<<
กุมภาพันธ์ 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
18 กุมภาพันธ์ 2551

ย้อนยุทธ์ ตอนที่ 17 อุบัติเหตุจากเซ็นเซอร์



ย้อนยุทธ์ครั้งก่อนๆ
นำประสบการณ์มาเล่าถึงเหตุอุบัติ อุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและจงใจ
ล้วนส่งผลกระทบแง่ลบให้กับบริษัททั้งสิ้น
มาคราวนี้ลองฟังเรื่องเบาๆบ้างนะครับในแวดวงถ่ายทำโฆษณา

อุบัติเหตุในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเกิดเหตุบาดเจ็บ ล้มป่วยในกองถ่าย
เพราะอย่างไรเสียก็ยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมสถานการณ์ได้

กูรูขอบสนามเองก็เคยประสบเหตุการณ์หวาดเสียวครับ
ไปทดลองนั่งรถรุ่นใหม่เอี่ยมที่เอามาทดลองขับในสปีดของรถแข่ง
ประมาณ 200 – 250 ก.ม. ต่อชั่วโมง
บังเอิญก่อนทดลองขับ มีฝนตกพรำเล็กน้อย
ทำให้หน้าถนนลื่นกว่าปกติ แต่การทดลองขับต้องดำเนินต่อไป
เพื่อซ้อมก่อนเข้าฉากจริงๆ ไม่ต้องบอกนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น

รถเหวี่ยงไถลไปมาตามแนวโค้งของสนามแข่งทดสอบ
แล้วก็ถลาทำท่าจะชนกับขอบกำแพง
อาศัยคนขับที่เป็นนักขับรถแข่งเก่ามาก่อนมีสติพอ
สามารถคุมพวงมาลัยหักกลับเข้าลู่ถนนตามเดิม (แต่ส่วนท้ายปัดถูก)
มิฉะนั้นกูรูคงต้องไประหกระเหเร่รอนอยู่ขอบสนามจริงๆครับ ..บรื๋อ
หลังจากปฐมพยาบาลกันเสร็จ ก็เริ่มถ่ายทำกันต่อ เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อุบัติเหตุจากเซ็นเซอร์ส่งผลกระทบแรงกว่านี้ครับ
เพราะนั่นหมายถึงการหยุดชะงักของแผนงานออกอากาศทั้งหมด
ซึ่งคำนวณเป็นเม็ดเงินค่าเสียหาย ความล่าช้าไม่ทันเกมส์ได้มากโข
โดยเฉพาะถ้าเป็นแคมเปญใหญ่ทุ่มทุนไม่อั้น
มาติดที่ภาพยนตร์โฆษณาถูกระงับออกอากาศ
ความแรงของการสื่อสารก็ยอมถดถอยตามอัตรา
ไม่รวมถึงโควต้าออนแอร์ที่จะต้องปล่อยหลุดมือให้คนอื่นไป
สูญเสียโอกาสธุรกิจอย่างไม่น่าจะเป็น

สมัยก่อนระบบเซ็นเซอร์บ้านเรามีหลายขั้นตอนมาก
(ปัจจุบันยกเลิกหมดแล้ว ปล่อยให้แต่สถานีและเอเยนซี่รับผิดชอบกันเอง)
เริ่มตั้งแต่ Pre Censor การส่งข้อความและภาพวาดหรือที่เรียกว่าสตอรี่บอร์ด (Story Board) ไปให้ดูหนึ่งรอบก่อนจะดำเนินการผลิต
ในขั้นตอนนี้จะมีการแก้ไขถ้อยคำ หรือตัดภาพออกมากน้อยแค่ไหน
ทางทีมงานก็ภาวนาให้จบลงให้ได้ครับ จะได้เตรียมถ่ายทำอย่างสบายใจ

เมื่อเสร็จสมบูรณ์ก็เข้าไปให้ตรวจพิจารณาอีกรอบเรียกว่า Post Censor
โดยเอเยนซี่จะต้องแนบเอกสารการ Pre Censor ไปด้วย
เพื่อยืนยันว่าได้รับการอนุญาตก่อนแล้ว ลักไก่ไม่ได้นะครับ
จะมายื่น Post อย่างเดียว
โน่นถูกเตะออกไปนับ 1 ใหม่แต่ต้น

สินค้าบางประเภทเช่น อาหารและยา มีขั้นตอนที่เคร่งครัดอีกด่าน
คือจะต้องผ่านการพิจารณาควบคุมการโฆษณา
จากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ถึงจะเข้ากระบวนการ Pre Censor ได้

หลายครั้งที่คณะกรรมการไม่ยินยอมบางถ้อยคำให้ผ่านออกมา
บางเรื่องก็เป็นคำง่ายๆเช่น “ทาน"จะต้องเปลี่ยนเป็น “กิน”
หรือใช้ให้เต็มคำว่า “รับประทาน”
เพราะ “ทาน” คำเดียวแปลว่า “ให้ทาน” เอเยนซี่ก็เออออยินยอม

แต่บางถ้อยคำเป็นหัวใจของการสื่อสาร
ก็ต้องยื้อยุดแสดงเหตุผลงัดข้อกันพักใหญ่
สโลแกนหลายประโยคที่หลุดออกมาสร้างความฮือฮาภายหลังได้
ก็ล้วนต้องเปิดศึกน้อยๆกับคณะกรรมการเซ็นเซอร์มาแล้วทั้งนั้นครับ

"ความสุขที่คุณดื่มได้”
คณะกรรมการเซ็นเซอร์กาเครื่องหมายกากบาทสีแดงลงทับทันที
ด้วยอ้างว่า ความสุข เป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้
จะเอาเข้าปากสัมผัสรสชาติได้อย่างไร
ผิดหลักเกณฑ์ของภาษาไทย
อะหา เข้าล็อคทีมงานทันทีครับ เพราะคาดคิดอยู่แล้วว่า
สโลแกนแปลกๆแบบนี้ต้องมีคำถาม
จึงเตรียมเรื่องราวของรสพระธรรมคำสอนเทศนาเข้าแย้ง
ทำไมคนเราจึงดื่มด่ำในรสพระธรรมได้ ทั้งๆที่ไม่สามารถสัมผัส จับต้อง
และรู้สึกอิ่มเอมใจหลังได้สดับและรับรู้

กรณีนี้คณะกรรมการก็อึ้งเล็กน้อย แล้วก็ยอมให้ผ่าน

“อารมณ์กาแฟ”
กรณีเดียวกันครับ ไม่มีเคยพจนานุกรมบัญญัติไว้ว่าเป็นอารมณ์ประเภทใด
มีแต่อารมณ์ดี อารมณ์ร้าย เบิกบาน เศร้าใจ
ฉะนั้นอารมณ์แบบนี้ฟังไม่รู้เรื่อง

ทีมงานจึงอธิบายว่าเป็นช่วงอารมณ์ที่อยากดื่มกาแฟ
เอ้า...งั้นก็พูดออกมาให้เต็มๆเลยซิหรือไม่ก็ทำวงเล็บไว้
เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ทีมงานยอมเลือกอย่างหลัง
โดยทำคำอรรถาธิบายไว้เบื้องล่างมุมซ้ายหน้าจอโทรทัศน์

“ นครหินอ่อน”
ตำแหน่งทางการตลาดของช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์แห่งหนึ่ง
ถูกเปลี่ยนเป็น “ศูนย์การค้าหินอ่อน”
เพราะต้องยื่นหลักฐานให้ตรวจสอบว่า
มีพื้นที่เท่าไรถึงกล้าเคลมตัวเองว่าเป็น “นคร” ได้

เกริ่นมาทั้งหมดเป็นเรื่องคำพูดครับ
ส่วนภาพมักจะไม่มีปัญหาในช่วง Pre Censor
เพราะเป็นแค่ภาพนิ่งไม่มีความเคลื่อนไหว

กระทั่งมาถึง Post Censor เมื่อภาพยนตร์เสร็จสมบูรณ์พร้อมออนแอร์แล้ว
คณะกรรมการเซ็นเซอร์.สามารถหั่นหรือตัดโดยไม่ต้องคำนึงว่า
ใครเคยอนุมัติก่อนหน้านั้นแล้ว

กูรูขอบสนามยกกรณีศึกษามาให้ผู้อ่านรับรู้ In Sight ด้วยกันถึง 3 เรื่องครับ

เรื่องที่ 1 ......ด้.. หว่างขา
โฆษณารถยนต์สีสันเดียวกันทั้งคันรวมไปถึงล้อด้วย
เป็นรุ่นดัดแปลงพิเศษสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบสีสัน
เรียกชื่อรุ่นว่า Color Key ทั้งสีแดง ขาว และดำ
ภายใต้แนวความคิดที่ว่า Color Makes You Feel Good

ภาพยนตร์จะถ่ายรถรุ่นนี้โฉบเฉี่ยวไปกับวิว ทิวทัศน์ต่างๆ
ที่สอดคล้องกับสีสันของรถ
เช่น รถสีขาวบนหาดทรายขาวละเอียดยิบขนานกับท้องทะเล
รถสีแดงแล่นไปตามทุ่งดอกไม้ ใบไม้ร่วงที่มีสีแดงแซมๆตลอดทาง
รถสีดำแล่นไปตามหินขรุขระสีดำแสดงความแกร่ง
ฟังดูแล้วก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ
ยกเว้นตอนท้ายซีนที่เห็นผู้หญิงคนเดียวใส่กระโปรงแดง
และถุงน่องแดงอวดเรียวขา
กล้องมองลอดหว่างขาเห็นรถสีแดงแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แล้วก็จอดกึกลงหน้า

ฉากนี้แหละครับ ถูกหั่นฉับเลยด้วยสาเหตุว่าเป็นภาพที่หมิ่นเหม
ล่อแหลมและไม่เหมาะสมกับสังคมไทย
อันนี้เอเยนซี่แก้ไขไม่ยาก ตัดฉากนี้ออกเสีย
หาฉากรถอื่นมาเสียบแทน จบ

ไม่วุ่นวายและไม่กระทบแรงต่อภาพลักษณ์หรือTheme หลักในการโฆษณา

เรื่องที่ 2 รถไฟสับราง
เครื่องดื่มเสริมพลังแบรนด์หนึ่งเตรียมโปรโมชั่นตัวใหม่คือ จักรยานพับได้
สตอรี่บอร์ดที่เสนอไป เป็นเรื่องในทำนองที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ถูกมัดบนรางรถไฟและร้องตะโกนหาคนช่วย
ขณะที่พระเอกเด็กน้อยของเรา
มัวแต่อธิบายสรรพคุณของจักรยานคันใหม่อย่างตื่นเต้น

ภาพสลับกับหัวรถจักรที่แล่นใกล้เข้ามา
จนกระทั่งพระเอกของเราที่กระหืดกระหอบ
เข้ามาแก้เชือกนางเอกเสร็จสิ้นหวุดหวิด
ปรากฏภาพรถไฟเมื่อแล่นใกล้ประชิดเข้ามากลับสับรางหันหัวไปทางอื่น
เป็น Anti- Climax เล็กๆ

ส่ง Post Censor เสร็จ ไม่ผ่านครับ
เพราะตอนที่ยื่น Pre มา รถไฟคันเล็กเหมือนเด็กเล่นดูไม่อันตราย
แต่เมื่อถ่ายทำเสร็จ รถไฟดูคันใหญ่เสมือนจริงมากเกินไป
ความสนุก ตื่นเต้นของ ภาพยนตร์อาจจะชักชวนให้เด็กๆเกิดพฤติกรรม
การเลียนแบบ เอาเพื่อนไปผูกติดรางรถไฟจริงและจะเป็นเรื่องอันตรายได้

ผลก็คือ ตัดฉากรถไฟออกให้หมด
กลายเป็นเด็กผู้หญิงถูกผูกเชือกและมีพระเอกมาช่วย
จากภาพยนตร์ที่เตรียมไว้ 30 วินาทีหั่นเหลือแค่ 15 วินาที
เร็วฉับๆจนตามเนื้อเรื่องไม่ทัน
โชคดีที่เป็นแค่ช่วงโปรโมชั่นสั้นๆ
ฉายไม่กี่ครั้งก็เลิก ทีมงานเลยเรียกภาพยนตร์ชุดนี้ว่า
“รถไฟตกราง( วัดเซ็นเซอร์)”

เรื่องที่ 3
กูรูยังไม่เฉลยชื่อเรื่องนะครับ
กรณีนี้ผ่านเซ็นเซอร์เรียบร้อยทั้ง Pre และ Post ครับ
แต่ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจนได้
กลายเป็นกรณีศึกษาในเหล่าวงการ Production House เลยทีเดียว

เป็นภาพยนตร์โฆษณารถยนต์อีกแบรนด์หนึ่ง
เปิดฉากเป็นชายหนุ่มอยู่ในบ้านรับโทรศัพท์จากสาวคนรัก
เห็นแม่บ้านยกถ้วยกาแฟเข้ามาเมียงมอง
อมยิ้มกับความรักของเจ้านายหนุ่ม
ชายหนุ่มหยิบกุญแจรถ ขับสตาร์ทออกไป
แล่นรถผ่านขุนเขา แมกไม้ ป่าเขาลำเนาไพร พร้อมเนื้อเพลงออดอ้อน
“เมื่อเราจะนัดพบกัน.....”
(ท่านผู้อ่านที่อาวุโสหน่อยคงคุ้นเคยกับเพลงนี้นะครับ)
จนกระทั่งมาเจอหญิงสาวซึ่งรออยู่ก่อนแล้ว
ชายหนุ่มเปิดประตูออกมายิ้มแย้มแจ่มใสกับคู่รัก
โดยมีรถยนต์ที่ขับจอดทิ้งไว้เป็นฉากหลัง

ฟังดูก็ไม่น่าจะมีเหตุอุบัติอะไรเลยนะครับ
พอภาพยนตร์ออนแอร์ได้สักพัก
เสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหูของคนดูและสื่อมวลชน
แทบทำให้ทีมงานช็อคอึ้งไปชั่วขณะ

ปรากฏว่า คนดูส่วนใหญ่เข้าใจว่า แม่บ้านที่ถือถ้วยกาแฟออกมาในฉาก
คือภรรยาของชายหนุ่ม ด้วยหน้าตาที่ดูดีเกินไปเกินกว่าจะเป็นแม่บ้าน
( ความผิดพลาดของฝ่ายจัดหาตัวแสดง)
และมิหนำซ้ำเสื้อผ้าที่ฝ่าย Costume เลือกมา
ก็ลำลองเหมือนกับใส่ชุดคลุมท้อง

ฉะนั้นจึงตีความไปว่า ชายหนุ่มคนหนึ่ง มีภรรยาแล้วและกำลังมีลูกในท้อง
ขับรถออกไปหาคู่รักเพียงแค่ถูกโทรศัพท์ตามตัว (หรือถ้าสมัยนี้ก็คือกิ๊ก)
มีความสุขด้วยกัน โดยไม่สนใจความถูกต้องทำนองคลองธรรม
ปล่อยภรรยาซึ่งกำลังท้องอยู่บ้านคนเดียว

ผู้ชมรับไม่ได้ครับ

กรณีนี้เป็นเซ็นเซอร์จากสาธารณะชน
ทำเอาทีมงานต้องตัดฉากแม่บ้านออกในภายหลัง
อย่างไรเสียก็ไม่สามารถลบล้างอคติลงได้
จนต้องหยุดระงับแพร่ภาพ และนำเสนอภาพยนตร์เรื่องใหม่แทน
สร้างความเสียหายและเสียเงินโดยใช่เหตุ

อ้อ กูรูขอบอกชื่อเรื่องที่อุบไว้ตอนแรก
ใครๆก็เรียกรถรุ่นนี้ว่า ประทานโทษครับ “รถขับหาชู้”



Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 2 เมษายน 2551 23:44:01 น. 0 comments
Counter : 738 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]