|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
18 กุมภาพันธ์ 2551
|
|
|
|
ย้อนยุทธ์ ตอนที่ 15 ปลุกใจเสือป่า
ณ ดินแดนไกลโพ้น เวิ้งว้างประมาณทะเลทรายในอริโซนา มีแต่หญ้าแห้งๆสีน้ำตาลขึ้นหย่อมๆตัดกับท้องฟ้าสีเข้มจัดในวันแดดกล้า กระทาชายนายหนึ่งตัวใหญ่ อ้วนฉุ ผมยาวกระเซิง แต่งตัวกระรุ่งกระริ่ง (ครบคุณสมบัติผู้ร้ายร้อยเปอร์เซ็นต์) กำลังเรียงกระป๋องเครื่องดื่มยี่ห้อน้ำเงินขาวที่รู้จักกันดี วางซ้อนทีละกระป๋องๆ ก่อตัวทีละชั้นๆ จ นในที่สุดก็หนาทึบเป็นกำแพง
เมื่อเรียงเสร็จ กระทาชายลุกขึ้นยืน ปัดไม้ปัดมือเป็นเชิงเสร็จสิ้นภารกิจ ใบหน้าที่หยาบกร้านปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กๆ กำแพงที่แน่นหนาเช่นนี้ ยากนักที่ใครจะทำลาย
ภาพตัดไปที่ปลายขากางเกงของสิงห์รถบรรทุกอีกคน หนุ่มหล่อมาดเข้มแบบพระเอกคาวบอยทุกกระเบียดนิ้ว เขายืนประจัญหน้ากับกำแพงกระป๋องเครื่องดื่มที่ตั้งตระหง่าน มือแตะหมวกเผยอขึ้น เหมือนรับรู้ว่า การท้าทายพลังที่กำลังจะเกิดในไม่กี่นาทีนี้ แล้วหนุ่มรถบรรทุกก็ก้าวเท้าขึ้นพาหนะประจำตัว รถบรรทุกคันเขื่องมีป้ายชื่อเครื่องดื่มยอดนิยมอีกแบรนด์หนึ่ง แดง-ขาวตลอดคัน (ยี่ห้อเดียวกับที่คุณปู่กินบุฟเฟ่ต์ของเราดื่มมาตลอดครับ) มือบิดกุญแจ สตาร์ทคันเร่งและค่อยๆเคลื่อนตัวประชิดกำแพง สายตามุ่งมั่น เปลี่ยนเกียร์เหยียบกำลังเร่งขึ้น จนกระทั่งวิ่งตะลุยพุ่งชนกำแพง กระป๋องเครื่องดื่มที่ถูกนำมาเรียงกระเด็นกระดอน กระจายบุบบู้บี้ เกลื่อนกลาดเต็มพื้น
กระทาชายนายแรกทรุดตัวลง หยิบกระป๋องหนึ่งขึ้นมาดูด้วยหัวใจแตกสลาย ชอกช้ำ
โอ้...กระป๋องน้ำดำสุดที่รัก กลายเป็นน้ำนองเต็มถนน ใบหน้าถมึงทึง ส่งสายตาฮึดอัด เออ... เอาไว้ถึงทีตูบ้างแล้วกัน
ตัดกลับมาที่หนุ่มสิงห์รถบรรทุกถึงคิวต้องมาก่อกำแพง ด้วยกระป๋องเครื่องดื่มของตัวเอง ทุกกระป๋องลายริ้วแดงขาวที่วางลงไปดูมั่นคง แน่นหนาไม่แพ้กัน ก่อตัวเป็นกำแพงยาวเหยียด
ส่วนหนุ่มกระทาชายนายแรกพลิกบทบาทขึ้นไปขับรถบรรทุกสีน้ำเงินแดง ที่จงใจทาให้ดูถลอกๆ เปรอะๆ สายตาคู่อาฆาตจ้องไปที่กำแพงเครื่องดื่มคู่แข่ง คอยถ่างตาดูดีๆนะ... มรึง ตูจะบดขยี้ให้แหลกไปเลย
ว่าแล้วก็สตาร์ทเครื่อง เร่งสปีด วิ่งเข้าหากะชนกำแพงเต็มที่
ผลหรือครับ...รถกระแทกกำแพงเสียงดังก้องแล้วหยุดนิ่ง ไม่มีร่องรอยบุบสลายของกำแพงน้ำอัดลมริ้วแดงขาวเลยแม้แต่น้อย
สักพักเครื่องยนต์ของรถบรรทุกก็เริ่มหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ ตั้งแต่กระโปรงรถ กระจังหน้า และล้อ แล้วรถก็ทรุดหวบลง พร้อมคำสบถจากคนขับ.... ฉิบหายหมดเลย
โลโกขึ้นที่กำแพง สดชื่นแท้ แก้กระหาย ต้อง.....สิ
เป็นไงครับภาพยนตร์ปลุกใจแต่ไม่ติด Rate X ของกูรูขอบสนาม ภาพยนตร์สั้นๆเรื่องกำแพงที่เล่ามาเบื้องต้น เป็นหนึ่งในอาวุธสร้างขวัญกำลังใจ ให้กับกองทัพนักขายของเครื่องดื่มแบรนด์ดังกล่าว เพื่อฉายภายในบริษัทเท่านั้น ห้ามออกสู่สาธารณะชนเด็ดขาด ออกฉายทีไรก็ฮือฮา สนุกสนาน เรียกเสียงหัวเราะสะใจจากบรรดาหน่วยขายถ้วนทั่ว
ในแวดวงการตลาด เมื่อจะออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ก็จะมีระดมกำลังฝ่ายขายเพื่อแนะนำรายละเอียด คุณสมบัติของสินค้า เงื่อนไขพิเศษที่เอาไปต่อรองกับร้านค้า ตลอดจนกำลังอาวุธเสริมอื่นๆ เช่น สื่อโฆษณาพุ่งรุก แคมเปญโปรโมชั่นวิ่งรับ เป็นต้น
แต่ที่หนีไม่พ้นจะต้องมีวิดีโอหรือภาพยนตร์สั้นปลุกใจเหล่าเสือป่านักขายให้ฮึกเหิม ซึ่งทำได้ในรูปแบบต่างๆ เช่น การแสดงล้อเลียนสินค้าคู่แข่ง (อันนี้เซลส์ชอบ สนุกดี ) รุนแรงกว่านั้น ก็เอาสินค้าคู่แข่งมาทำลายซะ ( ยิ่งชอบใหญ่ เป็นการตัดไม้ข่มนาม) ตัดต่อภาพยนตร์ฝรั่งแอคชั่นต่อสู้มันๆแล้วพากย์เสียงไทยใส่ลงไป ใช้คำพูดปลุกปั่น ยุยง กระตุ้นให้ตื่นเต้นระทึกใจ เพราะอารมณ์ของหนังก็เร้าใจอยู่แล้ว เช่น Top Gun (ฉากพระเอกขับเครื่องบินหึกเหิม) Star War (ฉากปล่อยจรวดยิงสกัดยานอวกาศศัตรู) Rocky ( การซัดหมัดระหว่างนักมวยพระเอก - ผู้ร้าย) Over The Top (เฉพาะ ฉากงัดข้อฉากเดียวที่ลุ้นกันอยู่นานถึง 10 นาที ก็ตรึงอารมณ์คนดูใจหายใจคว่ำได้) เคล็ดลับข้อหนึ่งของการตัดต่อก็คือ พยายามหาภาพกิจกรรมของทีมขายเข้าไปในฉากด้วย โดยเฉพาะภาพพี่ใหญ่ ตั่วเฮีย หัวหน้าของพวกเขาในอิริยาบถแปลกๆที่ไม่เคยเห็น เช่น ปกติเป็นเสือยิ้มยาก บี้ตัวเลขหยังเขียด กลายเป็นจังโก้คาดปืนโต ปากคาบไปป์ ขยับหมวกสั่งลุย ให้เฮกันสนุกสนาน
หรือจะลงทุนมากกว่านั้น ก็สร้างหนังเรื่องใหม่เพื่อใช้ปลุกใจโดยเฉพาะ ดังเช่น ภาพยนตร์ชุด กำแพง ของบริษัทเครื่องดื่มน้ำอัดลมดังกล่าว เป็นต้น
ใช่ว่าจะมีแต่หนังปลุกใจเสือป่าเวอร์ชั่นอินเตอร์เท่านั้น หนังปลุกใจระดับ OTOP ( Only Thailand , Only Production) ก็มีครับ หากความดุเดือดเลือดพล่านอาจจะลงระดับลงหน่อย สะท้อนเอกลักษณ์และบุคลิกภาพของสังคมแบบไทยๆ (ตามประสาคนไทยใจดี) ไม่ได้ห้ำหั่นหรือล้างผลาญศัตรูจนพินาศแบบเมืองนอก
อีกทั้งน้ำอัดลมจ้าวนี้ก็พยายามเหลือเกินที่จะย้ำนักหนาว่า แม้ไอจะเป็นฝั่งหัวแดงแจ๋จากมะกัน แต่ก็ทำทุกวิถีทางที่จะ ส่งเสริมคุณค่าของความเป็นไทย มาตลอดนะเฟ้ย ไอรักเมืองไทยและ(กระเป๋าสตางค์) คนไทย ดูซิ ขนาดตัวแทนจัดจำหน่ายรายใหญ่ก็ยังมีชื่อไทยๆเลย (ประโยคหลังนี้กูรูแอบเติมให้)
หลังจากทีมงานได้รับไฟเขียว ก็เปิดสมองเบิกตาดู จะเอาพล็อตแบบไหนที่คงคุณค่าแห่งความเป็นไทยได้ด้วย ปลุกเร้าใจอีกต่างหาก
และแล้วภาพยนตร์เรื่อง ขุนศึก จากค่ายน้ำอัดลมจ้าวเก่า แอ่น...แอน...แอ้น ก็เปิดฉากขึ้น
.....ศัตรูร้ายกรายกล้ำ หมายขย้ำผืนแผ่นดินเ เนื้อเรื่องของขุนศึก ดำเนินตามครรลองภาพยนตร์ขนบแบบโบราณไทย ไทย จริงๆ นั่นก็คือ อาณาจักรผืนแผ่นดินอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งที่เคยอยู่สงบๆร่มรื่น ถูกปิศาจท่อแป๊ปแดง - น้ำเงินเข้ามาบุกรุกประชิดพรมแดน เหยียดหยามน้ำใจผู้ครองแผ่นดิน จนเหล่าประชาราษฏร์เดือดร้อนทนไม่ได้
....จะเฉยอยู่ได้ไย เตรียมออกสู้ไพรี เรื่องร้ายเข้าหูผู้ปกครอง เหล่านายทัพนายกองอดรนทนไม่ได้ จึงสั่งการใหญ่เตรียมกำลังทัพเข้าสู้ นำโดยขุนศึกโคกขามขาวแดงผู้กล้าหาญ เร่งระดมสรรพกำลังและอาวุธ พร้อมเหล่าทหารหาญที่ผ่านการฝึกดาบ ตะขอ ง้าว ด้วยเลือดรักชาติฮึกเหิม จะขับไล่ศัตรูออกไปจากผืนแผ่นดินให้จงได้
...สาวให้สไบเอาเคียงกายแนบนอน ว้าว...เรื่องไทย ไทย ใช่ว่าจะรบราฆ่าฟันอย่างเดียว มีเรื่องของโรแมนซ์ด้วย ขุนศึกโคกขามไปร่ำลานางในดวงใจ แสดงสีหน้าเศร้าสร้อย ไปศึกหนนี้ไม่รู้จะได้กลับมาอิงแอบเนื้อนางอีกหรือไม่ อย่ากระนั้นเลย พี่โคกขอดูอะไรน้อง เอ๊ย...ไม่ใช่ พี่ขอของรักของน้องไว้ดูต่างหน้ายามสิ้นไร้กำลังใจ...ประมาณนี้นะครับ ว่าแล้ว น้องนางก็สลัดสละสไบผืนสุดรักให้พี่ขุนไป ( ตัวเองยังมีห่มอีกผืนครับ ไม่อุจาค) พร้อมคำอำนวยชัยให้โชคดี ( ขนบอันนี้ดูเหมือนจะเป็นสากล บรรดาหนังอัศวินฝรั่ง ก่อนออกศึกสงคราม ก็จะขอผ้าเช็ดหน้าของนางในดวงใจเอาไปเช็ดเหงื่อ เช็ดฝุ่นระหว่างรบด้วยเหมือนกัน)
... กองทัพพลเกรียงไกร กองทัพใจกลมเกลียว กองทัพเคลื่อนขบวนพล ประกอบด้วยพลช้างนำทัพหน้า ภาพตัดสลับกับขบวนหน่วยรถขายและเหล่าพนักงานโห่ร้อง กึกก้อง ขุนศึกฝ่าเส้นทางเดินทัพทุรกันดารจนเห็นค่ายศัตรูท่อแป๊ปเบื้องหน้า ขุนพลบัญชาการหน่วยรบเซลส์ ออกเคลื่อนขบวนรถกระจายทั่วทุกภูมิภาค ขุนศึกสั่งแม่ทัพนายกองร่วมประจัญบาน ไม่เสียดายชีวิต เพื่อยึดแผ่นดินคืน ขุนพลเซลล์ประกาศตลุมบอน ลุยลุกเดียว...(แล้วเงินก็จะมา)
รบชนะทุกภาค ประกาศศักดาทุกถิ่น รุกขยี้ถึงที่ เอ้า....จนมุมแล้ว เสียงฟันดาบโฉ่งเช้ง ประกายไฟวิบวับ ทั้งถีบทั้งถองสารพัดวิชาครู ขุนศึกตะโกนไล่รุกลุยช้างฝุ่นตรลบ เสียงโห่ร้องกึกก้องประกาศชัย ศัตรูลนลานแตกทัพหนีกระเจิง ตัดสลับกับกองทัพเซลส์ที่บุกเข้าร้านค้า ไล่กระเจิงเซลส์ฝ่ายตรงข้าม หนีหัวซุกหัวซุน กวาดสินค้าคู่แข่ง(ที่ทำให้ดูรกๆ)ออกหมด กระชากธงราว โปสเตอร์ ป้ายโฆษณาออกให้หมด แล้วเอาสินค้าตัวเองเข้าวางพรึบ จัดหน้าร้านใหม่ให้สวยงาม ปักธงแดง ขาวเต็มผืน จุดพลุ ประกาศชัยชนะ
แล้วเหล่าขุนศึกก็ยกทัพช้างกลับพร้อมเกียรติยศเหนือศัตรู เอาสไบผืนรัก(ที่ขะมุกขะมอมเกือบเป็นผ้าขี้ริ้ว) คืนนางในดวงใจ จบแล้วครับ...
ด้วยความยาวประมาณ 10 นาทีพร้อมเพลงประกอบตลอดคล้ายมิวสิควีดิโอ ภาพยนตร์ชุด ขุนศึก ผลงาน Made in Thailand ล้วนๆ แม้ในความรู้สึกของคนดูจะแสนเช้ย เชย (โธ่ หนังปลุกใจรักชาติทุกเรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ กี่เรื่องๆก็ให้เพื่อนบ้านข้างๆเราเป็นผู้ร้ายตลอด) ฝรั่งนายใหญ่จากเมืองนอก แสดงทีท่าตื่นเต้น เหมือนไม่เคยเห็นกองทัพสู้รบแบบไทยๆมาก่อน สั่งก็อบปื้อีกหลายม้วนเพื่อเอาไปฉายเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่นดู
เห็นมั๊ยล่ะ ตำนานชาญยุทธ์สมัยโบราณ ยูเอามาประยุกต์ปลุกขวัญพนักงานขายได้ สมกับนโยบาย Glocalization ( Global ผนวก Local)ที่ไอสนับสนุนเต็มที่
ปัจจุบันฟิล์มภาพยนตร์ ขุนศึก ได้ถูกเก็บบันทึกเรียบร้อยในพิพิธภัณฑ์น้ำอัดลมของบริษัทฯที่สำนักใหญ่ เมืองมะกัน เปิดให้ผู้เข้าชมทั่วไปได้ศึกษา และตอกย้ำความเชื่อมั่นอีกครั้งว่า
คนไทยไปไหนๆ ขี่ช้างจริงๆ
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
2 comments |
Last Update : 29 มีนาคม 2551 22:21:22 น. |
Counter : 606 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: copywriter IP: 58.9.167.80 28 กุมภาพันธ์ 2551 21:00:48 น. |
|
|
|
| |
|
|
รุ้งพลบ |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น
บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
|
|
|
ฮาจริงๆ
ไทยๆ เรา ต้อง ขี่ช้างจับตั้กแตนด้วยครับพี่ ถึงจะไทยแท้