ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
25 ธันวาคม 2550

ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป



ขอเกริ่นก่อนว่า
บทความที่เพื่อนๆอ่านต่อไปมีสองบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้น
กูรูขอบสนามไม่เคยซื้อ – ถือและไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ
เพียงแต่เคยสัมผัสช่วงตั้งตัวมาบ้าง เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง

เล็กๆก็ใหญ่ได้
ร้านขนมเค้กกับไอศกรีมเล็กๆแห่งนั้น
เช่าพื้นที่หน้าตึกแถวในซอยถนนสุขุมวิทย่านโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง
ในร้านมีโต๊ะนั่งกินขนม 2-3 โต๊ะ พร้อมเก้าอี้แสนธรรมดา
ไม่หรูหราหรือกุ๊กกิ๊กตามแบบฉบับร้านไอศกรีมวัยรุ่นทั่วไป

เจ้าของร้านลงมาตักไอศกรีมแก่ลูกค้า
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนเพิ่งเดินออกมาจากโรงเรียนท้ายซอย
มาต่อรถประจำทางริมถนนใหญ่ เสียงเด็กเจี๊ยวจ๊าวแทบทุกเย็น
ขณะแย่งไอศกรีมในถ้วยของเพื่อนๆที่ละเลียดช้ากว่าคนอื่น
นั่นคือภาพที่เห็นประจำในร้านเล็กๆ
ซึ่งผู้เป็นเจ้าของเอ่ยปากว่า
“ทำเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอลูกๆเรียนหนังสือเสร็จ”

คุ้นๆมั้ยครับกับการเติบโตอย่างเล็กๆของธุรกิจเค้ก เบเกอรี่ชื่อดัง
ซึ่งภายหลังได้ขยายเป็นร้านอาหารครอบครัว
มีสาขาครอบคลุมทั่วกรุงและปริมณฑล
กูรูขอบสนามโชคดีที่ได้เป็นลูกค้ารุ่นแรกๆของร้านเค้กเล็กๆแห่งนี้
ในราคาที่พอกัดฟันจ่ายได้อาทิตย์ละครั้ง (โดยเฉพาะเค้กไอศกรีม)
พร้อมเฝ้ามองการขยายธุรกิจไปยังทำเลต่างๆ
จวบจนเป็นระยะเวลาร่วมสามสิบปี
โอ้โฮ...นับปีแล้วกูรูรู้สึกตัวเองหงอยลงไปถนัด

ขณะนั้นร้านไอศกรีมที่ดังๆก็มีอยู่ไม่กี่จ้าว
จ้าวใหญ่สุดคือศาลาโฟรโมสต์ซึ่งจัดว่าแพงในสายตาเด็กๆ
ไอศกรีมตราเป็ดป๊อปที่สวนลุม
นอกนั้นก็เป็นร้านไอศกรีมไฮโซในศูนย์การค้า
เช่น Sixteen ที่สยามเซ็นเตอร์ยุคก่อน
(สมัยที่ตลาดหลักทรัพย์ยังสิงสถิตอยู่ที่นี่)
หรือไกลออกไปหน่อยก็เช่น ไอศกรีมฮาวายที่หัวมุมถนนบางลำพู
(ปัจจุบันเป็น Swensen ไปแล้ว)
ร้านไอศกรีมเป็นแหล่งสถิตของวัยรุ่นโดยแท้ กินได้ทุกวันไม่เบื่อ
กูรูเองก็เคยฝันเฟื่องอยากจะเปิดสักร้าน
จะได้กินไอศกรีมที่เหลือจากการขายแต่ละวันฟรีๆ
ตามประสาคนตะกละ

ร้านเค้กและไอศกรีม
ขยายความแกร่งบนความเก่งของตัวเองคือเรื่องอาหาร
โดยมีร้านดั้งเดิมเป็นมาตรฐานยืนพื้น
แล้วจัดตั้งร้านใหม่ๆเพื่อให้บริการกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เ
ช่น ร้านอาหารไทยชั้นสูง ร้านอาหารฝรั่ง
ร้านอาหารจีน (มีพันธมิตรร่วม)
เปิดสาขานอกประเทศ บริการจัดเลี้ยงและจัดส่งอาหารปิ่นโต
ตลอดจนซุ้มในห้างสรรพสินค้า ออฟฟิค
จำหน่ายผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ คุ๊กกี้ เค้ก
และขนมตามวาระ เช่น ขนมไหว้พระจันทร์

แต่ถนนใช่จะโรยราบรื่นหวานฉ่ำเหมือนไอศกรีม
ชื่อเสียงของร้านถูกกระทบ
เมื่อผู้บริหารคิดเร่งขยายร้านค้าออกไปในรูปแบบแฟรนไชส์
ซึ่งต่อมาไม่สามารถควบคุณคุณภาพอาหารและบริการได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ในที่สุดก็ต้องดึงร้านแฟรนไชส์กลับมา ปิดบางสาขาที่ขาดทุน
ยอมสูญเสียเม็ดเงินบางส่วนเพื่อรักษาชื่อเสียงที่สะสมไว้

จากการเปิดร้านเล็กๆเพื่อฆ่าเวลา
ถึงวันนี้ร้านเค้กและไอศกรีมกลายเป็นร้านอาหารคนไทยติดอันดับธุรกิจ
เพียงแต่รักษาคุณภาพและบริการให้สมราคา
เพราะหลายเสียงจากผู้ภักดีเริ่มเปรยๆ
ถึงความไม่คุ้มราคาของมื้ออาหารที่จ่ายแต่ละครั้ง
(ใครถือหุ้นตัวนี้อยู่ ฝากไปถ่ายทอดให้ผู้บริหารรับทราบด้วยนะครับ)
อย่าลืมครับ ธุรกิจอาหารที่เฟื่องฟูทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกอื่นๆอีกมาก

(เคย)ใหญ่ก็เล็กได้
สำหรับเพื่อนรักนักอ่านคงไม่มีใครไม่รู้จักสำนักพิมพ์ชื่อพันธุ์พืชแห่งนี้
เริ่มต้นจากคนกิจกรรมแถวท่าพระจันทร์
พิมพ์หนังสือเพื่อหารายได้เข้าชมรม
หนังสือระยะแรกๆก็หนีไม่พ้นแนวการเมือง วรรณกรรมเพื่อชีวิต
ของศิลปินผู้ล่วงลับไปแล้ว เช่น ศรีบูรพา จิตร ภูมิศักดิ์
บรรจง บรรเจิดศิลป์ ฯลฯ เป็นการตีพิมพ์ที่ต้นทุนต่ำ
(แทบไม่ต้องจ่ายลิขสิทธิ์นอกจากขอคำอนุญาตจากทายาท)
เหมาะกับคอนักอ่านในกลุ่มเป้าหมายปัญญาชน

หลังจากนั้นก็เริ่มเปิดแผงหนังสือเล็กๆ ณ ถิ่นเดิม
วิวัฒนาการเป็นร้านหนังสือ ขยายสาขาเพิ่มขึ้น
และในที่สุดก็เปิดขายแฟรนไชส์ทั่วประเทศ
กลายเป็นร้านหนังสือยอดนิยมของคนรักหนังสือในเวลาต่อมา

ช่วงที่บริษัทรุ่งโรจน์ถึงกับใครต่อใครขอแห่มาเปิดแฟรนไชส์
รับทรัพย์เหนาะๆเฉพาะค่ากู้ดวิลล์ 500,000 บาทต่อระยะเวลาสัญญา 10 ปี
(ไม่นับค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆอีก)
ผู้บริหารเตรียมแผนก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่
มูลค่านับร้อยล้าน พร้อมทั้งวางแผนหรูเข้าตลาดหลักทรัพย์
ขณะเดียวกันก็เล็งเปิดสาขาในตลาดต่างประเทศ
ในส่วนของสำนักพิมพ์เอง
ก็แตกแขนงเป็นพันธุ์พืชเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนขึ้น
ทั้งพันธุ์พืชวิชาการ วรรณกรรมไทยและแปล พันธุ์พืชเด็ก เป็นต้น

แต่แล้วแผนจดทะเบียนในตลาดก็พังครืนเมื่อเจอวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
บริษัทประสบปัญหาด้านหนี้สินมหาศาล
เพราะการเร่งขยายสาขาและลงทุนกับสำนักงานแห่งใหม่
ผู้บริหารประสบปัญหารุมเร้าจนต้องออกเดินสายไปต่างประเทศชั่วคราว
ปล่อยให้มือรองปฏิบัติหน้าที่แทน
ในส่วนสำนักพิมพ์ แทบจะหยุดดำเนินงานเพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียน
มีเพียงร้านหนังสือยังพอเลี้ยงตัวเองไปได้แม้กระพร่องกระแพร่งเต็มที

ปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียนและสูญเสียเครดิต
ทำให้ไม่สามารถสั่งซื้อหนังสือขายดีจากค่ายอื่นๆมาจำหน่ายในร้านได้
คราหนึ่งเมื่อลูกค้าต่างดาหน้าถามหาหนังสือแนวชีวจิตจากอีกค่ายหนึ่ง
สำนักพิมพ์ไม่สามารถสรรหามาได้เนื่องจากยังค้างชำระหนี้เก่าอยู่
เจ้าของแฟรนไชส์ทั้งหลายทนเสียงรบเร้าของลูกค้าไม่ได้
ถึงกับรวบรวมเงินสดๆตามฐานะของแต่ละร้าน นำไปให้ผู้บริหาร
เพื่อใช้สั่งซื้อจนได้หนังสือดังกล่าวมาล้อตหนึ่งจำหน่ายให้ลูกค้านักอ่าน
แทบไม่น่าเชื่อนี่คือสภาพของยักษ์ใหญ่ที่ครั้งหนึ่งสดใสด้วยอนาคต

ถึงทุกวันนี้ บริษัทก็ยังไม่ได้ล้มหายตายจากยุทธจักรน้ำหมึก
ยังคงดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง
หากในขนาดที่เล็กลงระหว่างรอกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้
บรรดาร้านแฟรนไชส์เมื่อหมดสัญญา
ก็เปลี่ยนไปเป็นแฟรนไชส์ของอีกค่ายหนึ่ง
(ค่ายหนังสือชีวจิตแหละครับ)
ด้วยมั่นใจถึงการบริหารและสถานะการเงินที่มั่นคง

เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับธุรกิจขายความรู้และบันเทิงผ่านตัวหนังสือ
ซึ่งเป็นสิ่งที่อารยะประเทศสนับสนุน
เพราะเท่ากับเป็นการปลูกฝังต้นกล้ารักอ่านของเยาวชน
ก็คอยดูแล้วกันครับว่าจะมีใครใจป้ำเข้ามาพยุงฐานะได้
เพราะชื่อเสียงของสำนักพิมพ์พันธุ์พืช ก็ยังมีบุญเก่าสะสม
สามารถเป็นนำกลับมาเป็นจุดขาย สร้างความผูกพันดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้
อย่างน้อยก็มีกูรูคนหนึ่งล่ะ

กลางๆจะไปทางไหนกัน
สำหรับกรณีสุดท้ายนี้ ไม่ได้เติบโตจาก ศูนย์เหมือนสองบริษัทแรก
บริษัทมีธุรกิจดั้งเดิมที่สร้างผลกำไรอยู่แล้ว นั่นก็คือ
ธุรกิจเครื่องแต่งกายคุณสุภาพบุรุษแบรนด์ดังและกางเกงยีนส์ชื่อตัวย่อ
“ สันติสุขและสนุกสนานร่วมกัน”
(รายการโทรทัศน์เอาไปล้อว่าเป็นกางเกงยีนส์ของคุณประจวบ จำปาทอง
ทำเอาเจ้าของแบรนด์ค้อนขวับ แต่ก็ดีเหมือนกันครับช่วยโฆษณาปากต่อปากให้)

หุ้นส่วนทั้งหมดตกลงจะดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าเล็กๆ
เจาะเฉพาะกลุ่มหนุ่มสาวร่วมสมัย ชื่อของห้าง “ลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน”
ก็บังเอิญ(อย่างตั้งใจ)ให้พ้องกับชื่อห้างสรรพสินค้าหรู
ของประเทศเกาะเพื่อนบ้านด้านใต้
เผื่อใครมีจินตนาการจะโยงใยถึงกันก็ไม่เสียหลายนี่นา

แล้วสาขาแรกก็เปิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ด้วยรูปแบบและประเภทสินค้าสำหรับวัยรุ่น
(แม่บ้านห้ามเข้าครับ เพราะไม่มีแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต เครื่องครัว
เปิดเพลงดังสนั่นหวั่นไหว)
สาขาต่อมาเจาะถึงถิ่นวัยรุ่นมีสตางค์คือ สยามสแควร์
แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรและปิดตัวลงในไม่ช้า
เพราะคู่แข่งซอกเล็กซอกน้อยเต็มไปหมด
จนถึงสาขาหรูเริดที่สุดคือราชดำริ
สร้างความฮือฮาด้วยลิฟท์แก้วตัวแรกของประเทศไทย
รองรับคิวเยี่ยมชมยาวเหยียดเป็นเดือนๆ
พร้อมเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัวร่วมสมัย
ครอบคลุมผู้บริโภคกว้างขึ้น

การเปลี่ยนจุดยืนครั้งนี้เท่ากับเป็นการประกาศชนเปรี้ยง
กับห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่ยึดพื้นที่มานาน
หลังจากนั้น ลูกชายเพื่อนแบ็ตแมนก็ขยายรสนิยมร่วมสมัยไปสู่ทำเลทองอื่นๆ เช่น หัวถนนสีลม รัชดา สุขุมวิท บางรักและชานเมืองรอบนอก
ธุรกิจของกลุ่มบริษัทได้ขยายรุดอย่างรวดเร็ว
จนกลายเป็นเบอร์ 2 ที่หมายเลข 1 เหลียวหันมามองตลอด

จุดหักเหของห้างเกิดขึ้นเมื่อผู้บริหารตัดสินใจขายกิจการให้กับห้างอันดับหนึ่ง
ก่อนจะผันตัวเองและหุ้นส่วนไปสู่กิจการอื่น
นับเป็นดีลประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการค้าปลีกในบ้านเรา
เมื่อเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 ผนวกกำลังกัน
เมื่อผนวกเสร็จ ผู้บริหารก็รีบจัดแจงแบ่งเค็กเรียบร้อย
ปรับตำแหน่งให้เป็นมวลชนมากกว่าเดิม
แยกแยะกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนลงตลาดกลางถึงล่างมากขึ้น
ตรงนี้แหละครับเป็นจุดเบี่ยงlสำคัญ

จากที่เคยเป็นห้างหรู กลายเป็นไก่ชนดะให้กับพี่ใหญ่เบื้องบน
ทั้งชนกับห้างยักษ์คนไทยด้วยกัน
ชนกับ Discount Store ที่มาตั้งข้างๆ
ถึงกับต้องป้องการ์ดด้วยนโยบาย ถูกและดี
ชนกับห้างภูธรเมื่อออกไปบุกต่างถิ่น

ผู้บริหารคงจะภูมิใจกับความเก่งกาจมหัศจรรย์
ของห้างไก่ชนเอ๊ยห้างลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน
แต่ห้างเองถ้าเป็นคนกลับงงถูกตะลุมบอนซ้ายที ขวาที
เอหว่าตูจะยืนอยู่ตรงไหนดีว้าให้ลูกค้าตูจำได้
วันดีคืนดีตูก็เป็นผู้หญิงสวยไฮโซ เริ่ด เชิด หยิ่ง
แต่วันที่เหลือตูต้องเป็นแม่ค้านุ่งผ้าถุง ฉีกปาก ยิ้มหวานก้มค้อมให้กับทุกคน

แสนเสียดายทำเลดีๆที่เคยตั้งตระหง่าน
โดยเฉพาะหัวถนนสีลม จุดชมวิวสวนลุมที่แจ่มชัดที่สุด
( หากยามพลบค่ำ กลายเป็นบริเวณที่ไม่สมควรเดินผ่าน
โดยเฉพาะคุณสุภาพสตรี )
หรือสาขาสุขุมวิท ทำเลกลุ่มคนรวยรุ่นใหม่
แต่ไม่มีชื่อของห้างปรากฏในลิสต์ถนนสายช้อปปิ้งเลย
(กระโดดข้ามจากเซ็นทรัล ชิดลมไปเอ็มโพเรียม ทันที น่าน้อยใจมั้ยล่ะ)
แม้แต่สาขาใหญ่ Flagship ที่รัชดา
ก็ถูกประเมินว่าเป็นตัวเทียบเคียงกับ Discount Store ในละแวกใกล้เคียง

หวังว่าภายหลังปรับปรุงโครงสร้างหนี้เสร็จเรียบร้อย
ผู้บริหารมีโอกาสพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรดี
กับห้างลูกชายเพื่อนแบ็ตแมนนี้ดี

เพราะอยู่ตรงกลาง ถึงไม่ถูกบีบ ก็โตไม่ได้


Create Date : 25 ธันวาคม 2550
Last Update : 1 เมษายน 2551 20:23:52 น. 0 comments
Counter : 384 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]