นกหงส์หยก




นกหงส์หยก

          นกหงส์หยก(Zebra Parakeet)
          ชื่อวิทยาศาสตร์ Melopsittacus Undulatus
          ชื่ออื่นที่ใช้เรียกคือ Shell Parrot, Zebra Parakeet, Warbling Grass Parakeet, Undulated Parrot

ประวัติและความเป็นมา

          ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของ Budgerigar นั้นอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าทั่วไปในออสเตรเลียปัจจุบันมักเรียกสั้นลงว่า บั๊ดจี้ส์ (Budgies) และ Parakeet ก่อนหน้ามีผู้เข้าใจ ว่านกนี้อยู่ในจำพวก Lovebird แต่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับแล้วว่าเป็นคนละชนิดกัน ชื่อเรียก Budgerigar เป็นชื่อซึ่งเพี้ยนมาจากสำเนียงพื้นเมืองในออสเตรเลียที่เรียกว่าBetcherrygah แปลว่าอาหารดี หรือกินอร่อย บุคคลแรกที่ได้ศึกษาและนำเรื่องราวในฐานะเป็นนกใหม่ เป็นนักสัตวศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ กูลด์ (Gould) ซึ่งได้เข้าไปศึกษาชีวิตการเป็นอยู่ของสัตว์ต่างๆ ในออสเตรเลีย เมื่อ 110 ปีที่แล้ว

          ชนิดและสีของนกหงส์หยก สีขั้นพื้นฐานในปัจจุบันของนกหงส์หยกชนิดธรรมดาได้แก่ สีเขียว(Green) สีฟ้า(Blue) สีเหลือง(Yellow) และขาว สีที่กล่าวมาแต่ละสีมีชื่อเรียกแยกออกไปตามความอ่อนแก่ของ สี โดยแยกเป็นน้ำหนักสีคือ อ่อน , กลาง และ แก่

          นอกจากสีธรรมดาดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีอีก 3 ชนิดที่ควรทราบคือ

           โอแพล์ลิน (Opaline) ชนิดสีนี้มิได้กล่าวเจาะจงว่าเป็นสีใดโดยเฉพาะ แต่จะมีลักษณะเป็น ที่สังเกตุดังนี้ บนคอ ใต้คอ และตรงขอบปีกติดกับไหล่จะไม่มีลายหรือจุด และจะต้องมีสีเหมือนกับ สีของลำตัว สีพื้นของปีก(มีลาย) ก็มีสีประมาณเป็นสีเดียวกับลำตัวเช่นเดียวกัน (นกชนิดธรรมดา ตัวเขียวจะมีหัวเหลือง ใต้คอเหลือง มัจุด 6 จุด และพื้นปีกก็เป็นสีเหลือง)

          เผือก อัลบิโนส์ (Albinos) ลักษณะที่สังเกตคือ สีตลอดตัวจะประมาณได้เป็นสีเดียว เริ่ม ตั้งแต่ขาวปลอดทั้งตัวหรือมีสีค่อนไปทางสีฟ้า

          ลูติโนส์ (Lutinos)เป็นนกที่มีสีเหลืองปลอด หรือมีสีค่อนไปทางเขียวทั้ง 2 ชนิด คือขาว และเหลืองนี้ ลักษณะสำคัญที่เห็นได้ชัดคือต้องมี นัยน์ตาสีแดง

ลักษณะทั่วไป

          นกหงส์หยก เป็นนกที่มีขนาดเล็ก มีลวดลาย และสีสันที่สวยงาม และสามารถแยกออกเป็นหลายพันธุ์ในตระกูลเดียวกัน นกหงษ์หยกเป็นนกที่ชอบแต่งตัวและรักสะอาด ชอบแต่งขนหน้ากระจก เราควรมีกระจกให้แก่นกด้วย โดยให้กระจกเหมาะสมกับจำนวนของนก บางครั้งเราควรที่ใช้ฟร็อคกี้ หรือ ที่ฉีด ฉีดน้ำให้เป็นฟอยๆกระจาย นกจะมาเล่นน้ำเพื่อทำความสะอาดขน และก็จะแต่งขน ซึ่งจะทำให้นกมีขนที่สวยงาม

การดูเพศนก

          การดูเพศของนกนั้นไม่ยากเลย สามารถที่จะสังเกตได้ ไม่ยาก โดยดูที่จมูกของนก ในนกตัวผู้เมื่อเจริญเต็มที่หรือพร้อมที่จะผสมพันธุ์ จมูกนกจะเป็นสีฟ้าเข้ม และในนกตัวเมียนั้นจมูกของนกเมื่อเจริญเต็มที่หรือพร้อมที่จะผสมพันธุ์ จมูกของนกจะมีสีออกเป็นสีเนื้อหรือสีน้ำตาลเข้ม สีดังกล่าวจะ เข้มขึ้นเรื่อยๆเมื่ออยู่ในระยะผสมพันธุ์

          นกหงษ์หยกจะจับคู่เมื่อมันพร้อมที่จะผสมพันธุ์ โดยสังเกตได้จาก นกอยู่กันเป็นคู่ ไซร้ขนให้กัน จะคอยป้อนอาหารให้กัน

การเลี้ยงดู

          นกหงส์หยกสามารถเลี้ยงดูได้ง่าย ส่วนมากนิยมเลี้ยงกันในกรงขนาดใหญ่พอที่ นกสามารถบินได้ และต้องมีขนาดให้พอเหมาะกับจำนวนของนกด้วย ตำแหน่งการตั้งกรงนั้นไม่ควร ตั้งไว้ในที่ๆมีอากาศร้อน หรือที่มีลมโกรกมาก ควรไว้ในที่ๆ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก อาหารและน้ำของต้องมีให้นกกินทุกวัน และควรเปลี่ยนอาหารและน้ำทุกวัน เพราะถ้าไม่เปลี่ยนอาจเป็นแหล่งเพราะโรค ของนกได้

          โดยธรรมชาติ นกหงส์หยกจะอยู่รวมกันเป็นฝูง ฉะนั้นถ้าเลี้ยงรวมในกรงใหญ่ เครื่องเล่นต่างๆอาจ ไม่จำเป็น แต่ถ้าเลี้ยงเพียงตัวเดียวหรือคู่เดียว เครื่องเล่นต่างๆก็ไม่อาจมองข้าม นอกจากอุปกรณ์เช่น ถ้วย หรือจานสำหรับใส่อาหาร น้ำ ผัก ทราย ที่ทุกกรงจะขาดไม่ได้และควรมี  Clofood (อาหารที่มีส่วนผสมของขนมปัง ไข่ และธาตุที่มีประโยชน์อื่นๆ)

อาหารของนกหงส์หยก

          ข้าวฟ้าง คืออาหารหลักของนกหงษ์หยก ซื้อได้ตามร้านค้าทั้วไปปัจจุบันอยู่ที่ ราคาประมาณ ถุงละ 20 บาท เป็นเมล็ดพืชเมล็ดเล็กๆ ควรซื้อแบบที่แบ่งขายใส่ถุง มากกว่า เพราะจะทำให้อาหารดูสด และป้องกันฝุ่นได้

          เมล็ดกวด แคลเซียม(กระดองปลาหมึก) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนกเลยทีเดียว จากประสบการณ์ของผู้เขียน คิดว่าสำคัญมากเพราะเมล็ดกวดหรือแคลเซียม(กระดองปลาหมึก)จะช่วยย่อยอาหาร ในลูกนกถ้าขาดของพวกนี้อาจจะมีอาการผิดปกติ ไม่แข็งแรง หรือตายได้ เมล็ดกรวด อาจจะนำมาจากทรายก็ได้แต่ควรล้างด้วยน้ำสะอาดเสียก่อน แคลเซียม(กระดองปลาหมึก) อาจจะหาซื้อได้ในร้านที่ขายนกร้านใหญ่ หรืออาจจะหาซื้อได้ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ราคาไม่หน้าแพงมาก ขายอยู่ที่ราคาประมาณ อันละ 5 บาทซึ่งมีขนาดใหญ่

          ผักใบเขียว เป็นตัวบำรุง นกที่สำคัญ เช่น กระหล่ำดอก คะน้า ผักกาดเขียว ผักบุ้ง เป็นต้น และต้องล้างให้สะอาดด้วยเพื่อป้องกันยาฆ่าแมลง

          น้ำ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่นกจะขาดไม่ได้เลย ควรเปลี่ยนน้ำทุกวัน เพราะถ้านกที่เป็นโรคขี้ลงไปอาจทำให้เป็นที่เพาะเชื้อโรค ถ้านกตัวอื่นกินเข้าไปอาจพากันติดกันหมดทั้งกรงได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก danielxbm.wordpress.com

* เครดิตจาก kapook.com *




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 9:51:12 น.
Counter : 5352 Pageviews.  

Ice Age 4 Scrat Continental

Ice Age: Continental Drift (20th Century Fox)


กำหนดฉาย : 12 กรกฎาคม 2555
แนว : Animation/Adventure/Comedy
ให้เสียงในตัวละครโดย : Ray Romano, Karen Disher, Queen Latifah, Jennette McCurdy, Denis Leary, Chris Wedge, Josh Peck, Avril Lavigne
กำกับ : Steve Martino, Mike Thurmeier

          ปล่อยกันมาแล้วกับโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่ใครหลายคน ตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมา ของเจ้าสแคร็ทกับความน่ารัก ๆ ที่ใครหลายคนติดใจกันมาแล้วถึงสามภาค กับภาพยนตร์เรื่อง Ice Age: Continental Drift อดใจรอกันอีกนิด อีกไม่นานเกินรอได้ชมกันแน่นอน

          เรื่องราวในคราวนี้เริ่มจากเจ้าสแคร็ทที่มัวแต่ง่วนอยู่กับลูกโอ๊คอีกตามเคย จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก จนเป็นเหตุให้น้ำท่วม ทำให้ ดีเอโก้, แมนนี่ และ ซิดเกิดเรื่องวุ่นวายต้องไปพาลพบกับโจรสลัดที่ขัดขวางการเดินทางการกลับบ้านของพวกเข­า 

          Ice Age: Continental Drift เข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 ให้เสียงในตัวละครโดย Ray Romano, Karen Disher, Queen Latifah, Jennette McCurdy, Denis Leary, Chris Wedge, Josh Peck, Avril Lavigne. จากผลงานการกำกับโดย Steve Martino, Mike Thurmeier


Ice Age 4

Ice Age 4 



Ice Age 4

Ice Age 4

Ice Age 4

ice age 4

Ice Age 4

Ice Age 4 





Ice Age 4

Ice Age 4

ice age 4

ice age 4

ice age 4

ice age 4

ice age 4

ice age 4

ice age 4

ice age 4

ice age 4

Ice Age 4

 Ice Age 4

Ice Age 4

Ice Age 4

Ice Age 4

Ice Age 4







* เครดิตจาก kapook.com *




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 9:49:35 น.
Counter : 1908 Pageviews.  

อาหารอาเซียน อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ 10 ประเทศอาเซียน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  เฟซบุ๊ก Ambuyat Fans Club (Traditional Dish of Brunei) , mmm-yoso.typepad.com , thekitchn.com

          การก่อตั้งอาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีประเทศสมาชิก คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา นอกจากเป็นการรวมตัวกันเพื่อช่วยพัฒนาประเทศในภูมิภาคเดียวกันแล้ว ยังก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของอาหารการกิน

          เนื่องจากแถบอาเซียนมีทรัพยากรค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีเมนูอาหารที่น่ารับประทาน และมีประโยชน์ต่อสุขภาพให้เลือกมากมาย  ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลาดกับอาหารรสเลิศของประเทศต่าง ๆ ทางกระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวม อาหารอาเซียน กับ 10 เมนูเด็ดของ 10 ประเทศอาเซียน ที่ห้ามพลาดมากฝากกัน ถ้าพร้อมแล้วเชิญชิม..เอ้ย..เชิญชมกันเลยจ้า

1.ประเทศไทย

          ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong)  แค่เอ่ยชื่อก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ต้มยำกุ้งเป็นอาหารคาวที่เหมาะสำหรับรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ กลิ่นหอมของสมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบในต้มยำกุ้ง นอกจากจะทำให้รู้สึกสดชื่นแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการเจริญอาหารได้เป็นอย่างดี

          และเนื่องจากต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยว และเผ็ดเป็นหลัก ทำให้รับประทานแล้วไม่เลี่ยน จึงทำให้ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในทั่วทุกภาคของประเทศไทย รวมถึงชาวต่างชาติเองก็ติดอกติดใจในความอร่อยของต้มยำกุ้งเช่นเดียวกัน

2.ประเทศกัมพูชา

          อาม็อก (Amok) เป็นอาหารคาวยอดนิยมของกัมพูชา มีลักษณะคล้ายห่อหมกของไทย โดยเป็นการนำเนื้อปลาสด ๆ ลวกพริกเครื่องแกง และกะทิ แล้วทำให้สุกโดยการนำไปนึ่ง ซึ่งนอกจากจะใช้เนื้อปลาแล้ว อาจเลือกใช้เนื้อไก่แทนก็ได้ ส่วนสาเหตุที่คนในประเทศกัมพูชานิยมรับประทานปลา เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของกัมพูชามีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ทำให้ปลาเป็นอาหารที่หารับประทานได้ง่ายนั่นเอง

3.ประเทศบรูไน

          อัมบูยัต (Ambuyat) เป็นอาหารยอดนิยมของบรูไน มีลักษณะเด่นอยู่ที่ตัวแป้งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม หรือโจ๊ก โดยมีแป้งสาคูเป็นส่วนผสมหลัก ตัวแป้งอัมบูยัตเอง ไม่มีรสชาติ แต่ความอร่อยจะอยู่ที่การจิ้มกับซอสผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีก 2-3 ชนิด เช่น ผักสด เนื้อห่อใบตองย่าง หรือเนื้อทอด  ทั้งนี้ การรับประทานอัมบูยัตให้ได้รสชาติ ต้องรับประทานตอนร้อน ๆ จึงจะดีที่สุด

4.ประเทศพม่า

          หล่าเพ็ด (Lahpet) เป็นอาหารยอดนิยมของพม่า โดยการนำใบชาหมักมาทานกับเครื่องเคียง เช่น กระเทียมเจียว ถั่วชนิดต่าง ๆ งาคั่ว กุ้งแห้ง ขิง มะพร้าวคั่ว เรียกได้ว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกับเมี่ยงคำของประเทศไทย ซึ่งหล่าเพ็ดนี้ จะเป็นเมนูอาหารที่ขาดไม่ได้ในโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญ ๆ ของประเทศพม่า โดยกล่าวกันว่า หากงานเลี้ยง หรืองานเฉลิมฉลองใด ไม่มีหล่าเพ็ด จะถือว่าการนั้นเป็นงานที่ขาดสมบูรณ์ไปเลยทีเดียว

5.ประเทศฟิลิปปินส์

          อโดโบ้ (Adobo) เป็นอาหารยอดนิยมของประเทศฟิลิปปินส์ ทำจากเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ที่ผ่านการหมัก และปรุงรส โดยจะใส่น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว กระเทียมสับ ใบกระวาน พริกไทยดำ นำไปทำให้สุกโดยอบในเตาอบ หรือทอด แล้วนำมารับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ

          ในอดีตอาหารจานนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทาง เนื่องจากส่วนผสมของอโดโบ้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เหมาะสำหรับพกไว้เป็นเสบียงอาหารระหว่างการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันอโดโบ้ได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่นำมารับประทานกันได้ทุกที่ทุกเวลา

6.ประเทศสิงคโปร์

          ลักซา (Laksa) อาหารขึ้นชื่อของประเทศสิงคโปร์ ลักซามีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่กะทิ ทำให้รสชาติเข้มข้น คล้ายคลึงกับข้าวซอยของไทย โดยลักซาจะมีส่วนผสมของ กุ้งแห้ง พริก กุ้งต้ม และหอยแครง เหมาะสำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารทะเลเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ลักชามีทั้งแบบที่ใส่กะทิ และไม่ใส่กะทิ ทว่า แบบที่ใส่กะทิจะเป็นที่นิยมมากกว่า


7.ประเทศอินโดนีเซีย

          กาโด กาโด (Gado Gado) อาหารยอดนิยมของประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วยผัก และธัญพืชหลากหลายชนิด  ทั้งแครอท มันฝรั่ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก ถั่วเขียว นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้ และไข่ต้มสุกด้วย กาโดกาโดจะนำมารับประทานกับซอสถั่วที่คล้ายกับซอสสะเต๊ะ อย่างไรก็ตาม ด้วยเครื่องสมุนไพรในซอส อาทิ รากผักชี หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ทำให้เมื่อรับประทานแล้วจะไม่รู้สึกเลี่ยนกะทิมากจนเกินไปนั่นเอง


8. ประเทศลาว

          สลัดหลวงพระบาง (Luang Prabang Salad) เป็นอาหารขึ้นชื่ออีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีรสชาติกลาง ๆ ทำให้รับประทานได้ทั้งชาวตะวันออก และตะวันตก โดยส่วนประกอบสำคัญคือ ผักน้ำ ซึ่งเป็นผักป่าที่ขึ้นตามริมธารน้ำไหล และยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น  มันแกว แตงกวา มะเขือเทศ ไข่ต้ม ผักกาดหอม และหมูสับลวกสุก ส่วนวิธีปรุงรสคือ ราดด้วยน้ำสลัดชนิดใส คลุกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว และถั่วลิสงคั่ว

9.ประเทศมาเลเซีย

          นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak) อาหารยอดนิยมของประเทศมาเลเซีย โดยนาซิ เลอมัก จะเป็นข้าวหุงกับกะทิ และใบเตย ทานพร้อมเครื่องเคียง 4 อย่าง ได้แก่ ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหั่น  ไข่ต้มสุก และถั่วอบ ซึ่งนาซิ เลอมักแบบดั้งเดิมจะห่อด้วยใบตอง และมักทานเป็นอาหารเช้า แต่ในปัจจุบัน กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่ทานได้ทุกมื้อ และแพร่หลายในประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายแห่ง เช่น สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทยด้วย


10.ประเทศเวียดนาม

          ปอเปี๊ยะเวียดนาม  (Vietnamese Spring Rolls) ถือเป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศเวียดนาม ความอร่อยของปอเปี๊ยะเวียดนาม อยู่ที่การนำแผ่นแป้งซึ่งทำจากข้าวจ้าวมาห่อไส้ ซึ่งอาจจะเป็นไก่ หมู กุ้ง หรือหมูยอ โดยนำมารวมกับผักสมุนไพรอีกหลายชนิด เช่น สะระแหน่ ผักกาดหอม และนำมารับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน โดยจะมีถั่วคั่ว แครอทซอย ไชเท้าซอย ให้เติมตามใจชอบ และบางครั้งอาจมีเครื่องเคียงอย่างอื่นเพิ่มด้วย  

               นั่นแน่! ชักรู้สึกหิวขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะคะ นอกจากจะน่ารับประทานแล้ว เมนูเหล่านี้ยังมีคุณค่าทางโภชนาการ และเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพด้วย เพราะมีส่วนผสมของพืชผักสมุนไพรเป็นหลัก แถมยังมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์อีกต่างหาก  ถ้าใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนประเทศต่าง ๆ ในแถบอาเซียน ก็อย่าลืมแวะเวียนไปลิ้มลองเมนูเด็ดเหล่านี้กันนะจ๊ะ

* เครดิตจาก kapook.com *



 

 




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 9:43:04 น.
Counter : 4546 Pageviews.  

รวมฝันร้ายที่เป็นจริง สนามบินสุวรรณภูมิ

ตั้งแต่ริเริ่มโครงการ จนก่อสร้างแล้วเสร็จแล้วเปิดใช้งานจริง สนามบินสุวรรณภูมิถูกมองว่า จะเป็นสนามบินระดับโลก และจะกลายเป็นHub การบินแห่งทวีปเอเชีย
       
       แต่อีกด้านหนึ่งแฝงเร้นมาตั้งแต่การจัดซื้อที่ดินสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร จนถึงสมัยทักษิณ ชินวัตร เรียกว่า รัฐบาลแทบจะทุกสมัยมีส่วนได้เสียกับสนามบินแห่งนี้ทั้งสิ้น โดยมีกรณีอื้อฉาวอย่าง กรณีเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX 9000 สัมปทานรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ และทุจริตลานจอดรถ แม้แต่รถเข็นในสนามบินก็ยังมีข้อครหาว่าเกิดการทุจริต
       
       กระทั่งหลายปีผ่านมา ดูเหมือนหลักฐานร่องรอยของการทุจริตจะเริ่มปรากฏ จนสนามแห่งใหม่ที่ควรจะเป็นที่ภาคภูมิใจของประเทศ กลับกลายเป็นความเสื่อมเสียที่คนทั่วโลกเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด
       
       ช่วงปีแห่งการบินโกลาหล
       
       สนามบินสุวรรณภูมิในปีนี้หากลองไล่เรียงดูดีๆ จะพบว่ามีข่าวความโกราหลอยู่เรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนตรวจเช็กหนังสือเดินทาง(ตม.) ก็พบปัญหา เมื่อผู้โดยสารเข้าคิวรอนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยความล่าช้าที่เกิดขึ้นนั้นมาจากที่ว่านักท่องเที่ยวเพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงหลังพิบัติภัยน้ำท่วม
       
       และเมื่อไม่นานมานี้ 21 มิถุนายน เกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องจนเรดาร์ใช้งานไม่ได้ 30 นาที ทำให้เครื่องบินนับ 10 ลำต้องบินเคว้งอยู่บนฟ้าจนต้องขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินอู่ตะเพา หรือสนามบินเชียงใหม่เพื่อเติมน้ำมันก่อนบินกลับมาส่งผู้โดยสาร
       
       มาถึงกรณีรันเวย์ร้าวครั้งล่าสุดก็เลวร้ายขั้นต้องประกาศปิดซ่อมรันเวย์ครั้งใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมานั้น มีการผิดซ้อมรันเวย์ฉุกเฉินมาแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ครั้งต่อปี แม้สมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุของความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามาจากการใช้งานหนักกว่า 6 ปี ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า เป็นเรื่องปกติที่รันเวย์สนามบินจะต้องได้รับการซ้อมบำรุง
       
       ทว่าการซ้อมบำรุงที่มีมาตลอด 200 ครั้งต่อปีจนต้องปิดบางส่วนของสนามบินเป็นประจำนั้น รวมถึงการประกาศปิดสุวรรณภูมิครั้งใหญ่ดูจะไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับสนามบินทั่วไป
       
       ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สุวรรณภูมิก็ได้ผิดซ่อมรันเวย์ด้านตะวันออกอยู่ก่อนแล้ว ครั้งนั้นสร้างความโกลาหลจน 380 เที่ยวบินเกิดดีเลย์ โดยเฉลี่ยแล้วเที่ยวบินละ 30 นาทีและดีเลย์สูงสุดถึง 1 ชั่วโมง
       
       ไม่ต้องสงสัยเมื่อถึงตอนนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่ในแง่ของการใช้งานสนามบินเท่านั้น หากแต่ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของประเทศที่ยิ่งนับวันปัญหาก็ดูจะทวีความย่ำแย่มากขึ้น
       
       กรณีเลวร้ายบนผืนดินที่ชื่อ สุวรรณภูมิ
       
       สนามบินสุวรรณภูมิกว่าจะก่อร่างสร้างรูปมาเป็นสนามบินอย่างทุกวันนี้ ต้องผ่านมือของผลประโยชน์มากมายหลายต่อหลายมือ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็คือความเสียหายอันเป็นเสมือนตราบาปที่ตอกย้ำถึงมาตรฐานความเป็นไปของประเทศนี้ ต่อไปนี้คือการรวมกรณีความเสียหายที่สนามบินสุวรรณภูมิ
       
       1.รันเวย์ร้าว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเพียง 4 เดือนหลังจากสนามบินเปิดใช้งาน โดยพบรอยร้าวกว่า 100 จุดบนรันเวย์ (ทางวิ่ง) และแท็กซี่เวย์ (ทางขับ) จนต้องปิดสนามบินบางส่วนเพื่อซ่อมแซม โดยสาเหตุมาจากการถมที่แต่แรกเริ่มนั้นใช้ทรายขี้เป็ดแทนที่จะเป็นทรายแม่น้ำ
       
       2.ระบบทำความเย็น ด้วยเพราะผนังอาคารเป็นกระจกสูง 20 เมตรและมีการลดสเปกอาคารบางส่วน ทำให้ต้องใช้ระบบหล่อน้ำเย็นใต้พื้นชดเชย ซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายและการดูแลมากกว่าระบบอื่นทั่วไป
       
       3.ห้องน้ำ เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินขนาดใหญ่ที่รองรับผู้โดยสารจำนวนมาก แม้จะมีจำนวนห้องน้ำถึง 1,455ห้อง มากกว่าสนามบินดอนเมืองถึง 855 ห้อง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ด้วยเพราะที่ตั้งห้องน้ำซ้ำอยู่ไกลจากกันมาก ทั้งยังมีพนักงานมาร่วมใช้ ทำให้ห้องน้ำมีไม่เพียงพอ และการดูแลทำความสะอาดก็ทำได้ยาก
       
       4.หลังคารั่ว ในวันที่ 18 กันยายน 2549 ขณะยังไม่เปิดใช้อย่างเป็นทางการ หลังคาอาคารผู้โดยสารเกิดรั่วเนื่องจากซิลิโคนที่เชื่อมกระจกหลุด ซึ่งอาจเกิดจากการทำความสะอาดกระจกหลังคา
       5.น้ำท่วม เนื่องจากบริเวณสุวรรณภูมินั้นเป็นพื้นที่ระบายน้ำ หรือพื้นที่หน่วงน้ำ (แก้มลิง) ด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานคร แม้จะประกาศว่าไม่มีปัญหาโดยสร้างกำแพงสูงถึง 3.5 เมตรรอบสนามบิน และตั้งสถานีสูบน้ำ 2 แห่ง สามารถระบายน้ำไปวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่น้ำก็ยังท่วมอยู่ดี
       6.ไม่เหมาะสมกับคนพิการ การออกแบบยังไม่คำนึงถึงการใช้งานของคนพิการซึ่งในระดับสากลแล้วจำเป็นต้องมี
       
       7.การติดต่อวิทยุสื่อสารมีหลายหน่วยงาน ทำให้การลงจอดเป็นไปได้ยากขึ้น หน่วยหนึ่งอนุญาตให้จอดขณะที่อีกหน่วยไม่ให้ลง ทำให้เสี่ยงที่เครื่องบินอาจจะชนกันได้
       8.การวางแผนรองรับเครื่องบินก็ผิดพลาด เนื่องจากเครื่องบินแต่ละลำสมรรถนะและขนาดที่ต่างกัน ความขึ้นเร็วในการขึ้น - ลงของแต่ละลำก็แตกต่างกันแต่จัดการทั้งหมดผิดพลาด
       9.การออก NOTAM หรือ Notice to airman ไม่มีการวางแผนไว้ก่อน ไม่เหมือนในต่างประเทศที่หากจะมีการปิดรันเวย์บางส่วนจะมีการแจ้งล่วงหน้าพร้อมระยะเวลา แต่ที่สุวรรณภูมิอาจจะมารู้ตอนที่มาถึงแล้วเท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาต้องบินอยู่กลางอากาศ หรือไปเติมน้ำมันที่อื่นแล้วกลับมาลงจอด ปัญหาเล็กๆอย่างไฟบนลู่วิ่งก็เสียหายนับพันดวง ซึ่งนักบินต้องใช้วิธีเปิดไฟเครื่องให้สว่างขึ้นเพื่อให้มองเห็นเส้นทางการบิน
       
       10.แปลนสนามบินมีปัญหา เครื่องบินของสายการบินเล็กๆ ไปจอดในที่เดียวกันโดยไม่ได้ทำทางให้เครื่องบินถอยหลัง เวลาเครื่องจะออกต้องรอคิวให้เครื่องบินด้านนอกถอยออกก่อน ส่งผลให้เสียเวลามาก
       
       11.ไข้หวัด 2009 หากยังจำกันได้ ในช่วง 2552 ที่มีไข้หวัด 2009 ระบาด สนามบินสุวรรณภูมิก็ถูกตั้งแง่ว่า มีการตรวจสอบผู้โดยสารที่ไม่ได้มาตรฐาน
       12.แก็งฉกเงิน เป็นเรื่องฉาวระดับโลกเมื่อเจ้าหน้าที่คัดแยกกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิรวมกลุ่มกันขโมยของจากสัมภาระผู้โดยสาร
       
       13.ทุจริตที่จอดรถ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2553 บริษัท ปาร์กกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด ได้ยื่นฟ้องต่อท่าอากาศยานไทย เป็นเงินถึง 200 ล้านโดยมีข้อมูลว่า ท่าอากาศยานไทยรู้เห็นเป็นใจต่อการผิดสัญญาโดยให้บุคคลภายนอกเข้ามาเก็บเงินค่าจอดรถซึ่งเป็นคนจากบริษัท ซีเนค จำกัดที่ท่าอากาศยานไทยเคยว่าจ้างให้เก็บเงินก่อนประมูล
       
       ปัญหาทั้งหมดบางปัญหาก็ได้รับการแก้ไขไปแล้ว แต่บางปัญหาก็ยังคงอยู่
       
       มองความเสียหายถึงทางแก้ไขปัญหา
       
       มรุต วันทนากร ปริญญาเอก บัญฑิตวิทยาลัย เอเชีย แปซิฟิกศึกษา มหาวิทยาลัยวาเซดะ นักวิชาการอิสระ
       
       มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับสนามบินสุวรรณภูมินั้นเกิดจากการก่อสร้างแต่แรกเริ่มที่ทำมาไม่ได้มาตรฐาน โดยหากจะให้พูดสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนั้นเขาก็วิเคราะห์ว่ามาจากหลายปัจจัยด้วยกัน
       
       “ตอนนี้มันมีการทุจริตกันมานานมากแล้วกับโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจัยต่างๆ รวมกัน ทั้งนักการเมือง ทั้งการแสวงผลประโยชน์ การตรวจสอบต่างๆ มันทำให้สนามบินสุวรรณภูมิเต็มไปด้วยปัญหา”
       
       โดยปัญหามากมายที่เกิดขึ้นนั้น มีอยู่หลายจุดมากที่ต้ำกว่ามาตรฐานของสนามบินระดับโลก แม้ว่าภายนอกจะดูสวยงาม แต่การใช้งานนั้นค่อนข้างมีปัญหา
       
       “มันมีหลายจุดมากที่ไม่ได้มาตรฐานในด้านของการใช้งาน ตั้งแต่ประตูเข้า - ออกที่เป็นชั้นเดียวซึ่งตามห้างสรรพสินค้า ไม่ต้องใหญ่มาก ถ้าสังเกตจะมีสองชั้นเพื่อทำให้อุณหภูมิอาคารไม่ลดลง แต่ที่สุวรรณภูมิสนามบินระดับโลก กลับไม่มี นี่คือผิดมาตรฐานแล้ว ซึ่งอาจจะเกิดจากการลดสเปกระหว่างการเสนอแบบก่อสร้าง”
       
       เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็พบกับจุดที่ผิดพลาด ที่กระจกบนเพดานสนามบินซึ่งติดฟิล์มกันแดดทั้งที่ไม่จำเป็นต้องติดหากมีการก่อสร้างที่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้น
       
       “จะเห็นได้ว่า ค่าใช้จ่ายพวกนี้จะปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ อะไรเล็กๆน้อยๆ มันโพ่ลขึ้นมาเรื่อยจากการก่อสร้างแรกเริ่มที่ไม่ได้มาตรฐาน”
       
       เมื่อเทียบกับสนามบินอื่น โดยเขายกสนามบินนาริตะซึ่งใช้มา 30 ปีแล้ว มีผู้โดยสารเข้า - ออกจำนวนเท่าๆ กัน เขาก็บอกได้เลยว่าที่สุวรรณภูมิดูเหมือนสร้างมานานกว่า ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปช่วง 2 ปีก่อนที่เขาต้องเข้า - ออกสนามบินอยู่เป็นประจำก็ทำให้เห็นได้ว่า ที่สุวรรณภูมินั้นจะมีการซ่อมแซมก่อสร้างอยู่ตลอดเวลา
       
       “ถ้าเดินผ่านร้านอาหาร กลิ่นอาหารจะคละคลุ้งซึ่งสนามบินที่ได้มาตรฐานมันจะไม่เป็นแบบนี้”
       
       ปัญหาหลายอย่างเกิดจากการลดสเปกการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส ยิ่งกับกรณีรันเวย์ร้าว ยิ่งจะซ้ำเติมให้ปัญหาทบทวีขึ้น
       
       “ถ้าให้ผมไปเดินที่สุวรรณภูมิชี้ไปที่จุดไหนก็มีปัญหาแทบจะทั้งหมด จุดตรวจหนังสือเดินทางที่มีร่มกาง จริงๆต้องไม่มี แต่ที่มีเพราะว่ามันมีแดด มันร้อน ก็แก้ไขปัญหาโดยเอาร่มไทยมากาง”
       
       ผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่มาไม่บ่อยก็อาจจะก่อให้เกิดความไม่สะดวกสบายบ้าง แต่กับชาวต่างชาติที่ต้องเดินทางมาบ่อยๆ นักธุรกิจ นักลงทุน มันก็ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือได้ การก่อสร้างสนามบินหากไปเทียบกับประเทศเป็นตัวเงินอาจจะไม่สูง เพราะค่าเงินต่างๆ แต่ละประเทศจะเทียบกันไม่ได้ แต่สุวรรณภูมิก็ถือว่าเป็นสนามบินที่ราคาแพงเหมือนกัน ยิ่งเทียบกับสิ่งที่ได้ คุณภาพของการใช้งาน ถือว่าต่ำกว่าที่คาดหวังไว้มาก
       
       “มองกันจริงๆ ส่วนที่สร้างไปแล้วเราก็คงต้องซ่อมแซมแก้ไข แต่ในส่วนขยายต่อไป มันก็คงต้องมีการสร้างให้ได้มาตรฐาน เพราะถ้าไม่ได้ความเสียหาย ค่าใช้จ่ายที่ตามมามันก็มากขึ้นเรื่อยๆ”
       
       การก่อสร้างสนามบินเฟส 2 นั้นคงต้องดูกันต่อไป เขามองว่ามาถึงตอนนี้ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว การทำงานของหลายภาคส่วนทั้งสื่อมวลชน ภาคประชาชนในการตรวจสอบ สังคมตื่นตัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ก็ได้แต่หวังว่าครั้งนี้อะไรหลายๆอย่างที่ผ่านมา และฝันร้ายอาจจะกลายเป็นดีขึ้นมาบ้าง

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 9:26:30 น.
Counter : 2124 Pageviews.  

"เจที" โต้ในศาลถูก "แอนตัน" เหน็บเป็นชู้เมียคนอื่นก่อน

เทอร์รี เข้ารับการไต่สวนที่ศาล
       จอห์น เทอร์รี กัปตันทีมเชลซี กล่าวอ้างระหว่างการไต่สวนของศาลว่าตนถูกเหน็บแนมจาก แอนตัน เฟอร์ดินานด์ กองหลังควีนส์ปาร์ก เรนเจอร์ ว่าเป็นชู้กับภรรยาคนอื่นก่อนจึงได้ใช้คำพูดทำนองเหยียดผิวเป็นการโต้กลับ
       
       เมื่อวันจันทร์ที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา เทอร์รี ขึ้นให้การที่ศาลแขวงเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอน หลังจากถูกฟ้องร้องในข้อหาเหยียดสีผิว เฟอร์ดินานด์ ระหว่างเกมพรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดที่ เชลซี บุกแพ้ คิวพีอาร์ 0-1 ที่สนามลอฟตัส โรด เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
       
       โดยสรุป เทอร์รี ให้การในชั้นศาลโดยยอมรับว่ามีการใช้คำพูดเหยียดสีผิว เฟอร์ดินานด์ จริง แต่เป็นไปในทำนองประชดประชันและตอบโต้กลับ หลังจากน้องชายของริโอ เฟอร์ดินานด์ เหน็บแนมในเรื่องที่เขาแอบไปมีสัมพันธ์สวาทกับ วาเนสซา เพอร์รอนเซล แฟนสาวของ เวย์น บริดจ์ อดีตเพื่อนร่วมทีมเชลซี ซึ่งเป็นข่าวครึกโครมเมื่อปี 2010
       
       ขณะที่ เฟอร์ดินานด์ กล่าวว่าตอนแรกไม่เชื่อว่า เทอร์รี พูดเหยียดผิว แต่เปลี่ยนใจหลังจากที่แฟนสาวให้ดูคลิปวิดิโอทางเวบไซต์ "ยูทูบ" ขณะที่กองหลังเชลซีกำลังขยับปากด่าตนเอง พร้อมกล่าวต่อว่าถ้าหากรู้ตั้งแต่ตอนนั้นก็จะแจ้งให้กรรมการรับทราบเพื่อจัดการหลังจบเกม
       
       ทั้งนี้ คาดว่าการไต่สวนจะมีขึ้นเป็นเวลา 5 วัน ถ้าหาก เทอร์รี ถูกตัดสินว่ามีความผิดก็อาจถูกปรับเงินอย่างน้อย 2,500 ปอนด์ (ประมาณ 1.25 แสนบาท) แต่ที่เสียหายมากกว่าคือภาพลักษณ์ของเขาอาจทำให้ถูกยกเลิกสัญญาจากบรรดาสปอนเซอร์ต่างๆ

เหตุการณ์ที่ เทอร์รี ถูกกล่าวหาพูดเหยียดผิว เฟอร์ดินานด์
       
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 9:23:00 น.
Counter : 1088 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  

angelica0819
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add angelica0819's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.