BlogGang.com : : สามปอยหลวง : 1. นันทพร : จันทร์พร

1. นันทพร : จันทร์พร

เรื่อง : นันทพร
ผู้ขียน : จันทร์พร
สำนักพิมพ์ : โอเดียนสโตร์
ปีที่พิมพ์ : 2506
สองเล่มจบ

สำหรับนวนิยายปกสวยเรื่องแรกของปี 2568 นี้ ผมขอนำเสนอนวนิยายรุ่นครู "นันทพร" นิยายเรื่องนี้ ประพันธ์ขึ้นจากปลายปากกาของ “จันทร์พร” นักเขียนท่านหนึ่ง ซึ่งเท่าที่ผมเห็น น่าจะมีผลงานในนามปากกานี้ เพียงแค่เรื่องเดียวเองครับ และน่าเสียดายที่ไม่ทราบเลยว่า “จันทร์พร” เป็นนามปากกา ของนักเขียนท่านใดหรือมีนามปากกาอื่น นอกเหนือจากเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ หากเพื่อนนักอ่านมีข้อมูลเพิ่มเติม ก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยครับ
+++++++++++++++++++++++++++
หนัน หรือ นันทพร เป็นธิดาคนกลางของคุณหลวงวิจารณ์คดีกิจ และคุณนายทิพยา ถือกำเนิดขึ้นมาในห้วงเวลาอันวิกฤตของครอบครัว เมื่อคุณหลวงถูกทางการสั่งให้ย้ายไปรับราชการต่างจังหวัดโดยด่วน ซ้ำคุณทิพยา ผู้เป็นมารดาก็ล้มเจ็บลงพอดี เมื่อคลอดเธอออกมาจึงเกิดความรู้สึกอคติขึ้นกับเด็กทารกน้อยที่ไม่รู้เดียงสา

เธอจึงส่งให้ผู้เป็นยายนำไปเลี้ยงแทน สำหรับชื่อเล่น “หนัน” ก็มาจากที่มาของ การผวนคำ จากเด็กทารกที่ “น่า-ขัน” เป็น “หนัน-ขา” และกลายมาเป็นชื่อเล่นของเธอไปในที่สุด ขณะที่เธอมีพี่ชายคนโต ชื่อ คุณไชยยันต์ พันทิพา และ น้องสาว คือมารตี ซึ่งสองสาวพี่น้อง ก็หาได้รักใคร่นับถือ นันทพร แต่อย่างใดไม่ เมื่อมารดาแสดงท่าลำเอียงจงเกลียดจงชังนันทพร ทั้งพันทิพา และ มารตี ก็เลยร่วมวงกับมารดาตัวเองไปด้วยอย่างสะสาใจ

คุณนายทิพยา มีเพื่อนสนิทคือ กรองแก้ว นิตยรักษ์ ซึ่งแต่งงานกับ วิทยา พงษ์ธวัช มีบุตรชายคือ วรานนท์ และ วิมลวรรณ ซึ่ง เธอก็หมั้นหมาย วิมลวรรณ ไว้กับ ไชยยันต์ตั้งแต่เด็ก ส่วนวรานนท์นั้น เติบโตเป็นชายหนุ่มรูปงาม ทำให้ ทั้งพันทิพา และ มารตี ต่างประทับใจ และอยากจะเป็นคนรักของเขา แต่ดูเหมือนว่าวรานนท์ จะให้ความเอ็นดู กับ นันทพร มากกว่าคนอื่น ทำให้ ทั้งสองสาวยิ่งเกิดความริษยา มากยิ่งขึ้น

งานเลี้ยง ของหม่อมวิภาโพยม ในวังที่อยู่ติดกัน คุณนายทิพยา ได้ให้ลูกสาวทั้งสองของเธอไปร่วมงาน โดยมีชุดสวยๆใส่ แต่ สำหรับหนัน เธอบังคับให้อยู่แต่ในบ้าน หากแต่แม่แต้มคนรับใช้ สงสารเด็กหญิงที่ ไม่มีโอกาสไปเที่ยวงานรื่นเริง เธอจึงเจียดเงินตัวเอง ซื้อเสื้อสวยๆ มาให้ นันทพร และแอบพาไปยังข้างรั้วที่ติดกับประตูวัง และที่นั่นเอง ทำให้ นันทพร มีโอกาสได้เจอกับ เด็กชาย คนหนึ่งในวัยไล่เลี่ยกับตัวเอง และมีท่าทีเป็นมิตร แตกต่างจากพี่สาวและน้องสาวโดยสิ้นเชิง
++++++++++++++++++++++
มิตรภาพระหว่างเด็กทั้งสองเริ่มต้นขึ้น หากแต่ไม่นานนัก เขาก็ถูกคนรับใช้ในวัง มาพาตัวให้กลับไปเข้างาน ทำให้นันทพร รู้ว่า เด็กชายผู้นี้ ก็คือ หม่อมเจ้าอัษฎางค์สุริยา หรือท่านชายอัษฏ์ นั่นเอง

ไม่นานนัก ท่านชายอัษฏ์ ก็ถูกส่งตัวไปเรียนต่อที่อังกฤษ และชีวิตของนันทพร ก็ดำเนินต่อไป เด็กสาวไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือสูงๆ เหมือนกับ พี่สาวและน้องมารตี ที่ต่างก็เติบโตเป็นสาวสะคราญ และมีเพื่อนไปมาหาสู่กันหลายคน รวมถึงเมตตา และอาจินต์ ธำรงศักดิ์ บุตรชายของคุณหญิงธำรงศักดิ์ยุติ แต่น่าเสียดาย ที่อาจินต์ ประสบอุบัติเหตุตาบอดระหว่าง การทดลองทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เขากลายเป็นคนเคร่งขรึมเก็บตัว ในขณะที่เมตตาเองก็ แวะเวียนมาที่บ้านคุณนายทิพยา บ่อยครั้ง ทำให้อาจินต์ซึ่งถูกทิ้งให้รออยู่ในบ้าน ได้รู้จักกับ นันทพร แม้จะไม่มีโอกาสเห็นใบหน้าเธอ แต่ก็ทำให้เขาได้มองเห็นน้ำใจอันบริสุทธิ์ที่เธอมีให้กับเขา ต่างกับพันทิพา และ มารตี ที่ลับหลังเมตตา พี่ชายเขา พวกเธอก็แสดงความรังเกียจอย่างออกนอกหน้า

นันทพร คอยติดตามข่าวคราวของ ท่านชายอัษฏ์ ด้วยความสนใจ มาตลอด ภาพข่าวของท่านในระหว่างทรงศึกษาอยู่ที่อังกฤษ เธอตัดเก็บเอาไว้ในสมุดบันทึกส่วนตัว ตราบจนกระทั่งท่านชายเสด็จกลับมาเมืองไทย และมีโอกาสได้พบกับเธออีกครั้ง
++++++++++++++++++++++++
ท่านชายจดจำ มิตรในวัยเยาว์ผู้น่ารักคนนี้ได้เช่นเดิม และบัดนี้ความรู้สึกอันเคยผูกพันในอดีต ก็ทำให้หญิงสาวและท่านชายผู้สูงศักดิ์ เกิดความรักต่อกัน แม้ว่า หม่อมวิภาโพยม จะเห็นด้วยเพราะประทับใจในความน่ารักของเธอ แต่ กลายเป็นว่าอุปสรรคสำคัญกลับเป็น คุณนายทิพยา มารดาของ นันทพรเสียเอง

เธอลำเอียงกับธิดาคนกลาง และอยากจะให้มารตี ลูกสาวคนเล็ก ที่หันมาชื่นชอบ ท่านชายอัษฎางค์สุริยา ได้เสกสมรสแทน ทำให้การสู่ขอนันทพร ต้องยุติลงก่อน กระนั้น ก็หาได้ทำให้ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาว แปรเปลี่ยนไปไม่ เห็นจะมีแต่วรานนท์ เท่านั้น ที่แอบรักนันทพร อย่างเงียบๆ โดยไม่ปริปากให้หญิงสาวที่เขาหลงรักได้ล่วงรู้ถึงความรู้สึกนั้น

ท่านชายอัษฏางค์สุริยา ทรงสงสารอาจินต์ และทราบว่าที่ต่างประเทศมีแพทย์รักษาอาการดังกล่าวได้ จึงช่วยเหลือพาเขาเพื่อไปรักษาตัวที่นั่น ก่อนไป ท่านชายได้มอบแหวนเสมือนการหมั้นหมายกับเธอไว้ และในช่วงเวลานั้นเอง ที่สงครามโลกเริ่มอุบัติขึ้น เมื่อญี่ปุ่นตีสิงคโปร์แตก และกองทัพญี่ปุ่นก็เคลื่อนกำลังผ่านเข้าสู่แผ่นดินสยาม เสียงสัญญาณเตือนภัย การต่อสู้ของปืนต่อสู้อากาศยาน ดังทั่วไปทั้งพระนคร วรานนท์ มาช่วยเหลือครอบครัวของนันทพร ที่ต่างหวาดกลัวหวั่นวิตกกันไปหมด เมื่อเสียง หวอดังขึ้น ทุกคนต่างต้องวิ่งไปหลบยังหลุมหลบภัยกันจ้าละหวั่น
++++++++++++++++++++
ไม่เพียงแต่สงครามเท่านั้น พระนครในเวลานั้นยังต้องเผชิญกับอุทกภัยเข้ามาซ้ำเติมอีก และในคืนหนึ่งนั้นเอง เมื่อเสียงสัญญาณภัยทางอากาศดังขึ้น ทุกคนต่างหนีเอาตัวรอด มีเพียงคุณทิพยา เท่านั้นที่หวาดกลัวจนหลบอยู่ภายในบ้าน พันทิมาและมารตี ลูกรักทั้งสอง ต่างเกี่ยงกันที่จะกลับขึ้นไปจากหลุมหลบภัย มีเพียง นันทพร เท่านั้น ที่ตัดสินใจวิ่งฝ่าอันตรายขึ้นไปพาเธอกลับลงมา ในเวลานั้นเอง ที่ทำให้ มารดาที่เคยจงชังลูกคนนี้ ถึงกับน้ำตาไหล ด้วยความซาบซึ้งใจ และเข้าใจความรักของนันทพร ที่มีต่อเธอ

ในเวลาต่อมา เธอจึงรู้ว่าวรานนท์ เป็นเสรีไทย และ ท่านชายอัษฎางค์สุริยา ที่ติดอยู่เมืองนอกพร้อมกับอาจินต์ที่รักษาตัวจนหายดีแล้ว ก็เข้าร่วมกับเสรีไทย ก่อนที่ทั้งคู่จะลอบผ่านเข้ามาในประเทศไทยโดยเครื่องบินสหรัฐ โดยการกระโดดร่มลงกลางป่าชายแดนไทย

นันทพรได้พบกับอาจินต์อีกครั้งและได้ทราบข่าวร้าย ว่าระหว่างนั้นเอง ได้เกิดการต่อสู้ปะทะกันเกิดขึ้น ท่านชายซึ่งเป็นหัวหน้าสายเสรีไทย อีกกลุ่มหนึ่ง ได้หายสาบสูญไปกลางป่า และเมื่ออาจินต์ออกติดตาม ก็พบพระศพของท่านชายในสภาพแหลกเละจนจำสภาพไม่ได้ เหลือเพียงฉลองพระองค์ที่ถูกยิง!

นันทพรเสียใจอย่างหนัก แต่ก็มีวรานนท์ คอยปลอบประโลมใจ ให้คลายความทุกข์ลง แต่แล้ว เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ ท่านชายอัษฎางค์ ปรากฏองค์ขึ้น ณ เบื้องหน้าเธอราวกับความฝัน!
+++++++++++++++++++++++
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าวันนั้น เมื่อท่านชายทรงแยกจากกลุ่มของอาจินต์ไปแล้ว ได้พบศพของ ทหารญี่ปุ่น นอนเสียชีวิตอยู่กลางป่า จึงทรงวางอุบายเพื่อหาทางออกจากป่าแห่งนั้น โดยสลับเปลี่ยนเสื้อผ้ากับ ศพนายทหาร ก่อนจะหาทางเพื่อฝ่ากลุ่มทหารญี่ปุ่น ออกมาได้สำเร็จ แม้จะใช้เวลาเนิ่นนาน จนทำให้ อาจินต์ และทุกคนเข้าใจผิดไปบ้างก็ตามที

และในที่สุด เหตุการณ์สงครามก็ยุติลง ในเวลาต่อมาพอดี เช่นเดียวกับ ความรักความเข้าใจของนันทพร และ หม่อมเจ้าอัษฎางค์สุริยา ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยความหวานชื่นและสุขสมหวังในบั้นปลาย

นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายที่เขียนขึ้นตั้งแต่ในช่วงปี 2506 ซึ่งในยุคก่อนหน้านั้นไม่นาน (ช่วงปี พ.ศ. 2485เป็นต้นมา) มีเรื่องราวต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ขบวนการเสรีไทย เหตุการณ์อุทกภัยในพระนคร ฯลฯ นันทพร จึงเป็นเสมือนการบันทึกภาพเหตุการณ์ และเรื่องราวต่างๆ ทั้งในประวัติศาสตร์เมืองไทย ในยุคสมัยนั้น รวมถึงสภาพบ้านเมือง การใช้ชีวิต วิถีชีวิตของผู้คนในพระนครได้อย่างแจ่มชัด เมื่อมีโอกาสได้อ่าน ทำให้นึกภาพตามไปด้วย อย่างอดพิศวงไม่ได้ เช่น ภาพถนนหนทาง ของพระนคร ในอดีต ที่บรรยายว่า

เบบี้เฟียตสีแดงคันจิ๋ว แล่นข้ามสะพานกษัตริย์ศึก มุ่งตรงมาทางถนนบำรุงเมืองด้านยศเสอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่เดียวก็หยุดจอดลงตรงมุมถนนส่วนบุคคล หลังจากรับนันทพร ขึ้นรถมาแล้ว เขาก็พาวกกลับมาตามเส้นทางเก่าอีกครั้งหนึ่ง เลี้ยวตัดถนนเพชรบุรี มุ่งตรงไปทางพหลโยธิน ออกสู่ชานเมือง

นันทพร มองภูมิประเทศที่เป็นทุ่งนา พุ่มไม้ และบ้านเรือนที่ปลูกห่างๆกัน ลมเย็นชายทุ่งพลิ้วป่านปะทะใบหน้าและเส้นผมของเธอปลิวไสว รถยังแล่นเรื่อยผ่านสถานีเกษตรกลางบางเขน มุ่งตรงมาทางอนุสาวรีย์ปราบขบถ...

นันทพร จึงเป็นทั้งนวนิยายรักพาฝัน ที่ให้ทั้งความบันเทิง และสะท้อนภาพชีวิตของผู้คนในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ต่างกับ การพาผู้อ่าน ให้ร่วมเดินทางไปกับตัวละคร พบพานเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆมากมาย ตราบจนกระทั่งมาถึงบรรทัดสุดท้าย ด้วยความรื่นรมย์

Create Date : 02 มกราคม 2568

Last Update : 2 มกราคม 2568 15:34:19 น.

0 comments

Counter : 315 Pageviews.

(โหวต blog นี้)