พาเที่ยว ไป่ฮาป่า และ เหอมู่ ตอนที่ 4
ทริปเที่ยว แคว้น ซินเกียง ตอนนี้ เป็นตอนที่ 4 แล้ว ค่ะ ฉันจะพาไปเที่ยวที่ หมู่บ้านไป่ฮาปา และหมู่บ้าน เหอมู่เซียง
(เซียง แปลว่า หมู่บ้าน ในภาษาจีน ค่ะ ) ความตอนที่แล้ว พวกเราไปเที่ยวที่ หอปลา กลับมาถึงที่พักแล้ว
เมื่อมาถึงที่พัก พวกเราก็เริ่ม นำอาหาร มาแจม ร่วมวงกันทาน คนนำอาหาร เครื่องกระป๋อง น้ำพริก
อาหารแห้ง เช่น ปลากระป๋องแห้ง ปลากระป๋องยำ ฯลฯ เรานำอาหารไปแช่น้ำร้อน ให้คลายความเย็น ล้อมวงกันกิน
เป็นอาหารมื้อเที่ยง ที่เลยเที่ยงไปถึงประมาณบ่ายสาม น่าจะได้แล้ว อิ่มแล้ว นั่งพักผ่อนกัน นายคนที่เป็นเพื่อนของ
เสี่ยวหม่า ก็โผล่มาที่พักพวกเรา และชวนไปเที่ยวที่ หมู่บ้านไป่ฮาปา
ซึ่งอยู่นอกเขตของอุทยาน คานาสือ
จำเป็นต้องซื้อทัวร์ไป นายคนนี้ เขาชอบ ยายนุ่น เอามาก ๆ มีการขอวีแช้ส ของนุ่น ส่งข้อความในเชิงจีบ แนะนำว่า
ตนเองชื่อ เยี้ยหลั่น ชมว่า นุ่นสวยมาก ๆ ยายนุ่นก็มาอ่านให้พวกเราฟัง เป็นที่สนุกสนาน (ต่อมา ฉันได้เล่าให้
เสี่ยวหม่า ฟังถึงเรื่องนี้ เสี่ยวหม่าหัวเราะ บอกว่า ตา เยี่ยหลั่น โกหก เขามีลูกสาวตัวเล็ก ๆ แล้ว ฉันเลยแปล
ให้นุ่นและทุกคนฟัง เลยได้เสียงหัวเราะกันครึกครื้น ทั้งรถที่เรากำลังจะไป หมู่บ้าน เหอมู่)
มาต่อเรื่องที่ นายชีกอ นี่ มาให้ซื้อทัวร์เขไปหมู่บ้าน ไปฮาปา เขาบอกคนละ 300 หยวน เพราะระยะทาง
ไกลจาก อุทยาน คานาสือ ไม่ได้อยู่ในเขตอุทยาน ค่าบัตรผ่านประตูเข้าหมู่บ้าน ก็ คนละ 50 หยวน
( หลอกหรือเปล่า ก็ไม่รู้ ) ฉันถามความเห็นของทุกคน น้องหมัย อยากไป ทุกคนก็อยากไป เพราะมาถึงที่
อุทยาน คานาสือ เราเพิ่งได้เที่ยว ไม่กี่แห่ง พรรคพวกเลยให้ฉันต่อรองราคา ในที่สุด ก็ได้คนละ เหลือ 250 หยวน
ระหว่างทางไป หมู่บ้านนี้ ทิวทัศน์สวยมาก แต่เป็นหมู่บ้าน เล็ก ๆ ติดชายแดน มีแม่น้ำ แบ่งเขต
ระหว่าง จีน กับประเทศ คาร์ทัสสถาน นายเยี่ยหลั่นเล่าให้ฟัง ฉันถ่ายภาพมาให้ชม ค่ะ
พวกเราอยู่ที่ไป่ฮาปา ประมาณ ครึ่งชั่วโมงกว่า ซึ่งพระอาทิตย์ ใกล้ตกดินแล้ว พวกเราก็กลับ
ระหว่างทาง เห็นทิวทัศน์ไหนที่สวย เราก็ให้ เยี้ยหลั่นจอดรถให้พวกเราถ่ายรูปกันอีก ซึ่งฉันก็เก็บรูปมาให้ชม
เรากลับมาถึงที่พักประมาณสองทุ่มกว่าแล้ว ตอนขากลับ มองเห็นพระจันทร์เต็มดวง งดงามมาก ๆ
พวกเราก็บอก เยี้ยหลั่นให้จอดรถ เพื่อให้พวกเราได้ถ่ายรูปกัน เห็นพระจันทร์เต็มดวง
ในส่วนลึก ๆ ของใจฉัน ก็อดคิดแวบหนึ่งถึงคนที่เคยหลงใหลพระจันทร์ไม่ได้ แต่ก็เพียงแวบเดียว
ฉันก็ต้องรีบให้มันเลือนหายไปจากความรู้สึก ฉันต้องรู้เท่าทันความอ่อนไหวของจิตใจ จึงจะไม่ทุกข์อีก
กลับมาถึงที่พัก นุ่นแจ้งว่า ทำหมวกที่ฉันให้ยืมใส่ หายไปเสียแล้ว ค้นหาจากรถของเยี้ยหลั่น หาเท่าไหร่
ก็ไม่เจอ เสียดายมาก เพราะเพิ่งซื้อมาพร้อมกับ วัชร์ เพิ่งเอามาใช้ เป็นครั้งแรก แต่ช่างมันเถอะ
ของหายไป ไว้ไปหาซื้อใหม่ เอาก็ได้ คิดมากไปก็ปวดหัว เดี๋ยวหลานจะไม่สบายใจที่ทำหมวกของฉันหาย
อาหารมื้อเย็นนี้ บางคนก็ไม่ทานแล้ว แต่ฉันไม่ไหว รู้สึกหิวอีก เพราะว่าฉันกินเก่ง เลยกินข้าวต้มกุ้ง
อีก 1 ซอง จะได้นอนสบาย ๆ ท้อง อิอิ ส่วนคนอื่น ออกไปร้านค้าหา มาม่าทาน แต่ปรากฎว่า ร้านปิด
วันที่ 15 ตุลาคม 59
วันนี้ พวกเรานัดเสี่ยวหม่ามารับไปเที่ยวที่ หมู่บ้าน เหอมู่ ราคาที่ตกลงกันไว้ ดูเหมือน 600 หยวน นะ
ที่จริง จะให้เขามารับเที่ยง แต่เปลี่ยนใจให้มารับ 10 โมงเลย เพราะว่า ไม่มีที่เที่ยวแล้ว
เช้านี้ ก็มีปัญหา น้ำไม่ไหลอีก ฉันต้องไปเคาะห้องของเจ้าของ เขาก็มาแก้ไขให้ ปรากฏว่า แก้ไม่ได้
เขาจึงต้องเปิดห้องว่างอีกห้อง ให้พวกเราไปอาบน้ำที่ห้องนั้น พวกเราทานข้าวเสร็จ ก็ทยอยกันไป
ทำธุระ ส่วนตัว ส่วนใหญ่ที่อาบก่อน กินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเดินเที่ยวบริเวณหมู่บ้าน
เราโทร ตามเสี่ยวหม่าให้มารับ 10 โมง เขาเป็นคนตรงเวลาดี แสดงว่า คงพักอยู่ในบริเวณอุทยาน
มาชมภาพหน้าบ้านพักของพวกเรา ก่อนที่จะอำลาจากกันไป ค่ะ
แช้ะรูปกันเล็กน้อย เสี่ยวหม่าก็มาถึง พวกเราขนกระเป๋าออกจากที่พัก เสี่ยวหม่าจัดการจัดกระเป๋าไว้ท้ายรถ
ได้เวลาอำลาจาก อุทยาน คานาสือ แล้ว เสี่ยวหม่าก็ขับรถพาพวกเราไปอย่างอารมณ์ดี
แวะที่ ทะเลสาบโค้ง วงพระจันทร์ให้พวกเราถ่ายรูปเป็นรอบที่ 2 อีกครั้ง วันนี้ ฝนไม่ตกเหมือนวันแรก
สายแดดแผดเปรี้ยง ก็ยังมีรถของอุทยานพานักท่องเที่ยวมาชมทะเลสาบหลายคันรถ
แย่งกันถ่ายรูปอีก เลยได้รูปมาไม่มาก แถม รูปจากกล้องของ เอก ก็ไม่ส่งมาให้ เลยได้รูปเท่าที่เห็น ค่ะ
พวกเรา ออกจากทะเลสาบโค้งวงพระจันทร์ รอบ 2 แล้ว ก็เดินทางต่อไป ระหว่างทาง ถนน ที่พวกเราผ่าน
มีหิมะ ปกคลุม ทั้งถนน ทั้งภูเขา หนาตามาก แสดงว่า เมื่อคืนนี้ หิมะตกหนักมากทิวทัศน์ที่เรากำลังเดินทาง
เพื่อจะไปที่หมายต่อไป คือ หมู่บ้าน เหอมู่ เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามมาก จุดไหนที่เราอยากถ่ายรูป
เราก็ขอให้ เสี่ยวหม่า จอดรถให้พวกเรา ลงไปถ่ายรูปกัน ตามมุมที่เราเห็นว่าสวยสดงดงาม ค่ะ
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงทางที่จะเข้าหมู่บ้าน แต่ปราฏว่า สถานที่ขายบัตรเข้าชมหมู่บ้านปิด ปรกติต้องจ่าย
คนละ 80 หยวน ไม่ต้องเสีย แต่เราเสียค่ารถ ให้เสี่ยวหม่าขับเข้าไปอีก600 หยวน เพราะปรกติ
เราก็ต้องจ้างรถของหมู่บ้านเข้าไป ก็ต้องเสียเงินเท่านี้อยู่แล้ว ตอนนี้ เราเข้าไปโดยไม่ต้องเสียค่าเข้า
ก็ประหยัดไป 480 หยวน เสี่ยวหม่า ให้เหตุผลแบบนี้ ฉันก็เลยไม่ได้ต่อราคาเขาอีก
ครั้งนี้ รวมค่ารถ ตั้งแต่ปู่เอ้อจิ้น มาคานาสือ จากคานาสือ ไปหมู่บ้าน เหอมู่ และจาก เหอมู่
ไปปู่เออร์จิ้นอีก รวมค่าบริการรถของเสี่ยวหม่า ทั้งหมดเป็นเงิน 3100 หยวน เพื่อความสะดวกสบาย
พวกเราก็ยินดี และเขาก็เป็นคนดี บริการอย่างขยันขันแข็ง เรามาทราบประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน ค่ะ
หมู่บ้าน เหอมู่ หรือ ที่เรียกว่า เหอมู่เซียง (เซียง ในภาษาจีน แปลว่า หมู่บ้าน) เป็นหมู่บ้าน
ที่ตั้งอยู่ใน หุบเขาที่มีชื่อว่า เจียเติง อยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบ คานาสือ กับแม่น้ำเหอมู่
อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,100-2,300 เมตร อยู่ในเขตปกครองตนเองมณฑลซินเกียง
บางครั้งเรียกหมู่บ้านนี้ว่า หมู่บ้านคนเลี้ยงม้า สาเหตุ มีเรื่องเล่าสืบกันว่า
ในช่วงที่ เจงกิสข่าน ขยายอาณาเขต
สู่ตะวันตก มาถึงแถวนี้ มีทหารจำนวนหนึ่ง บาดเจ็บจากการรบ
จึงได้อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ เพื่อรักษาตัว
เพราะไม่สามารถออกรบได้ ก็มาสร้างหมู่บ้านอยู่ที่นี่ และมีอาชีพเลี้ยงม้า จึงได้ชื่อว่า หมู่บ้านคนเลี้ยงม้า
ปัจจุบัน ชาวบ้านที่นี่ก็มีอาชีพเลี้ยงม้า ที่นี่ มีทุ่งหญ้า ทุ่งดอกไม้ (แต่ตอนที่พวกเรามาเป็นช่วงหน้าหนาว
เลยไม่เห็นอะไรมากนัก) อากาศที่นี่จะเย็นตลอดปี ถ้าไปเที่ยวช่วงเดือน ก.ย. ถึงต้น ต.ค. จะเห็นป่าเปลี่ยนสี
หลังจากนั้น ก็จะปกคลุมด้วยหิมะ ถ้าอยากเห็นดอกไม้สวย ๆ ต้องไปช่วง มิ.ย. ถึง ส.ค.
อุณหภูมิของน้ำที่ไหลผ่านเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ มีหมู่ผึ้ง แมลงมาดูดน้ำหวาน
และเรานำมาสกัดเป็นยาที่มีคุณภาพดีของที่หมู่บ้านนี้ ค่ะ
เสี่ยวหม่า พามาถึงหมู่บ้านนี้ เป็นช่วงบ่ายมากแล้ว เขาพามาที่พัก น่าจะเป็นเพื่อนของเขาด้วย
ราคาที่นี่ มีสองลักษณะ คือ ห้องน้ำอยู่นอกห้อง ราคา คืนละ 120 หยวน แต่ห้องที่นอนสองคน ห้องน้ำในตัว
ราคาคืนละ 160 หยวนต่อคน แพงกว่า ในอุทยาน คานาสือ อีก ฉันก็บอกว่าแพง ต่อเหลือ คนละ 140 หยวน
เจ้าของ ห้อง เขาก็โอเค ห้องนอนก็ใช้ได้ แต่น้ำไม่ไหล เขาบอกว่า ตอนเย็น เขาจะจัดการเรื่องน้ำให้
บ้านพักที่นี่ เขาเป็นร้านขายอาหารด้วย พวกเรากับเสี่ยวหม่า เลือกอาหารกัน เสี่ยวหม่าลดราคา
ในเมนูให้ด้วย แสดงว่า ต้องรู้จักและคุ้นเคยกับ เจ้าของที่พักแน่นอน มาชม ห้องนอน และ อาหาร
มื้อที่แพงที่สุด คิดเป็นเงินไทย เกือบ สามพันบาท ห้าห้า
หลังจาก จ่ายเงินไปให้เรียบร้อยแล้ว เจ้าของร้านถามว่า เย็นนี้จะสั่งอาหารจากพวกเขาอีกไหม
พวกเรา บอกไม่สั่งแล้ว เรามีอาหารของเราแล้ว ขืนกินร้านคุณ อีกมื้อหนึ่ง พวกเรา คงไม่เหลือเงิน
ไปเที่ยวที่อื่นอีกแน่นอน ห้าห้า หลังจากนั้น เสี่ยวหม่า ก็พาพวกเราไปเดินชมรอบ ๆ หมู่บ้าน
ดูวิถีชีวิต แต่เราก็ไม่ได้เจออะไรมากนัก เพราะเป็นหมู่บ้านที่เงียบมาก เจอผู้คนน้อยมาก
เจอ คนเลี้ยง วัว และเจ้าของขี่ม้า ต้อนวัวเข้าหมู่บ้าน เสี่ยวหม่าพาพวกเรามาถึงสะพาน
ที่จะข้ามและเดินไปยังจุดชมวิวที่อยู่บนเขา เขาก็กลับ ไม่ได้ไปกับพวกเรา คงต้องการกลับที่พัก
เพื่อไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ เขาจะต้องพาพวกเรากลับเมือง ปู่เอ้อร์จิ้น
แล้วพวกเราก็ต้องเดินทางต่อไป
เรามาชมภาพ หมู่บ้าน ตั้งแต่รอบ ๆ ตัวหมู่บ้าน จนกระทั่งเดินขึ้นเขาไปสู่จุดชมวิว ไกลมากพอควร
แต่ก็ไม่ลำบากมากนัก เพราะว่า เขาทำเป็นบันได มีราวให้จับเพื่อเดินไปยังจุดชมวิว ค่ะ
ได้เวลาพอสมควรในการชื่นชม หมู่บ้าน เหอมู่ พระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้ว พวกเราก็กลับที่พัก
มาถึงที่พัก ก็หาอาหารที่มีอยู่ ทานมื้อเย็นกัน ก็ไม่พ้นพวก มาม่า โจ๊กซอง ข้าวต้มซอง นั่นแหละ
พอไปเปิดน้ำ ตายละ ! น้ำไม่ไหลเลย เลยไปตามหาเจ้าของที่พัก เขาบอกให้เรามาตักน้ำ
ที่เขาตักไว้ที่แกลลอนหน้าห้องครัวของเขา แล้วเราจะเอาอะไรไปใส่น้ำล่ะ เป็นที่พักที่แย่ที่สุด
พวกเราต้องเอา ถังขยะในห้องน้ำและนอกห้องน้ำ ไปตักน้ำ เพื่อที่จะใช้ราดส้วม นำใส่ภาชนะที่เรา
ใส่อาหาร ไปตักน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา คืนนี้เลยต้องซักแห้ง ดีนะที่อากาศหนาวมาก
ไม่งั้น คงกลุ้มใจมากกว่านี้ พวกเราต้องเดินไปตักน้ำหลายเที่ยว ได้แต่ล้างหน้าและแปรงฟันเท่านั้น
กลางดึก ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ลองเปิดก๊อกน้ำดู น้ำไหลแล้ว เฮ้อ!รีบรองน้ำไว้อีกชุดหนึ่ง
วัที่ 16 ตุลาคม 59
เช้านี้ ไม่กล้าตื่นสาย กลัวน้ำหยุดไหล ห้าห้า ตื่นแล้ว ก็จัดการอาหารเช้าก่อน แล้วจึงอาบน้ำ
โชคดี น้ำไหลแรง มีน้ำอุ่นให้อาบด้วย แต่งตัวเสร็จ จัดกระเป๋าเตรียมพร้อมเพื่อเดินทางต่อไป
เช้านี้ มีเวลา ออกไปเดินรอบ ๆ หมู่บ้านอีกครั้งหนึ่ง เห็นมีร้านค้าแต่ยังไม่เปิด น้องหมัยอยากหาซื้อไข่
ไปเคาะประตู เพื่อขอซื้อ แต่คนขาย ไม่ยอมมาขาย บอกยังไม่เปิดร้านทั้ง ๆ ที่ตอนนั้น 9 โมงกว่าแล้ว
เฮ้อ! อดเลย แต่ จุกกับนุ่นเดินไปอีกทางหนึ่ง ได้ข้าวสวยมา 2-3 ถุง ราคาถ้วยละ 2 หยวน
เพื่อมาทานกับกับข้าว ซึ่ง น้องหมัยซื้อมามากกว่าเพื่อนเลย ต่างอาศัยกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ขณะที่รอ เสี่ยวหม่า พวกเราก็ถ่ายรูปกันแถว ๆ หมู่บ้าน ฉันนำมาฝากให้ชมด้วย นะคะ
หลังจากที่ เสี่ยวหม่า มาแล้ว ก็ช่วยนำกระเป๋าขึ้นรถ เราอำลาจาก หมู่บ้านเหอมู่ น่าจะประมาณ 10 โมง
ระหว่างทางที่ไป เจอทิวทัศน์ที่สวยงาม เสี่ยวหม่าก็จอดรถให้พวกเราได้ลงไปถ่ายรูปอีกด้วย
ระหว่างทาง เสี่ยวหม่าเป็นห่วงว่า ถ้าเราไปถึง ปู่เอ้อร์จิ้น แล้วจะตีตั๋วกลับ อูรูมูฉี ไม่ทัน
เขาจึงโทรศัพท์ไปหา ภรรยาเขาที่ปู่เอ้อร์จิ้น ให้ไปจองตั๋วนอนรถบัสให้พวกเราก่อนที่เรา
จะเดินทางไปถึงสถานี รถบัส ปู่เอ้อร์จิ้น เป็นคนมีน้ำใจมากทีเดียว เมื่อถึงเมืองปู่เอ้อร์จิ้นแล้ว
เขาแวะไปที่บ้านพัก ซึ่งเป็นแฟลตหลายชั้น เพื่อนำบัตรรถบัสนอนให้พวกเราก่อนจะมาส่ง
พวกเราที่สถานีรถบัส ช่วยยกกระเป๋าของเราลงจากรถอย่างเรียบร้อย พวกเราก็จ่ายค่ารถที่ยังค้างอยู่
และจ่ายเงินค่าตั๋วรถบัสที่ภรรยาเขาช่วยไปซื้อให้พวกเรา สรุปว่า ค่ารถทั้งหมดคราวนี้ 3100 หยวน
ตั๋วรถบัสนอนที่จองไว้ รถออกประมาณ 19.00 น. เราต้องแกร่วอยู่ที่สถานี ปู่เอ้อร์จิ้น หลายชั่วโมง
เพราะว่า เสี่ยวหม่ามาส่งเราที่สถานี บ่ายสองโมงกว่าเท่านั้น
พวกเราก็เตร่ ๆ อยู่ในสถานี ห้องน้ำในสถานี ก็ไม่มี ต้องออกไปข้างนอก เสียค่าเข้าห้องน้ำ 1 หยวน
การพาเที่ยว มณฑล ซินเกียงของทริปนี้ ก็เป็นตอนที่ 4 แล้ว ค่ะ ฉันก็หวังว่า ท่านยังคงอ่าน
ได้สนุกสนานไปตามที่ฉันได้เล่าให้อ่าน และได่รับความรู้เรื่องสถานที่ต่าง ๆ บ้างพอสมควร
โปรดติดตามในตอนที่ 5 ต่อไป ค่ะ
ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ
เห็นแต่ละภาพแล้วอยากไปเที่ยวเองบ้างจัง แต่ต้องหาเพื่อนพูดจีนได้สิเนี่ยไม่อยากไปกับทัวร์ อยากจัดทริปเอง
อาหารมื้อละ 3000 บาท ดูหน้าตาแล้ว แพงตรงไหนเนี่ย มีแต่ผักอะ-*-
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หอมกร Movie Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
คนผ่านทางมาเจอ Health Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
อาจารย์สุวิมล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น