ร่วมงานอำลากันเสร็จแล้ว พวกเราก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 11 เพื่อทานอาหารซึ่งเป็นอาหารบุฟเฟ่ เลือกทานได้ตามใจชอบ ทานอาหารกันตอน สองทุ่มครึ่งเสร็จก็ไปชั้นดาดฟ้าของเรือ เพื่อเดินย่อยอาหาร เขามีหนังจอใหญ่มาฉายด้วย มีเตียงผ้าใบให้นอนรับลม ซึ่งลมพัดแรงมากทีเดียว ดูเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ได้เป็นอย่างดี มาชมภาพกันค่ะ
เช้านี้ ไปทานข้าวเช้าที่ชั้น 3 เป็นอาหารบุฟเฟ่ ค่อนยังชั่ว เราก็เลือกกินได้ตามใจชอบ มีบริการช็อกโกแลตร้อนด้วย อร่อยดี พวกเราส่วนใหญ่ตักข้าวต้ม กินกับกับข้าว มีเต้าหู้ยี้ กิมจิ ผัดผัก ตามแต่จะเลือก อาหารของเรือสำราญ มารีน่า ใช้ได้ทีเดียว เจอกัปตันคนไทยด้วย เขาได้ยินพวกเราคุยภาษาไทย ก็เข้ามาทักและแนะนำว่า เป็นคนไทยมาทำงานที่เรือสำราญ มารีน่า หลายปีแล้ว เงินเดือนดี เดือนละเป็นแสน แต่ก็เหนื่อยมากทีเดียว มาดูหน้าตาเขาหน่อย อิอิ
ช่วงเย็นไปตามที่เขากำหนดให้ไปทานอาหารมื้อเย็นที่ชั้น 5 เจอ บริกร ที่บริการดี เอาใจนักท่องเที่ยวของตนที่ตนรับผิดชอบ (เขาจะแบ่งงานรับผิดชอบนักท่องเที่ยว กี่คน กี่โต๊ะ ก็ว่าไป )คนนี้ เจอตั้งแต่วันแรก และมื้อสุดท้ายของวันนี้ก็เจออีก ต่างคนต่างจำกันได้ อาหารที่เราเลือก ก็ขอเพิ่มได้ด้วย (มื้อนี้) ได้กินต้มยำไทยด้วย แต่รสชาติแปลก ๆ ดี ห้าห้า มาดูภาพอาหารและบริกร น่ารักบริการดีทีเดียว ชื่อว่า Julusorencio เป็นชาวฟิลิปปินส์ก่อนจากกันพวกเราก็ถ่ายรูปกับเขาไว้เป็นที่ระลึก ด้วยนะ
คืนนี้ พวกเราต้องเตรียมตัวจัดกระเป๋าให้เรียบร้อย เพราะพรุ่งนี้เช้า ต้องรีบตื่น เพราะห้องอาหารเขาจะเปิดเวลา 6.30-8.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เรือจะเทียบท่าให้พวกเราขึ้นฝั่ง
วันที่ 22 มกราคม 59
เช้านี้เราตื่นกันเช้ามากกว่าปรกติ เพื่อไปทานอาหารเช้า มื้อสุดท้ายสำหรับทริปล่องเรือสำราญในครั้งนี้ อาหารก็เหมือนทุกครั้งที่เราเคยทานนั่นแหละ ทานเสร็จ เราขั้นห้องพัก เพื่อเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะลากระเป๋าลงมาข้างล่างและเตรียมไปจ่ายเงินสดตามที่เราไปซื้อสินค้าเขาไป กว่าจะเสร็จ ก็พอดี เรือเทียบท่า แต่กว่าจะลงจากเรือได้ เขามีการแบ่งคนลงจากเรือตามบัตรสีที่เราได้รับมาครั้งแรก โดยมีเจ้าหน้าที่มาคอยชี้แจงและปล่อยคนออกจากเรือ นับเป็นขั้นตอนที่ละเอียดมากพอควร
เรามาถึงภาคพื้นดินแล้ว ก็ต้องจ้างแท็กซี่ไปสนามบิน ครั้งแรก คิดว่าจะไปเที่ยวก่อน เพราะเครื่องบินออกตั้งบ่ายสามกว่า แต่ก็กลัวกลับไม่ทัน เลยไปเที่ยวสนามบินเทอร์มินอล 1 (เราต้องไปขึ้นเครื่องที่ เทอร์มินอล 2) แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะมีรถรับส่งใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น
สนามบินของสิงคโปรสวยงามมาก พวกเราเดินเที่ยวและถ่ายรูปที่สนามบิน 1 หลายรูปอยู่
เดินจนขาเมื่อยไปหมด และเห็นเวลาจะเที่ยงนี้ อาหารที่ เทอร์มินอล 1 เราก็เข้าไปไม่ได้ จึงขึ้นรถรับ ส่ง ผู้โดยสารของสนามบินเขามาที่เทอร์มินอล 2 ซึ่งเราต้องมาขึ้นเครื่งนี่ บ่ายสามกว่า ใช้เวลา ประมาณ 5 นาที ก็มาถึง โห! สวยกว่า เทอร์มินอล 1 นะ คงเพราะเพิ่งสร้างใหม่ และใกล้วันตรุษจีน เขาจัดสถานที่ไว้สวยงามมากเลย ลงจากรถ ก็มีวิวให้ถ่ายภาพเลย อิอิ
หลังจากที่พวกเราถ่ายรูปสวย ๆ งาม ๆ แล้ว เราก็เดินหาร้านอาหาร เพื่อทานมื้อเที่ยวก่อนขึ้นเครื่องบิน ได้ร้านข้าวมันไก่กินแล้ว คนไปซื้อกินกันเยอะเหมือนกัน พวกเราทุกคนชิมข้าวมันไก่ของประเทศสิงคโปร์ รสชาติก็ใช้ได้นะ แต่ไม่ใช่ร้านที่มีชื่อเสียงว่าอร่อยตามคำแนะนำของชาวจีนที่เราเจอและถามเขาไว้ เราไม่มีเวลาไปกินตามร้านที่เขาแนะนำหรอก กินในร้านอาหารสนามบินไปก่อนก็แล้วกัน
และแล้วพวกเราก็ได้ขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยอันแสนอบอุ่นของเราโดยสวัสดิภาพ หลังจากที่ผ่านด่านคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว ก็ประมาณ น่าจะ หกโมงกว่า น้องกับเรยาไปทางเดียวกัน จ้างแท็กซี่ไป ส่วนฉันอาศัยรถลูกสาวของวัชรีมารับ เลยไม่ลำบาก กลับถึงบ้านทุ่มกว่าแล้ว เฮ้อ ! เหนื่อยเหมือนกันนะ
การท่องเที่ยวของฉันก็จบลงไปอีกทริปหนึ่งแล้ว เป็นความสุขในชีวิตจริง ๆ หวังว่า ฉันคงมีโอกาสได้ไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้ไปอีกมากมายในโลกกว้าง อิอิ แล้วมาเขียนเล่าให้เพื่อน ๆใน บล็อกนี้ อ่านอีก ค่ะ หวังว่า บล็อกเรือสำราญ ครั้งนี้ ท่านผู้อ่านคงได้รับความเพลิดเพลินบ้าง นะคะ สวัสดี ค่ะ
ดีใจที่แวะไปอ่านฉันท์นะคะ
*************
ล่องเรือสำราญอยากเที่ยวแบบนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิตเหมือนกันค่ะ
ยังไม่มีโอกาสเลย
เกาะลังกาวีก็อยากไปเยือนเพราะตำนานของพระนางมัตสุหนี่
แต่ก็ยังไปไม่ถึงเช่นกันค่ะ
โหวตให้ Travel Blog นะคะ