Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
4 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
War of The World สงครามล้างโลก หรือ นิทานก่อนนอนสุดมัน







ส่วนนี้นอกจากจะเป็นความรู้ด้านภาพยนตร์ ผมก็คงจะใช้เขียนอะไรเกี่ยวกับหนังแบบสบายๆ สักหน่อย เพราะบางทีก็ไม่มีเรียบเรียงมากมายครับ ส่วนที่เป็นบทวิจารณ์จึงจะอยู่ในส่วนของ Movie Review ก็เขียนถึงหนังที่ไปดูมานี่แหละ ง่ายดี แถมตัดแปะมาจากที่อื่นอีกต่างหาก :P (นำมาจากความเห็นตนเองในเว๊บ popcornmag ครับ แก้คำนิดๆ หน่อยๆ )



War of The World เป็นผลงานผู้กำกับที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของฮอลลีวู้ด อย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์กโดยส่วนตัว ตั้งแต่ฉากตื่นเต้นของหนังเริ่มขึ้น ผมยังเฉยอยู่แต่หลังจากนั้นผ่านไปได้สัก 3 นาที ไม่มีตรงไหนที่ไม่มีคำว่าตื่นเต้นอยู่ในหัวของผม แน่นอนยังเหลือการทิ้งให้จบแบบงงๆ อีกสัก 5 นาที ในที่สุดสปีลเบิร์กก็กลับมาทำหนังแบบที่เขาถนัดเสียที หลังจากไปทำชีวิต หนังหวังรางวัลมานาน หรือแม้แต่ A.I. ภาคคิวบริคเข้าทรงแบบ เข้าๆ ออกๆ , Minority Report ที่พยายามรักษาบรรยากาศนวนิยายวิทยาศาสตร์ยุคสงครามเย็น แต่เขาเกิดมาจากหนังตื่นเต้นที่ไม่ต้องอาศัยเหตุผลต่างหาก ไม่ว่าจะเป็น Duel, Jaws, หรือมา Jurassic Park ตัวละครนำในเรื่องก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีที่มาที่ไป และบทสรุปเป็นแค่การคลี่คลายความรู้สึกของตัวละครที่อัดอั้นเท่านั้น จะมีเรื่องไดโนเสาร์ที่พยายามมีคำพูดทางวิทยาศาสตร์มาอธิบาย(มีใครฟังบ้างมั้ยครับ ผมไม่สนเลย) ส่วน Jaws นั้นคำพูดของคนในเรื่องทำให้ปลาฉลามกลายเป็นปีศาจ- เครื่องจักรสังหารไปเลย ซึ่งผมเห็นเป็นจุดเด่นสำคัญยิ่งกว่าปมชีวิตในวัยเด็กเสียอีก แล้วฉากตื่นเต้นก็สะท้อนจินตนาการแบบเด็กได้ชัดเจนกว่าเสียด้วย ที่ชัดมากในหนังก็คือฉากตื่นเต้นในใต้ถุนบ้านกลางเรื่อง เป็นหนึ่งในการผสมผสานศิลปะการเล่าเรื่อง, กลวิธีการสร้างความตื่นเต้น และลายเซ็นของผู้กำกับคนนี้อย่างแท้จริง



เช่นเดียวกับ War of The World ผมไม่สนใจเหตุผลอะไรในเรื่องเช่นกัน มีหลายฉากในหนังที่ถ้าเอาเข้าจริงมันไม่มีเหตุผลหรอก ทั้งการหนีให้รอด หรือ การกระทำตัวละคร แต่ตัวละครของเขาเป็นอย่างนี้เสมอ ตัวละครที่ทำอะไรโง่ๆ ไม่น่าให้อภัย แล้วคนดูก็จะด่าว่า โง่ อยู่เรื่อยๆ แต่ทำให้เราลุ้นตามไปด้วย เพราะมันเหมือนตัวเราชะมัด ก็เพราะว่าเขาเก่งเหลือเกินในการกำกับคนดู แถมเขาจะบอกเป็นนัยเสียอีกว่า หลังจากเหตุการณ์ 9/11 มันยังมีอะไรหาสาเหตุได้อีก



ผมไม่ค่อยสนเรื่องการเหมือนกับฉบับหนังเดิม - ฉบับนวนิยายอยู่แล้ว ไม่พยายามมองอะไรแบบนั้นในหนังทุกเรื่องที่ดู หรือหนังสือที่อ่าน แต่ในหนังเรื่องนี้สิ่งที่คนหลายคนไม่ชอบน่าจะเรียกว่าเป็นอัตตา ที่บ้ามากของผู้กำกับแล้วกัน ดูแล้วมันเหมือนนิทานก่อนนอน เพลงกล่อมเด็กรุ่นใหม่แบบที่ในหนังเขาร้องนั่นแหละ สเกลหนังมันไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่ทุกคนคาดคิดตามชื่อเรื่อง หรือฟอร์มหนังตามตัวอย่าง ก็เลยพาลไม่ชอบไปซะอย่างนั้น ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรครับ คนดูทุกคนมีสิทธิ์ อิสระ คิดเอง ความคิดของผมก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเท่านั้น







Create Date : 04 กรกฎาคม 2548
Last Update : 9 กรกฎาคม 2548 17:23:32 น. 9 comments
Counter : 2881 Pageviews.

 
คิดว่าจะไปดูเห็นเพื่อนก็บอกวาไม่สนุก


โดย: ต่ายจัง (nuanapa ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:25:38 น.  

 
มาอ่านค่ะ


หนังเรื่องนี้คนดูเยอะจริงๆ


แล้วความเห็นก็หลากหลายมาก ทั้งชอบและไม่ชอบ


ว่าแล้วก็..ไปดูแบทแมนบีกินดีกว่า


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 กรกฎาคม 2548 เวลา:9:19:48 น.  

 
จริงๆ ผมว่าหนังมันก็มันส์ดีอ้ะคับ ดูแล้วเหนื่อยอีกทั้งมันก้มีหลายๆ ฉากที่น่ากลัวไม่เลว

แต่ตอนจบ มันน่าจะเข้าท่ากว่านี้หน่อยอ้ะ น่าจะลุ้นเพิ่มอีกนิดนึง


โดย: หมื่นทิพ TRAVOLTA (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2548 เวลา:10:01:21 น.  

 
War of The World

(World of American น่ะคับ หุหุ)


โดย: monkeygig วันที่: 4 กรกฎาคม 2548 เวลา:6:02:57 น.  

 
หนังเรื่องนี้ ดีอย่าง ที่ผมไม่ได้ ควักเงินไปซื้อ ตั๋ว
(ได้ดูฟรี น่ะ ครับ)
ผิดคาด กับ ลุง สปิลเบิร์ก
คือ ดราม่าไปไม่ถึง ไซไฟ ก็อยังเหมือนเดิม
ตอนจบเนี่ย..เฮ้อ


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า วันที่: 5 กรกฎาคม 2548 เวลา:0:41:08 น.  

 
ขอให้นายหลวงมีความสุขและขอให้อายุยืนตลอดปีและขอให้มีทรงพระเจริญ


โดย: ศิริ สุขมั่น IP: 58.147.28.238 วันที่: 19 มิถุนายน 2549 เวลา:16:27:24 น.  

 
ขอให้มีทรงเจริญและขอให้มีความสุข


โดย: ศิริ IP: 58.147.28.238 วันที่: 19 มิถุนายน 2549 เวลา:16:45:15 น.  

 
อ่า เพิ่งเข้ามาอ่าน ถึงจะนานแล้วก้อเหอะแต่ขอวิจารณ์นิด

ซึ่งต่างกับคุณ yuttipungขอบอกว่าหนังเรื่องนี้

"ผมผิดหวังกับลุงเบิกมาก"

เพราะว่า"ความไม่มีเหตุผลของหนัง"นั่นแหละครับ

ผมว่ามันเกินไปนะมันควรจะเรียกว่า"ไร้เหตุผลเลยแหละ"

ที่บางคนชื่นชอบหนังเรื่องนี้ มีอย่างเดียวครับ คือ
"ค่านิยม"

เช่นโปรเจ็กความยิ่งใหญ่ของหนัง ดารานำ และชื่อผู้กำกับ

คุณ yuttipung บอกว่า เหตุผลของหนังมันอาจจะไม่จำเป็น
สำหรับคุณ ผมเถียงใจขาดเลยครับ ถ้าเปรียบกับการซื้อกับข้าวแหละครับไม่ว่าใคร ก็ต้องการความ"กลมกล่อม"ครับ ที่สำคัญนะครับคุณวิจารณ์หนัง แต่กลับไม่ให้ความสนใจในด้านหนึ่งที่สำคัญของหนัง - - แม้แต่ เรื่องสแคร์รี่ มูฟวี่ ซึ่งหนังมันดูไร้สาระมากๆ เช่นไอ้ตัวหน้ากากนี่มันมายังไงฟะมาเกี่ยวอะไรด้วย?อยุ่ดีๆก้อมาโดนกัญชาไปซะหลายไฟ แต่จริงๆแล้วมันมีเหตุผลนะครับ เหตุผลที่ไอ้ตัวหน้ากากมันมาได้ยังไงก็เพราะว่า หนังต้นฉบับมันมีไงล่ะครับ แทบทุกคนที่ชอบดูหนัง ต้องเคยดู จูราสสิก พาร์ค แน่นอน ฉากที่ นักวิทยาศาสตร์ อธิบายว่าไดโนเสาร์มันมาได้ยังไง ที่ว่ามีคนสนใจฟังไหม? มีครับ และเป็นส่วนใหญ่ด้วย มันกี่ปีมาแล้วล่ะเนี่ย - - ผมยังจำได้เลยนะว่าที่ไดโนเสาร์มันมีขึ้นมาได้น่ะ เพราะ การนำเลือดยุงที่ถูกยางสน สตาฟเอาไว้โดยธรรมชาติ มาตัดต่อพันธุกรรมจนเกิดเป็นไดโนเสาร์ในหนังขึ้นมา ผมว่าฉากนี้มันน่าสนใจมาก มันแสดงถึงจินตนาการของผู้สร้างผู้แต่งฯ หนังที่ดีไม่ใช่ว่ามีแต่ความตื่นเต้นและฉาก CG อันอลังการนะครับ มันต้องมีความ "กลมกล่อม" คือ ครบรส หรือหากว่าเน้นความสำคัญของความตื่นเต้น มันก็ควรจะให้เหตุและผลที่พอสมควร อย่างวอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์ นี่ตามความเห็นของผม ผมว่าไม่ผ่านนะครับ มีฉากนึงผมยังจำได้ ที่อธิบายเหตุผล แบบขอไปที ที่ตัวเอกพูดว่า"มันส่งพวกมันลงมาทางสายฟ้าเพื่อรอทำลายโลก เป็นสิบๆยี่สิบปี" แต่ไอ้ตัวที่เพิ่งถูกผ่าลงมาตอนเช้าที่กลางถนนละครับ ถึงยี่สิบนาทีรึยัง แล้วไอ้ตัวอ่อนที่ว่า ก็ขี่ยานขึ้นมายิงไฟฟ้าใส่คนซะงั้น หนังน่าเบื่อ หลับกันเป็นแถว พูดคำเดียว "เสียดายเงิน" ครับ
ฉากดราม่าที่เนิ่นนาน แต่ไม่เข้าถึงอารมณ์ ซีจี อลังการ แต่มีแค่ หุ่นยักษ์ และมนุษย์ต่างดาว(ที่แวบไปแวบมาไม่เห็นเต็มๆซักที) ผมชอบหนังของลุงเบิกนะครับแต่ผมขอวิจารณ์อย่างเป็นกลาง ตามเนื้อผ้าครับหนังไม่ดี ผมก็ว่าไม่ดี อาจจะพูดแรงไปหน่อยต้องขออภัยด้วยนะครับ แต่คุณจะเถียงผมไหมล่ะ ว่าหนังเรื่องนี้ไปไม่ถึงดวงดาวตามที่รอบสื่อฯ คาดเอาไว้(และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆซะด้วย- -")
ปล.โดยเฉพาะตอนจบ"ทุเรศ"ครับ


โดย: hoper IP: 125.27.106.64 วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:19:59:06 น.  

 
ตอนจบของหนัง เท่าที่ทราบเหมือนกับในหนังสือของ เอช.จี.เวลล์ นะครับ เพียงแต่มีคนเคยอธิบายไว้เหมือนกันว่าหลังจาก Independence Day ซึ่งเอาสูตรเดิมจาก Wars of The Worlds ต้นฉบับมาทุกประการ ทำให้หนังต้องหาทางออกใหม่ๆ แทน(น่าจะเป็นคุณ นรา ที่เขียนไว้)

อีกอย่างนี่ไม่ใช่บทวิจารณ์นะครับ แต่เป็นความเห็นส่วนตัว ผมจึงไม่รวมสิ่งที่เขียนตรงนี้ไว้ในบทวิจารณ์

อย่างไรก็ตามก็คงต้องขออธิบายนะครับ(แม้จะนานมากแล้ว และอาจไม่เข้ามาดู)

หนังเรื่องนี้ ต้องบอกก่อนนะครับว่า ความไม่มีเหตุผล เป็นจุดเด่นสำคัญที่สุดของมัน เพราะอะไร ?

สิ่งที่ผู้คนอธิบายทั้งหมดในหนังเรื่องนี้มาจาก "ความไม่รู้" ครับ ทุกคนต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา เกี่ยวกับเหตุการณ์มนุษย์ต่างดาวบุกโลกในเรื่อง มีหลายฉากมากโดยเฉพาะฉากที่ผู้คนวิ่งหนีนั้นคล้ายกับเหตุการณ์ 9/11 ที่ผู้คนวิ่งหนีฝุ่นควันจากตึกเวิล์ดเทรดถล่ม

Wars of The Worlds จึงเป็นเสมือนภาพแทนความหวาดกลัวของคนอเมริกันต่อเหตุการณ์ดังกล่าว(ว่ากันว่าอันที่จริงสปีลเบิร์กมีโครงการจะนำหนังเรื่องนี้มาทำ แต่ยังหาบทที่ถูกใจไม่ได้จริงๆ) และต่างคาดเดาต่อผู้ก่อการร้ายอย่างคลุมเครือ

ที่อเมริกาหนังได้รับเสียงวิจารณ์ดีมากครับ ส่วนรอบสื่อฯ ? ผมคิดว่าไม่ต้องสนดีกว่านะครับ คนเราชอบหนังเรื่องอะไร ไม่จำเป็นต้องคิดว่าคนอื่นต้องชอบตามให้เสียเวลา แค่เราชอบ เรามีเหตุผลที่จะชอบก็น่าจะมีความสุขแล้วครับ

ผมเห็นด้วยนะครับว่าหนังสปีลเบิร์กอย่างจูราสสิค ปาร์ค อาจมีความพยายามอธิบายเหตุผลในการเกิดไดโนเสาร์ แต่เหตุผลดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วนะครับว่า เป็นไปไม่ได้เลยตามความเป็นจริง...แต่ถึงยังไงเหตุผลดังกล่าวก็เพียงพอจะทำให้คนเชื่อได้ครับ และทำให้หนังสร้างความสนุกได้มากขึ้น

เพิ่มเติมอีกนิดว่า ผมเองก็เคยไม่ดูหนังเพราะซีจี เหมือนกันครับ เผลอๆ จะเป็นเหตุผลแรกๆ ที่เลี่ยงเลยด้วยซ้ำจากการชมภาพยนตร์


โดย: yuttipung IP: 202.44.8.100 วันที่: 20 กันยายน 2550 เวลา:16:55:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yuttipung
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax

Friends' blogs
[Add yuttipung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.