Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
29 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 

5x2 : วงจรแห่งชีวิตคู่

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เรื่องของคนสองคนบางครั้งใครก็คงไม่อาจไปตัดสินอะไรได้นอกจากคนทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่รักกัน ทะเลาะกัน คืนดีกัน และเลิกรากันไป มันเป็นอย่างนี้มายาวนานตั้งแต่มนุษย์เริ่มสร้างสังคม และรู้จักเรียนรู้ความหมายของคำว่ารัก เกิดคู่ชีวิตที่เริ่มต้นและสิ้นสุดในกาละและเทศะที่แตกต่างกันไป ดังเช่นคู่ของ จิลส์และมาริอง


(ต่อจากนี้บทวิจารณ์จะมีการเฉลยเนื้อเรื่องในช่วงท้ายต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย)

5X2 เริ่มต้นอย่างเศร้าสร้อย เมื่อจิลส์(สเตฟาน แฟรซ์) และ มาริอง(วาเลรี่ บรูนิ เทเดสซี่) คู่สามี-ภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่กินกันมาเป็นเวลา 6 ปี กำลังนั่งฟังข้อกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ อันยืดยาวหลังจากการหย่าด้วยสีหน้าเย็นชา และจิตใจที่ลอยหายไปไกลลิบ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทั้งคู่ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปยังห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อร่วมรักกันครั้งสุดท้าย เซ็กส์จบลงด้วยความเศร้าเพราะมันช่างไร้รัก ก่อนจากทั้งคู่ทำการปรับทุกข์ ปัญหาทุกอย่างพรั่งพรู ทั้งเรื่องลูก ชีวิตรักหรือคู่นอนใหม่ของแต่ละฝ่าย อนาคตที่ดูเหมือนจะไม่ได้มีความสุขรออยู่ คำพูดแดกดัน อารมณ์ที่รอการระเบิด ซึ่งไม่มีการเก็บอีกต่อไป

จากนั้นหนังก็เล่าเรื่องด้วยวิธีย้อนกลับไปในช่วงเวลาแต่ละช่วงที่ต่างกันไปของคนทั้งคู่ หลังการเลิกรา ย้อนกลับไปสู่ช่วงท้ายที่รอวันแตกหัก วันที่เปลี่ยนบทบาทสถานะกลายเป็นพ่อคนแม่คน ความสุขอันแสนหวานชื่นในวันแต่งงาน และจบที่ช่วงเวลาเมื่อทั้งคู่ต่างได้รู้จักและพบรักกันเป็นครั้งแรก



การเล่าย้อนกลับของหนังใช่เพียงลูกเล่นที่เปล่าประโยชน์มันกลับสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แม้จะปิดฉากด้วยความทุกข์ แต่การก่อเกิดของชีวิตคู่รักก็ยังมีไปอย่างต่อเนื่อง

หนังให้เหตุการณ์ทั้ง 5 ช่วงที่น่าจดจำยิ่งคือ การเดินทาง ออกจากที่แห่งหนึ่งของตัวละครไปยังที่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เราเห็นวงจรของชีวิตคู่ในวันคืนที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนคู่นั้นว่าจะหวนคืน เบื่อหน่าย อดทน หรือเคียงคู่กันต่อไป

ครั้งแรกคือการเผชิญชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอีกครั้งของหญิงสาว เมื่อมาริองเดินอองจากประตูโรงแรม ทิ้งจิลส์ไว้กับคำร้องขอของเขาเพื่อกลับมาเริ่มต้นใหม่

ในวันที่ต้องมีภาระเป็นพ่อแม่เต็มตัว หลังจากจบการพบปะกับพี่ชายและคู่เกย์ของเขา จิลส์ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นสามีที่นอนเคียงข้างแต่กลับเลือกดูแลลูก เธอเดินออกไปนอกห้องเดินไปทางข้างหน้าราวกับมองหาความสุขที่ชืดจางลงไป

ในวันคลอดบุตร จิลส์ออกไปรอนอกโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงภรรยาแต่ไม่แสดงออก มาริองเดินออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อรับรู้ถึงสถานะของความเป็นแม่ด้วยสายตาทอดอาลัย แม้จะไม่มีจิลส์แต่เธอก็กลับมาโทรศัพท์เพื่อไถ่ถามปรับทุกข์

ในวันแต่งงาน ความเมามายจากงานสมรสทำให้จิลส์หลับโดยไม่ได้ร่วมรักกัน มาริองเดินออกไปนอกห้องจนเข้าสวนที่เงียบราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง เธอพบชายแปลกหน้าที่มาร่วมรักกับเธอ แต่เธอก็เลือกกลับมาหาจิลส์อีกครั้ง

มีเพียงฉากปิดท้ายเท่านั้นที่ทั้งสองต่างลงเล่นน้ำว่ายขนานกันไปอย่างมีความสุข แต่อย่างไรก็ตามเราก็ได้เห็นการเดินทางของใครบางคนที่ดูเหมือนกำลังต้องเริ่มใหม่ นั่นคือ วาเลอรี่(เจอรัลดีน เพลแฮส) คู่รักเก่าของจิลส์ ซึ่งคล้ายกับที่มาริองเองก็เดินทางมาพักผ่อนหลังเลิกรากับแฟนเก่า ราวกับทั้งโลกต่างมีวงจรของชีวิตที่ต้องได้มาพบรัก ร่วมทาง และเดินจากกัน ในเรื่องราว และสถานที่ซึ่งแตกต่างกัน หากแต่ซ้อนทับคล้ายคลึงกันอย่างน่าฉงน

แม้นี่จะเป็นหนังรักของชีวิตคู่เต็มตัวเรื่องแรกของโอซง แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงลักษณะสำคัญที่ปรากฎในงานก่อนหน้าของเขาเกือบทุกเรื่องนั่นคือฝีมือการสร้างความลึกลับและพิศวงในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง เขาทำหนังที่หลากหลายตั้งแต่หนังตลกร้ายอย่าง Sitcom(1998) ไปจนถึงหนังตื่นเต้นอย่าง Swimming Pool(2003) ซึ่งต่างแสดงให้เห็นความลึกลับในจิตใจของตัวละครที่ดำรงอยู่กับความเป็นจริงอย่างยากจะแยกออก มีหลายครั้งที่เราไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมคู่รักสองคนนี้จึงตัดสินใจทำอย่างที่เราเห็น โอซงปล่อยพื้นที่ว่างให้เราขบคิดกันเอง หรือมันอาจจะหมายถึงเรื่องระหว่างคนสองคนที่พื้นที่ว่างเหล่านั้นแม้แต่จิลส์ และมาริองเองก็ยากที่จะเข้าใจ

ในวันลาจากเหตุใดมาริองถึงไม่อาจคืนดีกับคำร้องขอของจิลส์, ในช่วงที่ต้องเลี้ยงลูกคำเฉลยเรื่องการนอกใจของจิลส์ที่ถูกนำมาเล่าอย่างสนุกสนาน แท้จริงแล้วมีความจริงอยู่มากน้อยแค่ไหน มันเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงคำโกหกที่ทับซ้อนการนอกใจซึ่งซ่อนอยู่ในใจของเขาที่รอวันปะทุ, ในวันที่มารอิงจะคลอดบุตร เหตุใดจิลส์พอทราบปัญหาของเธอจึงทำเหมือนไม่ได้สนใจเร่งรีบไปหา แต่กลับทำงานและกินข้าวอย่างไม่เร่งร้อนจนไปโรงพยาบาลล่าช้า, วันแต่งงานทำไมมาริองถึงออกจากห้องไปมีสัมพันธ์กับชายอื่น แล้วตอนท้ายซึ่งเป็นการเริ่มต้นรักของทั้งคู่นั้นเล่า ทำไมสีหน้าที่ดูราบเรียบของทั้งคู่กลับกลายมาพิศวาสต้องใจกัน

คำตอบของช่องว่างนั้นมองได้ถึงการสร้างนามธรรมเปรียบเทียบภาพทับซ้อนที่คล้ายกัน และต่างกันในแต่ละช่วงชีวิตของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมรักในวันที่ความรักจบสิ้น อย่างไรเสียมาริองก็แทบจะไม่อยากทนอยู่ร่วมห้องกับจิลส์อีกต่อไป ซึ่งไม่ต่างกับวันแต่งงานที่แม้เธอจะออกไปมีสัมพันธ์กับชายแปลกหน้า แต่ความรักก็ทำให้เธอกลับมาที่ห้องอีกครั้ง, คำสารภาพการนอกใจของจิลส์จะจริงแท้อย่างไรคงไม่สำคัญเท่าสีหน้า และการกระทำของมาริองที่แสดงความรู้สึกถึงชีวิตคู่ที่ใกล้แตกหักเต็มที, วันที่คลอดลูก ปัญหาบางอย่างที่ไม่พร้อมทำใจอาจมองได้สองทาง ทางหนึ่งคือปัญหาที่รุกหนักขึ้นในวันข้างหน้า หรืออีกทางที่ทั้งคู่ยังคอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน, และเหตุการณ์ในครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้พบปะกัน หนังนำเรื่องการเดินทางมาเปรียบเทียบ เมื่อทั้งคู่ว่ายน้ำมาชนกัน จนได้ทำความรู้จัก ขณะที่วาเลอรี่(ซึ่งชื่อเหมือนกับผู้แสดงเป็นมาริอง)ในวันต่อมาหลังจากร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนกับจิลส์ภายใต้ภาพมืดหม่น เธอกลับต้องออกไปเดินปีนเขาเพียงลำพัง

แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตของทั้งจิลส์ และมาริอง ซึ่งเสมือนตัวแทนของชีวิตคู่อีกมากมายก็ยังมีความลึกลับ ช่องว่าง เหตุผลที่คนภายนอกไม่อาจเข้าใจจนกว่าจะได้สัมผัสด้วยตนเองอยู่ดี

หากข้อเสียประการสำคัญของ 5x2 ที่สัมผัสได้ชัดก็คือมันเป็นหนังชีวิตคู่ แต่ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของโอซงที่ดึงความสามารถทางด้านการแสดงของนักแสดงหญิงได้อย่างยอดเยี่ยม บทบาทของมาริอง ที่แสดงโดย เทเดสซี่จึงโดดเด่นและเติมเต็มความรู้สึมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าสัดส่วนของทั้งคู่จะมีในระดับที่เท่าเทียมกันก็ตาม …หรือโอซงอาจต้องการสื่อสารว่าสังคมในปัจจุบันที่เพศชายเป็นใหญ่มายาวนาน เมื่อเทียบกับเพศหญิง(และเพศอื่นๆ ) ซึ่งมีสิ่งน่าค้นหามากกว่า

อย่างไรก็ตามคำตอบแห่งความหมายของชีวิตคู่ก็ได้ปรากฏในคำสองคำของตัวละคร เมื่อนักแสดงตลกเชิญอาสาสมัครร่วมแสดงได้พูดขึ้นมาว่า "คุณพร้อมจะมีความสุขกับนรกหรือยัง ?" หรือคำตอบที่มาริองให้กับจิลส์เมื่อถามว่าทำไมถึงไม่ลงไปเล่นน้ำ "มันดูสงบราบเรียบสวยงาม แต่ที่จริงกระแสน้ำเชี่ยวกราก" ก่อนที่ทั้งคู่จะร่วมกันว่ายออกไป ฟังดูอาจเป็นการรวบรัดตีความ แต่แน่นอนว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าของชีวิตคนสองคนมีทั้งสุขและทุกข์ ซึ่งเราไม่อาจรู้หรือเลือกได้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็ดำเนินต่อไปเป็นวงจรของโลกที่ซ้ำๆ ราวกับไม่มีวันจบ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง: //www.francois-ozon.com




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2548
2 comments
Last Update : 29 สิงหาคม 2548 15:09:52 น.
Counter : 1209 Pageviews.

 

อยากดู Time to Leave หนังใหม่ของโอซงจังครับ
เรื่องนี้ ผมก็ชอบเหมือนกัน
ให้ A

 

โดย: it ซียู 30 สิงหาคม 2548 17:21:41 น.  

 

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ดู... สงสัยจะชอบดูหนังรัก...เรื่องก็เริ่มจากจุดปลายสุดไล่มาหาจุดเริ่มต้น โดยแต่ละช่วงจะมีจุดเชื่อมโยงกันอยู่...ทำได้ดีทีเดียวสำหรับหนังเรื่องนี้ เสียดายตอนไปดูเขาตัดฉากออกไปบ้าง ทำให้งงนิดๆ 5x2 ก็ได้ 8 ละกานนนน

 

โดย: A-leX IP: 203.121.171.114 30 มกราคม 2549 14:14:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


yuttipung
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax

Friends' blogs
[Add yuttipung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.