++ ขับรถเที่ยวเกาะอังกฤษ ไม่ยากอย่างคิด ++
อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 2 (จากสุวรรณภูมิ - นิวคาสเซิ่ล) ก่ อนอื่นต้องรายงานตัวเสียก่อนว่า ไม่ได้อัพบล็อกมานมนานเหลือเกิน นานจนเพื่อนๆในบล๊อกน่าจะลืมและหายจากเราไปแล้ว เพราะเบื่อรอๆๆๆๆ .... แต่ก็อย่างว่า blogger สมัครเล่นแบบเราก็เป็นแบบนี้แหละเนอะ เรื่องราวที่จะเล่าวันนี้ก็เป็นประสบการณ์การได้ไปขับรถเที่ยวที่เกาะอังกฤษมา ช่วง 13-25 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา เอามาเล่าให้แฟนๆบล๊อกและคนที่คิดว่าอยากไปหาประสบการณ์แบบ จขบ. บ้าง ... ในบล๊อกนี้จะไม่เขียนวิธีขอและยื่นวีซ่านะครับ แต่จะแนะนำเรื่องการไปขับรถในประเทศอังกฤษโดยเฉพาะ จะไปขับรถเที่ยวที่อังกฤษจะเริ่มแบบไหน? 1. สิ่งแรกสุดที่ต้องทำคือการมีใบขับขี่สากล ครับ เพราะใบขับขี่สากลจะช่วยให้เราสามารถขับรถในประเทศนี้ได้ (ไม่เหมือนที่นิวซีแลนด์ เพียงเรามีใบขับขี่รุ่นใหม่ที่เป็นสมาร์ทการ์ด มีภาษาอังกฤษด้วยก็ได้แล้ว) การใช้ใบขับขี่สากลที่อังกฤษจะต้องใช้ควบคู่กับใบขับขี่ไทยเราแบบที่มีอายุ 5 ปี ... ส่วนการขอใบขับขี่สากลในไทยก็ไม่ยุ่งยากมากครับ เพียงท่านมีใบขับขี่แบบอายุ 5 ปี ท่านก็สามารถไปยื่นขอทำได้ที่ขนส่งจังหวัด โดยนำเอกสารตามที่เขาต้องการพร้อมเงินค่าธรรมเนียมไปด้วย 500 บาท (ดูได้จาก : https://www.dlt.go.th/th/index.php?option=com_content&id=3658:2012-12-06-07-52-Itemid=88 23& ) ผู้ขับขี่รถในอังกฤษจะต้องมีอายุ 25-70 ปี ถ้าต่ำหรือเกินกว่าจะต้องขออนุญาตพิเศษและเสียค่าใช้จ่ายด้วย ใบขับขี่สากล 2. รู้ถึงกฎระเบียบข้อห้ามในการขับรถในอังกฤษ : อันนี้สำคัญเพราะค่าปรับบ้านเขาค่อนข้างสูง และไม่มีตำรวจมายืนโบกรถข้างทางที่คุณสามารถอธิบายได้ ว่าที่ทำไปเพราะอะไร? กล้องตามถนนจะบันทึกการกระทำของคุณโดยตลอด ... ในอังกฤษขับชิดซ้ายพวงมาลัยด้านขวาเหมือนบ้านเรา แต่ตามแยกไฟจราจรจะมีไฟมากว่าบ้านเรามาก คือเลี้ยวไปทางไหนมีไฟบอกหมด ไอ้ที่เคยซ้ายผ่านตลอดต้องระวังด้วยเพราะไม่เห็นมี เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ตรงไป ทางข้ามถนน มีไฟหมดครับ ที่เสาไฟสัญญาณจะไม่มีตัวเลขนับถอยหลัง (countdown) แบบบ้านเรา อีกอย่างตรงทางคนข้ามถนนแบบที่บ้านเราเรียกว่าทางม้าลาย เขาไม่ระบายสีให้เห็นนะ มีเหมือนกันแต่น้อยมาก คือตรงไหนที่ทำให้คนและจักรยานข้ามก็จะมีไฟสัญญาณ 2 เสาคู่ (ขนาบทางข้าม) ครับ (ใหม่ๆเราก็งง) ฉะนั้นตาต้องคอยดูตลอด วิวจากปราสาทเอดินเบอร์ก การใช้ความเร็วบนถนนหลัก Motor way ที่มีหมายเลข Mxx เช่น M6, M65 ก็สามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด 70 ไมล์/ชั่วโมง ถนนรอง ที่มีเลข Axx เช่น A1, A19 ถ้าเป็นแบบ 4 เลนส์ก็จะใช้ความเร็วสูงสุดได้ 70 ไมล์/ชม. เหมือนกัน ถ้าเป็นแบบเลนส์เดียว (สวนทางกัน) ก็ใช้ได้ 50 – 60 ไมล์/ชม. โดยสังเกตป้ายวงกลมแดงพื้นขาว ที่มีตัวเลขบอกความเร็วสูงสุดสีดำด้านใน ส่วนถนนย่อย ที่ขึ้นต้นด้วย Bxxxx เช่น B1234 ซึ่งเป็นถนนวิ่งเชื่อมหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะใช้ความเร็วได้ 40 – 50 ไมล์/ชม. .... แต่พอผ่านชุมชน ถนนสายรองตั้งแต่ A, B ก็จะมีป้ายบอกความเร็วอีกต่างหาก ส่วนมากจะ 30 ไมล์/ชม. แต้ถ้าผ่านสถานที่สำคัญ เช่น โรงเรียน ก็จะให้ลดลงไปอีกถึง 20 ไมล์/ชั่วโมง อย่างนี้เป็นต้น ตัวอย่าง Road signs ต่างๆ ทีนี้มาดูวิธีที่เขาขับกัน แม้ถนนอย่างมอร์เตอร์เวย์ที่มีถึง 6 เลนส์จะมีเลนส์ว่างหลายเลนส์แต่เวลาแซงเขาจะไม่แซงซ้ายแบบที่บ้านเราทำกัน เขาจะแซงขวาตลอดครับ เวลาที่เราเปิดไฟจะเปลี่ยนเลนส์และมีรถตามมาเขาจะกระพริบไฟให้ นั่นหมายถึงเราเข้าได้เขาเห็นแล้ว ไม่ใช่กระพริบไฟเพื่อบอกว่าฉันกำลังมาและจะไปแบบของเรานะ อันนี้สำคัญ บนถนนหลวงจะมีกล้องคอยจับค่าความเร็วเฉลี่ยของเราและการทำผิดกฎจราจรอื่นๆเป็นระยะ ส่วนมากจะติดไว้บนเสาสีเหลืองข้างถนน แต่ก่อนจะถึงก็จะมีป้ายเตือนว่าเขตจับความเร็วแบบบ้านเรา เรื่องวงเวียน (ตามถนนรอง หรือ A,B) มีเยอะมากในอังกฤษ เวลาเข้าวงเวียน (Roundabout) เราจะต้องให้รถทางขวาไปก่อนเสมอ อันนี้สำคัญมาก เพราะรถคนอื่นเขาจะมาเร็วมากเราต้องคอยมองรถทางขวามือเราเองจนแน่ใจแล้วค่อยไป ทางเอกและทางโทก็เช่นกัน เมื่อเรามาจากทางโทจะเข้าทางเอก ต้องปล่อยให้รถทางเอกไปก่อนจนแน่ใจว่าเราเข้าทางโดยไม่ขัดขวางทางเขา .... การมีวงเวียนก็ดีไปอย่าง เช่นการกลับรถจะทำได้ง่ายขึ้นครับ ที่จอดรถในอังกฤษเป็นอะไรที่ค่อนข้างหายากมาก จะไปจอดสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้ เดี๋ยวโดนชาวบ้านโทรไปบอกเจ้าหน้าที่มาล๊อกล้อเอา ซึ่งบางคนเคยโดนมาแล้ว เส้นเหลืองทึบข้างทาง คือ ห้ามจอด หรือจอดได้เฉพาะรถบางชนิดเป็นบางครั้งบางคราว แต่ทั่วไปคือห้าม ถ้าเจอเหลืองทึบคู่ข้างทาง อันนี้ห้ามจอดเด็ดขาด .... ที่จอดได้จะเป็นเส้นประขาวขีดล๊อกให้จอด ส่วนมากจะ Pay & Display คือจอดเสร็จก็ไปหยอดเหรียญที่ตู้ที่เขียนว่า Pay Here ส่วนมากจะชั่วโมงละ 1 ปอนด์ – 2 ปอนด์ แล้วแต่สถานที่ ทำตามขั้นตอนที่เขาเขียนบอก เมื่อได้ใบเสร็จแล้วก็ไปวางไว้ที่หน้าคอนโซลรถด้านในให้เจ้าหน้าที่เห็น ต้องดูเวลาดีๆนะครับว่าจอดได้ถึงเวลาไหนหรือเผื่อไว้หน่อยก็ดีเผื่อหมดเวลาจอดก่อนจะยุ่ง .... มีเส้นประขาวให้จอดแถวๆหน้าบ้านหรือตึกเหมือนกัน เห็นว่างๆอย่าแว๊บเข้าไปจอดนะ เพราะบริเวณนั้นจะเขียนบอกว่าเฉพาะผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้น (Authorized Residence Only) … ส่วนการจอดรถฉุกเฉินข้างทางเมื่อรถมีปัญหา ที่มอร์เตอร์เวย์จะมีไหล่ทางให้ ถนนรองจะมี Parking เป็นระยะโดยทำเบี่ยงไว้ข้างทาง ทั้งหมดควรเปิดไฟฉุกเฉินไว้ Lake District, Windermere ย่านชุมชนเมือง Windermere แนะนำสำหรับท่านที่ไม่อยากยุ่งยากหาที่จอดในเมือง ซึ่งส่วนมากจะเต็ม ให้จอดรถไว้ที่ๆมีป้าย Park + Ride หรือป้าย P + รูปรถเมล์ คือไม่เสียค่าจอด นานเท่าใดก็ได้แล้วซื้อตั๋วขึ้นรถบริการซึ่งเป็นรถเมล์เข้าสู่ City Centre ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละเมืองด้วย ราคาก็ไม่มากคือ 2-4 ปอนด์ ไป-กลับแล้วแต่เมือง แต่ก่อนลงรถอย่าลืมถามคนขับนะว่ารถเที่ยวสุดท้ายหมดกี่โมง ส่วนการซื้อตั๋วก็จากตู้ หรือจากคนขับครับ บริเวณวิหาร St Mary เครมบริดจ์ 3. การวางแผนการขับ : อันนี้สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการวางแผนที่ดี ย่อมทำให้เราเดินทางได้ตามเป้าหมายโดยไม่เสียเวลา .... สิ่งที่เราทำคือการวางแผนเดินทางเมืองต่อเมือง โดยตั้งเป้าหมายว่าไม่ควรขับเกินวันละ 250 กม. เพราะเวลาที่เหลือจะได้เที่ยวแบบสบายใจและเท่าที่เราอยากทำ เราใช้วิธีวางแผนปลายทางพร้อมจองที่พักไว้ก่อนเดินทาง โดยหาที่พักจากเวปไซต์ต่างๆ ส่วนมากเราใช้ Booking.com ครับ .... การที่เรามีที่พักไว้เรียบร้อยนั่นคือการที่ไม่ต้องเสียเวลาไปขับหาและอาจจะแพงกว่าที่เราจองไปด้วย (ที่อังกฤษจะแพงกว่าจองจากเวบเสมอ) อีกอย่างเราสามารถเที่ยวระหว่างทางได้เต็มที่เข้าที่พักช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ส่วนมากเขาเช็ค-อินได้ถึง 2 ทุ่มแต่ถ้าเราช้า เขาจะมีวิธีการเข้าที่พักให้เรา (อันนี้หมายถึงพวก guest house, Flat) เราใช้รุ่นนี้ (ตัวอย่าง ไม่ได้โฆษณานะครับ) GPS ก็เป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์มากในการขับรถต่างถิ่น แต่แนะนำให้คุณๆดูแผนที่การเส้นทางไปด้วยก่อนออกเดินทาง กันไม่ให้อาจีแกพาหลงเข้าไปตามซอก ตามซอย ตามไร่ ตามสวนครับ .... เราใช้ GPS รุ่น NUVI 57 LM เอาไปด้วยจากไทย โดยซื้อแผนที่ยุโรปใส่ไปด้วย ก็ใช้ได้ดีนะครับ แต่ถ้าเช่าเขาตกวันละ 10.5 ปอนด์ แพงเหมือนกัน บางช่วงที่ต้องการ confirm และต้องการความถูกต้องสูง ผมก็ใช้ Google Map ช่วยอีกอันหนึ่ง ... ที่อังกฤษการใช้เจ้า Navigator นี้ได้ผลดีและละเอียดกว่าเมืองไทยมากครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแผนที่ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน. เราใช้ GPS นี้และนำทางเข้าไปเมือง Nothingham เพื่อผ่านไปเมือง Liverpool พอเข้าไปในเมืองเจอวงเวียนใหญ่แห่งหนึ่ง เจ้า GPS บอกให้เราออกทางออกที่ 6 แต่ทางออกนั้นกำลังซ่อมทางพอดี ทีนี้ล่ะ ไปไม่เป็นเลย วนอยู่แถวๆนั้นหลายรอบ จนในที่สุดหาที่จอดได้ ก็ดูแผนที่จากอากู๋ ว่าจะไปถนนที่ต่อไปลิเวอร์พูล จะไปยังไง อะไรเป็นแลนด์มาร์คที่อยู่ใกล้ๆถนนนั้นบ้าง พอได้ที่ เราก็เซทเจ้า GPS ให้พาเราไปตรงนั้น นั่นแหละถึงหนีวงเวียนนั้นได้ ถ้าไม่ทำแบบนี้ถึงเราจะพยามออกไปทางไหน เจ้า GPS ก็จะพาเรามาออกที่เดิมเพราะเป็นเส้นทางที่ใกล้และดีที่สุดครับ (แต่บางท่านอาจจะตั้งค่าหลีกเลี่ยงได้) ถ้าเจอเหลืองทึบ 2 เส้นแบบนี้ ห้ามจอดเด็ดขาด 4. การเช่ารถ : ก็ใช้วิธีเลือกจากเวบเหมือนกัน เราเลือกจาก https://www.rentalcars.com/ โดยเลือกรถขนาด compact จากบริษัท Easirent รับและส่งรถที่ Sheraton Skyline Heathrow ซึ่งรถเช่าของแต่ละเจ้าจะอยู่ต่างที่กัน แต่เราสามารถนั่ง shuttle bus ไปถึงได้ เรื่องสภาพรถก็ถือว่าโอเคนะ รถที่เราเช่า การเช่ารถโดยทั่วไปเขาจะรวมประกันแบบชั้น 3 ไว้ในค่าเช่า โดยเมื่อเราไปรับรถจะต้องวางเงินหรือบัตรเครดิต (ส่วนมากบัตร) ประกันไว้ 1250 ปอนด์ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราจะต้องจ่ายส่วนแรกประมาณนี้ ที่เหลือประกันค่อยเข้าไปดูแล แต่ถ้าไม่อยากวางประกัน ก็ทำประกันชั้นหนึ่ง หรือแบบ 0 access ไว้ (เราเลือกทำเพิ่มแบบ full cover แบบนี้ เพราะเคยมีประสบการณ์ยางแบนตอนไปขับที่นิวซีแลนด์ ค่าเปลี่ยนยางแพงมาก เพราะบ้านเขาจะซ่อมหรือปะต้องตรวจดู strength ของยางก่อนว่าทำได้ไหม? ถ้าไม่ได้ ต้องเปลี่ยนซึ่งแพงเวอร์) Clifton Suspension Bridge, Bristol ในการเช่าแต่ละเจ้าก็จะมีนโยบายเรื่องน้ำมันด้วย เช่น รับไปน้ำมันเต็มถัง – คืนน้ำมันเต็มถัง หรือรับไปน้ำมันเต็มถัง – คืนจ่ายค่าน้ำมันเต็มถัง ถ้าเรารีบๆจะไปขึ้นเครื่อง เอาแบบหลังนี่ก็ดี แต่ต้องวางแผนการเดินทางให้ส่งกลับรถพร้อมน้ำมันในถังให้คุ้มค่าครับ Easirent ให้เราเลือกแบบหลัง...ตกลงเราเช่ารถขับ 13 วัน ราคาประมาณ 18,xxx บาท ประกัน + น้ำมัน อีก 267 ปอนด์ (ประมาณ 12,xxx บาท) เป็นรถขนาดเล็ก Ford Fiesta เกียร์ออโต้ เพราะไปกัน 2 คนพ่อลูก ประหยัดน้ำมันดี น้ำมันไร้สารที่อังกฤษลิตรละ 1.12 ปอนด์ครับ ขนาดของรถ ระบบและเกียร์ มีผลกับค่าเช่าครับ แต่จำไว้อย่างหนึ่งคืออังกฤษที่จอดหายากและคับแคบมาก การใช้รถที่พอเหมาะน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี @ Bourton on The Water เมืองเล็กๆแต่สวยงาม Radcliffe Camera, Oxford ด้านล่าง Arthur's seat, Edinburgh Edinburgh Castle คงพอได้ไอเดียในการขับรถในอังกฤษนะครับ ทั่วๆไปก็ขับแบบบ้านเราชิดซ้าย เวลาแซงก็แซงทางด้านขวา ความเร็วสูงสุดตามถนนสายหลักหรือมอเตอร์เวย์ ก็ 70 ไมล์/ชม. สายรองถ้า 4 เลนส์ ก็ใช้ความเร็วได้สูงสุดเท่ากันกับสายหลักคือ 70 ไมล์/ชม. หรือ 113 กม./ชม. ถ้าเป็นถนนสายรอง (A) แบบวิ่งสวนกัน ก็ใช้ความเร็วได้สูงสุด 60 ไมล์/ชม. หรือ 97 กม./ชม. แต่จะมีป้ายบอกความเร็วเป็นระยะๆ ถ้าเป็นถนนสายแยก (B) ก็จะเหลือ 40-50 ไมล์/ชม. หรือ 64-80 กม/ชม. ถ้าผ่านย่านชุมชนจะให้ลดลงเหลือ 20-30 ไมล์/ชม. หรือ 32-48 กม./ชม. ตามถนนในย่านชุมชนถ้าเจอเส้นเหลืองทึบ คือ ห้ามจอด (บ้านเราขาว-แดง) ถ้าเจอเหลืองทึบคู่ คือ ห้ามจอดเด็ดขาด ที่จอดได้จะเป็นเส้นประขาวและตีล๊อกให้จอด ส่วนมากจะต้องเสียค่าจอดแบบ Pay & Display ต้องดูตู้จ่ายตังค์บริเวณนั้นให้ดี สรุปแล้ว คือไม่ยากครับ เพียงต้องปฏิบัติตามกฎจราจรเขาอย่างเคร่งคัด เรื่องขับใจร้อนมีเหมือนกันทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีประชากรมากๆ เราก็อย่าไปสนใจขับตามความเร็วที่กำหนดไปและชิดซ้ายเข้าไว้ได้ทั้งความปลอดภัยและไม่ฝ่าฝืนกฏระเบียบเขา (ไอ้ที่พอผ่านกล้องแล้วใส่เต็มที่นั้นมีเหมือนกัน เราก็อย่าไปทำตามเขาล่ะ แม้มาถึงบ้านที่ไทยค่าปรับก็ตามมาได้นะครับ) ขอให้ทุกท่านโชคดีในการท่องเที่ยวครับ. ตั้งแต่บล๊อกหน้าเป็นต้นไปเราจะพาคุณๆไปเที่ยวชมเมืองต่างๆบนเกาะอังกฤษด้วยกัน ซึ่งมีภาพเยอะมาก เพราะเราใช้เวลาขับรถทั้งหมด 13 วัน เที่ยวในเมืองลอนดอนแบบใช้ขนส่งสาธารณะอีก 3 วัน และเที่ยวนิวคาสเซิ่ลแบบเดินชมและนั่งรถไฟอีก 1 วัน .... มีหลายอย่างมากอยากจะเล่าให้ฟัง เอาไว้คราวต่อไปละกันครับ สำหรับบล๊อกนี้ขอบคุณที่ตามอ่านครับ ลาด้วยภาพที่พรมแดนอังกฤษและสก๊อตแลนด์ ภาพนี้ครับ ____________
Create Date : 11 สิงหาคม 2559
17 comments
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2565 9:12:49 น.
Counter : 23855 Pageviews.
โดย: Thailandtraveluk IP: 212.47.252.101 18 มิถุนายน 2560 19:04:46 น.
โดย: Mary IP: 125.26.141.244 24 มิถุนายน 2560 21:05:36 น.
โดย: พนิต IP: 58.136.14.4 29 มิถุนายน 2560 20:49:52 น.
โดย: wicsir IP: 49.48.119.177 29 กันยายน 2560 21:05:04 น.
โดย: wicsir IP: 49.48.119.177 29 กันยายน 2560 21:12:58 น.
โดย: Pairoj IP: 180.180.129.64 27 พฤษภาคม 2561 13:58:39 น.
โดย: wicsir 29 พฤษภาคม 2561 20:39:55 น.
โดย: Pairoj IP: 125.25.136.165 29 พฤษภาคม 2561 21:13:05 น.
โดย: เอกวาจก IP: 134.196.22.31 29 พฤษภาคม 2561 21:20:20 น.
โดย: wicsir 30 พฤษภาคม 2561 16:46:45 น.
โดย: ohomee.official IP: 163.172.136.205 22 ธันวาคม 2561 11:19:11 น.
โดย: Kevinjoync IP: 37.139.53.22 21 สิงหาคม 2566 12:47:40 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [? ]
...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......อยากจะบอกว่า @ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว @ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ. @ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก... ด้วยจริงใจ นาย wicsir.
1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
มาอ่านเทคนิคการท่องเที่ยวอังกฤษค่า
ได้ความรู้มากเลยค่ะ ชอบๆ
ภาพสวยด้วย แต่คนเยอะจังเลยนะคะ
เมืองสวย ภาพสวย
ขอบคุณมากๆ นะคะ
wicsir Travel Blog ดู Blog