ผาหินแกะสลัก DaZu RockCarving (ฉงชิ่ง ตอนที่ 4)
วันที่ 26 มิถุนายน 59 วันนี้ เราก็ต้องตื่นแต่เช้า คือ 6.30 น. ซึ่งถ้าเป็นเวลาในไทย ก็คือ ตีห้าครึ่ง
โปรแกรมการท่องเที่ยววันนี้ ก็คือ ผาหินแกะสลัก อันเป็นมรดกโลก อีกแห่งหนึ่งของจีนที่มีความยิ่งใหญ่อลังการมาก ๆ
เช้านี้ พวกเรา ว่าจ้างแท็กซี่ นั่งกันมาที่ ท่ารถบัส เพื่อเดินทาง
ไปยังเมืองต้าจู๋ ซึ่งเป็นที่ตั้งของผาหินแกะสลักแห่งนี้ มาดูบรรยากาศ
เมื่อเรามาถึงท่ารถกันค่ะ
ใช้เวลาเดินทางน่าจะประมาณ ไม่ถึง 2 ชั่วโมง เราก็ไปถึงเมือง ต้าจู๋
ซึ่งห่างจากเมือง ฉงชิ่งประมาณ 60 กิโมลเมตร ลงจากรถบัสแล้ว
ก็มีรถเล็กมาติดต่อกับพวกเรา เพื่อพาไปเที่ยวที่ ผาหินแกะสลัก
ราคาเท่าไหร่ ฉันไม่ได้เป็นผู้ต่อรองให้ ดูเหมือน ธนา เพื่อนร่วมทัวร์
ซึ่งก็พูดภาษาจีนได้ ช่วยเจรจากับคนขับรถ ซึ่งต้องจ้างถึง 3 คัน
ก่อนจะไปชมความงดงามของ ผาหินแกะสลัก เรามาทราบประวัติ
ความเป็นมาของ ผาหินแกะสลักนี้สักเล็กน้อย ค่ะ
เขาหินแกะสลัก "เป่าติ่งซาน" แห่งเมือง ต้าจู๋ ที่นี่ มีพระพุทธรูปหิน
แกะสลัก ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายสมัยราชวงศ์ถัง
ราชวงศ์ซ่งเหนือซ่งใต้ รวมกว่า 50,000 กว่ารูป
มีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันไปมากมาย เพราะสร้างกันต่างสมัย
ฝีมือประณีตเป็นไปตามแต่ละยุคแต่ละสมัย
ที่มีการแกะสลักเพิ่มเติมขึ้นมา จากฝีมือที่ยอดเยี่ยม ผาหินแกะสลัก
จึงได้รับการยกย่องจาก องค์การ ยูเนสโก้ ว่า เป็นมรดกทางวัฒนธรรม
อันล้ำค่าของโลก เมื่อปี ค.ศ. 1999 (2542) สถานที่แห่งนี้ ถือว่า
เป็น 1 ใน40 กว่าแห่งของมรดกโลกของจีน มีความสำคัญ
ด้านศาสนาเป็นศูนย์รวมศิลปะของลัทธิเต๋าและแนวคิดสำนักปรัชญา
"หยู่เจียเสียง" ของ ขงจื้อรวมอยู่ด้วย เป็นศิลปะถ้ำในยุคหลัง
ค่าเข้าชมทุกส่วน 120 หยวน ชมบางส่วน ราคา 60-80 หยวน
แต่พวกเราตีตั๋วเข้าไปชม คนละ 130 หยวน (สงสัยขึ้นราคา อิอิ)
ส่วนผู้เข้าชมอายุ 60 ปี ขึ้นไป ราคาค่าตั๋วครึ่งราคา
คุณพี พูดภาษาจีนไม่ได้ จึงให้ฉันไปซื้อตั๋วเข้าชมเอง
และซื้อให้เพื่อนที่อายุถึง 60 ปี ทริปนี้ มีถึง 6 คนจ้ะ
ฉันก็ทอนเงินที่เหลือให้คุณพีไป เขากำไรไปเยอะนะเนี่ย
เพราะพวกเราจ่ายค่าเข้าชมให้เขาเต็มราคา
มาชมภาพสวย ๆ ที่ฉันและเพื่อนนำมาฝาก ค่ะ
ชื่นชมกับ ผาหินแกะสลัก จนเมื่อยขากันไปหมดแล้ว
พวกเราก็เดินกลับเพื่อขึ้นรถ ทางออก มีร้านค้ามากมาย ขายของกิน
มีเส้นหมี่ ราดน้ำซอส มีพริกให้ด้วย ฉันกับพี่เจ๋ ซึ้อกันคนละชาม
มาแบ่งกันกินที่รถ เพราะเป็นช่วงเที่ยงกว่า หิวกันตาลายแล้ว
คนรถพาพวกเราไปยังที่เที่ยวอีกแห่ง ซึ่งเขียนว่าป่าหินทางเหนือ
พวกเราเดินหลงเข้าไกลพอควร ทำไมยังเป็นป่าสองข้างทาง
ไม่เห็นมี ป่าหินให้ชมเลย ฉันเลยถามคนจีนแถวนั้น เขาว่าที่เดินมา
เป็นทางเดินออกกำลังกาย เข้าไปลึก ๆ ก็เป็นทางเข้าป่าไปตลอดทาง
ถ้าจะเข้าชมป่าหิน ต้องเดินย้อนกลับทางเก่า และต้องซื้อบัตรเพื่อ
ขึ้นบันไดไปอีกเป็นร้อย ๆ ขั้น เพื่อชมถ้ำ ราคาก็ไม่ถูก อันนี้อยู่
นอกรายการ พวกเราต้องจ่ายเอง ประกอบกับเวลาเหลือน้อย
ไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายซื้อบัตรเข้าไปชม พวกเราจึงกลับไปในตัวเมือง
เพื่อที่จะขึ้นรถบัสกลับไปเมือง ฉงชิ่ง ฉันก็เลยได้แต่เก็บภาพ
ทางเดินที่พวกเราเดินหลงไป เพราะเส้นทางเดินสวยงาม ร่มรื่นดี
มาชมภาพที่ฉันถ่ายมาฝาก ค่ะ
ที่จริง เมื่อกลับมาจากเมือง ต้าจู๋แล้ว ตามโปรแกรม เราจะต้องไป
เที่ยวเมืองโบราณ ฉือซี่โซ่ว ซึ่งเป็นหมู่บ้านอนุรักษ์วัฒนธรรม
และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองฉงชิ่ง แต่รถที่เราจะจ้างไป
เขาบอกว่า เวลาของสถานที่ที่เราจะไปนั้น เขาใกล้ปิดแล้ว
(ที่จริง พวกรถมันไม่รู้เรื่องหรือไม่อยากไป เขายังไม่ปิด
ปิดเอาเย็น ๆพวกคุณพี ธนา และใครอีกไม่รู้ ไปกันเอง
แต่พวกเราก็เลยอดไป มารู้เอาวันรุ่งขึ้น เขามาเล่ากันให้ฟัง
เลยอดเที่ยวที่นี่อีกแห่งหนึ่ง)
วันที่ 27 มิถุนายน 59 วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว โปรแกรมวันนี้ คือ
พวกเราจะจ้างรถแท็กซึ่ เพื่อไปเที่ยว ถนนชาวต่างชาติแถบชานเมือง
เพื่อเก็บภาพ แปลก ๆ มาให้ชม แต่เมื่อไปถึงแล้ว มันเหมือน
สถานที่ที่จำลองที่ต่าง ๆ มาไว้ให้ชม เช่น กำแพงเมืองจีน
มีสนามเด็กเล่น (ต้องเสียเงินเข้าไปเล่น) มีร้านค้าต่าง ๆ
มีสิ่งปลูกสร้างหน้าตาแปลก ๆ เหมือนกัน ฉันกับหมวยเกี๊ยะ
ผลัดกันถ่ายรูปสองคน
ทีมพี่เจ๋ไม่มาสักคน จะไปช้อปปิ้งแถวศูนย์การค้าใกล้โรงแรม
มาชมรูปสิ่งปลูกสร้างแปลก ๆ ซึ่งจะเป็นรูปเดี่ยวหมด เพราะฉัน
กับหมวยเกี๊ยะ สองคนผลัดกันถ่ายรูปกัน อิอิ
ฉันกับหมวยเกี๊ยะเดินเที่ยว เดินถ่ายรูปกันจนขาเมื่อย ก็เดินออกมา
คุณพี นัดเจอกันที่ตึกเอียง โดยไม่แจ้งรายละเอียดว่า ตึกเอียงอยู่บริเวณไหน เราก็คิดว่า เป็นตึกด้านหน้าติดถนนที่เราลงจากรถแท็กซี่
จึงยืนรอกันที่ตรงนั้น ฝนก็เริ่มโปรยเม็ดลงมาอีกแล้ว รอได้
ประมาณ เกือบครึ่งชั่วโมง หมวยเกี๊ยะบอกไม่รอให้ครบ 4 คนแล้ว
กลับแท็กซี่กันสองคนนี่แหละ แล้วไปเบิกค่ารถกับคุณพีเอง
เราสองคนเลยกลับที่พักก่อน ไปถึงบริเวณที่พัก รถติดมาก เราเลย
แวะช้อปปิ้งซื้อของฝากกัน ไปช้อปกันที่ศูนย์การค้าน่าจะเป็นที่ขายส่ง
เพราะถ้าซื้อหลายชิ้น ราคาจะถูกลง ฉันเดินซื้อของขวัญที่จะให้
ครูที่เกษียณปีนี้ ได้หมอนเล็ก ๆ อัดใบชา มั้ง ได้ขวดน้ำทรงน่ารัก ๆ
มาสองใบ หมอนอีกสองใบ ตุ๊กตาต๊อกแต๊ก อีกสองตัว น่ารักดี
ราคาแต่ละอย่างก็เฉียดร้อยบาทไทยขึ้นไป เลยร้อยบาทไทยบ้าง
แล้วก็แวะมาซื้อ คากิ ที่พวกผู้ชายซื้อไปแกล้มเหล้าแกล้มเบียร์
ตอนกลางคืน เขาว่า คากิเจ้านี้อร่อยมาก ฉันก็คิดซื้อกลับเมืองไทย
เพื่อเป็นของฝาก โดยแบ่งฝากกันไปให้เขาหั่นเป็นชิ้น ๆ ซื้อมา
สองขา ซื้อ หูหมู ดูน่าทานมาก ตีนไก่ อีก 5-6 ขา แค่นั้น ปาเข้าไป เกือบ 600 บาท แพงเหมือนกันนะเนี่ย อิอิ
ขากลับมานี่ หมวยเกี๊ยะ ชวนแวะหงหยาต้ง เก็บรูปบางแห่ง
ที่ยังไม่ได้เก็บ เพราะตอนมาคนมาถ่ายตรงสถานที่นั้น เยอะมาก
เลยมาเก็บรูปวันนี้ ได้รูปมาฝากอีก 2 รูป ค่ะ
พวกเราซื้อของมาแล้ว ก็กลับโรงแรม เพื่อเตรียมแพ็คของเข้ากระเป๋า
อีกครั้งหนึ่ง บางส่วนกลัวน้ำหนักเกินก็ต้องใส่เป้แบกขึ้นเครื่องด้วย
กลุ่มเราอยากไปรถแท็กซี่ เลยต้องออกจากโรงแรมเร็วเพื่อไปรอกันที่สนามบิน ส่วนพวกที่ยังไม่เสร็จธุระ ก็ไปรถไฟ
ซึ่งกะเวลาได้ถูกกว่าไปรถแท็กซี่
มาถึงสนามบิน ก็วุ่นวายพอดู เนื่องจากแท็กซี่ ดันส่งเรา
ที่สนามบินภายในประเทศ ฉันต้องไปเจรจาถามอีก เพื่อหาทาง
ที่จะไปยังสนามบินต่างประเทศ ซึ่งก็ได้ความว่า
มีรถของสนามบินรับส่งจากสนามบินภายในไปส่งพวกเราที่สนามบิน
ต่างประเทศ มาพบเจอกันกับคันของลุงสม ซึ่งมาก่อนรถคันของเรา
พวกเขาก็ยืนรออยู่ข้างนอกประตู ไม่กล้าไปไหน อิอิ ก็คงต้องรอฉัน
ให้มาถามพวกเจ้าหน้าที่แหละ เพราะพวกเขาพูดภาษาจีนไม่ได้
นั่นเอง ฉันก็พูดได้แบบงู ๆ ปลา ๆ พอเอาตัวรอดได้บ้างเท่านั้น
กว่าเครื่องบินจะออก ก็ประมาณบ่ายห้าโมงกว่าของจีน พวกเราก็กลับ
มาถึงไทย เวลา 18.50 น. กว่าจะตรวจคนเข้าเมือง รอรับกระเป๋า
ก็ประมาณ ทุ่มครึ่งได้กระมัง 6 คน รถเข็นสองคันมั้ง มานั่งแท็กซี่
สองคัน เป็นแท็กซี่ของทางสนามบิน ไปเที่ยวครั้งนี้ พี่เจ๋ กับอิม
เป็นคนจ่ายค่าแท็กซี่ทั้งขาไปและขากลับ
มาถึงบ้านพี่เจ๋ แถวไปรษณีย์กลาง ทุกคนหิวตาลาย เพราะ 3 ทุ่มกว่าแล้ว พี่เจ๋ พาไปเลี้ยงข้าวต้มเป็ดแถวบ้านแก รสชาติอร่อยทีเดียว
อาจจะเป็นเพราะหิวมากด้วย ซัดกันไปคนละชามโต ๆ คนละ 1 ชาม
ถ้าไม่เกรงใจว่าเขาเลี้ยง จะสั่งทานอีก 1 ชาม ห้าห้า
พี่เจ๋ ชวนค้างบ้านเขาอีก 1 คืน แต่ฉันไม่อยากค้างแล้ว อยากกลับบ้าน
มากกว่า เสื้อผ้าก็ไม่มีจะเปลี่ยน นอนบ้านใครก็ไม่สะดวกสบาย
เท่ากับบ้านของเราเอง ลุงสม น่ารักมาก ทำตามสัญญา ขับรถมาส่งฉัน
ที่บ้าน ถึงบ้านก็เกือบห้าทุ่มแล้ว เฮ้อ!
ทริปนี้ ก็สนุกสนานมากพอควร พวกเราเป็นกลุ่มค่อนข้างใหญ่ เลยไม่
เงียบเหงาเท่าไหร่ สมาชิกของกลุ่มนี้ ค่อนข้างจะสงวนตัว ไม่ค่อย
ช่างพูดนัก เลยไม่ค่อยสนิทกันเหมือนบางทริป ก็ไม่เป็นไร
คนเราต่างจิตต่างใจกัน เนอะ
ฉันก็หวังว่า ฉงชิ่ง ตอนที่ 4 นี้ คงให้ความบันเทิงแก่เพื่อน ๆ
ชาวบล็อกได้บ้างพอสมควรค่ะ ขอบใจที่ติดตามมาเที่ยว ฉงชิ่ง
กับฉันตั้งแต่ ตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 4 ค่ะ
ผาหินของจีนนี่ที่ไหนๆก็ยิ่งใหญ่เสมอเลยนะคะ
บางที่องค์พระที่แกะใหญ่มาก แต่ถ้าเป็นองค์เล็กก็จะเยอะแยะรายละเอียดมากจนงงว่าทำได้ยังไง
จีนนี่อลังค์เรื่องอย่างนี้จริงๆเลยนะคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เจ้าการะเกด Food Blog ดู Blog
อาจารย์สุวิมล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น