ตัดใจเสียที ?
เพิ่งย้ายบ้านมาอยู่ที่ใหม่ได้ไม่นาน เมื่อวานเพิ่งได้ฤกษ์ รื้อลังหนังสือเก่าเก็บออกมาดู เพื่อจะคัดไปขาย ใจหนึ่งก็อยากเก็บหนังสือที่ยังมีคุณค่า (สำหรับตัวเอง) เอาไว้ อีกใจหนึ่งก็อยากขายหรือไม่ก็บริจาคเสียให้หมด เพราะเป็นช่วงเวลาสำคัญของชีวิตที่จะต้องตัดสินใจแล้วว่า หากต้องการความสุขสงบใจที่แท้จริง ต้องตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตออกไปให้หมด เหลือไว้เฉพาะที่จำเป็นต่อการดำรงชีพจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งมีเพียงไม่กี่อย่าง
แต่ความยึดมั่นถือมั่นว่ามันเป็นของเรา ยังทำให้ตัดใจค่อนข้างลำบาก ทั้งที่เป็นภาระอย่างมาก ในการดำรงอยู่สำหรับคนที่เหนื่อยล้ากับชีวิต และต้องการ หยุด เสียที...อย่างฉัน ด้วยความเป็นคนประเภทคิดเล็ก ไม่เคยคิดใหญ่กับใครมาก่อน ทำให้ไม่เคยคิดไกลไปกว่า อยากใช้ชีวิตสมถะ สุขสงบในบั้นปลาย เรื่องอยากรวยนั้นตัดไปได้เลย เพราะความรู้สึกที่ว่ามันมาเป็นพัก ๆ เวลาอยากไปเที่ยวต่างประเทศหรือทำอะไรที่ต้องใช้เงินเยอะ ๆ ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก
ทั้งชีวิตฉัน ก็มีแต่หนังสือนี่แหละที่เป็นเพื่อนมาตลอด พ่อแม่ให้ชีวิตเลือดเนื้อ สอนอะไรหลายอย่างทั้งด้านดีและด้านร้ายแก่ฉัน ทั้งที่ท่านอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว แต่ฉันก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมี ครอบครัว เหมือนคนอื่นเขา ตั้งแต่จำความได้ จนกระทั่งบัดนี้ ในวัยวารที่ก้าวเข้าสู่ปัจฉิมวัย
เวลาทุกข์ท้อใจ เหนื่อยหน่าย รู้สึกโดดเดี่ยว ฉันมีหนังสืออยู่เคียงข้างเสมอมา มันทำให้ฉันรู้สึกมีตัวตน มีโลกของตัวเอง โลกที่แสนสุขสงบที่ไม่มีใครสามารถก้าวล่วงเข้ามาได้ ฉันเรียนรู้ถึงความสุข ความทุกข์ของคนอื่นได้เวลาเดียวกับที่ฉันได้เรียนรู้ถึงความสุข ความทุกข์ของตัวเองจากประสบการณ์จริง
มันคงถึงเวลาแล้ว ที่ต้องยอมรับเสียทีว่า หากเราต้องการปลดปล่อยภาระอันหน่วงหน่วงอย่างจริงจัง เราต้องไม่ยึดมั่น ถือมั่นกับสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตทั้งหลายทั้งมวล ต้องขอบคุณประสบการณ์ที่สั่งสมให้เห็นถึงสัจธรรมว่า ที่สุดแล้ว ปลายทางของชีวิตก็จะย้อนกลับไปสู่ต้นทางของชีวิตนั่นเอง
Create Date : 21 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 21 สิงหาคม 2554 9:24:50 น. |
|
7 comments
|
Counter : 953 Pageviews. |
|
|
|