Bloggang.com : weblog for you and your gang
หวานเย็นผสมโซดา | รวิวารี | Mahal Kita | NamPhet
Group Blog
เล่าสู่กันฟัง
เรื่องเล่าในวันเหงา
เพียงเสี้ยวความรู้สึก
จากปลายปากกาสู่คีย์บอร์ด
อาณาจักรการ์ตูน
กาลครั้งหนึ่ง...ความทรงจำ
ห้องนั่งเล่นของความคิด
กล่องความทรงจำของความผูกพัน
เรียงถ้อย...ร้อยหนังสือ
บอกเล่าเก้าสิบ...กระซิบต่อ
ห้องข่าวกับเรื่องราวของเหตุการณ์
บ้านหนอนหนังสือ
เสียงกระซิบ... ข้างหลังภาพ
หนังสือเดินทาง
นานา ณ ป่าอักษร
บุญนำ กรรมแต่ง
เมืองใหญ่...กับ...โลกใบเล็ก
มองเงาเล่าเรื่อง
กล่องดนตรีกับคีย์หัวใจ
ร้อยมุมมองของคนช่างอ่าน
รื่นรมย์...ชมสวน
หัวใจใส่ความรู้สึก
ลานเฉลียง...ระเบียงบ้าน
<<
มีนาคม 2549
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
6 มีนาคม 2549
การเดินทางของหัวใจ
All Blogs
สโนไวท์กับคน (ไม่) แคระทั้งเจ็ด : ใต้หล้า
สโนไวท์กับคน (ไม่) แคระทั้งเจ็ด : ลมไหว
สโนไวท์กับคน (ไม่) แคระทั้งเจ็ด : เพลงฝน
สโนไวท์กับคน (ไม่) แคระทั้งเจ็ด : คมเคียว
เจ้าหญิงเมดา
ในมุมหนึ่งของหัวใจ
การเดินทางของหัวใจ
คนรู้จัก
Please Call
นางฟ้าของซินเดอเรลล่า
รัก...เพราะรัก
สายเกินไป...ที่จะบอก 'รัก'
รอวัน...เธอรักฉัน
ที่ปรึกษา
การเดินทางของหัวใจ
วันนี้ยังคงเป็นเหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา ฉันยังคงใช้ชีวิตอยู่อย่างเหว่ว้าและเงียบเหงา เหงาทั้งๆ ที่มีผู้คนมากมายรายล้อมรอบกาย และในความเหงาที่แสนคุ้นชินนี่เอง ทำให้ฉันคิดถึง เขา ขึ้นมา อยากให้เขามายืนอยู่ตรงนี้เหลือเกิน และทั้งๆ ที่รู้ดีว่า แค่เพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วบรรจงกดเลขหมายปลายทางให้ครบเก้าหลักและกดปุ่มโทรออกเท่านั้น เมื่อสัญญาณเรียกเข้าทางปลายสายดังขึ้น เจ้าของเครื่องคงละทิ้งทุกสิ่งอย่างตรงหน้ามาหาฉันทันทีที่ร้องขอ แต่ฉันก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม คงเป็นเพราะความกลัวที่ซ่อนตัวอยู่ลึกๆ ในจิตใต้สำนึกกระมัง
ตลอดระยะเวลาเกือบหกปีที่รู้จักกัน ไม่อาจทำให้ฉันมั่นใจในความรู้สึกของเขาได้เลย ฉันยังคงเป็นฉัน เด็กดื้อรั้น ไม่รู้จักโต คอยตั้งหน้าตั้งตาสร้างกำแพงกับเขาอยู่เสมอ แต่ใครเลยจะรู้ ความรู้สึกที่ฉันมีอยู่มันเดียวดายสักเพียงไหน
กาลครั้งหนึ่ง ในความเหงาอันนานเนิ่น ฉันเคยไขว่คว้าใครคนหนึ่งไว้เป็นหลักพักพิงหัวใจ ใคร ซึ่งฉันคิดไปเพียงลำพังฝ่ายเดียวว่าเป็นคนที่เข้าใจฉันมากที่สุด แต่ ฉันคงผูกพันกับความฝันอันเลื่อนลอยนั้นมากเกินไป ในเมื่อฉันยังไม่เคยเข้าใจหัวใจตัวเองเลยสักครั้ง แล้วจะหวังให้ใครคนนั้นมาเข้าใจได้อย่างไร
บทเรียนในวันนั้นสอนให้ฉันได้เรียนรู้ว่า อย่าพยายามไขว่คว้าใครไว้เป็นหลักให้หัวใจในวันเหงา บทเรียนที่ทำให้ฉันเจ็บจำมาจนวันนี้ แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่มีวันเป็นเหมือนใครคนนั้น แต่ฉันก็ไม่ต้องการดึงเขาเข้ามาในเวลานี้ เวลาที่ความเหงารุมเร้าให้อ่อนแอลงทุกนาทีอย่างที่เป็น
หากกระแสความรู้สึกของฉันคงแรงจนเกินไป คนที่อยู่ในห้วงแห่งความคิดถึงของหัวใจ จึงสามารถจับคลื่นสัญญาณนี้ได้ หน้าจอโทรศัพท์มือถือของฉันปรากฏหมายเลขโทรเข้า และคงเป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกจาก เขา ฉันนิ่งมองอยู่นานพอสมควร ก่อนตัดสินใจรับสาย
ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ? นั่นคือคำทักทายประโยคแรกของคนที่โทรเข้ามา
แสนรู้จังเลยเนอะ อย่างนี้ต้องตบรางวัลด้วยเพ็ดดีกรีซะแล้วสิ ฉันล้อเลียนอีกฝ่ายค่อนข้างแรงทีเดียว
อ้าว! เห็นพี่เป็นไอ้ตูบไปแล้วเหรอ เด็กน้อย
เขาไม่ค่อยเรียกแทนตัวเองว่าพี่บ่อยนัก ทั้งๆ ที่หากนับกันตามความเป็นจริงแล้ว เขาอายุมากกว่าฉันอยู่หลายปีทีเดียว และผ่านมาจนวันนี้ ฉันก็ไม่เคยเรียกเขาว่า พี่ เลยสักคำ เหตุผลก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเราเริ่มต้นจากการเป็นคนรู้จักในฐานะเพื่อน รู้จักกันโดยบังเอิญ หาใช่ความตั้งใจของใครทั้งสิ้น
มันเป็นความผิดพลาดด้านทักษะการพิมพ์ของเขา และเป็นความสะเพร่าของคนทำงานด้านตัวอักษรอย่างฉัน ก่อเป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จักกันระหว่างเรา เขาพิมพ์ชื่อของฉันเพิ่มเติมลงไปในลิสต์โปรแกรมการสนทนาออนไลน์ยอดฮิตตัวหนึ่ง ด้วยเข้าใจว่าฉันคือเพื่อนที่เขารู้จัก ส่วนฉันก็ตอบรับส่งเดชเพราะคิดว่าอาจเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งของรุ่นในรั้วมหาวิทยาลัย หากเมื่อบทสนทนาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จึงได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิด ครั้นจะปิดฉากการสนทนาลงในทันที ก็ดูเหมือนไร้มารยาทจนเกินไป เขาจึงเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองอย่างเป็นกันเองก่อนว่าเป็นใคร ฉันเองก็มีมนุษยสัมพันธ์มากพอที่จะบอกกล่าวว่าตนเองเป็นใครเช่นกัน
เหงาอีกแล้วล่ะสิ เขาถามมาอีกครั้ง
เปล่าสักหน่อย เสียงหัวเราะอย่างรู้ทันถูกส่งผ่านมาตามคลื่นสัญญาณไร้สายของโทรศัพท์ มันทำให้ฉันอดใจยอกย้อนกลับไปไม่ได้ หัวเราะอะไรไม่ทราบ
หัวเราะคนโกหกไม่เก่งน่ะสิ ถามได้
อ๋อเหรอ ไม่ได้หัวเราะยิปซี งั้นก็แล้วไป
ฉันแกล้งเฉไฉทำเป็นไม่เข้าใจว่า คนโกหกไม่เก่ง ที่เขาพูดถึงก็คือฉัน และนั่นถึงกับทำให้คนที่หัวเราะอยู่เมื่อครู่ เปลี่ยนอากัปกิริยามาเป็นการถอนหายใจแทน
ยอมรับมาเถอะว่าเหงา ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกน่า เมื่อเห็นฉันยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีการตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ ออกไป คนที่ถือสายรอฟังคำตอบจึงบอกมาว่า รออยู่นั่นนะ เดี๋ยวไปหา อย่าเพิ่งหนีไปไหนล่ะ
รู้เหรอคะว่าอยู่ที่ไหน ฉันย้อนถาม ทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
เถอะ นั่งรอไม่เกินครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวไปหา ฉันบอกเขาว่าไม่ต้องมา เพราะฉันกำลังจะกลับแล้ว หากอีกฝ่ายยังดื้อดึงที่จะตามมา
นั่งเหงาอยู่คนเดียวได้เป็นนานสองนาน พอจะไปนั่งเป็นเพื่อนก็จะหนีกลับซะนี่ รอก่อนนะ อีกยี่สิบนาทีเจอกัน ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ เขาก็ตัดบทวางสายไปเสียก่อน ปล่อยให้ฉันนั่งมองโทรศัพท์ในมือด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
--------------------------------------
ฉันสาวเท้าออกเดินตามเส้นทางเลียบแม่น้ำสายหลักของกรุงเทพฯ อย่างช้าๆ เรื่องราวต่างๆ มากมายวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดคำนึง บนสะพานที่ทอดยาวข้ามผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา เหล่าบรรดานักตกปลายืนกันอยู่อย่างประปราย
บอกให้รอ ทำไมไม่รอ
มือหนาของคนที่เพิ่งมาถึงเอื้อมมาดึงแขนของฉันไว้จากทางด้านหลัง ฉันหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ แล้วหันไปมองเจ้าของมือขาวๆ นั้น ก่อนจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ไม่รักษาน้ำใจคนฟังสักเท่าไร
ก็บอกแล้วนี่คะว่า ไม่ต้องมา ยิปซีกำลังจะกลับบ้านแล้ว หากเขาใจเย็นมากพอที่จะไม่ถือสา
ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้รอ นี่ก็ไม่เกินเวลาที่บอกไว้เลยสักนิด ไม่เชื่อดูสิ เขายื่นข้อมือข้างที่มีนาฬิกาเรือนหรูประดับอยู่มาตรงหน้าให้ฉันได้เห็นเวลาที่บ่งชัดบนหน้าปัด ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า แล้วไงล่ะ
เฮ้อ! พวกเจ้าหน้าที่พิสูจน์อักษรนี่ไม่น่าเข้าใจอะไรยากเลยนะ เขาแกล้งบ่น
แล้วพวกนักวิเคราห์ระบบทำไมถึงได้ดันทุรังอย่างนี้ล่ะคะ บอกแล้วไม่ใช่รึไงคะว่ากำลังจะกลับ
ก็แค่กำลังจะกลับ ไม่ได้ความว่ากลับไปแล้วสักหน่อย เขาย้อน
ไปส่งที่บ้านได้มั้ย ? คำถามนั้นทำให้ฉันหันมองหน้าคนพูดอีกครั้ง ก่อนหาทางเลี่ยงด้วยการทำเป็นไม่เข้าใจ
เป็นสุภาพบุรุษประสาอะไร มาบอกให้สุภาพสตรีไปส่ง ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ
เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ เขาบ่นพลางถอนหายใจอีกครั้ง ฉันจึงเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนม้านั่งริมทางเดินแทนการเดินไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมายปลายทาง
ไม่กลับบ้านแล้วหรือไง ? เขาเดินตามมานั่งข้างๆ ก่อนตั้งคำถามอีกครั้ง ฉันหันไปมองเจ้าของคำถามนิดหนึ่งก่อนจะหันกลับมาทอดสายตามองสายน้ำไหล ไม่ตอบว่าอะไรทั้งสิ้น
อยากว่ายน้ำเล่นเหรอ ? ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วต่างฝ่ายต่างก็จมอยู่ในความเงียบ ไม่มีการเอื้อนเอ่ยสนทนาใดๆ อีก
ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร รู้เพียงรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศรอบตัวก็เต็มไปด้วยความสว่างไสวจากแสงไฟยามค่ำคืนของมหานครแห่งนี้ และคนที่นั่งอยู่ข้างกายยังคงเป็นเขานั่นเอง
เมื่อคืนนอนดึกอีกแล้วใช่ไหม ? ทำไมเขาถึงได้ชอบตั้งคำถามกับฉันนักนะ
กลับกันเถอะค่ะ ฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกไม่มั่นคงทันทีที่ยืนขึ้น ยังไม่ทันได้ไขว่คว้าสิ่งใดไว้เป็นหลักทรงตัว ทุกสิ่งอย่างก็ดับมืดลง
--------------------------------------
รู้สึกตัวแล้วเหรอ ?
เขาถามขึ้นทันทีที่ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้งเพื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงหนานุ่มในห้องนอนเล็กๆ ห้องหนึ่ง ไม่ใช่ห้องนอนของฉัน ความรู้สึกบอกกับฉันอย่างนั้น และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉันผุดลุกขึ้นอย่างรีบร้อน หากสังขารร่างกายกลับไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย ฉันรู้สึกหนักอึ้งไปหมดจนไม่สามารถขยับตัวลุกขึ้นได้ตามคำสั่งการของสมอง
นอนพักก่อนเถอะ เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งอย่างห่วงใย ฉันเหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงเป็นเชิงถาม ไข้ขึ้นน่ะ กลับไปบ้านยิปซีก็ไม่มีใคร เลยพามาที่นี่แทน
ที่ไหนคะ ? ฉันถามเมื่อความสงสัยไม่ได้รับความกระจ่าง
ก็บ้านผมสิครับคุณหนู น้ำเสียงนั่นแสดงอาการไม่เดือดร้อนอะไรเลยจนนิดเดียว เมื่ออธิบายต่อว่า ไม่ต้องกลัวหรอก แม่ผมยังอยู่ทั้งคน คงไม่ปล่อยให้ทำอะไรเกินเลยกับว่าที่ลูกสะใภ้หรอกน่า
ไข้ขึ้นได้ยังไงกันเนี่ย ?
อืม นั่นสิ ว่าจะถามอยู่เหมือนกัน ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกอยากตบปากตัวเองนัก อุตส่าห์เปลี่ยนเรื่องพูดแล้วทำไมไม่หาเรื่องที่มันพ้นตัวกว่านี้นะ
เมื่อคืนนอนดึกอีกแล้วใช่ไหม ? เขาถามคำถามเดิมอีกครั้ง หากไม่รอฟังคำตอบ ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ตกเย็นแทนที่จะรีบกลับบ้านไปพักผ่อน ก็เถลไถลออกนอกเส้นทาง ตั้งแต่กลางวันทานอะไรบ้างหรือเปล่า ? ฉันเงียบแทนการตอบรับ เพราะคนถามคงรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้างเลย ไม่รู้หรือไงว่าทำให้ใครเขาเป็นห่วง เขาทำท่าจะบ่นยาว หากกรรมการไม่เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
รู้สึกตัวแล้วเหรอจ๊ะ ? หนูยิปซี ฉันตอบรับเสียงใส คนเฝ้าไข้ตวัดสายตาดุๆ ส่งมาให้
ดินออกไปยกข้าวต้มมาให้น้องหน่อยไป แม่เตรียมไว้ให้แล้วอยู่ในครัว เขาขยับตัวทำตามคำสั่งของมารดาแต่โดยดี
เดี๋ยวทานอะไรรองท้องสักหน่อยนะลูก จะได้ทานยา ผู้สูงอายุกว่าหันมาสั่งความกับฉันอย่างเอื้อเอ็นดู ฉันจึงพนมมือไหว้เป็นการขอบคุณ
ขอบคุณค่ะ คุณป้า
เรียกแม่ก็ได้จ้ะ ฉันยิ้มอย่างเขินๆ คืนนี้ก็ค้างที่นี่นะลูก เห็นดินบอกว่าหนูอยู่ตัวคนเดียว ที่บ้านไม่มีใคร
ไม่เป็นไรค่ะ ยิปซีไม่อยากรบกวน ฉันเอ่ยอย่างเกรงใจ
หนูยิปซีนี่ดื้อเหมือนที่ตาดินว่าไว้เลยนะ
ยังไม่ทันจะตอบว่าอะไร คนช่างฟ้องที่กล่าวหาว่าฉัน ดื้อ ก็กลับเข้ามาเสียก่อน เขาวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะเล็กข้างเตียง ก่อนหันมาประคองฉันให้ลุกขึ้นทาน ระหว่างนั้นแม่ของเขาก็ขอตัวออกไป ปล่อยฉันทิ้งไว้ตามลำพังกับเขา
คืนนี้ค้างที่นี่นะ ฉันอ้าปากจะเถียง แต่เขาไม่เปิดโอกาสให้หลุดคำพูดใดๆ ออกมาได้
พรุ่งนี้วันเสาร์ ไม่ต้องไปทำงาน ค้างที่นี่น่ะดีแล้ว จะได้มีคนดูแล เรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องห่วง ยิปซีคงใส่ของยัยตัวยุ่งได้ สีหน้าฉันคงบ่งชัดถึงความสงสัย เขาจึงอธิบายต่อ
หลานสาวคนเล็กของบ้านนี้น่ะ ชื่อ น้องยุ่ง เป็นเจ้าของห้องนี้ แต่ตอนนี้เจ้าตัวไม่อยู่ไปออกค่ายอาสากับเพื่อนๆ ที่ต่างจังหวัด
ฉันพยักหน้ารับรู้ ก่อนปฏิเสธข้าวต้มคำต่อไปที่เขาตักป้อน อีกฝ่ายไม่บังคับให้ทานต่อ ส่งยาพร้อมน้ำดื่มให้ ก่อนผละออกไปอย่างเงียบๆ
--------------------------------------
แสงอรุณสาดส่องให้มองเห็นความสดใสของวันใหม่อีกครั้ง อาการของฉันก็ดีขึ้น เรียกได้ว่าหายดีเป็นปลิดทิ้ง เขาอาสาไปส่งฉันที่บ้าน ฉันนั่งเงียบมาตลอดเส้นทางที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อเห็นชัดว่าถนนสายที่ทอดยาวอยู่นี้ ไม่ใช่ถนนสายที่มุ่งตรงสู่บ้านของฉัน
ถ้าคุณจะแวะไปทำธุระก่อน จอดส่งตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้ค่ะ ยิปซีกลับเองได้ ไม่มีการตอบรับจากคนที่นั่งประจำที่คนขับ
คุณพสุ ได้ยินที่ยิปซีพูดไหมคะ ? เขาหันมามองหน้าฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปสนใจกับการขับรถต่อ
ไม่ต้องรีบกลับก็ได้ บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า ฉันเลือกที่จะเงียบ ด้วยรู้ดีว่าต่อปากต่อคำไปก็ไม่มีทางชนะคนเอาแต่ใจอย่างเขาได้
สถานที่ที่เขาพาฉันมาคือ พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังไม้สักที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฉันจำได้ว่าเขาเคยอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวกิติมศักดิ์เมื่อครั้งที่ฉันยังเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย และเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นาน
ให้เกียรตินายพสุคนนี้เป็นไกด์นำคุณหนูยิปซีเที่ยวชมพระราชวังสักครั้งนะครับ เจ้าของชื่อ พสุ หันมาโค้งให้ฉันอย่างเป็นทางการ
เอ! ยิปซีจำได้ว่าเคยบอกคุณไกด์จำใจไปแล้วนะคะว่า ยิปซีอยากไปเที่ยวดรีมเวิลด์มากกว่าน่ะ
เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันเกิดของไกด์นำเที่ยวครับ ไม่ใช่วันเกิดของคุณหนูยิปซี เพราะฉะนั้นเรื่องสถานที่ต้องเจ้าของวันเกิดเท่านั้นที่มีสิทธิ์กำหนด
ไม่ยุติธรรม ฉันประท้วงทันทีที่เขาอธิบายเหตุผลในการเลือกสถานที่ที่เที่ยวจบลง
ตามใจกันสักวันไม่ได้เลยเหรอ ? ถ้าฉันฟังไม่ผิดน้ำเสียงที่เอ่ยมานั้นแฝงรอยน้อยใจอยู่ด้วย มันทำให้ฉันหยุดการกระทำอันจงใจแกล้งนั้นลงอย่างฉับพลัน
หลังจากเดินชมตำหนักต่างๆ ในบริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆจนทั่วแล้ว ฉันจึงขอปลีกตัวจากเขาเพื่อมาเดินเลือกซื้อสินค้าในร้านขายของที่ระลึกตามลำพัง ก่อนตัดสินใจซื้อโคมไฟซึ่งมีภาพทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนเป็นลวดลาย น่าจะถูกใจคนรับบ้างล่ะนะ ฉันออกจากร้านขายของที่ระลึก เดินย้อนกลับไปยังหน้าพระที่นั่งฯ ตรงจุดที่เขาบอกไว้ว่าจะนั่งรอ
แฮปปี้เบิร์ธเดย์ค่ะ พี่ดิน ฉันยื่นของขวัญที่เพิ่งซื้อหามาเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาออกไปตรงหน้าของคนที่นั่งรอ หากเขากลับไม่ยอมยื่นมือมารับไปสักที มัวแต่นั่งจ้องหน้าฉันอยู่ได้
ไม่รับ ยิปซีวางไว้ตรงนี้นะคะ
เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ? เขาถาม
ยิปซีบอกว่าถ้าคุณไม่รับ ยิปซีจะวางไว้ตรงนี้ล่ะ ฉันบอก
ก่อนหน้านี้
ก็ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ไงคะ หรือว่าต้องแปลเป็นภาษาไทยถึงจะเข้าใจ
ไม่ต้องหรอก สงสัยจะหูฝาดไปเอง เขาว่าพลางถอนหายใจ ก่อนเอ่ยชวนกลับบ้าน ทำไมฉันจะไม่รู้ในสิ่งที่เขาต้องการจะฟัง เพียงแต่ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่พูดมันซ้ำอีกเท่านั้นเอง
--------------------------------------
ฉันมองคนตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึง ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าโลกจะกลมถึงเพียงนี้ ช่างภาพที่ยืนจับภาพพระที่นั่งวิมานเมฆอยู่ในขณะนี้ คือใครคนหนึ่งซึ่งฉันเคยคิดว่าเข้าใจฉันมากที่สุดคนนั้นนั่นเอง ฉันตั้งใจจะเดินหลีกบุคคลตรงหน้า หากมันคงเป็นการเสียมารยาทจนเกินไป ในเมื่อสายตาของอีกฝ่ายหันมาสบเข้าอย่างจังแบบนี้ ริมฝีปากของฝ่ายนั้นโค้งขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มทักทายสำหรับคนที่เคยรู้จักกันเช่นฉัน
สวัสดีค่ะพี่ภัทร ฉันหลุดคำทักทายออกไปอย่างแสนยากลำบาก
สวัสดีครับ ยิปซีเป็นไงบ้าง ? ไม่เจอกันนานเลยนะ
สบายดีค่ะ
พี่ภัทรล่ะคะ สบายดีหรือเปล่า ?
ครับ พี่ภัทรหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างกายฉัน ก่อนประโยคถัดไปจะตามมา
จะไม่แนะนำให้พี่รู้จักหน่อยเหรอ
ขอโทษค่ะ อืม พี่ภัทรคะ นี่คุณพสุค่ะ คุณพสุคะ นี่พี่ภัทร รุ่นพี่ของยิปซีสมัยเรียนมหา ลัยค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณพสุ
เช่นกันครับ
แล้วบทสนทนาทั้งหมดก็จบสิ้นลงในวินาทีนั้นนั่นเอง ไม่มีใครพูดอะไรกันต่ออีก บรรยากาศในเวลานี้มันช่างอึดอัดเหลือเกินในความรู้สึกของฉัน จนกระทั่งพี่ภัทรต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาเสียเอง
เอ่อ ยิปซีคงกำลังจะกลับแล้วใช่มั้ย ?
ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ
ครับ กลับบ้านดีดีล่ะ พี่ภัทรยิ้มให้ฉันอีกครั้ง ก่อนจะหันไปกล่าวลากับเขา
โอกาสหน้าคงได้พบกันอีกนะครับ คุณพสุ
ครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ
ระหว่างการเดินทางกลับบ้านนั้น ทั้งฉันและเขาต่างตกอยู่ในภวังค์ของความเงียบ ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นเลยตลอดระยะทาง จนกระทั่งถึงบ้านของฉัน
เข้าไปดื่มน้ำสักแก้วก่อนมั้ยคะ ?
นึกว่าจะไม่ชวนแล้วเสียอีก ฉันยิ้มให้กับประโยคดังกล่าว แต่มันคงเป็นยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเต็มที
ไม่รู้ว่าฉันคิดผิดหรือเปล่าที่ชวนเขาเข้ามานั่งจมอยู่กับความเงียบอีกครั้ง แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะหยิบยกเรื่องใดมาเป็นประเด็นในการสนทนาระหว่างเรา สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นลงอีกครั้ง
จะว่าไปก็ชักขี้เกียจขับรถกลับบ้านซะแล้วสิ ขอค้างที่นี่สักคืนได้ป่ะ ? เขาพูดด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง หากยังไม่ทันที่ฉันจะตอบรับหรือปฏิเสธ อีกฝ่ายก็หัวเราะอย่างขื่นๆ แล้วบอกว่า
ล้อเล่นนิดเดียว ทำไมต้องทำท่าคิดหนักอย่างนั้นด้วยล่ะ
ก็ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี จึงเลือกที่จะนั่งเงียบๆ แทน และก็เป็นหน้าที่ของเขาอีกเช่นเคยที่ต้องหาเรื่องคุย
พี่ต้องไปสัมมนาที่พิษณุโลกสองอาทิตย์นะ ฉันหันไปมองหน้าเขา แค่มองเท่านั้นจริงๆ
ออกเดินทางเช้าวันจันทร์
เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ ฉันบอกเขาด้วยประโยคที่ค่อนข้างเป็นทางการในความรู้สึก หากฉันคงทำได้เท่านั้นจริงๆ และนั่นคงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดจึงเป็นฝ่ายขอตัว
กลับก่อนดีกว่า ยังต้องจัดกระเป๋าเตรียมเดินทางไกลอีก
เขาขยับตัวลุกขึ้น และฉันก็ไม่อาจเสียมารยาทจึงเป็นฝ่ายเดินตามไปส่งเขาที่รถ เพราะไม่ทันระวังตัว ฉันจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายทันทีที่เขาหันกลับมาและรั้งฉันไว้ในอ้อมแขน ฉันพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตนเองเป็นอิสระ หากอีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยแต่โดยดี
ปละ ปล่อยค่ะ
ยิปซีรักพี่บ้างหรือเปล่า ? เคยรักพี่บ้างไหม ? ฉันนิ่งเงียบอยู่ในอ้อมกอดนั้น ไม่ใช่ไม่ต้องการที่จะตอบ หากไม่สามารถหาคำตอบสำหรับคำถามล่าสุดของเขาได้ต่างหาก
ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ พี่เองก็ยังไม่พร้อมที่จะฟังคำปฏิเสธ รอกลับจากพิษณุโลกเมื่อไหร่ ค่อยมาขอฟังคำตอบ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนปล่อยฉันให้เป็นอิสระ
เตรียมคำตอบไว้นะ กลับมาแล้วจะแวะมาฟัง เขายิ้มให้ฉัน ก่อนเปิดประตูก้าวเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งแล้วขับรถจากไป ทิ้งฉันไว้กับความมืดของยามราตรี
--------------------------------------
เฝ้าตามหาเรื่อยไปใครสักคน
ที่ทำให้ใจร้อนรนและหวั่นไหว
พเนจรรอนแรมมาแรมไกล
สุดแต่ใจเจ้ากรรมนำพเน
มีเสียงเพลงแห่งรักคอยกล่อมเห่
ปลอบหัวใจที่ว้าเหว่ของคนเหงา
ตามหารักที่หลบเร้นเป็นดั่งเงา
ตามหาคนที่ใจเหงาเฝ้ารอคอย
ฉันวางปากกาในมือลงอย่างเหนื่อยล้าในหัวใจ ชีวิตฉันก็คงเป็นเหมือนกับกลอนบทนี้ที่ขีดเขียน เฝ้าเดินทางตามหาเรื่อยไปใครสักคน แค่เพียงสักคนที่จะเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย ยิปซี ชนเผ่าเร่ร่อนในยุโรป ชื่อนี้ช่างเหมาะกับฉันเหลือเกิน คนเร่ร่อนที่รอนแรมตามหาใครสักคนซึ่งหัวใจรอคอย
ฉันถอนหายใจเป็นรอบที่ยี่สิบเก้าของการทำงานรอบบ่ายวันนี้ ตั้งแต่คืนนั้น เขาก็เงียบหายไป ไม่ติดต่อมาอีกเลย เขาทำตามที่บอกไว้ ให้เวลาฉันค้นหาคำตอบ และจะกลับมาฟังหลังกลับจากการสัมมนา พรุ่งนี้แล้วสินะ พรุ่งนี้ที่เขาจะกลับมา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายภวังค์ความคิดทั้งหมดของฉันให้สะดุดหยุดลง ฉันกดรับโดยไม่ทันได้ดูว่าปลายทางที่โทร. เข้ามาหานั้นเป็นใคร แล้วฉันก็ต้องพบกับความแปลกใจ เมื่อคนที่โทร. มาคือ คุณป้า หรือแม่ของเขานั่นเอง
หนูยิปซีเหรอลูก ? ฉันตอบรับเพียงสั้นๆ เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเริ่มอธิบายถึงสาเหตุที่โทร. มา
ดินประสบอุบัติเหตุที่นครสวรรค์ อยู่โรงพยาบาล . แม่กำลังจะขึ้นไปดูอาการ หนูจะไปด้วยกันไหมจ๊ะ ?
คุณพสุประสบอุบัติเหตุ ฉันเอ่ยทวนในสิ่งที่ได้ยินอีกครั้งอย่างแผ่วเบา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันถามตัวเองอย่างมึนงง
คุณป้าจะออกเดินทางเมื่อไหร่คะ ?
ปลายสายอธิบายรายละเอียดให้ฟังอย่างช้าๆ และฉันก็ไม่ลังเลที่จะตอบรับคำเชิญชวนนั้น หลังจากวางสายลง ฉันก็สะสางทุกอย่างตรงหน้าเป็นการด่วน รีบติดต่อขอลางาน และออกจากสำนักงานทันที หากนั่นยังคงช้าเกินไปในความรู้สึก เพราะหัวใจฉันตอนนี้มันแล่นไปถึงนครสวรรค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
--------------------------------------
ฉันมาถึงโรงพยาบาลใหญ่ประจำจังหวัดพร้อมกับแม่ของเขาในตอนเย็นของวันที่ได้ทราบข่าวนั่นเอง แพทย์ใหญ่ชี้แจงถึงอาการของคนเจ็บด้วยสีหน้าเป็นกังวล บอกให้ทางญาติทำใจเพราะโอกาสรอดมีเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ฉันสวมเสื้อคลุมของทางโรงพยาบาลทับชุดที่ตัวเองสวมอยู่เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อก่อนก้าวเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียงคนเจ็บ
ฉันมองใบหน้าของคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาคงไม่รับรู้ว่ามีฉันยืนอยู่ตรงนี้ เฝ้ารอการลืมตาตื่นของเขาทุกวินาทีด้วยหัวใจที่จดจ่อและรอคอย ฉันกลัวเหลือเกินว่าเขาจะละทิ้งลมหายใจของตัวเองไปในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า กลัวเหลือเกินว่าเขาจะไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกแล้ว คิดเพียงเท่านี้ น้ำตาที่มีก็ร่วงริน
อย่าเป็นอะไรไปนะคะพี่ดิน ตื่นขึ้นมาฟังคำตอบที่พี่อยากฟังก่อนนะ พี่ดินได้ยินยิปซีมั้ยคะ ? ยิปซีเรียกพี่ว่า พี่ดิน แล้วไงคะ พี่ดินอย่าทิ้งยิปซีไปนะ อย่าทิ้งยิปซีนะคะ
หนูยิปซีอย่าร้องไห้เลยนะ ตาดินคงไม่สบายใจ ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้หนูร้องไห้แบบนี้ น้ำเสียงอ่อนโยนของแม่คนเจ็บทำให้ฉันพยายามเช็ดน้ำตาให้เหือดหาย หากยิ่งซับกลับยิ่งรินไหล
แย่จังค่ะ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ คนฟังยิ้มให้ฉันอีกครั้งอย่างเอ็นดู
ไปล้างหน้าล้างตาเถอะจ้ะ เดี๋ยวต้องกลับกันแล้ว ประโยคนั้นทำให้ฉันหันไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
พรุ่งนี้น้องยุ่งจะกลับจากค่ายแล้วน่ะจ้ะ ตอนแรกตาดินบอกว่าจะรีบกลับไปรับหลานด้วยตัวเอง แต่ก็ เสียงคนพูดขาดหายไปคล้ายจะสะเทือนใจที่จะเล่า
คุณป้ากลับก่อนก็ได้ค่ะ ยิปซีจะอยู่เฝ้าพี่ดินให้เอง คุณป้าทำท่าจะค้าน หากฉันชิงตัดบทเสียก่อน
นะคะ เดี๋ยวพี่ดินฟื้นขึ้นมาจะได้มีคนดูแล
ตามใจหนูก็แล้วกันจ้ะ
--------------------------------------
ฉันตัดสินใจขอลางานเป็นเวลาสองสัปดาห์ด้วยกัน สองสัปดาห์อาจเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควรสำหรับการลาหยุด หรือลาพักร้อน หากหัวหน้างานของฉันก็พอจะเข้าใจดีถึงเหตุผลของลูกน้องอย่างฉัน ที่นานๆ ครั้งจะขอหยุดพักการทำงาน เหตุผลสำคัญของการตัดสินใจยื่นใบลาของฉันในครั้งนี้ก็คือ เขา คนที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาลนั่นเอง
ตลอดระยะเวลาหกวันที่ผ่านมา หกวันของการรอคอยให้เขาตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มันช่างยาวนานเหลือเกินในความรู้สึกของคนที่เฝ้ารอ แม้ความหวังที่มีจะน้อยนิด หากฉันก็เชื่อมั่นว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งฉันไป ไม่มีวันทอดทิ้งลมหายใจที่แผ่วล้าจากไป
แล้วการรอคอยก็สุดสิ้นในวินาทีที่เขาลืมตาตื่น และทั้งๆ ที่เฝ้ารอให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมารับฟังคำตอบที่ฉันมีมานานหลายวัน แต่ฉันกลับไม่สามารถเอ่ยถ้อยคำใดออกมาได้ เมื่อดวงตาคู่นั้นมองมา จนกระทั่งคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นเสียเอง
มองนานๆ แบบนี้ ไม่กลัวคนเพิ่งฟื้นเขินหรือไงกัน
น้องยุ่งไม่สบายตั้งแต่กลับมาจากค่ายอาสา คุณป้าต้องอยู่คอยดูแล ยิปซีเลยอาสามาอยู่เป็นเพื่อนพี่ดินแทนค่ะ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้ถามถึงเหตุผลที่ทำให้ฉันต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ หากฉันก็ไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอะไรมาพูดคุยกับเขา
ไม่ต้องทำงานเหรอ ? เขาถาม
ยิปซีลางานสองอาทิตย์ค่ะ ถือซะว่าเป็นการพักร้อนไปในตัว
พักร้อนในโรงพยาบาลแบบนี้น่ะเหรอ ? ฉันนิ่งเพราะไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดีกับคำถามนี้ กลัวไม่ตื่นขึ้นมาทวงคำตอบถึงขั้นยอมลงทุนมาเฝ้าด้วยตัวเองเลยเหรอ
ถ้อยคำประชดประชันที่เขามีทำให้น้ำตาที่ฉันอุตส่าห์เก็บกลั้นไว้ไม่ให้รินไหลนั้นร่วงริน ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ และไม่มีความคิดที่จะไถ่ถามเพื่อหาคำตอบ ฉันไม่ต้องการรับฟังอะไรอีกแล้วในเวลานี้ ไม่ต้องการแม้แต่จะบอกกล่าวถึงความรู้สึกที่มีนับตั้งแต่วินาทีที่ได้รับรู้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุ เขาคงไม่ใส่ใจที่จะรับรู้ว่าฉันรู้สึกเช่นไรกับการเฝ้ารอให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แม้ความหวังที่มีจะน้อยนิดเพียงใด ฉันก็ไม่เคยคิดจะถอดใจแม้แต่นิดเดียว หากแค่คำพูดเพียงไม่กี่คำที่เขามี กลับทำให้ฉันยอมแพ้ในทันทีที่ได้ยิน
ยิปซีไปตามคุณหมอมาให้นะคะ พูดจบฉันก็เดินหนีออกมาโดยไม่รอฟังคำตอบ ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองหน้าคนใจร้ายอย่างเขาอีก
--------------------------------------
ฉันนั่งทอดสายตามองสายน้ำที่ไหลเอื่อยอยู่บนม้านั่งตัวเก่าริมแม่น้ำที่ครั้งหนึ่งเคยมีเขาเคียงข้าง บรรยากาศในยามเย็นของวันนี้ไม่มีอะไรผิดแผกแตกต่างไปจากวันนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว ยกเว้นเพียงที่นั่งข้างกายฉันที่มันว่างเปล่าเท่านั้นเอง หลังจากวันที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันก็ไม่เคยได้พบเขาอีกเลยจนกระทั่งวันนี้
ในวันนั้นฉันเดินกลับเข้าไปในห้องคนเจ็บอีกครั้ง และพบว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นหลับไปแล้ว ฉันโทร. บอกแม่ของเขาว่าเขารู้สึกตัวแล้ว ท่านคงดีใจที่ลูกชายเพียงคนเดียวที่ท่านเหลืออยู่นั้นปลอดภัย วันรุ่งขึ้นเมื่อคุณป้ามาถึง ฉันก็ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที โดยไม่รอให้เขาตื่น ฉันบอกกับท่านว่า ฉันเป็นห่วงบ้านเพราะไม่ได้กลับมาดูแลหลายวันเต็มที
ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ฉันไม่เคยได้รับข่าวคราวจากเขาอีกเลย ฉันให้เหตุผลกับตัวเองว่า เมื่อเขาไม่ติดต่อมา ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ฉันจะต้องติดต่อไป บางทีเขาอาจไม่ต้องการคำตอบอะไรจากฉันอีกแล้วก็เป็นได้
ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น และฉันคงคิดไปเองที่ว่าน้ำเสียงนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกิน อาจเป็นเพราะความเหงาที่ทำให้ฉันคิดถึงเขาขึ้นมาก็เป็นได้ ใครคนนั้นทรุดตัวลงนั่งตรงที่ว่างข้างฉัน ที่นั่งที่เคยเป็นของเขา
ไม่คิดจะไถ่ถามอาการกันหน่อยหรือ ?
คุณพสุ ! ฉันไม่ได้หูฝาดไป เจ้าของคำพูดประโยคนี้คือ เขา นั่นเอง
ฮืม จำได้ว่าตอนนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล คุณหนูยิปซีเรียกว่า พี่ดิน ไม่ใช่เหรอ ? เขาถาม เอ ! หรือว่าจะหูฝาดไปเอง
หายดีแล้วเหรอคะ ? ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามด้วยการเป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียเอง
ไม่รีบหาย กลัวเด็กดื้อแถวนี้จะหนีหายไปพร้อมคำตอบที่เคยถามไว้ เขามาเพื่อทวงคำตอบ แต่ฉันกลับไม่ต้องการที่จะตอบ
เย็นมากแล้ว ยิปซีขอตัวกลับก่อนนะคะ ฉันขยับลุกขึ้นทันทีที่พูดจบ หากยังคงช้าไป เมื่อมือหนาของคนที่นั่งอยู่เคียงข้างเอื้อมมาดึงตัวฉันเอาไว้เสียก่อน พร้อมทั้งพันธนาการฉันไว้ในอ้อมกอด ไม่เปิดโอกาสให้เดินหนีได้อีก
พูดผิดเสียที่ไหนล่ะ ไม่ทันไรก็จะเดินหนีกันอีกแล้ว เขานั่งมองหน้าฉันนิ่งนาน ก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคถัดมาออกจากปาก
คำตอบล่ะ รอฟังอยู่นะ เมื่อเห็นฉันยังคงเงียบ เขาจึงพูดต่อไปว่า ไม่รีบตอบวันนี้ หากพรุ่งนี้พี่เป็นอะไรไปยิปซีจะเสียใจนะ
ฉันไม่เคยนึกเกลียดน้ำตาตัวเองเท่าวันนี้มาก่อนเลยจริงๆ ไม่รู้ทำไมฉันถึงห้ามมันไม่ได้ และทำไมฉันต้องเสียน้ำตาให้กับคำพูดไม่มีกี่คำของเขาด้วย ฉันคงอ่อนแอเกินไปใช่ไหม ? อ่อนแอเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยความในใจให้ใครได้ล่วงรู้
อย่าร้องไห้เลยนะคนดี เขาเอื้อมมีมาเช็ดน้ำตาที่มีให้อย่างอ่อนโยน ถ้ายิปซีไม่พร้อมที่จะตอบตอนนี้ ก็ไม่เป็นไร พี่คิดว่าพี่รู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว วันนี้เขาเรียกแทนตัวเองว่าพี่บ่อยเหลือเกินไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
ยิปซีจำเพลงเพลงนี้ได้ไหม หากคำพูดฉันไม่ใช่คำที่มันหวานพอ ไม่ใช่คำที่เธอเฝ้ารออยากได้ยินจากปากฉัน หากการเอาใจเหมือนที่ใครต่อใครทำให้กัน ฉันไม่เคยให้ความสำคัญเหมือนฉันเฉยชา สบตาฉัน ณ ตอนนี้ ตอบฉันทีว่าเห็นใคร มีแต่เธอใช่ไหมทั้งในสองตา ทาบมือเธอบนอกซ้ายแล้วช่วยตอบฉันมา ว่ามันบอกเธอว่าฉันรักใคร
1
ฉันไม่ตอบ แต่เขาคงรับรู้ได้ถึงคำตอบที่มี ฉันคงไม่มีวันลืมเพลงโปรดของตัวเองอย่างแน่นอน
พี่เพิ่งเข้าใจความหมายของเพลงนี้ ในเช้าวันที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล แล้วพบว่าเด็กดื้อคนหนึ่งแอบหนีไปโดยไม่ยอมตอบคำถามที่พี่อยากฟังมากที่สุด เด็กดื้อที่ชอบหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว ปล่อยให้พี่ต้องคอยตามหา เขาโอบฉันไว้ในอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด ก่อนเอ่ยประโยคถัดไป
ยิปซีจะไม่ตอบคำถามของพี่ก็ได้นะ แต่พี่อยากให้ยิปซีรับรู้ไว้ว่า พี่รักยิปซีนะ นิ้วนางข้างซ้ายของฉันถูกประดับด้วยแหวนทองคำขาววงหนึ่งทันทีที่คำบอกรักนั้นจบลง ฉันมองหน้าคนที่บรรจงสวมแหวนให้ฉันอย่างไม่เข้าใจในความหมายของการกระทำที่เขามี
ถ้าคำตอบที่ยิปซีเก็บไว้ในใจตอนนี้ตรงกับสิ่งที่พี่บอกไป ยิปซีจะรังเกียจไหมที่จะแต่งงานกับพี่ ฉันนิ่งอึ้งไปนานกับคำถามของเจ้าของแหวนวงใหม่ที่ฉันได้รับ เงียบแบบนี้พี่ถือว่าตกลงนะ
ยิปซีมีสิทธิ์ปฏิเสธมั้ยคะ ? เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะคะ
ไม่เปลี่ยนใจครับ เขายืนยันคำตอบอีกครั้ง ด้วยการยกมือซ้ายของฉันขึ้นจรดริมฝีปากอย่างแผ่วเบา และนั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ฉันตอบรับเขาได้อย่างมั่นใจไม่แพ้กัน
และแล้วคนเร่ร่อนตามหาคนของความรักอย่างฉัน ก็ได้พบกับจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการลงหลักปักฐานหัวใจเสียที เมื่อวันนี้ยิปซีเร่ร่อนเช่นฉันมีแผ่นดินหัวใจเป็นของตนเองแล้วอย่างแท้จริง แผ่นดินที่มีความรัก ความเข้าใจไว้คอยต้อนรับการเดินทางของหัวใจฉันทุกนาที
-o-o-o-o-o-o-o- The End o-o-o-o-o-o-o-
1
เพลง หัวใจโกหกไม่เป็น อั้ม อิราวัตร
ความคิดเห็นจากยาหยี - ยาใจ
Create Date : 06 มีนาคม 2549
Last Update : 26 มีนาคม 2549 19:23:59 น.
6 comments
Counter : 504 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีค่ะ
เขียนเรื่องเก่งจังเลยค่ะ
โดย:
รักดี
วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:20:27:39 น.
โดย:
อพันตรี
วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:21:48:08 น.
เขียนได้ดีจังค่ะ เอ่อ อยากทราบว่าช่วงกลอนนี่แต่งเองใช่ไหมค่ะ ชอบมากๆ เลย เพราะจังค่ะ
ออ ปลากัดก็อัพเรื่องสั้นในบล็อกเหมือนกัน แต่ไม่ดีเท่านี้หรอกค่ะ แหะๆ
โดย: ปลากัด (
LonelySeason
) วันที่: 11 มีนาคม 2549 เวลา:21:00:11 น.
-> รักดี
ขอบคุณสำหรับคำชมฮับ
-> อพันตรี
-> ปลากัด
ขอบคุณสำหรับคำชมเช่นกันฮับ
ส่วนกลอนที่นำมาประกอบเรื่อง หวานเย็นเขียนเองฮับ
โดย: หวานเย็นผสมโซดา IP: 203.155.247.66 วันที่: 22 มีนาคม 2549 เวลา:19:36:22 น.
ขอโทษนะคะที่อ่านไม่จบ
แต่จะไปดูเรื่องอื่นต่อค่ะ
โดย: สาวกกุหลาบขาว IP: 61.19.65.115 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:11:26 น.
สาวกกุหลาบขาว : ไม่เป็นไรค่ะ อ่านเรื่องอื่นก่อนได้ค่ะ
โดย:
หวานเย็นผสมโซดา
วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:11:38:40 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
หวานเย็นผสมโซดา
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [
?
]
คนขี้เหงา...เจ้าน้ำตา
ใช้ชีวิตเหว่ว้าบนโลกกว้าง
ท่ามกลางความวุ่นวาย...สบายดี
New Comments
Friends' blogs
ninaM
NaM_85_ลูกน้ำ
ป้าหนอน
clarinet
ทะเลหวาน
ติกาหลัง
p_tham
wanwitcha
A r t F u l l Y
พิมลพัทธ์
บัวริมบึง
maxpal
สาวไกด์ใจซื่อ
bookmark
~:พุดน้ำบุศย์:~
sanow
ดอกคูณริมฝั่งโขง
Clear Ice
ไกลนั้น
แก้วกังไส
เมเปิ้ลสีขาว
โตมิโต กูโชว์ดะ
ยาคูลท์
ผู้สาวเมืองยศ
ฯคีตกาล
แม่ไก่
nanaspace
lalabel
เด็กน้อยขี้แย
แพนด้ามหาภัย
ณ มน
ปราณธร
อุรัสยา
กล้ายางสีขาว
อิมาอิซัง
ลิปิการ์
aiannahna
o_pinP
Emotion-P
เหมือนพระจันทร์
หวันยิหวา
สามปอยหลวง
nyx
nainoi_tplusone
F_nakhon
tiara
ดังตฤณ
เปียร์รุส
สายลมโชยเอื่อย
อรพิม
isaiahland
Friday Story
พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง
จูนิตา
nitrawee
รินบุญญา
phoneab
ฝนตกแดดออก
อุณากรรณ
กะว่าก๋า
สาวน้อยเกวลิน
โต๊ะกลม ณ บ้านไร่
มิถุนายน
BabyRed
BAHAMAS
เบบูญ่า
lozocat
แก้วชิงดวง
คุณหนูฤดูร้อน
เสี้ยวป่า
อุ้มสม
Nyah
มุลิลาวิฬาร์มาเลศ
uhoo_dolphin
lawsiam
Webmaster - BlogGang
[Add หวานเย็นผสมโซดา's blog to your web]
Links
กองทัพหนอน
กำมะหยี่, สำนักพิมพ์
กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง
ณ บ้านวรรณกรรม
นานมีบุ๊คส์
บลิส พับลิชชิ่ง
ปราชญ์เปรียว
เพิร์ล พับลิชชิ่ง
เพื่อนดี
ไฟน์บุ๊ค
เรื่องเล่าหลังวัง
ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สถาพรบุ๊คส์
สำนักพิมพ์คมบาง
สำนักพิมพ์แจ่มใส
สำนักพิมพ์ผีเสื้อ
สำนักพิมพ์ยาหยี ยาใจ
วินทร์ บุ๊ค คลับ
หัวขโมยแห่งบารามอส
หวานเย็นสตูดิโอ
อมรินทร์พ็อคเก็ตบุ๊ค
อรุณอุ่นไอรัก
อินเลิฟ บุ๊ค
ออล อะเบาท์ กนก
1168 Group Publishing
Vergin Hitz Radio
Wat Cafe
W.Maple
JK DRAMAS
JA JA BING'S DIARY
ASEAN Watch
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
เขียนเรื่องเก่งจังเลยค่ะ