สีฟ้า เป็นสีของคนช่างพูด ช่างเจรจา คนที่มีความสดใสร่าเริง มีชีวิตชีวา ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเห็นด้วยกับประโยคดังกล่าว และไม่แปลกใจเลยสักนิดว่า ทำไม เธอ ถึงได้ช่างเจื้อยแจ้วเจรจาคล้ายนกแก้วนกขุนทอง สดใสร่าเริงราวอกาศยามเช้าที่สดใสถึงเพียงนั้น แต่วันนี้ ผมกลับไม่เห็นด้วยกลับข้อความข้างต้นเอาเสียเลย เพราะ เธอ คนนั้น เด็กน้อยน่ารัก ช่างพูด ช่างเอาอกเอาใจ น่ารักจนใครต่อใครพากันหลงรัก และเรียกเธอว่า เจ้าหญิงน้อย แต่ ณ วันนั้น ผมกลับมีความคิดเห็นตรงกันข้ามกันกับคนอื่นๆ มองไม่เห็นความน่ารักของเธอแม้เพียงเศษเสี้ยว อาจเป็นเพราะความอิจฉาของผมก็เป็นได้...อิจฉาที่ใครต่อใครพากันรุมรักเธอ ก็แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้นเอง แต่ทำไมใครๆ ถึงได้รักเธอนัก แม้แต่แม่ของผมก็ยังเป็นหนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้น แม่รักเธอมาก ทุกครั้งที่แม่ของเธอมีธุระนอกบ้าน แม่ของผมจะรับอาสาดูแลเธอตลอด และมักจะวานให้ผมเป็นเพื่อนเล่นกับเธอเสมอ และจะคอยย้ำด้วยถ้อยคำประโยคเดิมๆ ดูและน้องนะลูก อย่ารังแกน้องนะครับ เป็นพี่ต้องเสียสละให้น้องรู้มั้ยครับ ยิ่งแม่คอยย้ำ...ย้ำด้วยความเป็นห่วงเธอมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งไม่พอใจและคอยหาเรื่องแกล้งเธอมากเท่านั้น พอถูกแกล้งหนักเข้าเธอก็ร้องไห้ และทุกครั้งที่เธอร้องไห้ แม่จะตรงมาโอบอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน และคอยปลอบโยนอย่าเอาอกเอาใจ เป็นอะไรลูก ร้องไห้ทำไม ใครรังแกหนู เธอไม่ตอบ...เอาแต่ร้องไห้ จนแม่ต้องหันมาคาดคั้นกับผมแทน เป็นอย่างนี้ประจำ เมื่อยิ่งโอ๋เธอมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งแกล้งเธอหนักขึ้นเท่านั้น เพราะอิจฉาในความรักของแม่แอละใครต่อใครที่มีให้เธอ หลายครั้งผมเห็นดวงตากลมโตคู่สีน้ำตาลสวยของเธอมองมาด้วยความสงสัย สงสัยว่าทำไมผมถึงได้ชอบรังแกเธอนัก แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยถามเลยสักคำไม่ว่าวันไหน เมื่อเวลาหมุนผ่านทุกสิ่งอย่างก็จำต้องเปลี่ยนไป เจ้าหญิงน้อยของใครต่อใคร กลายเป็นสาวน้อยสวยหวาน เรียบร้อย แต่ความน่ารักของเธอก็ไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่เธอไม่ช่างพูดช่างคุยเหมือนวันก่อนเก่า นัยน์ตาคู่สวยที่ครั้งหนึ่งเคยมองมาด้วยความสงสัย ปรากฏร่องรอยของความเหงาและเหว่ว้า ผมอาจคิดไปเองฝ่ายเดียว ในเมื่อเจ้าของนัยน์ตาหวานโศกยังคงยิ้มแย้มกับใครอยู่เสมอ รอยยิ้มที่ผมอยากจะเก็บไว้คนเดียว ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน แต่มันก็ทำให้ผมต้องร้อนใจทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม...ยิ้มหวานให้กับคนอื่น ผมคงเริ่มเกิดอาการ หวง น้องสาวคนนี้เสียแล้วสิ หวงอยากเก็บเธอไว้เพียงคนเดียว อยากให้เธอมองผมเพียงคนเดียว แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ผมทำได้ก็คือเก็บรอยยิ้มเธอเอาไว้ในหัวใจ หัวใจที่ร้อนรนกระกระวายมากมายเสียเหลือเกิน ผมคงเข้าใจความรู้สึกนั้นผิดไปอีกเนิ่นนาน หากเขาจะไม่ก้าวเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา เพื่อนสนิทของผมเปิดใจสารภาพว่าแอบชอบเธอ ผมเพิ่งเข้าใจในวินาทีนั้นเองว่า ความรู้สึกที่ผมมีอยู่คือคำว่า รัก ผมหลงรักเธอจนเต็มหัวใจ รักมากเกินกว่าใครจะเข้าใจ ในเมื่อผมเองยังไม่เคยเข้าใจหัวใจตัวเองเลย ผมควรทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อคนหนึ่งคือ เพื่อนรัก อีกคนหนึ่งแม้ไม่ใช่ แต่เธอก็อยู่ในฐานะ น้องสาว ผมไม่รู้เลยว่าควรจะทำตัวเช่นไรกับความเป็นไปที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง ทั้งที่ในความเป็นจริงผมควรจะดีใจที่มันเป็นแบบนี้ ใช่สิ! ผมควรจะดีใจทั้งกับเพื่อนและน้องสาว ผมตัดสินใจที่จะเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เพื่อนสนิทของผมเป็นคนไว้ใจได้ เธอจะมีความสุขกับคนที่ดีพร้อมเช่นเขา และผมเองก็จะสบายใจที่เห็นเธอมีความสุข ผมยอมเป็นสะพานโดยลืมไปว่า การปล่อยให้ใครต่อใครย่ำผ่านนั้นมันเจ็บ โดยเฉพาะคนที่เดินข้ามาไปคือคนที่หัวใจรักและต้องการ แต่ผมก็จำต้องทนฝืน ยิ่งเจ็บมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งปกปิดมันไว้ด้วยความเมินชา ด้วยกลัวว่าเธอจะล่วงรู้ความในใจ ทุกครั้งที่เธอมองมาด้วยสายตาตัดพ้อ มันทำให้ผมอึดอัดอยู่ในความรู้สึก ความรู้สึกลึกๆ ที่ไม่สามารถบอกออกไปให้เธอได้ฟัง ว่าผมรักเธอมากเพียงใด ช่วงเวลาแห่งการฝืนทนจบสิ้นลงในวันที่เธอจากไป... จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา จากไปชั่วนิรันดร ผมไม่มีโอกาสได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใด เพราะเธอจากไปโดยไม่มีแม้แต่คำล่ำลา ผมเพิ่งรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าผมเลย เจ็บที่ไม่เคยได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำของหัวใจ เจ็บที่ต้องเก็บงำทุกความเป็นไปของความรู้สึก เจ็บที่ต้องเก็บซ่อนความรักไว้ในส่วนลึกของความผูกพัน มันคงสายไปแล้วใช่ไหม? หากผมจะบอกไปว่า ผมรักเธอ เธอคงไม่ได้ยินมันอีกแล้ว ไม่มีวัน...ได้ยินหรือรับรู้มันเลย ในความรู้สึกรัก ไม่มีคำว่า ดีพร้อม มีเพียงคำว่า 'พร้อม' ที่จะรัก เมื่อคุณรักใครสักคน อย่ามัวปิดบังหัวใจตัวเองไว้ เพราะวันหนึ่ง... คุณอาจเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ใช้คำว่า รัก
เปลี่ยนมุมมองมาเล่าเรื่องหนุ่มซึ้งแอบเศร้าดูบ้าง หวาน
เย็นลองเขียนดูค่ะ ไม่รู้ว่าตรงกับความรู้สึกของใครหรือ
เปล่า?