โดย: พักตา
สร้างภูมิต้านทานอารมณ์หวามไหว ให้ลูกยั้งใจก่อนจะเกินเลย
ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง...
16.00 น. กลุ่มเด็กสาวราว 6-7 คนมารวมตัวกันที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ บรรยากาศโดยรอบคึกคักไปด้วยผู้
คน
17.00 น. ม้านั่งตัวเดิม เหลือเด็กสาวเพียง 2 คน รอบข้างผู้คนเริ่มบางตา
17.30 น. เด็กหนุ่มสองคนเดินมารวมกลุ่ม
18.00 น. เหลือเพียงหนุ่มสาวหนึ่งคู่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม...ครูเวรกำลังกลับบ้าน ภารโรงตรวจอาคาร
เรียนอยู่ไกลๆ
18.10 น. ฝนเริ่มโปรยสาย หนุ่มสาวเข้าไปหลบฝนใต้อาคารเรียน ฝนกระหน่ำหนัก สองคนเบียดร่าง
ชิดกัน แล้ว...
...คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น? *พ่อแม่หลายคนคงรู้สึกคล้ายกันว่า "สถานการณ์แบบนี้...เสร็จแน่ๆ"
จากประสบการณ์บอกเราให้รู้ว่า ด้วยวัยที่เป็นเหมือนแรงดึงดูดกันและกัน กับโอกาสที่ได้อยู่กันสองต่อสอง ท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มแบบนี้ เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้ง่าย และถ้าคิดต่อไปว่า
หากหนึ่งในสองคนนั้นเป็นลูกของเราล่ะ เขาจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรหนอ เขาจะรู้เท่าทันและจัดการกับอารมณ์หวิวไหวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินี้ได้ไหมนะ ลูกชายของเราจะมีความเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะหักห้ามใจไม่ทำอะไรที่ล่วงเกินอีกฝ่ายหรือไม่ หรือลูกสาวเราจะรู้จักหวงเนื้อหวงตัว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายล่วงล้ำร่างกายซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวบ้างไหม
บางคนส่ายหน้า "ไม่แน่ใจ" "ไม่รู้เหมือนกัน"
พูดยากเหมือนกันนะคะ เพราะเรื่องอย่างนี้เป็นไปตามสัญชาตญาณ เป็นความต้องการภายใน และสังคมทุกวันนี้ก็เปิดโอกาสให้เด็กหญิงชายรุ่นนี้ก็สนิทสนมใกล้ชิดกันมากกว่ารุ่นเราเยอะ บางครั้งเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งมักเป็นภาวะที่ลูกเราไม่ทันได้คิดอะไร...ด้วยความไว้ใจหรืออารมณ์พาไปก็ตาม และในสถานการณ์เฉพาะหน้าแบบนั้น ก็มีเพียงเจ้าตัวคนเดียวที่รู้ว่า จะทำอย่างไร เลือกที่จะปฏิเสธ ยับยั้งชั่งใจ หรือปล่อยให้สถานการณ์พาไป
"ฉันยังไม่พร้อม" "แม่จะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น" "ถ้าท้องจะทำยังไง" ฯลฯ หรือ
"เพื่อพิสูจน์ว่าฉันรักเธอ...ฉันยินดี" "ไม่มีใครรักและเข้าใจฉันเท่าเธออีกแล้ว" "ครั้งเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง" ฯลฯ
เหตุผลหลากหลาย ที่จะทำให้เขาหยุด หรือปล่อยให้มันเป็นไปตามอารมณ์ ซึ่งจะเลือกอย่างไหน ขึ้นอยู่กับสัมพันธภาพในครอบครัว ว่าเหนียวแน่นพอที่จะใช้ความรักของพ่อแม่เป็นเกราะกำบังอารมณ์ความรู้สึก ณ ขณะนั้นได้ดีแค่ไหน ซึ่งนั่นหมายถึงความรู้สึกถึงคุณค่าที่เขามีในตัวเองและครอบครัวด้วย
ในรายละเอียดของสัมพันธภาพและความรักนั้น รวมถึงการพูดคุย สร้างความเข้าใจ และให้ทัศนคติเรื่องเพศที่เหมาะสมแก่ลูก เพื่อเขาจะได้มีข้อมูลและรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง และสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในวัยของเขา คุณหมอพรรณพิมล หล่อตระกูล บอกว่า พ่อแม่จำเป็นต้องรู้พัฒนาการและพฤติกรรมทางเพศที่จะเกิดขึ้นกับลูกในแต่ละวัยด้วย และพฤติกรรมที่โดดเด่นของวัยรุ่นก็คือ เขาเริ่มสนใจเพศตรงข้ามในแบบที่ไม่ใช่เพื่อนเสียแล้ว
"เราไม่ได้ห้ามให้เด็กรู้เรื่องเพศ แต่เขาจะต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง รู้อย่างเป็นขั้นตอนเลยว่าเป็นอย่างไร แน่นอนพอเริ่มเกิดอารมณ์ เขาก็ต้องอยากปลดปล่อยอารมณ์ แล้วการปลดปล่อยมันมีกี่ทาง
"เพราะฉะนั้นเมื่อเด็กอยากรู้เราก็ต้องตอบสนองความอยากรู้ของเขา และสิ่งที่เขาควรจะได้รู้ก็คือการแสดงออกเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศของเขา ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องที่เขาจะต้องไปปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ เรื่องนี้พ่อแม่ควรคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา ให้เขาเรียนรู้ว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติของชีวิต เป็นเรื่องที่คุยและถามพ่อแม่ได้ แล้วค่อยๆ ปลูกฝังให้ลูกแสดงออกเรื่องเพศอย่างเหมาะสม ให้เขามีทัศนคติเรื่องเพศที่ถูกต้อง
credit : momypedia