Corn Movies โอบาม่า หาเสียง หลุมยุบ[Sinkhole]:เป็นธรณีภัยพิบัติภัยประเภทหนึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีขึ้นมาบ่อยๆในโลกเราแล้ว Deaf : Hearing impairment or Deafness. The Lazarus Effect (2010):The results are nothing short of miraculous. “NextWorld” Future Life on Earth (2008):Discovery Channel presents Playing For Change ( 2009 ): Peace Through Music Songs Around The World. The Human Experience (2008): Forgiveness+++ Faith Hope Love. The Great Director Martin_scorsese :Plans Japanese Martyr release in 2010. Constantine (2005):Be the hand of God. The Polar Express (2004): Merry x'mas 2009 The Phantom of the Opera (2004) :Angel of Music Departures (2009):The gift of last memories. 2012 (2009): We Were Warned as Stay awake, praying at all times. The Nativity Story (2006) :THE GOSPEL ACCORDING TO ST. MATTHEW(1964) The Core (2003):magnetic field Chi bi (2008) :Based on the events during the Three Kingdoms period in Ancient China Red Cliffs. Category 7: The End of the World (2005) :The storm of global proportions is comming. The Matrix Revolutions (2003) : in a promise of a Second Coming. The Matrix Reloaded (2003):the Son of Man. The Matrix (1999):He is the one. The Devil's Advocate (1997): Joining Evil, ., At Satan & Satan U2: Rattle and Hum (1988):Directed by Phil Joanou. Shine a Light (2008):Martin Scorsese Film documentary on the Rolling Stones. Barry Lyndon (1975):Directed by Stanley Kubrick. Star Wars: Episode VI(1983): Return of the Jedi Full Metal Jacket (1987): '' Peace '' & ''Born to Kill Star Wars: Episode V (1980) : The Empire Strikes Back Bangkok Traffic love Story (2009):"รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ" Braveheart (1995) :History is written by those who have hanged Heros. Papillon (1973):The greatest adventure of escape. The Adventures of Tintin (TV series 1991):The Blue Lotus. Star Wars (1977): Episode IV - A New Hope The Children of Huang Shi (2008) :Invasion of the Heart, a story of eastern "Schindler's List" Always: Sunset on Third Street (2005):as Tokyo Tower is being built. The Illusionist (2006) : How Does a Man of Mystery Survive? It’s Magic. Philadelphia (1993):When a man with AIDS is fired by a conservative law firm. A Few Good Men (1992): Code red. 300 (2006) :Brave Enough to Face Freedom. All the President's Men (1976) : Not the greed of money, but power. The Theory of the Leisure Class (2001) :ทฤษฎีของชนชั้นที่มีเวลาว่าง Powder Blue (2009) :Every life has a breaking point. Magnolia (1999):Things fall down. People look up. And when it rains, it pours. Agent of Influence (2002) (TV):Based on novel Ian Adams . The Blair Witch Project (1999) :1994 three student filmmakers disappeared in the woods. "Burn Up" (2008) : environmentally conscious and oil company Poltergeist (1982) :A family's home is haunted by a host of ghosts. Beetlejuice (1988) : a "bio-exorcist" Star Wars: Episode III (2005) - Revenge of the Sith "The Last Templar" (2009) :TV miniseries Star Wars: Episode II - Attack of the Clones (2002) Home (2009):a film by Yann Arthus-Bertrand Star Wars: Episode I - The Phantom Menace (1999) The Holiday (2006) :"Journeys end in lovers meeting." The Postman (Il Postino) (1994) the power of words .... The Unborn (2009) :Sometimes the soul of a dead person has been so tainted with evil. Transsiberian (2008) : Strangers in a strange land. All the Invisible Children (2005) :Seven short films a different child protagonist. Voces inocentes (2004):A young boy, in an effort to have a normal childhood in 1980's El Salvador, Finding Neverland (2004) : Just Belive. Inkheart (2008) :Books are adventure. They love anyone who opens them. Pan's Labyrinth (2006) :Hope For The Weak . Nostalghia (1983) :Andrei Tarkovsky 's film The Tale of Despereaux (2008) : "I beg one's pardon really "the world can be changed. The Ugly American (1963) :that coined the phrase for tragic American blunders abroad. หนังอยากดู :June 5, is the World Environment Day. Knowing (2009) :Warning! This synopsis contains spoilers. Angels & Demons (2009) :Take a tour Vatican & Rome Seven Pounds (2008) :7 pounds = 7 lives lost in the auto accident, Doubt (2008) :intolerance Australia (2008) : The stolen generations. Henry Poole Is Here (2008) :True believers,Hope and Love. The Shoe Fairy (2005):in search of true love and happiness. Ba'al (2008) :the ancient amulets of the storm god Ba'al. My Fair Lady (1964) :The loverliest motion picture of them all! Yes Man (2008):Based on one simple covenant: say yes to everything and anything. The X Files (2008) : I Want to Believe. The Gods Must Be Crazy (1980) : Earth Day 2009, April 22 Nabi Butterfly (2001): Directed by Moon Seung-wook . Steal This Movie (2000) :Yippie founder Abbie Hoffman. Walk the Line (2005): Love is a burning thing. Candy (2006) :More is never enough. The Bad Sleep Well (1960) :by the Japanese director Akira Kurosawa. The Mistress of Spices (2005):Love cannot be wrong. Changeling (2008) : directed by Clint Eastwood National geographic:Geothermal Energy พลังงานทางเลือกที่ถูกลืม 28 March Global EARTH HOUR Marvin's Room (1996) :I've been so lucky to have been able to love someone so much. The Rape of Europa (2006): Imgine the World Without Our Masterpieces. Milk (2008): But without hope live is not worth living. Death Note (2006): The last name (2006) : L: Change the World (2008) Thirteen Days (2000) :You'll Never Believe How Close We Came. Slumdog Millionaire (2008):Welcome who Wants to Be a Millionaire. The Wrestler (2008 ): Love Pain, Glory. The Reader (2008): Unlock the mystery. Blood Diamond (2006) : It will cost you everything. Salvador (1986): El Salvador to chronicle the events of the 1980 Proof (2005) : The biggest risk in life is not taking one. Doctor Zhivago (2002) :Love Is A Mystery The Hours (2002): "deeply moving" and "an amazingly faithful screen adaptation" The Gospel (2005): Welcome to go Home.
Barry Lyndon (1975):Directed by Stanley Kubrick.
EPILOGUE It was in the reign of George III That the aforesaid personages lived and quarrelled, Good or Bad,Handsome or Ugly , rich or poor They are all equal now. มันเป็นสมัยที่พระเจ้าจอร์ทที่ 3 ครองราชย์ ที่ผู้คนเหล่านี้อยู่และทะเลาะเบาะแว้งกัน ดี หรือ ชั่ว หล่อเหลา หรืออัปลักษณ์ จนหรือ รวย ตอนนี้พวกเขาเท่ากันหมดแล้ว สถาปัตยกรรม งานศิลปะ ชนชั้นการปกครอง... เราไม่ได้พิสูจน์คุณค่าของคนเพียงแค่นั้น กับถ้อยคำแดกดันที่แสนเอร็ดอร่อยของชนชั้นสูงในวงสังคมอังกฤษ มนุษย์เราเองก่อให้เกิดมลภาวะสภาพแวดล้อมที่ให้ความสำคัญเกินจริง... มากกว่ายกย่องกับความพยายามเป็นอยู่ที่พอเพียง..... กับการได้ใช้สิทธิ์สามัญชนธรรมดาอย่างเต็มที่ของผู้คน และการเฝ้าดู ถูกเกณท์ภายใต้การ ปู้ยี่ปู้ยำ .....ผู้สวมรองเท้าบูทของการกดดัน ประวัติศาสตร์ Barry Lyndon - Movie trailer from Kubrick`s Film ถ้าชอบ Film ที่มีประวัติศาสตร์ มาเกี่ยวข้อง และภาพสวยสวย พาโนรามา ที่บรรยายเล่าเรื่อง เรื่องนี้ภาพสวยจริงๆๆค่ะ และถ้าชอบงานกำกับของ Stanley Kubrick's สร้างจากนิยายเรื่องแรกของ William Makepeace Thackeray's ถ้าดู Film เรื่องนี้ 3 ชั่วโมงเศษเศษ ไม่ใช่คอจริงๆๆ อาจเงิ๊บได้ Film จะสลับไปพร้อมกับการบรรยาย เรื่องราว Barry Lyndon เชื้อสายไอริสชนชั้นธรรมดา ที่ต้องการความประสบความสำเร็จในชีวิต เงิน เกียรติยศ อำนาจ ต้องการเป็นท่านลอร์ด(เราชอบเรียกเล่นๆว่า ...หลอดกาแฟอะจิ๊)แห่งอังกฤษ ด้วยคำแนะนำของแม่ แบรี่เอง เพื่อต้องการมีอำนาจในสมบัติของภารยาแบรี่ที่เป็นท่านผู้หญิง มุมมองส่วนหนึ่งของFilm ที่ตีความ การเป็น ท่านลอร์ด ที่ไม่ได้สืบเชื้อสาย ไม่ได้เป็นง่ายๆๆ กะต้องวิ่งเต้น ติดต่อทนาย เพื่อเข้าถึงขุนนาง จัดงานเลี้ยงสังสรร ซื้อภาพศิลปะแพงกว่าปรกติ ให้ดูดีมีรสนิยม เพื่อให้เข้าถึง King กะเรื่องปรกติอะ บทสรุปของFilm หนี้สินตามมา ไม่ทันพวกขุนนางอะ ถ้าใครดู Film เรื่องนี้แล้ว อาจมองว่า ชีวิต ของ แบรี่ แลงดอน ...สมควรแหละ ที่เป็นแบบนี้ ลองดูอีกมุมมอง ในตัวของ แบรี่ แลงดอน ที่มันเกิดขึ้นได้กับทุกทุกคน ...ผลที่มันเกิดจากความสูญเสียในจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ ... นันคือ สงคราม 7 ปีของยุโรปSeven Years' War in Europe. กับปัจเจกนิยม (ความเชื่อในเรื่องประโยชน์ของแต่ละบุคคล กะเช่น เอาตัวรอด หรือ ...ตัวใครตัวมัน)ซึ่งมันโหดร้าย ทฤษฎีนี้มันเกิดจากการจัดการกับความกดดัน และมันมีผลกระทบต่อต่อกับคนทั่วทั่วไป ...บ่อยครั้งมันทำให้เกิดความเข้าใจผิด และในช่วงสุดท้าย ...มันคือความพยายามที่มันสิ้นหวัง... ไปจนถึงการฟื้นคืนชีพกลับไปมีชีวิตใหม่...พลังชีวิตของความสามารถในการอยู่รอด ...ได้ถูกทำลายอย่างกำลังค่อยเป็นค่อยไป มันเริ่มต้นด้วย Barry Lyndon แบรี่ แลงดอน มีจิตวิญญาณที่เป็นสุภาพบุรุษที่มุ่งมั่น ทว่า มันถูกใช้ไปอยู่ในสังคมที่เลวทราม ในหน้าที่ของทหารปรัสเซียที่ออกรบ ต่อมาแบรี่ไปเป็นคนสนิทให้กับคนชั้นสูงของอังกฤษ ที่เป็นเชลย เค้าได้พบกับท่านหญิง สิ่งที่ล่อใจในแบรี่นั้นคือ ความมีเกียรติย์ ความสง่างาม ความร่ำรวย และสิ่งแลกเปลี่ยนของท่านหญิงนั้นคือ การบรรเทาความเจ็บปวดของการอยู่โดดเดี่ยว พร้อมกับลูกชายของเธอ มันคือมุมมองหนึ่งเล็กๆน้อย ของวิถีชนชั้นสูงของอังกฤษ ที่มีความมั่นใจสูง ใน Filmช่วงนี้มันคือความเห็นแก่ตัว ของแบรี่ สิ่งที่ Kubrick ต้องการสื่อ นั้นคือ ... ความศรัทธาของเรานั้น...สามารถออกจากสิ่งจอมปลอมเหล่านี้ได้ กับเพียงแค่ มันมีสองทางให้เลือก ระหว่าง ความเชื่อฟัง นบนอบ หรือยอมเลยตามเลยให้ ถูกทำลายไป กับเหตุการณ์การออกรบของแบรี่ แลงดอน ...มันคือการเริ่มต้นของจิตใจที่ตายทั้งเป็นของเค้า และทหารคนอื่นๆ Barry Lyndon - First Taste of Battle กับฉากสงครามการเดินหน้าทัพของอังกฤษ กับฝรั่งเศส การรบของอังกฤษ เครื่องมือที่ทำให้กองทัพเข้มแข็งขึ้นนั่นคือการเยาะเย้ยถากถางฝ่ายตรงข้าม หรือการนำทัพแสดงความแกร่ง... เดินทัพประจันหน้าอย่างไม่กลัวเกรง ...บุกโดยไม่ตอบโต้ด้วยอาวุธ... ปล่อยให้ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายยิงข้างเดียว ... ทหารอังกฤษล้มตายเป็นใบไม้ร่วง...ทหารที่เหลือ เดินทัพประจันต่อไป สิ่งที่ Kubrick กำลัง สื่อ นั้นคือ...ยุทธวิธีการรบแบบกรีกโรมัน โบราณ...ซึ่งมันทำให้รู้สึกว่าดูเหมือนเป็นเรื่องน่าหัวเราะ...นั้นมันพาเหล่ากองทัพทหารไปตายแน่ๆๆ หลังจากนั้นทั้งหมด เรา ตระหนักรู้เลยว่า ถ้าระยะเวลาของสงครามจะบรรเทาลดลงได้นั้นคือ มันมาจากความเป็นระบบและเป็นระเบียบที่เป็นแบบแผน ของกองทัพ และ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้องกับใครใคร ความตายด้านทางจิตใจ และ ความบกพร่อง ที่มันกลายเป็นคุณค่าของไพร่พลทหาร และระยะสงครามนี้มันทำให้เหล่าทหารนึกถึงและหลับตาแลเห็น ที่มันมีแต่ ...กฎ ...ผู้นำ...การตัดสินใจของคำสั่ง...นั้นคือหน้าที่สูงสุดของผู้รับใช้ ...และมันคือสิ่งที่ทำให้เราเห็นในความเป็นตัวตนของมนุษย์ กับสถานการณ์เช่นนี้ อะไรคือความศรัทธา ...การล่าถอยของเหล่าทหารขี้ขลาดจำนวนมาก ...และรวมทั้งตัว แบรี่ แลงดอนด้วย Barry Lyndon - Prussian Army และทัศนคติแบบนี้ มันได้เข้ามาหา แบรี่ แลงดอนอีกครั้ง เค้าถูกจับเข้าร่วมกับกองทัพปรัสเซีย ในความวินัยเลิศของกองทัพ...แต่มันมักมาจากผู้ชายชนชั้นต่ำที่สุดของมนุษยชาติ ว่าจ้างหรือขโมย มาจากทุกประเทศในยุโรป ...ดังนั้นแบรี่ ตกอยู่ท่ามกลาง ผู้คนที่เลวที่สุด ในไม่ช้าก็ช่ำชอง มีพฤติกรรมมิชอบทุกชนิด ความกล้าหาญของแบรี่ เค้าได้รับรางวัลจากท่านนายพล ท่านนายพล:คุณมีความกล้าหาญ แต่คุณต้องมั่นใจ ว่าคุณเป็นคนเลว แบรี่ :ผมตกไปอยู่ท่ามกลางคนหมู่เลว ทำทำเยี่ยงทหารคนอื่นกระทำ ผมไม่เคยมีเพื่อน หรือคนที่คอยปกป้องผม ท่านอาจพูดว่า ผมเสียคนไปแล้ว ส่งผมไปลงนรก แต่ผมจะไปลงนรกเพื่อรับใช้กองทัพ Barry Lyndon - Theme Sarabande Film สื่อในช่วงของความวุ่นวายในช่วงของปฎิวัติในฝรั่งเศส ช่วงปี ค.ศ.1789 การล้มล้างราชวงค์ Bourbon และนโปเลียนมหาราชได้ยึดอำนาจในปี ค.ศ.1799 สิ่งที่นักวิจารณ์มองว่าFilmอยู่ในช่วงนี้เพราะ ในตอนท้ายของ Film ที่แผ่นหินเหนือหลุมฝังศพ Lady Lyndon ระบุปี ค.ศ.1789 พวกเค้าตีความกันว่า สิ่งที่ผู้กำกับต้องการสื่อนั้นคือ โลกแห่งความสะดวกสะบาย ความมืดมิดของความศรัทธา ความเชื่อ การนองเลือดมันกำลังใกล้เข้ามา ถ้ามองเข้าไปจริงๆๆ Film ไม่ได้มองไปแค่ในวิถีการดำรงชีวิตช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ ยังมองเห็นถึง ...ปัญหาของระบบทุนนิยมที่มาจากทางตะวันตก เทคโนโลยีใหม่ ค่าจ้างชนชั้นแรงงาน โชคชะตา สิ่งอำนวยความสะดวก และความขาดสติ ที่ไม่นึกถึง เหตุผล ที่พากันวิ่งกรูเข้าไปความวิกลจริตของการค้าขายสมัยใหม่ และพยายามที่จะบังคับสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และข้อโต้แย้ง นั้นคือวิธีการที่ใช้กันอยู่...และการยอมรับโลกที่มีแต่เปลือก เป็นเรื่องที่เรายอมรับกันเสมอ สงครามเจ็ดปี Seven Years' War in Europe ยุทธการคูเนอร์ดอร์ฟ โดยอเล็กซานเดอร์ โคท์เซอบิว (Alexander Kotzebue) ค.ศ. 1848 สงครามเจ็ดปี หรือที่เรียกในภาษาเยอรมันว่า สงครามไซลิเซียครั้งที่ 3 (อังกฤษ: Seven Years' War หรือ Third Silesian War) ที่เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1756 จนถึงปี ค.ศ. 1763 โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างปรัสเซียและบริเตนใหญ่และกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมนีที่ต่อต้านฝ่ายพันธมิตรที่ประกอบด้วยออสเตรีย, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, สวีเดน และแซกโซนี โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในตนปลายสงคราม โปรตุเกส (ฝ่ายบริเตนใหญ่) และสเปน (ฝ่ายฝรั่งเศส) ถูกดึงเข้าร่วมต่อมา และเนเธอร์แลนด์ที่ เป็นกลางก็เข้าร่วมเมื่อถูกโจมตีในอินเดีย เพราะความกว้างขวางของสงครามที่กระจายไปทั่วโลกทำให้สงครามเจ็ดปีได้รับการ บรรยายว่าเป็น “สงครามโลกครั้งแรก” ที่มีผลให้ผู้คนเสียชีวิตไปประมาณ 900,000 ถึง 1,400,000 คน และการเปลี่ยนแปลงความสมดุลย์ทางอำนาจต่อผู้เข้าร่วมหลายประเทศ สงครามเจ็ดปีเริ่มขึ้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 แห่งปรัสเซียทรงเข้ารุกรานแซกโซนี การต่อสู้ระหว่างบริเตน, ฝรั่งเศสและพันธมิตรของทั้งสองฝ่ายในทวีปอเมริกาเหนือเริ่ม ขึ้นในปี ค.ศ. 1754 สองปีก่อหน้าที่สงครามโดยทั่วไปจะเกิดขึ้น การต่อสู้ในอเมริกาเหนือบางครั้งก็ถือว่าเป็นสงครามอีกสงครามหนึ่งที่เรียก ว่าสงครามฝรั่งเศส-อเมริกันอินเดียน (French and Indian War) แม้ว่าทวีปยุโรปจะเป็นที่ต่อสู้ของสงครามโดยทั่วไปแต่ผลของสงครามก็มิได้ ทำให้สถานะการณ์เปลี่ยนไปมากจากก่อนสงครามเท่าใดนัก แต่ผลกระทบกระเทือนในเอเชียและอเมริกามีมากกว่าและเป็นผลที่ยั่งยืนกว่า สงครามยุติความเป็นมหาอำนาจในการมีอาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกา ที่เสียดินแดนเกือบทั้งหมดบนแผ่นดินใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือและบางหมู่เกาะเวสต์อินดีสบางส่วน[2] ปรัสเซียยังคงเป็นมหาอำนาจและยังคงครอบครองบริเวณไซลิเซียที่เดิมเป็นของออสเตรีย บริเตนใหญ่กลายเป็นมหาอำนาจในการเป็นเจ้าของอาณานิคมในทวีปอเมริกาเหนือ และเป็นผู้มีอำนาจมากกว่าผู้ใดในอำนาจการมีอาณานิคม [แก้] ที่มาของชื่อสงคราม ในแคนาดา, ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร คำว่า “สงครามเจ็ดปี” หมายถึงความขัดแย้งในทวีปอเมริกาเหนือ ที่รวมทั้งความขัดแย้งในยุโรปและเอเชียด้วย ความขัดแย้งนี้แม้ว่าจะเรียกว่า “สงครามเจ็ดปี” แต่อันที่จริงแล้วเป็นสงครามที่ยาวเก้าปีเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1754 จนถึงปี ค.ศ. 1763 ในสหรัฐอเมริกาสงครามส่วนที่เกิดขึ้นที่นั่นมักจะเป็นที่รู้จักกันว่า “สงครามฝรั่งเศส-อเมริกันอินเดียน” แต่นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์หลายท่านในสหรัฐอเมริกาเช่นเฟรด แอนเดอร์สันเรียก สงครามนี้ตามที่เรียกกันในประเทศอื่นว่า “สงครามเจ็ดปี” ไม่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นที่ใด ในควิเบคความขัดแย้งนี้บางครั้งก็เรียกว่า “La Guerre de la Conquête” ที่แปลว่า “สงครามแห่งการพิชิต” ส่วนในอินเดียก็เรียกว่า “สงครามคาร์เนติค” (Carnatic Wars) ขณะที่การต่อสู้ระหว่างปรัสเซียและออสเตรียเรียกว่า “สงครามไซลิเซียครั้งที่ 3” วินสตัน เชอร์ชิลล์ บรรยายสงครามนี้ว่าเป็น “สงครามโลก”[3] เพราะเป็นความขัดแย้งที่นำมาซึ่งสงครามไปทั่วทุกหนทุกแห่งในโลกเป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ แม้ว่าผู้ที่มีความขัดแย้งกันส่วนใหญ่มาจากยุโรปและจากอาณานิคมโพ้นทะเลที่ เป็นของประเทศเหล่านั้น ส่วนหนึ่งของความขัดแย้งเป็นความขัดแย้งระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสในการขยาย จักรวรรดิ สงครามเป็นเหตุการณ์สำคัญของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ของสงครามร้อยปีครั้งที่ 2[4] ราชอาณาจักรปรัสเซียKingdom of Prussia ราชอาณาจักรปรัสเซียเมื่อขยายใหญ่ที่สุดในสมัยจักรวรรดิเยอรมัน, 1871 Prussia intro ประวัติศาสตร์ปรัสเซีย ราชอาณาจักรเดิมเป็นเพียงดินแดนของขุนนางตระกูลโฮเฮนโซลเลิร์น ซึ่งเป็นขุนนางเล็กๆ แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาปรัสเซียได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นราชอาณาจักรในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าฟรีดริชที่ 1 เป็นอิสระจากโปแลนด์ เดิมนั้นปรัสเซียมีอาณาเขตไม่ใหญ่มากนัก จนกระทั่งมาถึงสมัยของ สมเด็จพระเจ้าฟรีดริชมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 แห่งปรัสเซีย ปรัสเซียยึดครองจังหวัดไซลีเซียจากออสเตรีย และสามารถรักษาไว้ได้ในระหว่าง สงครามเจ็ดปีที่ ยุติลงในปี ค.ศ. 1763 ซึ่งทำให้ปรัสเซียมีอำนาจขึ้นทางตอนเหนือของเยอรมนี ต่อมาปรัสเซียก็ได้ขยายดินแดนโดยการผนวดดินแดนต่างๆ ของเยอรมนีด้วยวิธีต่างๆ ที่รวมทั้งการสมรส และการเข้าครอบครองเช่นในโพเมอราเนียในฝั่งทะเลบอลติก สมเด็จพระเจ้าฟรีดริชที่ 1 แห่งปรัสเซีย ครองราชย์ ค.ศ. 1713–1740 ปรัสเซียเข้าสู่สงครามในการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1792 มาจนถึงสมัยของสงครามนโปเลียน ซึ่งทำให้ปรัสเซียสูญเสียดินแดนบางส่วน แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง คองเกรสแห่งเวียนนาก็มอบดินแดนคืนให้แก่ปรัสเซียที่รวมทั้ง ไรน์แลนด์ และ เวสต์ฟาเลีย กับดินแดนอีกบางส่วนในแถบตะวันตก Prussia part one เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ * ค.ศ. 1701: การขยายตัวของบรานเดนบวร์ก เมื่อฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 อีเล็คเตอร์แห่งบรานเดนบวร์กเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1688 ปรัสเซียก็ตกไปเป็นของฟริดริชที่ 3 ผู้ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าฟรีดริชที่ 1 แห่งปรัสเซีย ระหว่างปี ค.ศ. 1701 ถึงปี ค.ศ. 1713 นอกไปจากแคว้นปรัสเซียแล้วบรานเดนบวร์กทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก เพราะพระเจ้าฟริดริชทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งเยอรมันองค์เดียวในจักรวรรดิ โรมันอันศักดิ์สิทธิ์จึงทรงสามารถเรียกร้องตำแหน่ง “กษัตริย์ในปรัสเซีย” ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1701 จากสมเด็จพระจักรพรรดิเลโอโพลด์ที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เป็นการแลกเปลี่ยนกับการเป็นพันธมิตรในการต่อสู้กับฝรั่งเศสในสงครามสืบราชบัลลังก์สเปน (War of the Spanish Succession) ตำแหน่งนี้มาเป็นตำแหน่งทางการใน สนธิสัญญาอูเทร็คท์ ค.ศ. 1713 * ค.ศ. 1701-1740: ความเจริญเติบโตของอาณาจักร ราชอาณาปรัสเซียที่ก่อตั้งใหม่เป็นราชอาณาจักรที่ยังยากจนเพราะการที่ยังไม่ฟื้นตัวจากสงครามสามสิบปี และดินแดนกระจัดกระจายไปกว่า 1,200 ตารางกิโลเมตร จากแคว้นปรัสเซียทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลบอลติกไป จนถึงใจกลางดินแดนโฮเฮนโซลเลิร์นของแคว้นบรานเดนบวร์ก และบางส่วนของแคว้นคลีฟบริเวณลุ่มแม่น้ำไรน์ ในปี ค.ศ. 1708 หนึ่งในสามของประชากรเสียชีวิตไประหว่างกาฬโรคระบาดในยุโรป โรคระบาดมาถึงเพร็นซเลา ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1710 แต่ก็มิได้ขยายต่อไปถึงเบอร์ลินซึ่งอยู่เพียง 80 กิโลเมตรจาก เพร็นซเลา Brandenburg Territorial Expansion การพ่ายแพ้ของราชอาณาจักรสวีเดนต่อจักรวรรดิรัสเซีย, แคว้นแซ็กโซนี, จักรภพโปแลนด์–ลิธูเอเนีย, เดนมาร์ก–นอร์เวย์, แคว้นฮาโนเวอร์ และปรัสเซียในมหาสงครามเหนือระหว่างปี ค.ศ. 1700 ถึงปี ค.ศ. 1721 เป็นการสิ้นสุดของอำนาจของสวีเดนทางใต้ของทะเลบอลติก ในการลงนามในสนธิสัญญาสตอกโฮล์มในเดือนมกราคม ค.ศ. 1720 ปรัสเซียได้รับ Szczecin และดินแดนในพอมเมอเรเนียที่สวีเด็นเคยยึดครอง * ค.ศ. 1740-1760: สงครามไซลีเซีย ในปี ค.ศ. 1740 พระเจ้าฟรีดริชมหาราช ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดาสมเด็จพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 แห่งปรัสเซีย ทรงใช้ข้ออ้างจากสนธิสัญญา ค.ศ. 1537 (ซึ่งถูกค้านโดยสมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในการรุกรานไซลีเซีย สนธิสัญญากล่าวว่าส่วนหนึ่งของไซลีเซียจะกลายเป็นของแคว้นบรานเดนบวร์กหลังจากที่ราชวงศ์ไพอาสสิ้นสุดลง การรุกรานครั้งนี้เป็นการเริ่มของสงครามสืบราชบัลลังก์ออสเตรีย (War of the Austrian Succession) ระหว่างปี ค.ศ. 1740 ถึงปี ค.ศ. 1748 หลังจากทรงยึดครองไซลีเซียได้อย่างรวดเร็วแล้ว พระเจ้าฟริดริชก็ทรงเสนอว่าจะทรงพิทักษ์อาร์ชดัชเชสมาเรีย เทรีซาแห่งออสเตรีย ถ้าทรงยกไซลีเซียให้พระองค์ แต่อาร์ชดัชเชสมาเรียทรงปฏิเสธ แม้ออสเตรียมีปฏิปักษ์หลายด้าน ในที่สุดพระเจ้าฟริดริชจึงได้ดินแดนไซลีเซียอย่างเป็นทางการตาม สนธิสัญญาเบอร์ลิน ค.ศ. 1742 * ค.ศ. 1772, 1793, 1795: การแบ่งแยกโปแลนด์ * ค.ศ. 1806-1815: สงครามนโปเลียน * ค.ศ. 1815: ปรัสเซียหลังสงครามนโปเลียน * ค.ศ. 1848–1871: สงครามรวมเยอรมนี * ค.ศ. 1871-1918: ความรุ่งเรืองและความล่มสลายของปรัสเซึย [แก้] การรวมเยอรมนี ในปี ค.ศ. 1862 (พ.ศ. 2405) จักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 1 แห่งเยอรมนี ได้เรียกตัว ออตโต ฟอน บิสมาร์ค เข้ามารับตำแหน่งเสนาบดี บิสมาร์คหวังอยู่เสมอในการรวบรวมเยอรมนีให้ เป็นปึกแผ่น และต้องการให้เยอรมนีเป็นประเทศที่เข้มแข็งให้ได้ ดังนั้นการที่จะรวมเยอรมนีให้ได้จะต้องกำจัดอิทธิพลของมหาอำนาจภายนอกและจะ ต้องทำให้ปรัสเซียเป็นผู้นำในการรวมเยอรมนี ไม่ใช่ออสเตรีย ถึงแม้ว่าออสเตรียจะเป็นแคว้นเยอรมนีเหมือนกันแต่ออสเตรียได้ไปแย่งชิง ดินแดนต่างๆที่ไม่ใช่เยอรมัน เช่น ฮังการี โบฮีเมีย เป็นต้น ทำให้ในสายตาของรัฐเยอรมนี อื่นๆ ออสเตรียเป็นเหมือนกับเยอรมันไม่แท้ไป และจำเป็น ต้องผูกมิตรกับมหาอำนาจอื่นๆ เช่น อังกฤษ ออสเตรีย ฝรั่งเศส รัสเซีย เป็นต้น ในการรวมเยอรมนีนั้นทำให้เกิดสงครามใหญ่ๆถึง 3 ครั้ง คือ * สงครามกับเดนมาร์กเพื่อแย่งชิง แคว้น ชเลสวิก-โฮลสไตน์ บิสมาร์คอ้างว่าเพื่อปกป้องชายเยอรมันที่อยู่ใน 2 แคว้นนี้ และเมื่อสงครามเริ่มขึ้น ปรัสเซียก็ได้ชัยชนะอย่างรวดเร็วในการบุกเดนมาร์ก เมื่อเดนมาร์กสู้ไม่ได้จึงยอมยก ชเลสวิก ให้ปรัสเซีย โฮลสไตน์ ให้ออสเตรีย ในสนธิสัญญาแกลสไตน์ ในปี พ.ศ. 2407 (ค.ศ. 1864) * สงครามกับออสเตรีย หรือ สงครามออสโตร-ปรัสเซียน สงครามนี้เกิดขึ้นเมื่อปรัสเซียกล่าวหาว่า ออสเตรีย ดูแล โฮลสไตน์ ไม่ดี และ ออสเตรีย กล่าวหาว่า ปรัสเซีย ยุยงพลเมืองของ โฮลสไตน์ ให้ต่อต้าน ออสเตรีย เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันเอง ดังนั้นสงครามจึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ก่อน ที่ ปรัสเซีย จะประกาศสงครามกับ ออสเตรีย นั้นปรัสเซียได้ดำเนินนโยบายทางทูตต่อประเทศข้างเคียงเพื่อมิให้ประเทศเหล่า นั้นฉวยโอกาส เช่น การตกลงกับ พระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส บิสมาร์คได้ขอร้องให้พระองค์ทรงวางตัวเป็นกลางไม่ต้องสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายพระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส นั้นหวังของตอบแทนในความเป็นกลางของพระองค์ทั้งจาก ปรัสเซีย และ ออสเตรีย ดังนั้นพระองค์จึงตอบตกลง นอกจาก นี้นั้น ปรัสเซีย ได้ทำสัญญากับอิตาลีอีกด้วย ข้างฝ่าย ออสเตรีย เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องมีสงครามอย่างแน่นอน ออสเตรีย ได้ยุยงให้แคว้นต่างๆของ เยอรมนี ให้ไม่สนับสนุนปรัสเซียหากมีสงคราม และในไม่ช้าออสเตรียจึงเริ่มประกาศระดมพล ฝ่ายปรัสเซียนั้นรู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะต้องมีสงครามแน่นอน พระเจ้า วิลเฮล์ม ที่ 1 ได้ประกาศระดมพลก่อน ออสเตรีย เป็นเวลาถึง 3 อาทิตย์ ดังนั้นปรัสเซียจึงได้เปรียบมากกว่าออสเตรีย และเมื่อทั้งสอง ประกาศสงครามต่อกัน ปรัสเซียก็เริ่มบุกและเป็นฝ่ายได้เปรียบตั้งแต่ยกแรก ฝ่ายออสเตรียเป็นฝ่ายรับได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญแต่ไม่อาจจะสู้กองทัพ ของปรัสเซียได้จึงได้แต่ถอย และเมื่อกองทัพของปรัสเซียเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้กรุงเวียนนา ออสเตรีย จึง ยอมทำสนธิสัญญาปราค ผลของสงคราม ครั้งนี้ ออสเตรียไม่ได้เสียดินแดนต่างๆ หากแต่เสียสิทธิและถูกขับออกจากสมาพันธ์รัฐเยอรมนี ฝ่ายปรัสเซียก็ได้รวมรัฐเยอรมนีต่างๆเข้ามาเป็น สมาพันธ์รัฐเยอรมนีเหนือ ขึ้น ในปี พ.ศ. 2409 (ค.ศ. 1866) * สงครามกับฝรั่งเศส หรือ ฟรังโก - ปรัสเซียน เนื่องจากฝรั่งเศสพ่ายแพ้ปรัสเซียทางการทูตอยู่เสมอๆ และมีปัญหาเกี่ยวกับการสืบราชสมบัติในสเปน ฝรั่งเศสจึงตัดสินใจประกาศสงครามกับปรัสเซีย สงครามครั้งนี้ ปรัสเซีย มีชัยชนะอย่างเด็ดขาด ทำให้ ชาวฝรั่งเศส ได้ขับไล่พระเจ้านโปเลียนที่ 3 ออกจากราชสมบัติ และร่วมก่อตั้ง สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ขึ้น และทำให้ ปรัสเซียได้เป็นมหาอำนาจอันดับต้นๆในยุโรปและพระเจ้าวิลเฮล์ม ที่ 1 ได้ประกาศจัดตั้ง จักรวรรดิเยอรมนี ขึ้นและสถาปนา ตนเองขึ้นเป็น ไกเซอร์(จักรพรรดิ)แห่ง เยอรมนี และสถาปนา บิสมาร์ค ให้เป็น เจ้าชาย และ อัครมหาเสนาบดี ณ พระราชวังแวร์ซาย ในปี พ.ศ. 2414 (ค.ศ. 1871) หลังจากนั้น แคว้นมัคเลนบวร์ก บาวาเรีย บาเดน เวอร์ทเท็มแบร์ก และ แซ็กโซนี ก็ขอเข้าร่วมกับ จักรวรรดิเยอรมัน Source://th.wikipedia.org/wiki/ ราชอาณาจักรปรัสเซีย //th.wikipedia.org/wiki/ สงครามเจ็ดปี //en.wikipedia.org/wiki/Barry_Lyndon
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 20:47:00 น.
13 comments
Counter : 3439 Pageviews.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:2:49:03 น.
โดย: Bernadette วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:18:00 น.
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:56:20 น.
โดย: Bernadette วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:57:30 น.
โดย: Bernadette วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:02:56 น.
โดย: ตัวp_box วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:31:12 น.
โดย: Bernadette วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:40:44 น.
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:52:04 น.
โดย: Bernadette วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:43:52 น.
โดย: Bernadette วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:41:21 น.
โดย: Bernadette วันที่: 6 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:55:11 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [? ]
In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners." AmenPaPa for all Father W e pray year of priests. Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand. source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1 ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand > สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome Sakonnakorn Christmas Thailand Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ... We are Catholic. หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
ลอยกระทงได้เอาอะไรไปปล่อยบ้างหรือปล่าว หรือไมได้แตะกระทงหรือเอาลอยวนอยู่ในอ่าง.........
...
วันนี้ตั้งใจจะนอนแต่หัววันก็คิดโน่นนี่นั่นนอนไม่หลับอยู่ดี เลยกลับไปนั่งอ่านบล๊อกที่เคยเขียนตั้งแต่ต้น
เห็นแบร์แล้ว เรารู้จักกัน 1 ปี 1เดือนพอดี
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=timeofmylove&month=10-2008&date=01&group=1&gblog=17
......