แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
11 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
The Postman (Il Postino) (1994) the power of words ....

metaphor [N] คำอุปมา, See also: คำเปรียบเทียบ

คือ Film ในดวงใจของเราอีกเรื่อง ที่พูดถึงเรื่องราวในชีวิตจริงของนักกวี นักกวีรางวัลโนเบลของประเทศชีลีที่ถูกเนรเทศทางการเมืองมาอยู่ที่อิตาลี และ มาริโอ้ บุรุษไปรสณีย์ เราดูแล้วปี่แตกเลยอะ ...ปี่แตกแบบตื้นตันใจ ทั้งที่ใน Film มันเต็มไปด้วย อมยิ้ม และอารมณ์ขันๆๆ ของนักแสดง

กับสิ่งเล็กๆๆน้อยๆๆใกล้ๆๆตัวของคนคนหนึ่ง ....มันจุดประกายให้ใครคนหนึ่งทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้

อาจจะมองดูเหมือนว่า มาริโอ้ไม่เอาถ่าน หนึ่งในเรื่องของความมีเหตุผลที่สำคัญที่สุดไม่ได้ถูกการประพันธ์บทกวี ....มันคือการจุดประกายเติมไฟในพละกำลังมากกว่า.... เราว่างะ

Il postino, trailer




มาริโอ้ ชายหนุ่มผู้อ่อนโยน กับรูปแบบในการดำเนินชีวิตบนเกาะที่พ่อของเค้าเป็ฯชาวประมง ในรูปแบบชีวิตที่ซ้ำซากและท่ามกลางชีวิตที่ขาดความเห็นอกเห็นใจที่อยู่บนเกาะที่อิตาลีอย่างเงียบๆ

และชีวิตของมาริโอ้ได้เปลี่ยนไป กับการมาถึง ของนักกวีชาวชิลี Pablo Neruda ซึ่งเค้าถูกเนรเทศทางการเมืองมาอยู่ที่อิตาลี

และเรื่องราวของความสัมพันธ์มิตรภาพของเพื่อนทั้งสองจึงเกิดขึ้นใน "The Postman" ("Il Postino")

มาริโอ้ อ่านออกเขียนได้เพียงเล็กน้อย ไปส่งไปรสณีย์ให้ปาโบ้ทุกวัน เพราะเค้าเป็นนักกวีแฟนคลับจากทั่วโลกส่งมาหาเค้าแทบทุกวัน



ที่ละเล็กที่ละน้อยที่มาริโอ้กับการซึมซับ.....ที่เข้าถึงบทกวีของบาโป

มาริโอ้ : metaphor มันคืออะไรครับ????
ปาโบ้ :When you talk something comparing it to another.
เมื่อคุณพูดในบางสิ่งและเปรียบเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง

มาริโอ้ : มันคือลูกเล่นที่คุณใช้ในบทกวีเหรอครับ???
ปาโบ้ : ใช่ ใช่ ยกตัวอย่างเช่น ตอนเธอพูดว่า ...ท้องฟ้าร่ำไห้หมายความว่าไง???
มาริโอ้ : แปลว่า ...ฝนตก ...
ปาโบ้ : ถูกต้อง เก่งม๊ากก..นั้นคือ metaphor อุปมาอุปมัย
มาริโอ้: นั้นก็ง่ายม๊ากเลยซิครับ

อ่ามาริโอ้สงสัยต่อ....ทำไมต้องเขียนให้มันซับซ้อนด้วยละครับ???
ปาโบ้ :Man has no bussiness with the simplicity or complexity or things.
เพราะคนเราสนใจสิ่งที่ซับซ้อนมากกว่า...สิ่งที่มันเรียบง่าย

The words went back and forth.
คำของคุณไหลไปมาได้....นี้แหละคือท่วงทำนอง rhythm.

อิตาลี มันคือที่พักชั่วคราวของปาโบ้ลี้ภัยทางการเมือง อารมณ์ของนักกวีในยามเช่นนี้นั้นคือ โรคคิดถึงบ้านเกิด Nostalghia กับการผ่อนคลายของปาโบ้ ใครจะไปรู้ได้ว่า ปราชญ์อย่างบาโป้หัวการเมืองฝ่ายซ้ายในชิลี ไปสนธนากับ บุรุษไปรสณีย์ทึ่มๆๆ คนหนึ่ง ที่มาริโอ้มองดูบาโป้เหมือนกะเป็ฯพระเจ้า จุดประกายการหัดแต่งบทกวีของเค้า

กับบางครั้ง บาโป้ถึงกับถามมาริโอ้ว่า....แห (ที่ใช้จับปลาหมายถึงอะไร) มาริโอ้ตอบไปว่า แหที่บ้านผมเป็นชาวประมงหมายถึง...ความโศกเศร้า...บาโป้ได้ไอเดียในงานเขียนทันที



มาริโอ้กะมีลูกบ้าของเค้าเหมือนกัน ที่ถ่ายทอดออกมาเป็ฯบทกวี เค้าไปปรึกษา ปาโบ้
ขอให้ปาโบ้เขียนบทกวีจีบหญิงให้เค้า...แต่ปาโบ้ปฎิเสธ สอนมาริโอ้ไปว่า

กวีต้องรู้จักสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจก่อน ...ฉันสร้างงานจากความว่างเปล่าไม่ได้


มาริโอ้ตกหลุมรักสาวชื่อ เบียร์ทริ๊ก Beatrice, ซึ่งนักกวี ดังเต้ Dante Alighieri.ตกหลุมรักหญิงงามชื่อ เบียร์ทริ๊ก เธอเป็นแรงบันดาลใจให้ความรัก

มาริโอ้ส่งบทกวี จีบเบียร์ทริ๊ก ...มันถึงทำให้เบียร์ทริ๊กถึงกับอ่อนไหว ป้าของเบียร์ทริ๊กสังเกตเห็น

เค้าพูดอะไรกับหลาน....metaphor อุปมาอุปมัย เค้าบอกหนูว่า

รอยยิ้มของหนูเบิกบานเหมือนกับผีเสื้อบิน
ยามที่เธอหัวเราะเสมือนกุหลาบเบ่งบาน
ท้องฟ้าผ่า แผ่นดินแยก ทำสายน้ำสะเทิ้นไหว
รอยยิ้มของเธอประดุจคลื่นคงคาสีเงิน

หลานอึ๊งไปเลยละค่ะ..........

บุรุษไปรสณีย์มือไวปากไวไว้ใจพวกมันไม่ได้หรอก...เค้าไม่ได้แตะต้องหนูเลยค่ะ...เค้าบอกว่าเป็นสุขม๊ากที่ได้อยู่ใกล้สาวน้อยผู้ผุดผ่องเหมือนอยู่บนทรายหาดคลื่นขาว

หลานบ้าแค่นี้ก็พอแล้วววว.....ถ้าผู้ชายใช้วาจาเล้าโลมได้ มันก็ใช้มือเล้าโลมได้เช่นกัน
คำพูดนี้แหละหน้ากลัวมากกว่าอะไรซ๊ะอีก ...ไอ้ขี้เมาหยิกแก้มก้นหลานยังดีกว่าไอ้ที่ใช้คำพูดรอยยิ้มเบิกบานเหมือนผีเสื้อระริกระรี้นี่แหละ



และบทกวีที่มาริโอ้ส่งให้เบียร์ทริ๊กฉบับต่อไป..ป้าเบียร์ทริ๊กแย่งมาและเอาไปฟ้องบาทหลวงคุณพ่อที่โบส์ถ ...บาทหลวงคุณพ่อบอกว่า ...นี้มันบทกวี

ป้าเบียร์ทริ๊ก คราวนี้ไปโวยวายกะปาโบ้ต่อ....ปาโบ้อ่านบทกวีบอกว่า...ไพเราะม๊ากก
ป้าเบียร์ทริ๊กบอกปาโบ้ว่า:คุณไปบอกลูกศิษย์ของคุณอย่ามาพบกับหลานสาวชั้นอีก ไม่งั้นต้องข้ามศพชั้นไปก่อน...ขืนไปเจ๋ออีกละก้อ ...ชั้นจะเอาปืนส่องมันเลย

และชื่อเบียร์ทริ๊ก มันก็คือบทกวีของ Gabriele D'Annunzio ด้วยเช่นกัน

และในที่สุดมาริโอ้ก็ได้แต่งงานกับเบียร์ทริ๊ก

ปัญหามันมีอยู่ว่า บาทหลวงคุณพ่อไม่อนุญาติให้ปาโบ้เป็ฯสักขีในสักขีพยานในพิธีแต่งงานของเค้าทั้งสอง เพราะว่า ปาโบ้คือคอมมิวนิตย์..มาริโอ้เถียงไปว่า ปาโบ้ก็เป็นคาทอลิกเช่นกัน นั้นคุณพ่อเห็นมั๊ย ปาโบ้มานั่งคุกเข่าเฝ้าศีลในโบส์ถ

มันเป็นคำพูดของพ่อมาริโอ้ที่พูดได้ยาวที่สุด เพราะว่า พ่อของมาริโอ้เป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรเลย...และข่าวดีของปาโบ้เค้าได้รับอนุญาติให้กลับไปประเทศชิลีได้ มันคือความยินดีอย่างสุดยอดของเค้าแล้ว ไม่มีที่ใหนจะยิ่งใหญ่ไปกว่าบ้านเกิดเมืองนอนของตน

ปาโบ้: ในประเทศชั้นบ้านเมืองมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ...วันนี้พวกเค้าต้องการให้ชั้นกลับ
...แต่พรุ่งนี้ถ้าเหตุการณ์ผันผวน ...ชั้นคงถูกไล่บินหนีมาอีก

และปาโบ้ทิ้งข้าวของบางส่วนไว้ที่อิตาลี ให้มาริโอ้ช่วยดูแล

หนึ่งปีผ่านไป ผู้คนในหมู่บ้านได้ยินข่าวคราวของปาโบ้ทางหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสตอนที่เค้าโดนเนรเทศไปอยู่อิตาลี ...มันทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรวมทั้งป้าของเบียร์ทริ๊กถึงกับบ่นออกไปว่า...ดูสิ เค้าลืมเราไปแล้ว ปาโบ้ไม่พูดถึงพวกเราซักคำ

มาริโอ้กะบอกว่า...ไม่หรอกเค้าเป็นนักกวี เค้าพูดเป็นกลางๆๆ

และมาริโอ้ได้รับจดหมายจาปาโบ้...นั้นคือ ขอให้มาริโอ้เก็บข้าวของที่เหลืออยู่ในอิตาลีส่งไปให้เค้า
มาริโอ้ ได้อัดเทป เสียงบรรยากาศรอบๆๆเกาะไปให้ปาโบ้ รวมทั้งเสียงของลูกมาริโอ้ที่อยู่ในท้อง



หลายปีผ่านไป
ปาโบ้กลับมาที่อิตาลีอีกครั้ง.........

ปาโบ้เจอเบียร์ทริ๊ก...และลูกชายของมาริโอ้.....

มาริโอ้ได้สิ้นใจแล้ว...เค้าไปอ่านบทกวีที่จตุรัส และถูกทหารฆ่าตาย
Film ตัดไปที่การชุมนุมของชนชั้นชาวนา เกษตรกรรม ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม
...มาริโอ้ เป็ฯตัวแกนนำสำคัญในการเรียกร้องความไม่เป็นธรรมซึ่งมันยิ่งใหญ่ม๊ากกก....

Il Postino (scene 21)



Film จบลงด้วย บทกวี ที่ได้รับรางวัลโนเบล ของปาโบ้

Poetry Arrived

And it was at that age...Poetry arrived
และในช่วงชีวิตนั้น ชั้นได้พบความเป็นกวี
in search of me. I don't know, I don't know where
ชั้นไม่รู้และไม่รู้ว่ามันมาจากหนใด
it came from, from winter or a river.
จากฤดูเหมันต์ หรือธารน้ำไหล
I don't know how or when,
ชั้นไม่รู้ว่ามาเมื่อไหร่ หรืมาอย่างไร
no, they were not voices, they were not
words, nor silence,
เปล่าเลย มันไม่ได้มีเสียงพูด ไม่ได้มีวาจา หรือแม้แต่ความเงียบ
but from a street I was summoned,
หากแต่มาจาก ถนนที่ชั้นท่องไป
from the branches of night,
มาจากกิ่งก้านสาขาของราตรี
abruptly from the others,
แยกตัวออกมาจากสรรพสิ่ง
among violent fires
ท่ามกลางเปลวไฟอันโชติช่วง
or returning alone,
หรือการกลับมาของความเดียวดาย
there I was without a face
ณ ที่นั้นชั้นไร้ซึ่งหน้ากาก
and it touched me.
และมันเป็นกวีที่สัมผัสชั้น


- Pablo Neruda To OUR FRIEND MASSIMO

Nobel Prize For Literature  Pablo Neruda (1971)  Pablo Neruda Poems  Poetry Arrived

Source: มีต่อยาว
//www.poetseers.org/
nobel_prize_for_literature/
pablo_neruda_(1971)/pablop/poetry_arrived

งานกวีชิ้นอื่นๆของปาโบ้
//www.lone-star.net/literature/
pablo/index.html



Film Set ในปี 1950 สถานที่คือ Salina Island ในอิตาลีอยู่ทางตอนเหนือของซิซิลี
Positano rises pyramid-like on the Amalfi Coast. The poet Neruda took political refuge here, and here the Postman found friendship with him. IMAGE: courtesy of Reviewer mcHAIKU.




The Postman (Il Postino): A Novel by Antonio Skármeta


เรื่องของ ปาโบ้ เรารู้น้อยม๊ากขอเอาบทความของ
นักเขียนไทย คุณประภัสสร เสวิกุล มาปะค่ะ
Source://www.psevikul.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=459320&Ntype=3


Pablo Neruda Documentary (Part 1 of 6)
มี 6 ตอนยาวดูต่อเอง


พาโบล เนรูด้า(Pablo Neruda) กวีเอกของชิลี เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาวรรณศิลป์ประจำปี 1971 นอกจากฝากผลงานด้านวรรณกรรมอันทรงคุณค่าไว้แก่นักอ่านเป็นจำนวนมากแล้ว เนรูด้ายังฝากผลงานชิ้นสำคัญคือบ้านพักทั้ง 3 หลัง ไว้เป็นสมบัติของชาวชิลีด้วย ซึ่งทุกวันนี้บ้านทั้ง 3 หลังดังกล่าว ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งผู้ที่เดินทางมาเยือนชิลีต้องหาโอกาสแวะไปเยี่ยมเยียน

บ้านหลังแรกของเนรูด้า อยู่ที่ตำบลอิสลา นีกร้า (Isla Negra) หรือเกาะดำ ติดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1939 ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ ห่างไกลจากชุมชน ทำให้เนรูด้าใช้เวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตกับการเฝ้ามองทะเลและเขียนบทกวีที่บ้านหลังนี้ แม้ว่าอิสลา นีกร้า จะสร้างให้กับภรรยาคนที่สอง คือเดยาเดล คาริน (Della del Caril) จิตรกรชาวอาร์เยนตินา แต่ชายหาดแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ซึ่งฝังร่างของเขาและภรรยาคนที่สาม

บ้านหลังที่สองของกวีเอก คือบริเวณซัน คริสโตบัล (San Christobal) ซึ่งเป้นแหล่งชุมนุมของนักเขียน ศิลปิน และจิตรกร ของกรุงซันติอาโก และมีลักษณะภูมิประเทศคล้ายคลึงกับคาปรีในอิตาลี เนรูด้าสร้างบ้านหลังนี้ในปี 1953 เพื่อเป็นของขวัญแก่ภรรยาคนที่สาม คือมาทิลด้า อูรูเทีย (Matilda Urrutia) ซึ่งมีอายุอ่อนกว่าเขา 20 ปี และเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่คาปรีเป้นเวลาหลายเดือน ภายหลังจากหย่าขาดจากภรรยาคนที่สอง ในปี 1955 เนรูด้าได้แต่งงานใหม่กับมาทิลด้าและพำนักอยู่ที่นี่ จนวาระสุดท้าย เนรูด้าตั้งชื่อบ้านหลังนี้ว่า ลา ชาสโคนา (La Chascona) ซึ่งหมายถึงลักษณะที่ยุ่งเหยิง เพื่อล้อเลียนเส้นผมที่หยิกของมาทิลด้า

มาทิลด้ารำลึกความทรงจำว่า ในเย็นวันหนึ่งที่เธอกับเนรูด้าเดินเล่นตามเนินเขาในบริเวณนี้ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพงไพร สิ่งที่ทำให้เนรูด้าเกิดความประทับใจเป็นอย่างมากก็คือเสียงน้ำที่ไหลลงมาจากยอดเนิน และได้เขียนถึงความรู้สึกนี้ไว้ในบทกวีชื่อ “ลา ชาสโคนา” ว่า“สายน้ำที่รินไหลเขียนบทกวีอันไพเราะด้วยภาษาของมันเอง”

บ้านหลังสุดท้าย อยู่ที่เมืองบาไพไรโซ ลงมือสร้างใน ค.ศ.1959 และแล้วเสร็จในปี 1961 ลักษณะเป็นบ้าน 4 ชั้น เนรูด้าตั้งชื่อบ้านหลังนี้ว่าเซบาสเตียนา (Sebastiana) เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เซบาสเตียน คอยาโด ผู้เจ้าของโครงการก่อสร้าง ซึ่งเสียชีวิตก่อนที่จะทัได้เห็นผลงานของตนเป็นรูปเป็นร่างโดยสมบูรณ์ เนื่องจากบ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่มาก เนรูด้าจึงชวนเพื่อนมาซื้อบ้านในส่วนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 แต่ในปี 1991 มูลนิธิพาโบล เนรูด้า ได้ซื้อทั้งสองส่วนคืนมา เพื่อจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ เมื่อมองออกไปจากบ้านจะเห็นท้องฟ้าอันสดใสของชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ดังเช่นที่เนรูด้าเขียนไว้ในบัตรเชิญเพื่อน ๆ มาร่วมงานขึ้นบ้านใหม่หลังนี้ว่า รายการอาหารประกอบด้วย “เอมพานาดา (อาหารพื้นเมืองของชิลี เป็นแป้งแบบกระหรี่พั๊บใส่ไส่ชี้สหรือเนื้อสับ) ไวน์แดง และท้องฟ้าสีคราม” เซบาสเตียนาเคยได้รับผลกระทบ

จากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่บาพาไรโซในปี 1960 ซึ่งยังเหลือร่องรอยให้เห็นได้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะบริเวณห้องครัวที่เนรูด้าเรียกว่าเป็นอาณาจักรส่วนตัวของมาทิลด้า

ความเป็นคนโรแมนติก และหลงใหลในเสน่ห์ของทะเล ทำให้เนรูด้าสร้างบ้านทุกหลังให้มีสภาพเหมือนเรือ ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ เพดานที่ค่อนข้างเตี้ย พื้นที่ห้องต่าง ๆ ซึ่งค่อนข้างจะจำกัด หน้าต่างทรงกลม รวมถึงการตบแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ สิ่งสำคัญในบ้านทั้งสามหลังก็คือสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งเนรูด้าสะสมไว้เป็นจำนวนมากจากการทำงานและเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ทั่วโลกกว่าค่อนชีวิต นับตั้งแต่เปลือกหอยนานาชนิด ซึ่งบางอันเป็นสิ่งที่หายากยิ่งในปัจจุบัน ตุ๊กตาไม้จากรัสเซีย รูปสลักของแอฟริกัน จนถึงพระพุทธรูปจากพม่าและทิเบตภาพเขียนของจิตรกรชั้นนำ รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์แปลก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหัวเรือเดินทะเลในสมัยโบราณที่แกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ในชีวิตจริงเนรูด้าว่ายน้ำไม่เป็น

ที่ ลา ชาสโคนา นอกจากเหล็กดัดอักษรย่อ MP ซึ่งมาจากชื่อของมาทิลด้าและพาโบล ตามหน้าต่างแล้ว ยังมีสัญญลักษณ์รูปพระอาทิตย์ดวงกลมมีรัศมีเป็นแฉก ๆ แทนผมหยิก ๆ ของมาทิลด้า ภายในบ้านจะมีรูปเขียนของมาทิลด้าจากฝีมือของเพื่อน ๆ จิตรกร ติดอยู่ทั่วไป

ภายหลังการรัฐประหารเพื่อโค่นล่มรัฐบาลฝ่ายซ้ายของประธานาธิบดีอัลเยนเด้ ในวันที่11 กันยายน 1973 เนรูด้าเก็บตัวอยู่ในลา ชาสโคนา ก่อนจะสิ้นชีวิตที่โรงพยาบาลซานตามารี ในกรุงซันติอาโก ในอีก 12 วันต่อมา – ลา ชาสโคนา เผชิญกับการคุกคามของทหารและฝ่ายขวาจัด บ้านถูกค้นกระจุยกระจาย ข้าวของเสียหาย และผลงานส่วนหนึ่งของเขาถูกทำลายหรือโยนทิ้ง ทางระบายน้ำถูกอุดตันเพื่อปล่อยให้น้ำจากเนินเขาไหลลงมาท่วมบ้าน สายน้ำที่เคยรินไหลบทกวีอันไพเราะ ทำให้ ลา ชาสโคนา จมอยู่ในปลักโคลนเกือบ 20 ปี

หลังการสิ้นอำนาจของรัฐบาลเผด็จการทหาร มาทิลด้าได้ก่อตั้งมูลนิธิพาโบล เนรูด้า ขึ้น เพื่ออนุรักษ์บ้านพักของเนรูด้าทั้งสามหลัง รวมทั้งเก็บรักษาทรัพย์สมบัติส่วนตัวและของสะสมของสามี และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์แก่สาธารณชน

และแม้ว่าพาโบล เนรูด้า จะจากโลกนี้ไปกว่า 30 ปีแล้ว แต่ทุกซอกมุมของบ้านทั้งสามหลังของเขา ยังเต็มไปด้วยเรื่องราว เสี้ยวชีวิต และจิตวิญญาณ ที่ไม่มีวันสูญหายไปไหนเลย


ประภัสสร เสวิกุล

ซันติอาโก ชิลี, 9 เมษายน 2550


Source://www.gopfrettir.net/GiancarloGianazza/
myndir/DanteAlighieri.jpg

ดังเต อลิเกียรี (Dante Alighieri)

ดังเต อลิเกียรี ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1265 ที่เมืองฟลอเรนซ์ ในครอบครัวขุนนางต่ำศักดิ์ เมื่อมีอายุได้ยี่สิบปี ดังเตก็สมรสกับเกมมา โดนาติ และมีบุตรกับนางด้วยกันทั้งสิ้นสามคน ดังเตเข้าเรียนที่โบโลญญ่า มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในช่วงวัยหนุ่ม ดังเตคบค้าสมาคมกับคีตกวีหรือศิลปินที่มีชื่อเสียงและอิทธิพล ณ เวลานั้นหลายคน ดังเตหลงรักเบียทริชสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง กระทั่งเขาเขียนบทกลอนยาวและประพันธ์ Vita Nuova เพื่ออุทิศแด่เบียทริชหลังจากเธอเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1290

ส่วนผลงานของเขาที่มีชื่อว่า Divina Commedia หรือ Divine Commedy นั้นประพันธ์ขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 14 คือหลังจากที่เขาได้ลี้ภัยทางการเมืองและไปศึกษาต่อที่ปารีส กระทั่งใช้ชีวิตในบั้นปลายของเขาในสถานกักกันรเวนนา ที่ซึ่งดังเตได้อุทิศเวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตเพื่อเขียนผลงาน Divina Commedia จนเสร็จสมบูรณ์ ก่อนหน้าที่เขาจะสิ้นลมเพียงไม่นาน

Source://www.thaigoodview.com/node/12937


และชื่อเบียร์ทริ๊ก มันก็คือบทกวีของ Gabriele D'Annunzio ด้วยเช่นกัน

หนังสือ Guinness ได้บันทึกว่า Gabriele d' Annunzio คือบุคคลที่ได้เขียนจดหมายมากที่สุดในโลก เพราะตลอดชีวิตเขาได้เขียน จดหมายกว่า 1 แสนฉบับ และได้รับจดหมายตอบมากกว่า 1 ล้าน 5 แสนฉบับ



Create Date : 11 กรกฎาคม 2552
Last Update : 11 กรกฎาคม 2552 16:16:08 น. 11 comments
Counter : 2655 Pageviews.

 
เจิมป่ะเนี่ย


โดย: minporee วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:15:28 น.  

 

เจิมป่ะเนี่ย



โดย: minporee วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:15:28 น.


ตอบ ฮิ๊ววว เพื่อนเล่นมาแล้ววว ชอบจัง

ขอเล่นเล่นด้วยยย เพ้อเจ้อดีก่า
อย่าถือสาคนบ้าน๊ะ คุณมิน ....เด๊ยวคุณกะชินปายยเอง

แบร์จาพาไปท่องกาแล็คซี่ดินแดนอัศจรรย์ eternal land

spaceship แบ๊ตตี้ ...ตุ่งตุงตุ๊ง ขอเชิญลูกทัวส์ทุกท่านนั่งประจำที่ได้เลยค่ะ มีสองปุ่มให้คุณเลือกค่ะ
Stop
กะ
Start


ณ ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่หุบเขาวงกต ...


น่ากลัวจังเลย ...อีกไกลมั๊ยน๊า

โน้นไง ทางช้างเผือก กาแล็กซี่ หลายร้อยปีแสง เราจะผ่านมันไปได้มั๊ย???? หรือว่า ใครคนนั้น อัลฟา ...โอเมก้า... เค้าจะอยู่กับเราหรือเปล่า


เย๊ๆๆ เราผ่านรัศมีกาแล็คซี่ไปได้แล้วว


เค้าพาเราไปเที่ยวด้วยยย
A Whole New World


และใครคนนั้นกะพาแบ็ตตี้ ไปพักกินน้ำที่Cathedral สวยม๊ากกเลย

ปล ขอโชว์ถ่ายรูปหน่อย ...มะยู้ว่าฝีมือปั๊ตตานายัง









และใครคนนั้นเค้าสัญญาว่า จาพาแบ๊ตตี้ ปายยเที่ยวอีก ในดินแดน eternal land


โดย: Bernadette วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:06:23 น.  

 
The Postman ... ว่าจะดูอยู่หลายทีแล้ว ก็ไม่ได้ดูซะที
เดี๋ยวจะรีบๆหามาดูมั่ง


โดย: Shallow Grave วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:04:28 น.  

 
ทำไมเรื่องส่วนใหญ่ที่แบร์เอามาลง เขามิค่อยจะรู้จักง่ะ

เมื่อวันหยุดดูแผ่น Slumdog millionaire สนุกดีเหมือนกัน
แต่ดูแล้วรู้สึกหดหู่กับสภาพแวดล้อมในอินเดียนะ


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:35:16 น.  

 
The Postman ... ว่าจะดูอยู่หลายทีแล้ว ก็ไม่ได้ดูซะที
เดี๋ยวจะรีบๆหามาดูมั่ง



โดย: Shallow Grave วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:04:28 น.

ตอบ ซึ๊งม๊ากกก เดี๊ยวร้องไห้น๊ะจาบอกให้ ฮิ๊ววว

เอาเพลงมาร์ค มาฝากจ้า ร้องเพลงนี้ทีไรนึกว่าเชียร์กีฬาอยู่ ได้พลังม๊ากกก

Starship - Nothing's Gonna Stop Us Now
เคยเป็งเพลงของยูนิเซฟด้วยยยย


And we can build this dream together
Standing strong forever
Nothings gonna stop us now
And if this world runs out of lovers
Well still have each other
Nothings gonna stop us, nothings gonna stop us now


โดย: Bernadette วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:53:31 น.  

 
ทำไมเรื่องส่วนใหญ่ที่แบร์เอามาลง เขามิค่อยจะรู้จักง่ะ

เมื่อวันหยุดดูแผ่น Slumdog millionaire สนุกดีเหมือนกัน
แต่ดูแล้วรู้สึกหดหู่กับสภาพแวดล้อมในอินเดียนะ



โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:35:16 น.

ตอบ แบร์ไปทำไรเนี๊ย แบร์เขียนแล้วมันลบมะได้งะ

ตอบ แบร์ขอโทษจริงๆๆ แบร์ชอบดูหนังแปลกๆๆงะ แบร์มานกะแปลกอยู่แล้ว เดี๊ยวหาหนังมาเอาใจคุณนายรัชชี่
หนังรักกุ๊กกิ๊ก คามิรอลดิแอชเล่นงะ

เมื่อวันหยุดดูแผ่น Slumdog millionaire สนุกดีเหมือนกัน
แต่ดูแล้วรู้สึกหดหู่กับสภาพแวดล้อมในอินเดียนะ


ตอบ แป่ว อินเดียมีรวยระดับโลก และกะจน และจนมั๊กมั๊ก

Film สนุกม๊ากกกค่ะ แดนนี่บอยกำกับ จริงๆๆแล้วFilm เรื่องนี้เป็นหนังทุนต่ำ กำไรเยอะเล๊ยยยย


โดย: Bernadette วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:03:42 น.  

 
เอารูปมาฝากจ้าอยากอวดจ้า แด่คุณนายรัชชี่

แบร์จามีปัญหากะถ่ายรูปที่เป็นสีขาวงะ

นึกว่ามีซุ้มโค้งโค้ง.....ซุ้มแบบนี้กะมีด้วยย








ของจริง สวย และสดม๊ากกกก ปล คนถ่ายรูปห่วย อย่าถือสา






ดอกสีเหลือง

เอาเพลงมาร์คประจำใจมาฝากจ้า
Anastasia- At the Beginning


Life is a road
And I want to keep going
Love is a river
I wanna keep flowing
Life is a road
Now and forever
Wonderful journey


โดย: Bernadette วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:04:39 น.  

 
Starship - Nothing's Gonna Stop Us Now
ชอบมาก เพลงนี้ แต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นเพลงให้ UNICEF ด้วย
ชอบเพลงนี้จากหนังเรื่องอะไรไม่รู้ดูตอนเด็กๆจำไม่ได้
เหมือนผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่รู้ที่เป็นหุ่นอยู่ในตู้กระจก

ุวุ้ย เลือนลางสุดๆ จำไรไม่ได้เลย แต่จำเพลงนี้ได้จากหนังเรื่องนี้แหล่ะ


โดย: Shallow Grave วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:42:21 น.  

 
Starship - Nothing's Gonna Stop Us Now
ชอบมาก เพลงนี้ แต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นเพลงให้ UNICEF ด้วย
ชอบเพลงนี้จากหนังเรื่องอะไรไม่รู้ดูตอนเด็กๆจำไม่ได้
เหมือนผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่รู้ที่เป็นหุ่นอยู่ในตู้กระจก

ุวุ้ย เลือนลางสุดๆ จำไรไม่ได้เลย แต่จำเพลงนี้ได้จากหนังเรื่องนี้แหล่ะ




โดย: Shallow Grave วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:42:21 น.

ตอบ แม็กนิควิน ที่แปลว่าหุ่นโชว์ทำนองนี้งะ
เพลงนี้เหมือนกันเล๊ยย ชอบร้องตอนเด็กๆๆกับเพื่อนๆๆ
ดึงเปียกานนเล่น ถีบกะโปรงกานเล่น เอาถุงเท้าเหม็นๆไล่ให้กันดม ให้กำลังจายยกานนนน จี้ดี
ชักแก่แหละแฮะ เล่าฟามหลัง


โดย: Bernadette วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:35:44 น.  

 
ทำการบ้านมาส่งแล้วจ้า
สั้นๆง่่ายๆแต่เหนื่อยโค่ดเลย


โดย: Shallow Grave วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:43:18 น.  

 
ทำการบ้านมาส่งแล้วจ้า
สั้นๆง่่ายๆแต่เหนื่อยโค่ดเลย



โดย: Shallow Grave วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:43:18 น.

ตอบ อ่าไปดูไปดูฮิ๊วว


โดย: Bernadette วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:30:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.