แม้ The Host จะเป็นหนังที่มีผู้ชมในเกาหลีมากถึง 12.5 ล้านคน และกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของประเทศภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่เชื่อแน่ครับว่าพอออกฉายในประเทศไทยย่อมต้องมีคนไม่ต้องรสนิยมกับหนังสัตว์ประหลาดเรื่องนี้อยู่พอสมควรเป็นแน่
สาเหตุสำคัญก็เพราะเรามักคุ้นชินกับหนังสัตว์ประหลาดฟอร์มยักษ์ในแบบฮอลลีวู้ดเป็นหลัก เช่น Alien(1979), Anaconda(1997), Deep Blue Sea(1999) งานเหล่านี้ส่วนใหญ่พยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับในการให้ตัวละครไปเจอกับอสูรกายเหล่านี้ ตรงกันข้ามกับหนังสยองขวัญ หรือหนังสัตว์ประหลาดทุนต่ำที่มักให้เหตุผลในการเกิดสิ่งเหล่านี้แบบกำปั้นทุบดิน เช่น The Return of The Living Dead(ผีลืมหลุม-1985) ซึ่งทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ด้วยสารพิษที่ไม่มีอยู่จริง - - The Host เองก็เป็นลักษณะอย่างหลัง หนังเพียงอิงมาจากเหตุการณ์จริงในเกาหลีใต้ ที่กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ปล่อยสารฟอร์มัลดีไฮด์(หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ฟอร์มาลีน สารเคมีที่ใช้ในการดองศพ และฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต) จำนวนมหาศาลลงในแม่น้ำฮาน แม่น้ำสายหลักของประเทศ ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตกลายพันธ์ตัวหนึ่งขึ้นมา
ด้วยเหตุผลง่ายๆ และการนำเรื่องราวของปัจเจกชนอย่างเรื่องในครอบครัวมานำเสนอของ The Host ทำให้หนังสามารถนำไปเปรียบเทียบได้กับหนังสัตว์ประหลาด 2 เรื่องนั่นคือ Godzilla อสูรกายของญี่ปุ่นที่กำเนิดจากผลพวงของระเบิดปรมาณู ซึ่งโดนใจคนแดนอาทิตย์อุทัยเพราะมันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของโศกนาฏกรรมการพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 และ King Kong (2005) ฉบับปีเตอร์ แจ๊คสัน ซึ่งเป็นการนำหนังสัตว์ประหลาดฉบับเดิมมาทำใหม่ โดยไม่ได้เพิ่มเติมเหตุผลให้น่าเชื่อถือมากนัก แต่กลับเจาะลึกตัวละครหลักอย่างละเอียดยิบ พร้อมด้วยเทคนิคพิเศษที่สมจริงยิ่งขึ้น จนทำให้คนดูยุคใหม่สามารถตื่นเต้น และคล้อยตามไปกับคิงคองได้อีกครั้ง
งานของผู้กำกับ บอง จุนโฮ เรื่องนี้เองก็มีเทคนิคพิเศษที่สมจริงเช่นกัน(หนังได้ทีมงานจากตะวันตกซึ่งเคยทำเทคนิคพิเศษด้านภาพให้กับ Harry Potter and The Goblet of Fire) แต่ทีเด็ดและจุดแข็งของหนังจริงๆ อยู่ที่อารมณ์ตลกร้ายซึ่งเสียดสีสังคมร่วมสมัยของเกาหลีอย่างเจ็บแสบ ซึ่งอย่างหลังนี่เองที่โดนใจคนตาดำๆ แดนโสมเหลือเกิน
แล้วต้องรีบไปหามาดูเต็ม ๆ เลยค่ะ
ชอบมาก
ตั้งใจจะเขียนถึงในบล็อกเหมือนกันค่ะ
^ ^