คนที่อันตรายที่สุด คือคนรอบข้างที่คิดไม่เหมือนเรา
สิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ การที่เราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ บางคนพยายามที่จะเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี บางคนก็สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับตัวเองขึ้นมา สิ่งแวดล้อมมีผลต่อการกระทำของเราจริงๆ โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมที่มีชีวิตจิตใจ
สิ่งแวดล้อมที่มีผลโดยตรง โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพล จึงมีผลต่อพฤติกรรมของผู้อยู่ในสิ่งแวดล้อมนั้นๆ ผมยกตัวอย่าง ให้เห็นว่า ถ้าเป็น คนที่อยู่กับเพื่อนร่วมงานที่คอยอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน เวลาทำงานก็จะมีแต่คนนั้นนินทาคนโน้น คนโน้นนินทาคนนี้ และที่สำคัญ ใครกำลังนินทาเราเรื่องอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เขาคุยกันซุบซิบแต่ไม่ให้เราได้ยิน ก็จะเกิดรู้สึกว่าพวกเขากำลังนินทากันอยู่หรือเปล่า วันๆไม่ได้ทุ่มเวลาให้กับการทำงาน มัวแต่ระแวงคนนั้นคนนี้ สิ่งแวดล้อมอย่างนี้ทำให้นิสัยและพฤติกรรมของคนที่หวังจะประสบความสำเร็จนั้นอาจเบี่ยงเบนไปได้ เพื่อนร่วมงานไม่ค่อยเท่าไหร่ มาถึงเจ้านายที่มัวแต่มุ่งให้พนักงานอยู่ในกรอบ บังคับให้พนักงานของตนอยู่แต่กรอบที่วางไว้ ไม่ให้แม้นแต่คบเพื่อนในวงการเดียวกัน หรือแม้นแต่คนในวงการเดียวกัน ถ้าเจออย่างนี้ผมว่ากลุ้มหนักเข้าไปอีก ทำงานก็อยู่ในกรอบอยู่แล้ว ยังจะพยายามมายุ่งกับชีวิตส่วนที่เหลือที่ควรให้แต่ละคนมีหนทางเลือกชีวิตส่วนตัวกันเอง บางคนถึงกับยอมเสียสละความเป็นส่วนตัวไป จะเห็นว่า แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อมที่เกี่บวกับคนนี่ก็เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาตนเองอย่างมากเช่นกัน
คนรอบข้างที่คิดไม่เหมือนเรา ถึงแม้นคนส่วนใหญ่ในสิ่งแวดล้อมนั้นๆ คิดไม่เหมือนเรา ก็ไม่ใช่ว่าความคิดของเขาจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เช่น เกิดคุณไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คอยแต่จะยักยอกเอาสินค้าของบริษัทฯ ไปขายให้กับคนนอกแล้วเงินเข้ากระเป๋าตนเอง แล้วหากคุณไม่ต้องการทำเช่นนั้น คุณถูกหรือผิดหละ บางคนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ยอมทำงาน แต่ตัวเองเข้าไปทำงานเพียงคนเดียว จนเบื่อก็เลยไม่ทำงานบ้าง เขาก็ยังจ้างกันอยู่อันนี้ก็ยิ่งแล้วกันใหญ่ ไม่สามารถรักษาจิตใจให้มั่นคงได้ แต่กลับไปยอมให้นิสัยไม่ดีเข้าตัวอีก...
สิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จะบ่งบอกว่า เราจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราคาดหวังหรือไม่ การสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และ การเลือกสิ่งแวดล้อมที่ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับผม ผมชอบที่จะสร้าง และ เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับผมอยู่เสมอโดยใช้หลักการณ์ดังนี้...
1. ถ้าสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสำหรับเรา ต้องมองหาจุดเด่นของสิ่งแวดล้อมนั้นว่า มีจุดเด่นทางด้านใด ไม่มีสภาพแวดล้อมใดที่ไม่มีข้อดี เพียงแต่คุณเห็นมันหรือไม่ เมื่อเห็นแล้ว คุณสามารถใช้สิ่งแวดล้อมนั้น หรือ ปรับให้เข้ากับเป้าหมายของคุณได้มากน้อยเพียงใด อย่างเช่น ถ้าบ้านของคุณอยู่ในชุมชนแออัด มีน้ำคลำโดยรอบ และคุณกำลังจะทำธุรกิจทางด้านอาหาร ซึ่งแน่นอนว่า อาหารกับสิ่งสกปรกนั้นมันอยู่กันคนละขั้วกันเลย แต่ถ้าคุณเข้าใจในสภาพแวดล้อมอย่างนั้นว่า คนในชุมชนต้องปากกัดตีนถีบหากินเลี้ยงตนเอง บางคนก็ไม่เป็นเช่นนั้นแต่ที่อยู่ด้วยเพราะนานๆเข้ามากรุงเทพฯเสียที บางคนก็ไม่ต้องการจ่ายค่าที่อยู่อาศัยแพงๆ บางคนก็อยากอยู่ใกล้ๆที่ทำงาน ทั้งๆที่มีบ้านเดี่ยวของตัวเองอยู่รอบๆกรุงเทพฯ จะเห็นว่า แต่ละคนมีจุดประสงค์ของการอยู่แตกต่างกัน คุณต้องจับจุดคนในสภาพแวดล้อมของคุณให้ได้ว่า จะสามารถให้อะไรพวกเขา จะใช้เขาทางด้านใด ซึ่งอาจจะเป็นทางด้านแรงงาน หรือ ขายตรงให้คนในชุมชนเลย ซึ่งก็ขึ้นกับมุมมองของคุณกับสิ่งแวดล้อมเหล่านั้น และให้ตัดปัญหาต่างๆทิ้งไป หรือ ลดปัญหาให้มากที่สุด ซึ่งถ้าคุณทำได้ สามารถปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับตัวคุณได้ คุณจะเห็นว่า ไม่ว่าสภาพแวดล้อมใดๆ คุณก็จะสามารถนำเอาสภาพแวดล้อมนั้นๆมาใช้ประโยชน์ได้
2. ถ้าสิ่งแวดล้อมเหมาะกับเรา ต้องสังเกตุตัวเองให้ดีกว่า เรากำลังหลงกับสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นหรือไม่ เรายังมุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายของตนเองอยู่หรือไม่ หรือ เราชอบอยู่กับสิ่งแวดล้อมนี้และจับมันแน่นจะไม่อยากไปไหน ซึ่งคนหลายต่อหลายคน ติดกับดักทางความสุข ความปลอดภัย เหล่านี้กันมาก จนต้องทิ้งจุดมุ่งหมายแห่งความสำเร็จให้กลายเป็นความฝัน และอยู่กับปัจจุบันที่ปลอดภัยก็มีเยอะแล้ว
3. ถ้าสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งแวดล้อมธรรมดา เราต้องทำให้สิ่งที่เป็นสิ่งธรรมดาเป็นสิ่งพิเศษ เป็นสิ่งที่มีคุณค่า แล้วเราก็จะมีคุณค่าตามสิ่งแวดล้อมเหล่านั้น มันเหมือนกับ อยู่ที่ไหน ก็ต้องทำให้ที่นั้นเจริญ อยู่เมืองไทย ก็ต้องทำให้ประเทศชาติเจริญด้วย ไม่ว่าคุณจะมีทักษะทางใด หรือ มีความสามารถทางใด ก็สามารถทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้นได้ แต่ถ้าคุณคิดว่า คุณเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลย ไม่สามารถทำให้เมืองไทยดีขึ้นได้ ผมคิดว่า นั่นแหละกลายเป็นตัวคุณเองที่เป็นปัญหาว่า คุณยังไม่เจอตัวตนของตนเอง คนทุกคนมีความหมายต่อคนอีกหลายคน คนธรรมดาบางคนอาจจะเป็นความหวังของคนอีกหลายคนเช่นกัน
มีเด็กมัธยมฯฆ่าตัวตายอันเนื่องจากอกหักในความรักเยอะแยะทั้งที่ลงข่าวให้เห็น และที่เขาปิดข่าว ซึ่งเขาคิดว่าเรื่องอกหักนี้เป็นเรื่องหนักหนาสำหรับเขาที่สุดแล้ว แต่ความเป็นจริง คนบางคนมีทุกข์แสนสาหัสกว่าเขาเยอะ บางคนไม่มีเงินกินข้าว บางคนโดนตามทวงหนี้โดนด่าเสียๆหายๆ บางคนมีชีวิตที่มีแต่การทะเลาะกันตบตีกัน บางคนก็กำลังติดยา บางคนเป็นโรคร้ายต่อร่างกาย บางคนเป็นเอดส์ ถ้ามองดีๆแล้ว การอกหักก็เป็นแค่เพียงความผิดหวังต่อสิ่งที่หวัง ซึ่งเมื่อเทียบกับคนอีกหลายต่อหลายคนที่เขาไม่ได้คิดฆ่าตัวตายนั้น บางคนมีปัญหาหนักหนามากกว่าเป็นไหนๆ นั่นหมายถึง จิตใจของคนนั้นมันเปราะบาง และ ต้องการเยียวยาจากสภาพแวดล้อม หรือ อาจจะต้องการกำลังใจกับคนอื่นๆ สิ่งแวดล้อมที่ดีจะเป็นกำลังใจให้ในยามทุกข์ยาก จะเป็นแรงสนับสนุนหากเราไม่เชื่อมั่น สภาพแวดล้อมที่ดีจะรักษาได้แม้นแต่ทุกข์ทางกาย และ ทุกข์ทางใจ ซึ่งหากคุณมีสภาพแวดล้อมที่ดีอยู่แล้ว แล้วคิดจะละทิ้งสภาพแวดล้อมที่ดีเหล่านั้นไป คุณกำลังตกอยู่ในจุดที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะคุณจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า คุณจะไม่หลงไปกับสิ่งยั่วยุต่างๆที่เกิดขึ้น หรือ สภาพจิตใจของคุณแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเดินฝ่าพายุที่โหมกระหน่ำเพื่อหยุดไม่ให้คุณประสบความสำเร็จ
ดังนั้น คนที่ต้องการประสบความสำเร็จ จึงหวงแหนสภาพแวดล้อมที่ดี อยู่กับสภาพแวดล้อมที่ดี แต่อย่าให้สภาพแวดล้อมนั้นๆ ฉุดรั้งหรือเปลี่ยนแนวความคิดของคุณให้หลงละเลิงกับความสุขทั้งทางกายและจิตใจ คุณต้องหาจุดสมดุลย์ของสภาพแวดล้อม และศึกษาตัวคุณเองอยู่บ่อยๆ เพื่อให้เข้าใจตัวของคุณเอง และสภาพแวดล้อมว่า จะส่งผลให้คุณประสบความสำเร็จได้มากขนาดไหน และ ขอให้ จงเลือกที่จะยืนในจุดที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จอยู่เสมอ
Create Date : 27 มิถุนายน 2549 |
|
5 comments |
Last Update : 27 มิถุนายน 2549 16:29:43 น. |
Counter : 3614 Pageviews. |
|
|
|