ล่องเรือ มารีน่า สิงคโปร์ ที่จริง การล่องเรือ ฉันเคยไปอาลาสการ์มาแล้ว ซึ่งถือว่า เป็นการล่องเรือสำราญที่ยิ่งใหญ่กว่า เพราะออกกลางมหาสมุทร มองไม่เห็นฝั่งเลย มีแต่น้ำกับฟ้า การไปล่องเรือสำราญมารีน่าในครั้งนี้ จึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก ทริปนี้ ภา เป็นคนส่งโปรแกรมทัวร์มาให้ดู เป็นราคาลด เหลือ แปดพันกว่า แต่พอสมัครไป มันไม่ใช่ราคานี้ กลายเป็นราคาหมื่นสอง แล้วเรายังต้องซื้อตั๋วเครื่องบินไปขึ้นเรือที่สิงคโปร์อีกคนละ ห้าพันกว่าบาท รวมแล้วก็ตกเกือบสองหมื่น ไม่รวมเวลาลงจากเรือ เพื่อซื้อทัวร์เที่ยวและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก แต่ปรากฏว่า คนชวน คือ ภา กลับไม่ได้ไป เพราะเพื่อนของเขาที่อยากไปและชวน ภา กลับบอกแพง เลยไม่ไป จึงเหลือ ฉัน วัชรี เรยาและน้อง (รัตนา) ทริปนี้ เรื่องตั๋วเครื่องบิน เราให้บริษัทเอเยนต์ ที่เราเคยให้เขาซื้อตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาใต้ เป็นคนจองให้ เสียค่าบริการเล็กน้อย ก็สะดวกดี ทริป นี้ 5วัน 4 คืน คือ วันที่ 18-22 มกราคม 59 คืนวันที่ 17 น้องมารับฉันไปค้างที่บ้านเขาแถวรามอินทรา เพราะเครื่องบิน ออก 6.15 น. เราต้องไปถึงดอนเมืองประมาณ ตี่ 4 เราสองคน ไปเร็วกว่าเวลานัด คือ 03.30 น.เอง ตามด้วยวัชรี เวลาผ่านไปจะตี 5แล้ว เรยายังไม่มา วุ่นละซี่ โทรตามกันจ้าละหวั่น มาถึงดันไปเข้าประตูผิดอีก ดีที่พวกเราเช็คอินกับเครื่อง ไม่ต้องไปต่อแถวยาวเหยียด ชอบทำให้ตื่นเต้นเสียเหลือเกินนะเนี่ย เราเข้าไปในเกท (cate) ที่จะต้องขึ้นเครื่อง หาซื้ออาหารเช้าทานในสนามบิน มื้อละก็ร้อยเศษ ๆ อิ่มได้สบายใจ เครื่องออกจากสนามบินจริง ประมาณ 6.30 น.พวกเรามาถึงสนามบินสิงคโปร์ 8.30 น. แต่เวลาของสิงคโปร์เร็วกว่าของไทย 1 ชั่วโมง ขณะนี้ ที่สิงคโปร์จึงเป็น 9.30 น. หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว พวกเราก็ออกจากสนามบิน เดินหาแท็กซี่ เขาต้องมีคิวด้วย เราเอาแผนที่ให้คนขับแท็กซี่ซึ่งเป็นชายจีนดู บอกเขาว่าเราจะไปลงเรือ พอจะคุยกันรู้เรื่องด้วยภาษาจีนกลาง ถามเขาว่า บริเวณท่าเรือ มีข้าวมันไก่ที่ขึ้นชื่อของสิงคโปร์ไหม เขาว่า ไม่น่ามี เพราะบริเวณท่าเรือไม่มีร้านค้าเลย ก็เป็นจริงอย่างที่เขาบอกจริง ๆ ค่ารถมาท่าเรือพร้อมทิปคนขับ 18 เหรียญ ภายในท่าเรืออันกว้างใหญ่ มีคนมามากมาย มีร้านค้าขายของบ้าง พวกน้ำ นมกล่อง ขนมปัง ของใช้เบ็ดเตร็ด อีกร้านหนึ่งมีข้าวกล่องขายด้วย พร้อมเว็บให้ด้วย เป็นข้าวผัดไก่กล่องละ 4.99 ดอลสิงคโปร์ ฉันกับวัชรีแบ่งกันคนละครึ่ง เพราะกล่องใหญ่กินคนเดียวไม่หมด กว่าเราจะได้ลงเรือ ก็ประมาณบ่ายสองโมง มีการตรวจเข้มงวดพอสมควร ทั้งตั๋วเรือ มีการให้ทำบัตรเครดิต ให้คนละใบ ใครที่บอกว่า จะซื้อของด้วยบัตรเครดิตของตนเอง เขาก็จะบันทึกไว้และไปเก็บเงินปลายทาง ฉันแจ้งว่า จะจ่ายเป็นเงินสด เขาก็ให้บัตรเหมือนกัน เวลาซื้อของในเรือ ก็ต้องใช้บัตรใบนี้ ทั้งเข้าห้องพักในเรือด้วย แล้วหลังจากวันก่อนกลับ ก็ไปชำระเป็นเงินดอล ยูเอส ก่อนลงเรือ เราก็เก็บภาพบริเวณท่าเรือมาฝากด้วยค่ะ
หลังจากขึ้นเรือแล้ว พวกเราก็เข้าไปที่ห้องพักก่อน กระเป๋าเสื้อผ้า มีคนเรือมาส่งให้ถึงห้อง บางคนก็หิ้วเอง พวกเราหลังจากสำรวจห้องแล้ว ก็ออกไปเดินชมเรือแต่ละชั้น อาหารมื้อเย็นนี้ เขาจัดให้เรานั่งตามโต๊ะที่เขากำหนดให้ มีบริกรตามโต๊ะคอยบริการ มีเมนูอาหารหลักและอาหารที่เราเลือกได้อีก 2 อย่าง ชื่ออาหารเราก็ไม่รู้จัก ได้แต่แปลเดา ๆ เอาตามศัพท์ที่ปรากฏอยู่ ก็เลยได้อาหารแปลก ๆ มากิน อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้างตามสไตล์อาหารของฝรั่งนั่นแหละ การจัดระเบียบเรือดี จัดระบบดีกว่าของเรืออาลัสก้า เพราะมีการแบ่งนักท่องเที่ยวกระจายไปทานอาหารตามชั้นต่าง ๆ ที่มีอาหารให้ทาน เป็นบุฟเฟ่บ้าง ตามสั่งในเมนูบ้าง ไม่ต้องลำบากในการเดินหาโต๊ะนั่ง (ยกเว้น วันที่กินบุฟเฟ่ ต่างกับเรือที่ไปเที่ยวอาลัสก้า ต้องหาโต๊ะนั่งทุกมื้อ อิอิ ) หลังทานข้าวมื้อเย็นแล้ว ก็เดินเที่ยวชั้น 5 (อาหารมื้อเย็น เราก็ทานที่ชั้นห้า นี่แหละ ชั้น 5 จะมีร้านเบเกอรรี่ให้กินได้ตลอดเวลามีขนมสารพัดชนิด ปิซ่า เค้ก ขนมปัง มีกาแฟ ชา ให้ทานฟรีได้ตลอดเวลา ตอนต้น พวกเราไม่กล้าไปกิน เพราะเห็นเป็นร้าน คิดว่า ต้องซื้อกินกัน แต่เห็นคนเข้าแถว ชี้เลือกให้เจ้าหน้าตักใส่จาน แล้วก็เดินไป ไม่เห็นจ่ายตังค์เลย พวกเรา ก็เข้าแถวกับเขาบ้าง จึงรู้ว่า ฟรี ตลอดเวลา ห้าห้า หิวเมื่อไหร่ ก็เข้าร้านนี้เลย คืนนี้ เรานอนเร็วหน่อย สามทุ่มของที่นี่ พวกเราก็นอนกันแล้ว เพราะวันนี้เราตื่นนอนตั้งแต่ตีสองกว่า เพื่อเดินทางไปสนามบิน เลยอดนอนมาตลอดคืน ต้องนอนชดเชย พรุ่งนี้จะได้มีเวลาตลุยเดินชมเรือ แต่ละชั้นต่อไป
วันที่ 19 มกราคม เช้านี้ ให้ทานอาหารได้ตั้งแต่ 7.00 น. แต่พวกเราตื่นสายกัน กว่าจะลงไปกิน ก็ 9.00น. แล้ว กินข้าวกันที่ชั้น 3 ตามที่บริกรคนเมื่อคืนบอกไว้ อาหารก็มีให้เราสั่ง เหมือนเมื่อคืนนั่นแหละ ทานเสร็จก็ไปเดินชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นที่มีร้านค้าขายของแบรนด์เนมมากมาย เช่น กระเป๋า นาฬิกายี่ห้อดัง ๆ เช่น ซิติเซ่น พวกเครื่องสำอาง ดัง ๆ เพชร มุก มีร้านขนมที่ให้กินฟรีตลอดเวลาด้วย อิอิ เราเดินถ่ายรูป แกลลอรี่ สวย ๆ ที่เขามาโชว์ไว้และขายด้วย ไม่มีเงินซื้อหรอก ดูแต่ความสวยความงามและชื่นชมเท่านั้น ห้าห้า เป็นอาหารตาไงล่ะ แล้วก็เดินไปชมทะเล ที่เรือเรากำลังแล่นไป เห็นสายน้ำ ฟ้ากับน้ำ อันเวิ้งว้าง กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เกลียวคลื่นกระจายแตกเป็นฟองตามที่เรือแล่นตัดผ่านไป ฉันและเรยา ก็เก็บภาพอันสวยงามต่าง ๆมาฝาก ค่ะ
สาย ๆ เขามีการเดินแฟชั่นโชว์ นาฬิกา สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กระเป๋าถือ ยี่ห้อดัง ๆ เช่น คอส มาแชล มีการให้เขียนชื่อ เพื่อมีการจับฉลากด้วย เรามาสายเลยไม่ได้มาเขียนชื่อจับฉลากกับเขา มีคนได้นาฬิกาและอื่น ๆ ดีใจกันใหญ่ อิอิ
มื้อเที่ยงวันนี้ เราขึ้นไปกินบุฟเฟ่ที่ชั้น 11 ซึ่งมีอาหารประเภทปิ้งย่างด้วย เราต้องเดินหาโต๊ะ เก้าอี้กัน คนเยอะมาก ชั้นนี้ มีสระน้ำให้นักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำ ท่ามกลางแดดอันร้อนเปรี้ยง พวกนักท่องเที่ยวฝรั่ง เขาไม่กล้วแดดกันเลย ทานข้าวเลือกกับข้าวตามใจชอบแล้ว ก็มองหาที่นั่ง กินไปชมการเดินส่ายเป็นพาเหรดของ หนุ่มสาว รวมทั้งเด็ก ๆ ที่เดินขึ้นจากสระน้ำบ้าง นอนอาบแดดบนเก้าอี้ผ้าใบบ้าง อาหารตาชัด ๆ เลยเนอะ อิอิ
ช่วงบ่าย ชั้น 5 เขาประกาศการลดราคากระเป๋าซึ่งเป็นยี่ห้อของเรือ บริษัท รอยัล คาริเบียน ใบละ 10 ดอล เทียบเงินไทย ก็ประมาณ 350 บาท แต่ถ้าเราซื้อ 4 ใบ ก็แถม 1 ใบ เท่ากับใบละ เหลือ 8 ดอลลาร์ ก็น่าสนใจนะ เราเลยหุ้นกัน ฉันเอาแค่ใบเดียว น้องกับวัชรี เอาคนละ 2 ใบ ส่วนเรยา คนเดียวเอา 5 ใบเลย คงซื้อไปฝากเพื่อนเขา เพราะเพื่อนฝูงเยอะ อิอิ มีลูกสาวด้วย ก็น่าซื้อ เพราะราคาก็ไม่ได้แพงมากนัก เป็นกระเป๋าผ้าร่ม มีหลายชั้น สะพายได้ สำหรับใส่พาสปอร์ต เงินทอง ของกระจุกกระจิกได้มากพอสมควร
เราได้เจอพวกคณะของรายการ เทยเที่ยวไทย ซึ่งมาถ่ายทำรายการที่นี่ด้วย วัชรี เคยดูรายการนี้ จึงรู้จักและทักทายตั้งแต่ตอนก่อนขึ้นเรือ และมาเจออีกที ตอนที่ออกจากห้องพัก ปรากฏว่า พวกนี้ ก็พักอยู่ชั้นเดียวกับพวกเรา ห้องก็ใกล้ ๆ กัน เปิดประตูออกมาจ๊ะเอ๋กันพอดี เลยถ่ายรูปกับพวกเขาด้วย อิอิ
จากนั้น ยังตามพวกเขาไปดูการถ่ายทำปีนภูเขาจำลองซึ่งมีอยู่ในเรือลำนี้ด้วย มีนักท่องเที่ยวลองปีนกันหลายคน ทางคณะ รายการ เทยเที่ยวไทย ก็มีการปีนอยู่ 2-3 คน ทางคณะของเขา ช่างกล้องก็ต้องปีนขึ้นไปถ่ายทำการปีนด้วย
ช่วงประมาณบ่ายสองกว่า เรือเทียบฝั่ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นฝั่ง เที่ยวเมืองปีนัง พวกเราไม่ซื้อทัวร์ เดินเที่ยวอยู่บริเวณนั้น ถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ ที่เรือจอดอยู่ แล้วเดินไปเที่ยวในตัวเมือง ซึ่งจัดตกแต่งสถานที่สวยงาม ด้วยโคมไฟ คงจะใกล้ตรุษจีน เราเดินเที่ยวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหิวน้ำเจอร้านขายน้ำ น้องซื้อน้ำโค้กกระป๋องแบ่งกันกิน เขามีเงินมาเลย์มากกว่าเพื่อน คนขายน้ำแนะนำว่า มีรถเมล์ฟรีให้นั่งชมรอบ ๆ เมืองปีนัง แล้วก็พามาส่งยังจุดเดิมที่เราขึ้น ซึ่งใกล้กับท่าเรือ พวกเราก็เลยไปนั่งรถเมบ์ฟรีตามคำแนะนำ อิอิ ท่านตามดูสภาพของเมืองปีนังจากรูปถ่ายได้ค่ะ
พวกเรากลับขึ้นเรือ ก็เป็นช่วงอาหารเย็น วันนี้ ยังคงเป็นอาหารที่เราต้องเลือกกินอีก ถ่ายรูปอาหารมื้อเย็นมาให้ชมด้วยค่ะ
หลังอาหารเย็น เราไปชมการแสดงมายากลกัน พวกฝรั่งแสดงมายากลก็เหมือน ๆ กับที่เราเคยดูในยูทรูป ทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก ฉันถ่ายรูปแบบซูมไกลไม่ค่อยสวยนัก มาให้ชมเล็กน้อยค่ะ
พามาเที่ยวตั้งแต่ 18-19 มกราคม 59 ก่อนนะคะ วันที่ 20-22 มกราคม จะเป็นอีกบล็อกหนึ่ง จะได้ไม่ยาวเกินไป ทำให้เบื่อเสียก่อนนะคะ
Create Date : 19 มีนาคม 2559 |
|
40 comments |
Last Update : 30 มีนาคม 2559 19:22:07 น. |
Counter : 1414 Pageviews. |
|
|
|
โรมุชอบเจ๊ป๋อมแป๋มกับเจ๊ก๊อตจิอ่า...