เกริ่นนำสำหรับส่วนนี้เป็นการนำข้อมูลที่ผมเขียนจากเว๊บ filmclub ซึ่งเจ้าของเว๊บเขาไม่มีเวลาดูแล ก็เลยให้ตัวผมเขียนเกริ่นนำข้างต้น ไปๆ มาๆ ก็มันมือเอาเรื่องหนังมาเขียนซะจนไม่มีคนเข้า สรุปว่าในส่วนกลุ่ม Filmclub ก็จะมีความรู้ด้านภาพยนตร์จากมันสมองกลวงๆของผม กับข้อมูลเกร็ดความรู้ที่ผมหามาจากการทำงาน
สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ผมหยิบยืมมาจากหนังสือเล่มอื่นๆ ทั้งสิ้น หากใครสนใจจะเริ่มเขียนวิจารณ์ หรือศึกษานั้น การเริ่มต้นเองนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างที่สุดครับ
ประเภทของหนังนั้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันก็ยังถูกมองด้วยศิลปะสองรูปแบบตามความเชื่อ นั่นคือ สัจจนิยม(Realist) และ รูปแบบนิยม(Formalist) ตามความเชื่อที่ต่างกันครับ ฝ่ายหนึ่งมองว่าภาพยนตร์คือการเลียนแบบธรรมชาติ ดังนั้นควรบันทึกทุกอย่างตามที่มันเป็น ถ่ายทอดภาพที่ได้อย่างสมจริง นั่นคือ สัจจนิยม ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมองภาพยนตร์เป็นมายาภาพ สิ่งที่เห็นไม่มีสัดส่วนที่ถูกต้อง เป็นภาพลวง ดังนั้นควรมองศิลปะและคุณค่าของภาพยนตร์จากรูปแบบของศิลปะมากกว่า นั่นคือ รูปแบบนิยม
หนังสัจจนิยมที่เด่นชัดที่สุดคือ ภาพข่าวที่บันทึกเหตุการณ์จริง เพราะสารคดีสมัยปัจจุบันอาศัยการเล่าเรื่อง และเทคนิคด้านภาพ การตัดต่อเข้าช่วยค่อนข้างมาก ขณะที่รูปแบบนิยมนั้นพัฒนาไปมาก จนปัจจุบันหนังที่เน้นรูปแบบเต็มตัวคงเป็นภาพยนตร์แนวทดลอง ที่ไม่เน้นการเล่าเรื่อง แต่แสดงองค์ประกอบด้านภาพ และศิลปะการนำเสนอ
ในอดีตภาพยนตร์ที่ต่างขั้วกันนี้ได้วิวัฒนาการ มีชื่อหลากหลายตามประเทศ และกลุ่มที่ตั้งตัวสร้างภาพยนตร์ขึ้น เช่นภาพยนตร์แนวสัจจนิยม ได้รับความนิยมในรัสเซียช่วงหนึ่ง รวมไปถึงอิตาลีที่ก่อให้เกิดแนวสัจจนิยมใหม่(Neo Realism) ขณะที่ภาพยนตร์แนวรูปแบบนิยม ก็ได้ทำให้เกิดกลุ่ม เยอรมัน เอ็กเพรสชั่นนิสม์, อวองการ์ด ในฝรั่งเศส และศิลปะกลุ่มเซอร์เรียลลิสม์ก็ได้สนใจการสร้างภาพยนตร์ จนเกิดหนังแนวเหนือจริง
แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีหนังที่ไปทางใดทางหนึ่งอย่างสุดโต่งมากนัก หนังปัจจุบันส่วนใหญ่จะผสมผสานทั้งสองแนวทางไว้ด้วยกัน ประเภทที่เคยเกิดขึ้นมาส่วนใหญ่ได้ตอบสนองความต้องการทางสังคมในยุคนั้น พอผ่านช่วงเวลามาถึงปัจจุบันก็ไม่ได้ความนิยมเช่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นหนังฮอลลีวู้ด, หนังไทย และหนังที่ตอบสนองผู้ชมจำนวนมาก และหวังผลทางการตลาดส่วนใหญ่จึงเน้นการเล่าเรื่อง พร้อมกับเน้นการจัดวางรูปแบบพื้นฐานด้านภาพที่เข้าใจไม่ยากเข้าไว้ด้วยกัน เรียกหนังแนวดังกล่าวรวมๆ ว่าเป็นหนังดราม่า(Drama) หรืออาจเรียกว่าเป็น Classicalism หรือแบบอย่างมาตรฐาน โดยแนวทางหนังดราม่าแล้ว จะถูกวิจารณ์ด้วยวิธีการแบบแบ่งหนังตามตระกูล(Genre) เช่น ดราม่า, ตลก, หนังตะวันตก, หนังเพลง, อาชญากรรม, สืบสวนสอบสวน, สยองขวัญ ฯลฯ แต่บางทีหากหนังเรื่องใดเน้นอิงไปทางรูปแบบใด ผู้วิจารณ์ก็อาจยกเฉพาะการวิจารณ์รูปแบบ หรือศิลปะการเล่าเรื่อง
|