Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
Rice Rhapsody อลหม่านร้านข้าวมันไก่



เหมือนเป็นกรรมของ ซิลเวีย จางที่ต่อยอดมาจาก Eat Drink Man Woman(1994) หนังอาหารเรื่องดังของ อังลี่ เรื่องนั้นเธอถือเป็นจุดคลี่คลายปมปัญหาของพ่อครัวที่ประสบปัญหากับลูกสาวสามคน พร้อมๆ กับเกิดอาการไม่รู้รสชาติอาหาร แต่ในหนังตลกอย่าง Rice Rhapsody ตัวละครที่เธอรับบทอย่างเจิน เจ้าของกิจการร้านข้าวมันไก่ชื่อดังของสิงคโปร์ที่ดูแลกิจการ และเลี้ยงลูกสามคนหลังจากสามีทิ้งไปเพียงลำพังมาหลายสิบปี ก็กำลังประสบปัญหากลุ้มใจกับลูกชายทั้งสาม รวมถึงสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของวงการอาหารในสิงคโปร์

ดูเหมือนอุปสรรคของเธอจะน่าหนักใจกว่าเสียด้วยซ้ำ ในเมื่อลูกชายของเธอสามคน สองคนแรกเป็นเกย์ไปแล้ว ยังต้องมาหวั่นว่า ลีโอ(ทัน เลอแฟม) ก็มีแนวโน้มกับเขาด้วยเหมือนกัน เพราะขนาดเห็นดาราสาวสุดเซ็กซี่อย่างจีจี้(แม๊กกี้ คิว)ยังไม่สนใจ ติดจะรำคาญอีกต่างหากมิหนำซ้ำร้านเพื่อนข้างบ้านอย่าง กิมสุ่ย(มาร์ติน ยัน) ซึ่งเป็นมิตรและมีใจให้เธอมานาน วันดีคืนดีกลับคิดสร้างเมนูอาหารจานใหม่อย่าง “ข้าวมันเป็ด” มาแข่งขันกับเธอเสียอีก

เรื่องยังอลเวงไม่เพียงพอ ด้วยความที่กลัวจะขาดผู้สืบสกุลชนิดพึ่งพระพึ่งหมอทุกสำนัก ก็เลยนำพานักเรียนแลกเปลี่ยนสาวสวยชาวฝรั่งเศสอย่าง ซาบีน(เมลานี โลรองค์) มาพักอาศัยอยู่บ้านเพื่อหวังจะกระตุ้นความเป็นชายให้กับลีโอ…เสียแต่ว่าเจ้าหล่อนนั้นพฤติกรรมธรรมดาเสียที่ไหน ทั้งเป็นมังสวิรัติ เรียนปรัชญา ชอบตั้งข้อสงสัยสารพัด แถมหลายครั้งก็ทำตัวราวกับเป็นผู้หยั่งรู้อีกต่างหาก

ขณะเดียวกันท่ามกลางปัญหาที่รุมเร้า เจินก็เลือกที่จะเข้าแข่งขันประกวดการทำอาหาร เพื่อยุติทุกสิ่งด้วยศักดิ์ศรีที่เธอสั่งสมมา

Rice Rhapsody เป็นงานร่วมทุนระหว่างฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยโต้โผใหญ่คือค่าย JCE ของ เฉิงหลงที่แม้จะมีชื่อจากการแสดงหนังแอ๊คชั่น แต่เขาก็นิยมอำนวยการสร้างหนังที่มีเนื้อหาดีๆ อยู่เสมอ เรื่องของสิงคโปร์ก็มีสัดส่วนที่มากกว่าฮ่องกงอย่างเห็นได้ชัด หากจะพูดว่าปัญหาของเจินในเรื่องนั้นเป็นการเปรียบเปรยถึงสภาพในประเทศสิงคโปร์ก็ไม่ผิดอะไรนัก ในแถบเอเชียอาคเนย์ ที่นี่เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของบริเวณนี้ เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีทั้งย่านธุรกิจ การค้า บ้านเมืองดูเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาพร้อมๆ กับความมีกฎระเบียบที่สุดแสนจะเคร่งครัด ที่สำคัญเกาะเล็กๆ แห่งนี้ยังเป็นศูนย์รวมของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม ที่อยู่กันอย่างหนาแน่นถึง 3.5 ล้านคน ซึ่งหนังก็แสดงให้เห็นชัดจากการพูดกันหลากหลายภาษาทั้ง จีนแมนดาริน, และ ภาษาอังกฤษหลายสำเนียง

การที่หนังเริ่มต้นอย่างมีนัยยะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาก่อนหน้าที่ร้านข้าวมันไก่ไหหลำ หรือที่คนจีนเรียกว่า ไหหนาน ต้องหยุดปรับปรุงกิจการไปพักใหญ่ ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำทั่วทั้งภูมิภาคไม่เว้นแม้กระทั่งสิงคโปร์ รวมถึงประสบปัญหาจากโรคซาร์ส และที่สำคัญก็คือผู้นำประเทศที่เปลี่ยนมือจากลีกวนยู ไปสู่ “ลูกชาย” คือลีเซียนลุง ในวันที่ 12 สิงหาคม 2547 หลังจากที่มีข่าวลือในเรื่องนี้มานานพอสมควร

หนังเองไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อยกับการจะตั้งชื่อลูกคนสุดท้องคนนี้ว่า “ลีโอ”(สิงโต หรือก็คือสิงคโปร์นั่นเอง) รวมถึงการให้พฤติกรรมลูกคนรองที่ค่อนข้างเหินห่างจากผู้เป็นแม่ด้วยการพยายามนำสินค้าจากแฟนของตนมาฝากไม่ขาดมือ ซึ่งแสดงให้เห็นหนทางดำเนินธุรกิจแนวใหม่ๆ ที่เจินเองดูจะไม่เคยเห็นด้วย รวมถึงการไม่ยอมเปิดใจรับความเป็นจริงในตัวตนของลูกๆ ของเธอ ได้แต่เก็บเป็นความทุกข์ส่วนตน ซ้ำยังไปทึกทักจากหลักการน้ำวนย้อนทางของซาบีนราวกับเธอจะมาเป็นผู้ชี้ทางสว่าง ว่าในเมื่อน้ำของที่หมุนคนละทางกับที่อื่นหลักการใช้ชีวิตก็ย่อมแตกต่างไปด้วยเหมือนกัน

ก่อนที่เรื่องราวชุลมุนสารพันจะถูกสรุปแบบสุขนาฏกรรมด้วยการยอมเปิดใจจากประโยคสำคัญ Life first. Things second ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยอมรับลักษณะของคนในสังคมยุคใหม่ ที่ต่างคนต่างอยุ่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะละเลยผู้อื่น หรือสูญเสียรากเหง้า(ของคนเชื้อสายจีน)ออกไป อันเป็นมุมหนังที่มองอนาคตของสิงคโปร์อย่างมีหวัง มองช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นบทเรียนให้ก้าวไปข้างหน้า เปรียบได้กับฉากที่เจิน, กิมสุ่ย และลูกทั้ง 3 คนต่างมองหาสร้อยทองรูปไก่ดุจกุญแจไขปัญหาของชีวิต

หัวใจสำคัญอีกประการที่ช่วยให้หนังดูดีขึ้นอย่างมากคือการแสดงอย่างเป็นธรรมชาติทั้งด้านที่จริงจัง และขบขันของ ซิลเวีย จาง ซึ่งยังคงเสน่ห์แบบสาวใหญ่ พร้อมกับความเป็นแม่ได้ในคนเดียวกัน แม้ว่าเธอจะต้องแบ่งบทให้กับสัดส่วนเรื่องราวของลีโอ และซาบีนอยู่พอสมควร แต่หากเมื่อมองรวมกับหนังที่เธอเป็นผู้กำกับเองอย่าง Temptng Heart และ 20:30:40 ในวัยที่ล่วงมา 50 แล้วของจางก็นับว่าน่าทึ่งอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางในสายนี้ของเธอ

Rice Rhapsody ยังมีข้อบกพร่องอยู่ค่อนข้างชัดเจนในจังหวะการปล่อยมุขตลกหลายๆ ครั้ง ในเนื้อเรื่องที่พยายามจับประเด็นหลายๆ ประเด็นมานำเสนอ จนเกิดความไม่ต่อเนื่องในแต่ละฉาก การข้ามบางส่วนบางตอนทำให้หนังดูขาดเหตุผลโดยเฉพาะอารมณ์ร่วมผูกพันกับตัวละครรองๆ อย่างลูกสองคนของเจิน และการกระทำต่างๆ ของซาบีน นั่นยังรวมไปถึงการแสดงของนักแสดงหน้าใหม่หลายๆ คนที่ยังถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ไม่ดีนัก แต่โดยรวมหนังยังมีโทนที่ค่อนข้างรื่นรมย์มากกว่าน่าเบื่อ ถ้าเอาแค่มุมมองทางสังคมที่สะท้อนออกมาอย่างคมคายไม่หยอกก็ถือว่า เคเนธ ไบ เป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่น่าจับตาทีเดียว

เคเนธ ไบ ผู้กำกับ


พื้นเพเป็นคนวงการหนังอินดี้ฮ่องกง ไบจบการศึกษาด้านภาพยนตร์ด้วยเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัย Brock ประเทศแคนาดา โดยเคยผ่านงานเขียนบท, กำกับ และการแสดงมาแล้วในแคนาดา และฮ่องกง จากละครเวที และภาพยนตร์หลายเรื่อง ในปี 1992 เขายังชนะรางวัล Special Merit Award ที่โตรอนโตด้วยผลงานละครวิทยุเรื่อง Rice Krinkles ต่อมาปี 2002 งานที่เขาเหมาควบทั้งผู้คิดเรื่อง, ผู้ช่วยผู้กำกับ และแสดงเอง เรื่อง The Runaway Pistol ก็ได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลม้าทองคำในสาขาผู้กำกับ แต่ที่ฮ่องกงผลงานที่ทำให้เขาแจ้งเกิดคือการแสดง,เขียนบท,ลำดับภาพใน Hong Kong Graffiti ในปี 1995 ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสทำงานถึง 2 เรื่องในปี 1999 กับงานไลน์-โปรดิวซ์ใน Slow Fade ของแดเนียล และทำดนตรีประกอบใน The Longest Summer ของฟรุ๊ต ชาน

ปี 2000 ไบได้มีโอกาสกำกับหนังสำหรับลงวิดีโอเรื่อง A Small Miracle ปีต่อมาเขาได้เขียนหนึ่งในแปดเรื่องสั้นสำหรับกองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการอนุรักษ์นกปากเป็ดดำใน Lobo ‘s Big Adventures เขายังทำงานหนังต่อในปี 2001 ด้วยการควบสามตำแหน่งทั้งเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ, แสดง และเขียนบท ใน Runaway Pistol ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลม้าทองคำถึง 3 สาขา
Rice Rhapsody ถือเป็นการกำกับหนังเรื่องแรก บทหนังได้รับรางวัล Outstanding Screenplay ปี 1999 ที่จัดโดยกรมสารนิเทศ รัฐบาลไต้หวัน และติดในรายชื่อโปรเจ็คท์ที่เสนอขอทุนจากเทศกาลปูซานในปี 2000 จนได้รับการสร้างเสร็จออกฉายปี 2004 ที่ผ่านมา โดยความน่าสนใจของเนื้อเรื่องทำให้ Rice Rhapsody ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลม้าทองคำ ปี 2004 ในสาขา นักแสดงนำหญิง และดนตรีประกอบที่ประพันธ์โดย มาซาฮิโร่ คาวาซาคิ ได้รับเชิญเข้าฉายในหลายเทศกาล




Create Date : 21 กันยายน 2548
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2550 2:17:45 น. 3 comments
Counter : 2430 Pageviews.

 
แวะมาเก็บข้อมูลครับ


โดย: joblovenuk วันที่: 24 กันยายน 2548 เวลา:23:33:48 น.  

 
น่าดูมากค่ะ...


โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:1:22:43 น.  

 
ยังไม่เคยได้ดูเลยครับ แต่ถ้ามีโอกาสก็น่าสนใจ


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:13:26:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

yuttipung
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax

Friends' blogs
[Add yuttipung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.