเวลาที่โอ๊ตจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยน้อยลงเรื่อย ๆ โอ๊ตพยายามใช้เวลานี้ เพื่ออยู่กับครอบครัวให้ได้มากที่สุด เขาตัดสินใจพาพ่อและพี่ชายไปนั่งทานอาหารญี่ปุ่น ซึ่งโอ๊ตรู้ดีว่า แม้ว่าตัวเขาเองจะมีเงินไม่มากนัก แต่ก็อยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดี ๆ ที่มีความสุขเอาไว้ในความทรงจำ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไปทิเบต



            นอกเหนือจากการใช้เวลาอยู่กับครอบครัวแล้ว เวลาอีกส่วนหนึ่งของโอ๊ต ยังนำไปใช้ปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจักรยาน เช่น การปั่นจักรยานไปเยี่ยมเยียนเพื่อนที่เคยปั่นจักรยานเป็นอาสากู้ชีพด้วยกัน รวมทั้งเข้าร่วมทำกิจกรรมกับกลุ่มชมรมนักปั่นจักรยานต่าง ๆ รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสังคม โดยโอ๊ตจะเป็นคนขี่รถปิดท้ายขบวน และคอยซ่อมรถจักรยานของพรรคพวกที่ชำรุดเสียหายระหว่างการเดินทาง ก่อเกิดเป็นมิตรภาพใหม่ ๆ ที่มีจักรยานอันเป็นที่รักของทุกคนเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์

            โอ๊ต บอกว่า ในสังคมของคนที่ขี่จักรยาน แม้ว่าจะไม่เคยรู้จักกัน แต่บางครั้ง แค่คนขี่รถจักรยานสวนกันแล้วเห็นหน้า ก็สามารถโบกมือทักทายกันได้อย่างสนิทใจราวกับรู้จักกันมาก่อน ซึ่งนี่คือมิตรภาพดี ๆ ที่หาได้ไม่ยากจากคนรักสองล้อเหมือนกัน

            "ที่ผ่านมาผมทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จ บอกตามตรงเหมือนมีอุปสรรคตลอดเวลา แต่ว่า ถ้ามันท้อ มันก็ไม่สำเร็จตลอดไป ก็ต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ สักวันมันต้องสำเร็จ ต้องมีความตั้งใจ" โอ๊ต พูดอย่างมุ่งมั่น



            และเมื่อวันเวลาผ่านไป ถึงวันสุดท้ายที่โอ๊ตจะได้อยู่ในเมืองไทย โอ๊ตบอกตัวเองว่า ในปีหน้าที่โอ๊ตจะกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง จะต้องซ่อมรถจักรยานคันเล็ก ๆ ที่ซ่อมค้างไว้อยู่ให้เสร็จ เพื่อจะได้ให้เด็ก ๆ แถวบ้านไว้ใช้ และเขาก็ตั้งใจจะซ่อมรถขายของเก่าที่เขาขอซื้อต่อมาในราคา 200 บาท มาสร้างรถพ่วงให้พ่อได้ใช้ปั่นแบบสบาย ๆ

            โอ๊ตตั้งปณิธานให้ตัวเองพร้อมกับเก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพายคู่ใจ และเดินไปร่ำลาพ่อที่ต้องจากกันไกลอีกครั้ง ตัวพ่อเองก็รู้สึกใจหายและเสียใจไม่น้อยที่จะไม่ได้เจอหน้าลูกชายคนนี้อีกร่วมปี แต่ก็ปล่อยลูกชายไปตามความฝัน ขณะที่พี่ชายก็บอกให้โอ๊ตรักษาตัวให้ดี และส่งข่าวคราวกลับมาที่บ้านบ้าง

            เมื่อเสร็จสิ้นการอำลา โอ๊ตกับจักรยานคู่ใจก็มุ่งหน้าไปยังสนามบิน การไปทิเบตครั้งนี้ของโอ๊ต เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่โอ๊ตบอกกับตัวเองว่า เมื่อกลับมาเมืองไทยปีหน้า เขาจะต้องมีเงินสักก้อนกลับมาเพื่อตั้งตัวให้จงได้...

** เครดิตจาก kapook.com **




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 19:09:08 น.
Counter : 1688 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  

angelica0819
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add angelica0819's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.